เปลวเทียนปลายทาง!

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6194.html
(อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*แสงเทียน*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1753.html
(ลูกทุ่งเสี่ยงเทียน)
....................


วิสาขะคืนเพ็ญนภาพร่าง
ยามตะวันโพล้เพล้
สาวนาเตรียมพับกลีบบัวละมุนพร่าง 
แสนหอมหวานด้วยเกสรระริน..ระริน
ทีละกลีบละกลีบ อย่างไม่รีบร้อน 
ด้วยดวงใจ...อันแสนอ่อนหวานอ่อนโยน
ละเมียดละมุน หอมกรุ่นหอมธรรม พอกัน

และ
แปลกดี..
ที่ใจดวงแก้วดวงใสแวววะวับดวงนี้ของสาวนา 
เพียรจัดดอกไม้ที่จะพลีเป็นพุทธบูชา..สองชุด
แทนอ้าย..ด้วย...ด้วยดวงใจหวังวาด
ว่าอ้ายอาจจะโผล่มาทัน วันแห่ง*รักนิรันดร์ของสองเรา*


ที่อ้ายเคยกระซิบบอกสาวนาไว้ว่า 
ทุกวันเพ็ญวิสาขะ
อยากมาเดินเวียนเทียนกับสาวนารายรอบโบสถ์คร่ำ
ที่เราสองนั้น
เห็นถึงสัจจะธรรมอันคืองามล้ำที่แสนยิ่งใหญ่
*ณ..ที่วัด ของเรา *
ที่แม้นจะแสนไกลปีนเที่ยง 
หากงามมลังเมลืองด้วยแสงเทียนทอในโบสถ์คร่ำ
ที่สท้อนผนังพร่าง...กระจ่าง.จับจีวรสงฆ์
จนอร่ามเรืองรองสุกปลั่ง
ด้วยพลังพุทธสีทอง*ดั่งแสงสงฆ์*
ที่ราวมาส่องนำทางสอนใจ ด้วยแสงเทียนไสวแสนสุขสงบงาม
 

มิต้องแย่งกันชุลมุน...ไร้ระเบียบ..
แค่มาเวียนผ่านๆไปให้ครบสามรอบแบบบางวัด
ที่คนไทยเราแสนสับสน  
ไม่มี..แม้นความนิ่งนึก
รู้สึกควรเงียบงาม เ พื่อ..เคารพสถานที่
ให้ชีวีพบความดำดื่มปลื้มปิติในรสพระธรรม อย่างล้ำลึก...แม้น สักวัน
ในยามย่างเยื้องร่างเข้ามา
กราบกรานบูชาพระประธานในโบสถ์
สถานที่อันแสนศักดิ์สิทธิ์..เขตธรณีสงฆ์


รู้สงบปากสงบคำ สงบกิริยา..
เพื่อน้อมนำชีวิตจิตวิญาณภายใน
ให้ซึ้งค่า จริงๆ... 
มิใช่แค่วิ่งทำตามประเพณี..แค่ให้ผ่านๆไป..กระไรเลยละหนอ


คนเอ๋ยคนไทยคนดี มิ่งมิตรน้องพี่
คนที่รักอิสระเสรี รักวัฒนธรรม ประเพณี 
ที่คงอยากสืบทอดความงามละมุน
หากไม่เคยพัฒนา ความคิด ให้รักความหอมกรุ่น
ความ ขลัง พลังแห่งความลึกซึ้ง ความดื่มด่ำ
ด้วยกาย วาจาใจ อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน อย่างสมถะสงบงาม


ยังคงลืมตัว มีเพียงความไร้ระเบียบทุกถิ่นที่
แย่งกันพลีทำบุญ แบบชุลมุนวุ่นวาย ไม่ว่างเว้นแม้ในวัด
ราวไปสรวลเสเฮฮา 
ไม่มีคิวไม่มีแถว ..
ไม่มีแวว..แห่งความเงียบเสียงสงบงาม


