http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song490.html (แม่พิมพ์ของชาติ) ............ ฟ้าโพล้เพล้สีเทาหม่นมัว เมฆสลัวกระจาย พรายพร่าง..งามดั่ง ฟ้าหลังฝน ไพล..*ขี่จักรยานพับได้..*เลียบ..วน..บึงงาม เห็น...ดอกไม้นานาพรรณไหวตระการบานชูช่อล้อภมรภู่ผึ้ง ในบึงมีคู่รักเอนอิงในอ้อมตักอ้อมใจ กอดตระกอง พายเรือพาเรือ ลอยล่อง .. ราวอยู่ในทะเลสาบแห่งความฝันสรวงสวรรค์สีเงินงาม..ตามจินตนาการ หวานดอกปีบปลิดกลีบพรายพรมห่มพื้น ไพลหยิบดอกยังชื้นน้ำค้างนำมาแซมเสียมผม แล้วลงไปนั่งเอนอิงไหล่พิงพักกับต้นไม้แห่งรักนิรันดร์ และ.. แปลกดีนักที่ใจดวงแวววะวับกลับแวบแอบไปคิดถึง *ครู..ไพฑูรย์ ขาวมาลา ..* ที่เคยอ่านแล้วแสนซาบซึ้งใจใน*วิถีแห่งภูมิปัญญา* ในหนังสือ *ไร้กาลเวลา ที่คุณธีรภาพ โลหิตกุล* รจนาเล่าฝากไว้ใน ไพลแสนประทับใจ.. และ จดจำมาได้จนถึงนาทีนี้ และ...ทันทีที่เห็นเรือ จึงอยากนำมาพลีเผื่อ..วางบรรณาการ แด่ผู้รักการอ่านเรื่องยาวๆ... และ อาจจะยังประโยชน์แด่ดวงจิตวิญญาณ ได้ซึ้งทราบ และ อาจจะนำไปใช้เป็นแบบฉบับอันแสนงดงาม..นำวิถีใจ แทนที่จะสนใจเพียงแค่เรื่องของตัวเอง.. ท่านผู้นี้คือ..... อดีตอาจารย์วิทยาลัยเทคโนโลยี่และอุตสาหกรรม การต่อเรือพระนครสียอยุธยา ที่ณ..วันนี้ วัย 68ปีแล้ว.. ท่านมีบ้านทรงไทยที่ร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ และมีชีวิตพักพิงแสนสงบงาม เพียรสานฝันจนพลันเป็นจริง สร้างเรือลำน้อยใหญ่หลายร้อยลำ ทั้งเรือจริงและเรือจำลอง ที่มากมายจน...*ต้องขายทรัพย์สินที่นามาปลูกบ้านให้เรืออยู่* ที่ ณ..วันนี้ กลายเป็น*พิพิธภัณฑ์เรือไทย* และ.. ท่านก็ยังยินดีเปิดบ้านให้เข้าชม และพร่ำเพียรสอนเยาวชนผู้สนใจสืบทอดยอดแห่งงามให้ *เพื่ออนุรักษ์วิชาทำเรือจำลอง* พร้อม.. กับอธิบายให้กับผู้สนใจรักในศิลปเรือไทยตั้งแต่กาลก่อน ว่ามีวิวัฒนาการงามย้อนอดีตถึงยุคปัจจุบันเฉกเช่นไร ท่านเป็นคนดี.... *เป็น.ศรีแห่งเมืองกรุงเก่า..*อยุธยา* และรัตนโกสินทร์* ท่านเรียนจบที่โรงเรียนอาชีวะช่างต่อเรือ ที่ณ..วันนี้เป็นวิทยาลัยการต่อเรือแล้ว เพราะ.. ท่านเกิดมาริมแม่น้ำลพบุรี ที่คือบัดนี้...คือกรุงเก่า อำเภอพระนครศรีอยุธยา ที่ท่านบรรยายให้ฟังว่า *พอถึงฤดูน้ำหลาก ทุ่งนาท้องน้ำแถวอยุธยา นครสวรรค์มันสวยเหลือเกิน ต้นข้าวเขียวขจี ท้องนาเจิ่งนองด้วยน้ำสุดลูกหูลูกตา สมัยเด็กๆพายเรือไปตกปลาหากินตามทุ่ง คลุกคลีกินนอนอยู่กับเรือกับท้องนา *จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ศึกษา และอยากอนุรักษ์เรือไทยไว้ให้ลูกหลาน..* ทั้งอธิบายถึงเรือไว้ว่า... เรือผีหลอก..จะห้อยกระดานทาสีขาวไว้หลอกปลาให้ตกใจ กระโดดขึ้นเรือให้จับได้ง่ายๆ เรือเข็ม...เรือนั่งคนเดียวที่สมัยคุณปู่เป็นหนุ่ม ใช้พายไปจีบสาวเบาและเพรียวลมเหมือนมอเตอร์ไซด์สมัยนี้ เรือสำปั้น... มาจากภาษาจีนว่า*ซำปัง* เป็นเรือเล็กที่วางอยู่บนเรือสำเภาใช้ช่วยชีวิตยามฉุกเฉิน.. เรือมาดเก๋ง... สมัยรัชกาลที่ห้าที่สวยเสียจน *กองถ่ายละครสี่แผ่นดิน*. ติดต่อไปเข้าฉากในฐานะ..*เรือแม่พลอย* ใครที่อยากทราบ และฝากถึงทุกดวงใจที่แสนรัก ที่กำลังรจนาถึงวิถีไทย ท่ามเรือพายไสวในลำคลองเจ้าพระยา..ต้นรัตนโกสินทร์ ก็..จงได้โปรดศึกษาค้นคว้า..มาประกอบการเขียนเอาเถอะนะ เพราะท่าน.. ได้ค้นคว้าทุ่มเทและมีตัวอย่างให้ดู ใน...*พิพิธภัณฑ์เรือไทย *..ที่อยุธยาแล้ว และ ผลงานที่ท่านแสนภาคภูมิใจคือ... การที่รัฐบาลไทยให้ต่อเรือจำลองถึง...62..ลำ... เพื่อใช้ในงานการประชุมโอเปค.. และ ไหนจะยังเคยต่อเรือจำลองบรรณาการแด่พระราชอาคันตุกะ ในปี2529 ท่านเคยประดิษฐ์เรือจำลอง ถวายสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธแห่งอังกฤษ และ เคยทูลเกล้าถวายเรือจำลองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศ์แทบทุกพระองค์มาแล้ว อีกทั้ง..*เรือสำเภาลำใหญ่* ในศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา ก็เป็นผลงานของท่าน..ตามคำเรียกร้องขอจากทางการญี่ปุ่น และ... ท่านเคยบอกถึงความเป็นตัวท่านไว้ดังนี้ *ผมเป็นผู้เป็นคน...เพราะครูสอน*ให้ผมรักการอ่าน* แถมทุกวันนี้ลายมือผมยังอวดใครๆได้ จิตวิญญาณของการเป็น..*ครู..และศิลปินนักต่อเรือ สะท้อนออกมา..*ที่สัญลักษณ์ของวิทยาลัยการต่อเรือ * ที่ท่านเป็นผู้ออกแบบ และโดยอนุมานเข้ากับธรรมะ อันประกอบด้วย... *สมอเรือ* หมายถึง *สติ*เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจ *ใบจักรเรือ* คือ *ปัญญา* ขับเคลื่อนชีวิตสู่เป้าหมาย *ชูชีพ*... คือ * เมตตา *ช่วยชีวิตคนให้พ้นทุกข์ *พังงา (ที่ถือท้าย)* คือ..*มรรคแปด* เครื่องชี้ทิศทางชีวิต *โซ่และเชือก* คือ *ความสามัคคี * ทำงานให้สำเร็จลุล่วง และ... นี่คือเหตุผลหนึ่ง.. ที่ทำให้ท่านได้รับการยกย่อง เป็น*ผู้สอนดีเด่นระดับอุดมศึกษาพ.