และ..
ตามต่อจุดไฟให้*พลังธรรมแห่งชีวิตภายใน*
ได้ค้นพบแสงแห่งสวยใสสะอาดสว่างพร่างเย็นมิรู้สิ้นรู้จบ
น้อมมโนเคารพนบนอบกราบกราน
ตามด้วยดวงจิตรำลึกรู้....
*ว่าทุกสรรพสิ่งแสนสุขได้*
 ต้องค้นพบหาความสงบเย็นในตัวเรา..เพียงเท่านั้นเพียงเท่านี้


เรารักษ์ประเพณี หากไม่เคยคิด
ที่จะพลีจิตคิดน้อมนำมาฝึกร่ำพร่ำบ่ม
ให้รู้ซึ้ง..ค่าสัจจะจริงสัจจะใจ
เพียงสิ่งใดก่อนอื่น 
แค่รักษา กาย วาจาใจ 
ให้รู้รักความนิ่งเงียบงาม แม้นยามอยู่ภายในวัด 
แม้นสักขณะ..ไม่นานนาทีก็ยังดี


เพราะที่นี่มิใช่ศูนย์การค้า
ที่จะมาพากันเดินพล่านอลหม่านอลวน
ที่นี่คง....*ไม่ต้องการความวุ่นวายหนอ ความขัดข้องหนอ*
นอกจากอยากก่อกมลทุกดวงใจพุทธศาสนิกชน
ให้ชื่นฉ่ำพบ ความละเมียดละมุน
ที่แสนงามล้ำค่า 


ที่นับวันจะหายากในมวลมนุษยโลก
ผู้ที่แสนฉลาดคิดค้น
และเชื่อว่า เราคือผู้ประเสริฐยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด
ไม่..!แม้จะยอมฟังยอมแพ้ธรรม ธรรมชาติ 
ที่ฝากบทเรียนพิโรธ...ให้ไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า
ว่า..*พวกเจ้าจะพาโลกไปพบความเจริญฤาหายนะเร็วเข้า..
*ได้จงโปรดไตร่ตรอง*


ธรรม ธรรมชาติ..ที่หวังเพียง
*สอนคนค้นคน*
ผู้คิดประดิษฐ์วัตถุมากมายมากมี...จนจะล้นโลก..
ทุกสรรพสิ่ง
หวังเป็นพลังยั่วยุให้มนุษย์ไร้สติได้วิ่งตาม เติมสุข 
มัวเมาเขลาหลงพะวงหาแค่ความสนุกสนานเริงร่า
แต่ทว่า ในทางจิตวิญญาณ 
เรายังมิเพียรพัฒนา
ให้เข้าถึงแม้คำว่า..*สมถะธรรม *ที่ควรรู้คำพอดีพอเพียง
............


สาวนา..ดีใจ..ที่ไม่ต้องเลี่ยง
ไปพบภาพแบบนั้นอีก
 แบบในครั้งหนึ่งนานมาที่สาวนา
ไปธุระในเมืองบางกอกแล้วเลยเคยไปเวียนเทียนกับเพื่อน..
สาวนาจดจำได้แม่นยำถึง
คืนนั้นที่มิใช่คืนวันนี้
ที่สาวนาเวียนเทียนด้วยความเวียนใจเวียนศีรษะเสียมากว่า


สาวนา..งง..มากที่รับทราบว่า
ผู้คนมาเวียนเทียนกันตั้งแต่วัน ...
ทั้งๆพระจันทร์...ยังมิทัน**โผล่เพ็ญผ่องส่องรัศมีทรงกลดเต็มดวง**
ประตูโบสถ์ยังไม่เปิดด้วยซ้ำ


ไม่ฟังพระเทศน์ให้ศีลให้พร 
ด้วยแสงแดดแผดร้อนพาให้รีบเดิน
ไม่ได้ค่อยๆเดินตามๆกันไปแบบจงกรม
และตั้งจิตตรงจิตมั่นอธิษฐานตั้งสัจจะภาวนา
คิดดีพูดดีทำดี
และ
สรรสร้างชีวีให้งามกระจ่างใสไร้พายุกิเลสใดมาแผ้วพาน


ในท่ามมนตรามหาศาสนพิธี...
จากเสียงสวดให้พรของพระสงฆ์ที่ลงโบสถ์
เพื่อน้อมสัตยาฐิษฐาน
พลีดวงจิตวิญญาณน้อมคารวะแสดงมุทิตาจิต
รำลึกนึกถึงรู้ถึง
*พระมหากรุณาธิคุณบุญบารมีขององค์พระสยมภู*
ที่เพียรค้นพบ..*อริยสัจจ์สี่..*คู่โลก..
มานับเกินสองหันห้าร้อยกว่าปีแล้ว...อย่างก้องกระหึ่ม
ก่อนที่จะพากันเดินเข้าแถวช้าช้า พาชีวีให้นิ่งงามเงียบสงบ..
..........


แต่ณ..ที่นี่ บ้านนอกคอกนา
ที่ที่สาวนากับผู้คนไร้การศึกษายังมีอาชีพทำไร่ทำนา
กลับดูทุกคนต่างเงียบสงบงาม
ค่อยๆเดินตามกันไป..
ในมือมีโคมเทียนไสว
มีดอกไม้รายรอบบ้าน..ที่งามง่ายหากสวยสมถะ
เพราะ..
มาอยู่ในมือคนผู้รู้ค่างามสงบสมถะพอเพียง


และ
ในเบื้องใต้ราวฟ้า...
ในท่าม...คืนเพ็ญ เด่นดวง
ที่...
ราวโสมสรวงส่องผ่องผุดพราว
ล้อมด้วยดวงดาวดาราราย..ดาระดาด
ฉาดฉายแสงพร่างกระจ่างพรายรัศมี..


ในท่ามแสงจันทร์ทรงกลดสดสีรัศมีนวลเย็น..งามตา
จันทร์วิสาขะ..ปุรณมี ลอยเด่นดวง..เหนือยอดโพธิ์พุทธพิสุทธิ์ใส
ฉาบใบอาบทาบทาราวทองคำสุกปลั่ง...
กำลังพลิกพลิ้วเปล่งแสงระยิบระยับ
ยามกระทบกับแสงจันทรา
และ
ดวงดารารัศมีที่พร้อมพลีกระพริบสะพรั่งพราว
อันคือ..*งามให้พลังแด่มวลมนุษยโลก*ให้รู้หยุดโศก สุข วางว่าง
ส่องกระจ่าง หยาดสายแสงแสนหวานที่สุดแล้ว


ในราตรีแห่งมนตรา
ที่ราวกลับมาส่องหล้าสยบสุขทุกข์ที่บุกโหมให้หลงลืมตัวมัวเมา
นี้ที่นับวันก็ราวกันกับ...*แสงเทียนในมือ*
ที่ริบหรี่ไหว มิรู้ทันเท่าเข้าใจโลกแลชีวิต
มิอาจจักสถิตทอดนาน
มิรู้ว่าวันใดที่มิอาจทานพายุกล้าพญามัจจุราชมารอรับ
 พลันแสงแห่งชีวีจะมอดล้าลาดับหามีจีรังไม่


หากเพียงยังคงโชคดีมีแสงพร่างไสวสักชั่วขณะ 
ยามที่แสงชีวิตแสงทียนยังโชติช่วงจำรัสชัชวาลย์
ให้พลังไฟจากพายุฝันพลันโหม..
มานำทางกระจ่างจิตมาสอนชีวาชีวิต
*ให้รู้อยู่อย่างมีมรณาณุสติ..มิประมาท*
มิขาดความเพียร
ที่จะคิดดี พูดดีทำดี ทำสิ่งที่ชอบสร้างสรร 


ก่อนวันแห่งความจีรังฝังร่างในผืนพสุธา
ที่จักมาถึงไม่นานช้าทุกถ้วนทั่วตัวคน มิเว้นวาย
ให้ ต้องพบความตายเป็นที่สุดรอบทุกคนไป
ก็จงใช้ไฟฝันนั้น
ให้พลันเกิดก่อต่อประโยชน์ต่อผองชนจนเต็มความสามารถ..
...............