ศ2533* และ *ศิษย์เก่าดีเด่น วิทยาลัยครูพระนครพ.ศ2535* และ.. ได้รับการยอกย่องจากสื่อมวลชนให้เป็น *ที่สุดแห่งสยาม ด้านการประดิษฐ์เรือจำลอง* ผู้มีเรือเป็นดั่งชีวิตและจิตวิญญาณ และ ได้เพียรฝึกสานสืบอนุรักษ์มรดกแสนงามละเมียดนี้ ไว้ให้อนุชนลุกหลาน ได้สร้างสานต่อ ด้วยความรักปิติแสนภาคภูมิใจ.. ฝากตราไว้ให้ทรงจำในแผ่นดิน นานเนานิรันดร์ .. ให้เราลูกหลานไทยผู้ตามมาทีหลัง *ที่มีพรสวรรค์ฟ้าประทานธรรมชาติให้มา* ได้พึงตระหนักค่าคน ค่าผลงาน อย่า...!..เพียงคิดฝันเพียงนั้น ให้ลงมือทำจริง ทุกสิ่งอันที่เราชำนาญ..เพียงอย่างเดียวสิ่งเดียว ก็มีคุณอนันต์เอนกต่อชาติบ้านเมือง ต่อผืนแผ่นดินแม่มาตุภูมิอย่างไม่เสียชาติเกิดแล้ว...นะคนดีนะดวงใจ และ จงอย่ายอมท้อแท้แพ้พ่าย ขอจงได้มีพลังหยัดยืนทรนง ได้พลีจิตเจต์จำนง ใช้หวังหวานผ่านดวงจิตวิญญาณบ้านภายใน สร้างสรรปันพลี.. สานฝันฝากดีฝากงามฝากผลงาน เพื่อคืนกลับ.. ก่อนถึงวันแห่งลมหายใจค่อยๆดับวูบไป ราวแสงเทียน..ระริก ริบ....ริบหรี่ไหว..แล้ว... พลันมืดดับลับลา... หากได้จุดไฟฝัน..พลีบูชาองค์พระรัตนตรัย เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธในโบสถ์คร่ำ... แม้นเพียงชั่วสักขณะนาทีเดียว..ก็ตามที..!!!! ............... และ ทว่าสำหรับไพล ยังคงนานนาทีที่หัวใจดวงดีดวงงาม ยังคงหลับตาตามจิตคะนึงเพียงพักใจพักขวัญ ต่อตามจิตไปในเวิ้งฝันไปถึงมหานครลอนดอน.. ยามได้รับเมล์แสนรักซาบซึ้ง.. พาให้น้ำนัยน์ตาแทบหยาดพราว *ลีลาวดี*พากันส่งกลิ่นหวานเศร้าปลอบประโลมใจ ฤายิ่งพาให้หนาวในหนาวใจ ก็ไม่รู้แล้ว เจ็บในช่องหูที่มีปัญหา ดวงตาจึงหยาดรื้นด้วยจำต้องเข้มแข็งอดทน อย่างกมลผู้หญิงคนเก่งคนกล้า ที่หวังฟ้าดินคงเห็นใจ... ในปรารถนา... ฝากจูบจากใจ.. ฝากคะนึงในจากใจดวงใสดวงงาม... ถึงทุกดวงใจ ใน..ฝัน.... ในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง..มิ่งมิตรน้องพี่ ที่รักกันมานานเนา.. และ คง*ตราบชั่วดินฟ้า* และ ถึงทุกคนดี...ที่ซึ้งใจกันและกันมานานปี ที่ราวรักสองเรานี้...ไร้..ซึ่ง..กาลเวลา..!!!!! ............. ............ ไพลพยายาม รจนาคำแค่ให้สั้นๆซึ้งๆให้ถึงใจคนชอบสั้นๆแล้วค่ะนะคะ ด้วยความคิดถึง...ซึ้งสุดใจแล้วค่ะก็ได้สั้นเท่านี้ .. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song490.html แม่พิมพ์ของชาติ ......