สาวนา..จึง
แค่คิดคิดไปหวังใจปรารถนา ..
ว่ากระทรวงวัฒนธรรม 
จะหันมาเพียรฟื้นฟูอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี 

และ..
ในขณะเดียว
ก็ควรที่จะมีมาตรการควบคู่....รู้สอนงามใจ..ให้คนไทยงามพร้อม
สอนความรู้เคารพสถานที่ 
รู้ที่จะพัฒนาจิตคนควบคู่กันไปด้วย


เพราะมาตรแม้นเรายังคงรักษาสถานที่เอาไว้ได้ 
หากสิ่งสำคัญมิใช่งามเพียงถาวรวัตถุ
*อัญมณีจิตของมนุษย์พุทธศาสนิกชนคนไทยทุกดวงใจ*
ต่างหากที่พึงควรตระหนักให้มากกว่า 
ให้พึงรู้ค่าคำว่า..*เคารพสถานที่*
รู้ดีชั่ว รู้กาละเทศะ
รู้วางตัวให้สงบงามละมุนละเมียด
เพื่อสืบทอดความอ่อนโยนอ่อนหวานแบบกุลสตรีไทยบุรุษไทย
 

ที่ใครๆและผู้คนทั่วโลกทุกมุมโลกเคยยกย่องชื่นชมว่า
ไทยเราในสุวรรรภูมิ
*คือดินแดนแห่งรอยยิ้มอันตรึงตรา
น่าหลงใหลเสน่หาในคำว่ามิ่งมิตรไมตรี*


ที่..
ยังมีดวงดอกไม้ศรีแห่งชาติ...
*กุลสตรีไทยแสนงาม.*รู้รักนวลสงวนตัว
รู้รักษาสืบทอดขนบธรรมเนียมแสนดี..จารีตประเพณี
ที่ก่อเกิดมาจากภูมิปัญญาบริสุทธิ์
จากวิถีชนแห่งชนพื้นบ้าน
อย่างชาวไพร..ชาวบ้าน..ชาวนา
ที่ใช้ชีวิตแสนเรียบง่ายธรรมดาๆ


หากไยถึงสามารถสร้างงานงามประเทืองจิต
ราวนิรมิตจากใจทิพย์สรวงมาพึงดล
ดั่งหยาดละอองน้ำฝนน้ำค้างพร่างพรม
มาประดับโลกหล้าใต้ฟ้าแสนงาม
ให้ยังมีหอมหวานราวยามอรุณรุ่ง 
ลบเร่าร้อนวายวุ่น ในโลกศิวิไลซ์ ให้หมุนช้าลงๆ..


และ..
ยังมีความละเมียดละไมประณีตรัดร้อยสอดสร้อยถักสาน
ผ่านงานงามศิลป...ไทย  ทั้งสิ้นทั้งปวง
มาเรียงร้อยดั่งสร้อยเพชรแห่งผืนหล้า
มาเรียงรายฝากสอนใจคนไทยว่า


เรามีบุญนักที่ยังได้หยัดยืนในผืนแผ่นดินอันแสนอุดมยิ่งนี้
คือ แผ่นดินไทยแผ่นดินทองแผ่นดินธรรมนั่นเอง
และ
ยังได้มีชีวีพลีสร้างสรรสานฝันรจนาฝันให้เป็นจริง
ทำสิ่งแสนดีแสนงามมากมาย ฝากไว้ให้ลูกหลานสืบทอด


 เพราะมิฉะนั้น
ฝันแสนดี จะมลายหายไปกับชีวีชีวิตคนเมือง
ที่รีบเร่ง..ร้อนรุกบุก..โหมทำลาย...ไปเสียทั้งสิ้นทั้งหมด
ไม่งดเว้นแม้นความละเมียดในวัด
ให้กลายเป็นวิถีตัวใครตัวมัน 
พากันเร่งเวลา พากันขาดความประณีตในทุกสิ่ง
.........


สำหรับ
สาวนา..เกิดมาที่นี่  กับใจดวงดีกับวิถีชนบท 
กับกระท่อมไพรกระท่อมใบไม้ที่แสนงามง่าย
หากสาวนาก็แสนรู้สึกดี แสนจะมีความภาคภูมิใจ
รักรู้งามง่าย
ใช้ชีวีอย่างมีความพอเพียง พอดีพอใจ..เลยแสนสุขในเสียไม่มี
และ
รำลึกรู้คุณค่าสิ่งรายล้อมหอมชีวีเหล่านี้
ที่ใครจะมาแลกด้วยเงินตรา 
พาสาวนาไปเป็นสาวเมืองเรืองรุ่ง...สาวนาคงไม่มุ่งหวังแปรใจ


ขอเพียงดวงจิตไสวของสาวนา..
ยังคงได้ใช้ชีวาได้หอม..กลิ่นวัวควาย ในนา...
ได้กลิ่นข้าวใหม่  ที่ค่อยค่อยไหวเรียวรวงระย้าย้อย
ค่อยๆห้อยเคลียดิน...
รอรับหยาดละออละอองน้ำค้าง ทุกอุษาวดี
ได้เดินอ้างว้างด้วยใจดวงดีดวงสมถะ
พาร่างไปสัมผัสพวงพะยอมดวงดอกไม้ป่า 


ได้นอนทอดตา
เหนือลานหญ้าลานหินดูท้องฟ้างามกระจ่างใส
ฟังเสียงดุเหว่าไพรเรไรร้อง
กบเขียดในขนำนาพากันประลองเสียงเถียงกันระงม


 ฟังเสียงสรรพสัตว์
ที่ร้องกรรโชก...ลอยลมมาในยามค่ำ..อย่างไม่พรั่นใจ
เพราะคือมิ่งมิตรน้อยใหญ่...ที่เคียงคู่ใจสาวนามาชั่วชีวี
ให้ราตรีราวมีเพื่อนไพร ไม่ดายเดียว..เลย
ไหนจะได้ลุยโคลนเลนไถนาได้ กอดวัวควาย มิเหว่ว้า
ได้ไปเก็บเห็ด..หาผักหญ้า..มาแค่ดำรงชีพชอบ


ได้ประกอบชีวีหว่านไถ 
ผลิดข้าวรวงไสวให้ชาวไทยชาวเมืองได้อิ่มท้อง
ได้เอาข้องไปจับปลา ยามฝนมาและขังนาเจิ่งนองไปทั่ว


ให้ดวงใจพิสุทธิ์ใสหวานได้เดินไปวัด...
ท่ามรอยทางแหวกพงหญ้าฝ่ากอข้าวในนา
พานพาให้เรียวแก้มแตะแต้มด้วยพรายหวานของดอกข้าว
ให้ดอกหญ้าเจ้าชู้ติดผ้าถุง
ได้แหงนเงยหน้าบอบบางละมุนดูเรียวรุ้งแสนงามยามฟ้าหลังฝน


ดูหยาดน้ำค้างกลางใบบัวราวเกร็ดเพชรวะวับวาว
ยามสาวนาพายเรือไปเก็บบัวบุษย์พิสุทธิ์งาม
มาพับกลีบกราบกรานพลีถวายเป็นพุทธบูชาในวันพระ
ให้จิตใสได้น้อมนำฟังธรรมอันคืองามจิตดื่มด่ำ
ที่จักพร่างริน
เข้าไปถึงจิตภายให้ใสเย็นฉ่ำให้สว่างกระจ่างสงบงาม
ในทุกยามแห่งชีวิตนี้ที่แสนสั้นนัก
........


และ..แล้วคืนนี้
สาวนาก็..มาเวียนเทียนรอบโบสถ์คร่ำ ..ลำพัง...
ไร้ร่างอ้ายคนดีมาเคียงข้าง..มาบนบานตั้งสัจจะจิตอธิษฐานใจ


มีเพียงโคมทียนแก้วไสว..พร่างสว่าง
ส่องฉายฉาบอาบไล้ใบหน้าสาวนาให้งามละออสุกปลั่งดั่งทองทา


และ
กับหอมพิกุล...ที่ดวงดอกหยักพร้อย สอดสร้อยสลักเสลาแสนวิจิตร
ราวสายสร้อยเพชรที่สาวนาเคยเรียงร้อยในยามเยาว์วัย...
ลั่นทม... ที่ไร้ใบมีเพียงกิ่งก้านกับหวานดอก
พร้อมเกสรดอกบัวพร่าง
และ..
ต้นโพธิ์ต้นใหญ่ใบดก ให้ฝูงนกกามาพึ่งพิง