อรวี สัจจานนท์ แสงเรืองๆที่ส่องประเทือง ไปทั่วเมืองไทย คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่ โอ้ครูไทยในแดนแหลมทอง เหนื่อยยากอย่างไร ไม่เคยบ่นไปให้ใครเขามอง ครูนั้นยังลำพอง ในเกียรติของตนเสมอมา ที่ทำงานช่างสุดกันดาร ในป่าพงไพร ถึงจะไกลก็เหมือนใกล้ เร่งรุดไปให้ทันเวลา กลับบ้านไม่ทันบางวันต้องไป อาศัยหลวงตา ครอบครัวคอยท่าไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน ถึงโรงเรียนก็เจียนจะสาย จวนได้เวลา เห็นศิษย์รออยู่พร้อมหน้า ต้องรีบมาทำการสอน ไม่มีเวลาที่จะได้มาหยุดพอพักผ่อน โรงเรียนในดงป่าดอน ให้โหยอ่อนสะท้อนอุรา ชื่อของครูฟังดูก็รู้ชวนชื่นใจ งานที่ทำก็ยิ่งใหญ่ สร้างชาติไทยให้วัฒนา ฐานะของครูใครๆก็รู้ ว่าด้อยหนักหนา ยังสู้ทนอุตส่าห์ สั่งสอนศิษย์มาเป็นหลายปี นี่แหละครูที่ให้ความรู้ อยู่รอบเมืองไทย หวังสิ่งเดียวคือขอให้ เด็กของไทยในผืนธานี ได้มีความรู้เพื่อช่วยเชิดชู ไทยให้ผ่องศรี ครูก็ภูมิใจที่ สมความเหนื่อยยาก ตรากตรำมา...
22 พฤษภาคม 2548 13:07 น. - comment id 470013
ชอบเพลงนี้ค่ะ เรือรักกระดาษ แต่มาลีอวนน่านยังมีอีกเพลงค่ะ ชื่อเพลง เรือ ไปฟังกันที่นี่นะคะ http://www.aritaa.com/phpBB2/viewtopic.php?t=132
22 พฤษภาคม 2548 13:16 น. - comment id 470014
ได้สรรพสาระอย่างดีมีคุณค่าค่ะพุด
22 พฤษภาคม 2548 18:01 น. - comment id 470079
..เรน.. ขอยกย่องท่านด้วย..นะคะ .. และเรน ... ก็มี .. ดอกไม้ห้อมหอม ..มอบให้ พี่พุดพัดชา .. นะคะ .. ...
22 พฤษภาคม 2548 18:06 น. - comment id 470083
อื่ม.. บ้านผมอยู่ระหว่างแม่น้ำปิงกับแม่น้ำน่าน เป็นแหลมที่แม่น้ำทั้งสองไหลมาบรรจบกันตรงปากน้ำโพ... น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 38 (รวมกับเหตุเมื่อสักสองสามปีที่ผ่านมานี้ด้วย) ผมเลยมีโอกาสได้เห็นแผ่นดินจมอยู่ใต้น้ำเป็นพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ครั้งนั้นเอง..ผมได้ทำความรู้จักกับเรืออีป๊าบ เรือไอ้เข้ เรืออีโปง.. ซึ่งเรือชนิดหลังนี้..กว่าจะพายไปได้คืบก็วนๆ เวียนๆ อยู่อย่างนั้น ปัจจุบันนี้... นครสวรรค์ก็เหมือนเป็นพื้นที่เสี่ยงกับน้ำท่วมเมืองเสมอ จึงมีเรือขายให้เห็นโดยทั่วไป.. แต่น่าเสียดาย...ที่มีแต่เรือสีน้ำเงิน สีเขียว สีแดง.. จำพวกเรืออีโปง อีป๊าบอะไร ก็ขึ้นคานไปหมด.. ซึ่งก็ถือว่าเป็นความโชคดีของผมที่ยังได้เห็นเรือที่ขึ้นคานเหล่านั้น.. ตามบ้านเรือน..ริมแม่น้ำ