ที่..ณ นาทีนี้
จันทร์นวลดวงทองผ่องเพ็ญ
กำลังพร่างแสงสล้าง
ทอแสงไสว..รำไร..รำไร..เหนือยอด
ทั้งเสียงสงฆ์เสียงธรรมและแสงเทียน..
กำลังพร่างเคล้ากันมานำทางใจ..ให้กับสาวนา..และทุกอุบาสกอุบาสิกา


ที่เดินกำลังเดินช้าช้า 
ด้วยความศรัทธาปสาทะอย่างแรงกล้าอย่างเงียบงาม
ยิ่งพาให้จิตสวยใสสงบสะอาดสว่างพราวพอกัน
ให้สาวนาได้ใช้พลังแห่งความนิ่ง
ตั้งพลังจิตอธิษฐานและสัจจะ


ให้ชีวีอ้ายแลสาวนา...
ได้เพียรพาพบมงคลธรรม
*อันคือพลังปิติเกษมตราบจนวันตาย*
ให้ได้ใช้ชีวีที่เหลืออยู่ ดั่งธุลีหล้าน้อยนิด 
คิดดี คิดชอบ ประกอบบุญกุศล
ในร่มฉัตรไตรรงค์ 
ในร่มพระรัตนตรัย
ในร่มฟ้าไทยพุทธภูมินี้


ให้เราทั้งสองชีวี
และทุกคนดีคนไทย
ทุกดวงใจทุกมิ่งมิตรที่เราแสนรัก
จัก ได้พบทางสู่พระนิพพาน 
ผ่านเพียรด้วยการรู้ให้ทาน รักษา ศีล  ภาวนา พามีสมาธิ ปัญญา 
พาพบพระธรรมอันแสนล้ำค่าที่พระพุทธองค์
ฝากไว้..ให้ดั่งอยากให้เราเป็นดั่งเช่นบัวพ้นน้ำ


*ไม่มีความสุขใดเสมอด้วยความสงบ
ความสุขชนิดนี้ สามารถหาได้ในตัวเรานี้เอง
ตราบใดที่มนุษย์ยังวิ่งวุ่น แสวงหาความสุขจากที่อื่น
เขาจะไม่พบความสุขที่แท้จริงเลย
มนุษย์ได้สรรค์สร้างสิ่งต่างๆขึ้นไว้เพื่อล่อให้ตัวเองวิ่งตาม
แต่ก็ตาม ไม่เคยทัน...*

*........
ดูกรภิกษุทั้งหลาย! 
บัดนี้ เป็นวาระสุดท้ายแห่งเราแล้ว..
ขอเตือนเะอทั้งหลายให้จำมั่นไว้ว่า
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีความเสื่อม และสิ้นไปเป็นธรรมดา
เธอทั้งหลายจงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด..*


และ
สุดแล้วแต่ดวงจิตใสดวงใจใครจะไขว่คว้า
ก่อนที่จะฝากชีวาไว้กับผืนดิน
ทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง
ทั้งความดีเลว..อย่างสมค่าคำว่าเกิดมามิเสียชาติเกิด*
**********************


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6194.html
แสงเทียน เพลงพระราชนิพนธ์ 
จุดเทียนบวงสรวง ปวงเทพเจ้า
สวดมนต์ค่ำเช้า ถึงคราวระทมทน
โอ้ชีวิตหนอ ล้วนรอความตายทุกคน
หลีกไปไม่พ้น ทุกข์ทนอาทรร้อนใจ
ต่างคนเกิดแล้ว ตายไป
ชดใช้เวรกรรมจากจร
นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เสี่ยงบุญกรรม
ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน
เชิญปวงเทวดา ข้าไหว้วอน
ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน
แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน
เปรียบเทียนสิ้นแสง ยามแรงลมเป่า
ชีพดับอับเฉา เหมือนเงาไร้ดวงเทียน
จุดเทียนถวาย หมายบนบูชาร้องเรียน
โรคภัยเบียดเบียน แสงเทียนทานลมพัดโบย
โรครุมเร่าร้อน แรงโรย
หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ
ทำบุญทำทานกันไว้เถิด เกิดเป็นคน
ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่
เคยทำบุญทำคุณ ปางก่อนใด
ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า
ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา
แสงเทียนบูชาจะดับพลัน
แสงเทียนบูชาดับลับไป... 
 


ลูกทุ่งเสี่ยงเทียน 
ชินกร ไกรลาส 
ลูกจุดเทียนอธิษฐาน
บนบาน ทวยเทพ-ไท
วอนคุณพระรัตนตรัย
ฟังคำ พร่ำไข ขาน
เทียนเล่มนี้ คือ ชีวิต
แม้นโชคโสภิต
โปรดช่วงชัชวาลย์
แม้ลูกโชคร้าย เพียงวายปราณ
พระพายจงปฏิหารย์
ดับเทียนลูกนั้นทันใด
พรหมบันดาลสวรรค์ลิขิต ในอตีต
แห่งชีวิตลูกนี้
มีแต่ตรมขื่นขมทวี นานปี
ไม่มีแจ่มใส
ลูกผิดหวัง ลูกพลั้งพลาด
หมายใดมุ่งมาด กลับพลาด ไป
น้ำตาหยาดย้อย แต่น้อยจนใหญ่
มิมีผู้ใด เยื่อใยเวทนาการ
กลิ่นธูปควันเทียนที่ในกระถาง
บัวน้อยที่วางหน้าพระประธาน
ลูกสังเวยบวงสรวงอธิษฐาน
น้ำเสียงบนบานไปสู่พระพรหม
พระสร้างลูกไว้ ในโลกกว้าง
พบความอับปาง แทบสิ้น ลม
เมื่อไรจักพ้น ทาง ระทม
พระหัตถ์แห่งพรหม
โอบอุ้มลูกที
เทียนเสี่ยงทายประกายวับแวม
ไม่แอร่ม แจ่มหวนโหย
ลมสงัดไม่มีพัดโชย โบยต้อง
ให้หมอง ศรี
กรรมแต่หลัง ยังไม่ลับ
แสงเทียนไม่ดับ แต่ริบ หรี่
แสงเทียนอยู่ยั้ง หวัง ยังมี
ขอรอโชคดี สักวันคงมา... 
.............
 
 				
comments powered by Disqus
  • อิเหนาเสียงเทียน

    24 พฤษภาคม 2548 16:04 น. - comment id 470441

    จะมัวหาแสงอะไรสหายเอ๋ย
    วันเวลาล่วงเลยไม่เอ่ยถาม
    เทียนพระพุธจุดแล้วแน่วแนวทาง
    อีกกี่ยามขาวสว่างพร่างคัมภีร์
    
    อาจวันนี้หรือวันพรุ่ง...
    รีบหมายมุ่งมรรคาพุทธวิสุทธิ์ศรี
    เทียนดับแล้วหมองหม่นจนฤดี
    ปิดคัมภีร์อับแสงเทียนต้องเวียนวน!
  • พุด..สาวนา

    25 พฤษภาคม 2548 08:47 น. - comment id 470641

    36.gif
    ถึงคุณอิเหนาเสี่ยงเทียน
    ซึ้งใจค่ะ
    ที่มาให้พลังใจมาอ่านงานยาวๆของสาวนา
    ขอให้คุณพระคุ้มครองรักษาจิตคุณนะคะ
    ด้วยรัก..
    36.gif
    และมาฝากไว้ให้น้องพี่ที่ไปทริประยองค่ะในงานคุณแก้ว
    .........
    
    
    เช้านี้ฟ้ากระจ่างสวยสดสีฟ้าเข้มเต็มผืนค่ะ
    มีความสุขมาก...
    เมื่อได้มาอ่านงานงาม
    และมีความสุขไปกับเป็นบทกวี
    ที่แสนไพเราะ
    
    
    นาทีนี้ยิ้มหวานบานเบิกใจ
    กับนกน้อยๆที่มาเกาะกิ่งแก้วค่ะ
    ตรงหน้าเลย แอบดูทางหน้าต่างน่ารักมาก
    และมีความสุข
    กับภาพน้องๆพี่ๆที่แสนสดใสทริประยองค่ะ
    และ
    มีความสุขอีกเรื่อง
    คือไปเปิดตู้ไปรษณีย์สีแดง
    แล้วได้รับการ์ดจากลอนดอน
    จากดวงใจพุดพัดชา
    ที่กำลังบินท่องราวนกไพรไปทั่วโลกค่ะ
    
    คุณแก้วคะหวังสักวันพะงันงามคงได้ต้อนรับทุกดวงใจบ้างค่ะ 
    
    ด้วยชื่นใจ
    
    36.gif36.gif
  • พี่พุด

    25 พฤษภาคม 2548 09:00 น. - comment id 470647

    36.gif
    ฝากให้ค้างคาว..ค่ะ
    ในผีเข็นแพ..
    ด้วยรัก
    
    36.gif
    ค้างคาว..คนบ้านเดียวบ้านดอนของพี่พุด
    รจนาร้อยแก้วได้งามประทับใจและ
    อ่านด้วยความโดนใจอย่างที่สุด
    หวังสักวัน
    เราคงจะได้พบกันนะคะที่พะงันงาม
    ค้างคาวคือหนึ่งในนั้นที่พี่พุดจะเชิญด้วยรักมาก..
    คิดถึงและซึ้งใจเสมอมาค่ะ
    36.gif
  • พุด

    25 พฤษภาคม 2548 09:11 น. - comment id 470652

    16.gif36.gif29.gif
    มาด้วยรักคารวะและแสนซึ้งใจ
    *คุณปีกฟ้า*
    ฝากไว้ในงานคุณภูค่ะ36.gif
    
    และ
    แสนมีความชื่นบานหวานใจ
    ไปกับมิ่งมิตรน้องพี่
    ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งนี้นะคะ
    36.gif
    
    ปีกฟ้าติดปีกฝัน(ขวัญ)! 
    
    
    ปีกฟ้าติดปีกฝันให้เหินบินสู่ฟ้ากว้าง
    โลกอ้างว้าง กลับหวานไหว ในใจขวัญ
    นกอิสสระ มากมาย ได้รักกัน(ได้พบกัน)
    เวทีฝัน เวทีไทย ใจทุกดวง..
    
    เมฆนวลพราว หวานสวย ช่วยกลอมเห่
    เลิกร่อนเร่ แรมร้าง ทางสับสน
    หยิบดาวดวง บนห้วงหาว ประดับตน
    รินกมล ราวหยาดน้ำค้าง ลงกลางใจ...
    
    รักทุกคนนะคนดีเวทีนี้
    รักมากมีรักมากมายอย่าหวั่นไหว
    โลกใบเล็กมาทายทักพักพิงใจ
    ถึงตัวไกล ใจใกล้กัน.ทุกวันคืน.....
    
    ซ่อนสุขเศร้าวางไว้ใกล้ใกล้หมอน
    ถึงยามนอน คิดถึงเธอ แล้วหลับฝัน
    น้ำตาซึม ซึ้งซาบใจ กันและกัน
    มีโลกฝัน วันแสนดี ที่ฝากใจ.......
    
    อยากแอบอ้อน อ่อนหวาน จากใจเศร้า
    ทุกค่ำเช้า มีโลกน้อย ให้หวามไหว
    มีทุกคน มีเธอแสนรัก ซุกใกล้ใจ
    มีน้ำใจ ที่แบ่งปัน ให้ฝัน ให้คว้าไขว่ ..หยิบดาวดวงร่วงสู่ใจและสู่มือ 
    
    
    36.gif
    รักภูตะวัน 
    ร่าเริงราวตะวันแรกแย้มจริงๆค่ะอิอิ36.gif
  • ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก

    1 มิถุนายน 2548 21:04 น. - comment id 473861

    บรรเจิด  เพริดแพร้ว  แววมณี  กวีไทย
    สาวบ้านนามีคลังคำมากมายเหลือเกิน

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน