คืนนี้จันทร์เสี้ยวเกี่ยวกิ่งฟ้า อีกคราแล้ว สาวนาแหงนเงยดูฟ้า... แล้วหยาดน้ำตาใสใสก็ค่อยๆไหลออกจากตา หยาดมาจากความซึมซึ้ง ด้วยลึกล้ำถึงก้นบึ้งแห่งความรักในดินนา ฟ้าเดือนสาม แม้นแสนจะอ้างว้างว่างใจสักเพียงใด ด้วยวสันต์ลามานานแสนนานแล้ว ให้ใจดวงน้อยน้อยรานร้าว ราวรวงเฝ้าหลงคอยเคียวมาเกี่ยวเก็บ หากไยเล่าใจสาวนา กลับไม่เคยน้อยใจในฤดูกาลฤดีระกำ ที่อ้ายเคยทำและไม่ยอมกลับมาพรำพรม จนคนและนาน้อยคอยจนแห้งผาก..พอกัน โอ้..อินทร์พรหมยมพญา ชะตาชีวิต ไยลิขิตให้สาวนา ดั่งเกิดมาคู่กันกับน้ำตา กับนากว้าง กับรวงเรียวลอมฟาง กับบึงบัวสล้าง กับอ้างว้างฟากฟ้าแสนไกล กับสายธาราใสฉ่ำเย็น กับเดือนเด่นกลางฟ้า กับความเหว่ว้าเงียบงันฝันไกลไม่เหมือนใคร กับหัวใจใสดวงทองดวงผ่องผุดของสาวนา กับวสันต์ลีลา กับเวทีฟ้าเล่นแสงสี ในยามเช้าแสนงามตระการ กับยาม ที่ใบไม้สีน้ำตาลผลัดใบสีทอง ค่อยๆ... ลอยละล่องปลิดปลิว รำฟ้อนอ้อนสายลมในยามเย็นอย่างเงียบงัน ให้ราวป่าเต็มไปด้วยสีสันสลับสล้างสะพร่าง สะท้อนรับกับสายแสงตะวันลา กับฟ้าเจือแสงสีแสนสวยเป็นยิ่งนัก กับดวงดอกลั่นทม งามหอมระทมทับระทวยใจไปทั่วทั้งแนวไพร กับเสียงดุเหว่าไพร เรไรกบเขียดจิ้งหรีดกรีดก้องร่ำร้องระงม ผสานผสมพริ้งพราวราวเทพบรรเลงเพลงไพร ให้หนาวใจหนาวกายอย่างที่สุด คืนนี้.. เดือนมืด สาวนาคิดถึงลูกควายตัวจ้อยตัวน้อยๆนิดๆมาก คิดถึงดวงตาใสซื่อที่ดูแสนไร้เดียงสา ที่แสนน่ารักน่าเมตตาเอ็นดู ให้สาวนาเดินอ้อยสร้อยมาดู ที่คอกของแม่ลูกคู่พันผูกใต้ชายตาไผ่ใบหนา เห็น. ลูกควายน้อยค่อยๆ เอาจมูกถูไถไปมาบนใบหน้า ของแม่ควายด้วยความรักใคร่ ยามเข้าไต้เข้าไฟ นอนคลอเคล้ากันในคอก หลังเสร็จงานนาหว่านดำ ที่สุมไฟกันไว้มิให้เหลือบยุงริ้นไรไต่ตอม สาวนา.. รู้สึกหัวใจแสนอ่อนโยนเป็นสุขนัก แม้จะดายเดียวอ้างว้างร้างไร้ในทุกสิ่ง ในนิยามแห่งความหรูหรา มากมีมากมาย มิอยากได้ครอบครองเป็นเจ้าของวัตถุแสนแพง หากสาวนา ขอแค่มีชีวิตอยู่ ดูโลกราวมีโชคนับแสน ที่ได้เกิดมาสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ ได้เกิดมาคลุกดินโคลนนาเลน ได้มาเห็นโอนเอนตาลเดี่ยวริมทุ่ง ได้มาใช้ชีวิตมิยุ่งเหยิงวุ่นวายสับสนยอกย้อน> ได้มาเดินอรชรมีชีวิตชีวาในทุ่งกว้าง ได้มารับรอยรักรอยร้างรอยเศร้าเฝ้ารอรออ้ายริมลอมฟาง ท่ามกลางดาวสวยแสนสุกใส กับกองไฟหอมควันฟืน ได้ชื่นได้ฉ่ำกับรอยไถไม่มีวันแปร ได้มีหัวใจดวงแท้แท้ราวดวงทองผ่องพิสุทธิ์ดิบดิน ได้มาพานพบเพียรขุดทรัพย์ในดินในนา ขึ้นมาพลีบูชาโลกและผองชน ในนามแห่งกมลคนยากไร้ ใช้ร่างตากแดด ใช้มือกร้านกำเคียวเกี่ยวข้าวมาอย่างหนักหนา ยาวนานนัก จนหยาดเหงื่อและทุกหยาดโลหิตรัก ในร่างราวรวงร้อยคอยค้อมพวงคารวะพื้นพสุธา> ให้สมกับที่เกิดมา แม้จะมีหยาดน้ำตาในทุกข์รัก หากยังแสนโชคดีนัก ที่ได้ใช้หยาดน้ำตานั้น ผันหลอมละลาย กลายมารินรดพร่างพรมลงสู่ท้องนา ดั่งสายธาราใจไม่สิ้นสุด เพื่อหล่อเลี้ยงมวลมนุษยชาติมิให้อดตาย สาวนา... เลยยิ้มทั้งน้ำตาในราตรีนี้..ที่แสนมืดมิด หากทว่าดวงใจสาวนา ดวงน้อยนิดหาดายเดียวไม่ที่มีแต่น้ำตามาตราบชั่วชีวิต เพราะหัวใจสาวนายอมอยู่อย่างผู้รู้ตน อย่างผู้มีเนื้อกมลดวงงาม ยอมหลั่งหยาดเหงื่อและหยดน้ำตานั้น เพื่อพลีบูชาเทพีพสุธาชะโลมหล้าชะโลมดิน ด้วยความรักภักดีมิรู้สิ้น ในผืนดินธรรมแผ่นดินทองแผ่นดินไทยนี้..ไปตราบชั่วกาล..! ...................... ใจสาวนา..รออ้ายดั่งสายวสันต์..พร่างสู่ทุ่งขวัญแลทุ่งใจ... ............ มองฟ้าครามยามอ้ายลามาหลายฝน ดอกน้ำตาหล่นปนดอกข้าวทั้งเช้าสาย ดอกคิดถึงคลึงคลอทุยยามขี่กาย ดอกพิสวาทวายตายทั้งเป็นมิเว้นวัน ลมฤดูพัดฤดีกี่ปีล่วง ทั้งบัวหลวงบัวผันสะพรั่งฝัน รอคนดีพายเรือน้อยกลางแสงจันทร์ เก็บเกี่ยวขวัญให้ไออุนละมุนละไม จะเดือนสามเดือนสี่ใครขี่ทุย ให้เฝ้าลุยท้องนาฟ้าสวยใส สู่กระท่อมทองกวาวมิหนาวใจ หอมข้าวใหม่นาน้อยหุงคอยรอ จะกี่แล้งกี่ร้อนหอมมิห่าง มิอ้างว้างสู้ความจนมิเคยท้อ แม้ความจนเต็มเกวียนก็เพียรพอ สองแรงรอรินหยาดเหงื่อเพื่อผืนดิน ดอกโสนบานไสวไม่สิ้นหวัง ข้าวเหลือซังรอหว่านใหม่ไม่รู้สิ้น ถึงรวดร้าวหนาวกระดูกปลูกไม่พอกิน จะไม่สิ้นคิดขายนาน้อยคอยดวงใจ ไร่สาวนาสาวไพรรับไถภักดิ์ จากน้ำรักน้ำเหงื่อหอมงามใส จากกลิ่นโคลนกลิ่นควายกลิ่นชายไพร รับหวามไหวให้ตกพรูสู่เนินทอง ใบกระถินผลัดใบรอผลิกอใหม่ ริ้วลมไพรไล้ตะแบกหวานบานทั่วหนอง ทั้งบัวตูมบัวบานรออ้ายเด็ดเคียงประคอง ทุ่งรวงทองรอทุยมาลุยนา ฝนหลงฤดูเพียงฤดีอ้ายอย่ากรายหลง ท้องนาคงแนวเหลืองสุกปลั่งพรั่งพรรษา ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในวิมานนา หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน ไกลแค่ฟ้าตามองไขว่ไปตามฝัน เมื่อสวรรค์เยือนหล้าแสนหอมหวาน ทุ่งรวงทองห้วยหนองคูนตระการ ดุเหว่าไพรร้องเศร้าหวานขานถวิลสิ้นสนธยา สาวบ้านนาถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว แม้นเหน็บหนาวเพียงใดหลังสู้ฟ้า หัวใจทองผ่องพิสุทธิ์พลีบูชา เทพีพสุธามิสิ้รักภักดิ์เรียวรวง ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง ให้ลึกซึ้งจมแม่พระธรณีที่แหนหวง เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง เผื่อบวงสรวงแม่ขวัญข้าวคราวใครคืน กี่วสันต์รอมาฟ้าเปลี่ยนสี ชั่วชีวีมีชีวารักนาผืน เจ้านกไพรโผบินไปไม่กลับคืน สาวนายืนหยัดอยู่คู่นาใจ กี่สายฝนสายฝันสวรรค์ลอย สักกี่ร้อยตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว จิตสำนึกใครจะอยู่จะตายไป ใจสาวนาสาวไพรไม่ทิ้งกล้านาสุดท้าย!รออ้ายคืน! ...................... http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=202 เสียงดุเหว่าแว่ว ทูล ทองใจ : : Key Fm เสียงดุเหว่าแว่วมาเหมือนเตือนให้ สอง เรา ผวา จาก กัน ค่อน คืน ตื่น ฝัน เราเกี่ยวแขนกัน เที่ยวในแดนฟ้า พบวิมานเทวา ผ่านดาราน้อยใหญ่ปราสาทสีทองงามผ่องอำไพ โอ้เพลินใจในแดนสวรรค์ กอดกัน กระซิบกระแซะกัน ชวนชมนั่นดาว ระยิบระยับตา เพลินอยู่จนเสียงดุเหว่าแว่วมา เป็นสัญญาให้เราจากกัน อิงแอบ แนบ ปลอบใจ เสียงสะอื้น ยังจำได้ ร่ำอยู่จนใกล้ สว่าง ฟ้าสางแล้วเรา ต้องพรากจากกัน เสียง ดุเหว่า แว่วร้อง อยู่ กระตู้วู้ เมื่อครู่ เลือน หาย แสนเสียดาย สุดจะหมาย กลับ คืน...
15 มีนาคม 2548 02:39 น. - comment id 439182
ข้าวรวงสุดท้ายเมื่อปลายหนาว มองฟ้าครามยามบ่ายช่วงปลายฝน ช่อมะม่วงดอกหม่นหล่นเป็นสาย เหนือตำบลข้าวหลวงรวงพลิ้วพราย กระจัดกระจายห่มหล้าท้องนานั้น ลมฤดูบอกข่าวหนาวจะล่วง ดอกจานจวงบานสะพรั่งทั้งบัวผัน ตื่นมารับแสงสรรค์รังสิมันตุ์ เกี่ยวไออุ่นแห่งวันต่อฝันไป ต้นเดือนสามฟ้าครามไกลในลิบลิ่ว เมฆหม่นเอยจะปรอยปลิวสู่แห่งไหน สู่ปลายยุ้งทุ่งข้าวของสาวไพร ฝากทายทักข้าวใหม่ใครหุงคอย เดี๋ยวแล้งร้อนเดี๋ยวหนาวเคล้าดอกฝน แต่ความจนไม่เปลี่ยนเต็มเกวียนหงอย หากทุ่งฝันบิดเบือนและเลื่อยลอย อาทิตย์เอยอย่าเพิ่งคล้อยซบอกดิน ฝนสั่งฟ้าลาดินใครสิ้นหวัง เมื่อนกนาทิ้งรวงรังไปเสียสิ้น ไปรวดร้าวข่าวว่าไม่พอกิน ผืนนาน้อยขายกินถิ่นกรุงไกร ให้คนเมืองหว่านไถในไร่สาว ฝนเม็ดร้าวตกพรูสู่เนินไศล สิ้นฝนหมองผองคนจนจวนสิ้นใจ ปวดระบมตรมในไร่นาทาม ใบกระฐินแห้งเหี่ยวร่วงเกรียวกราว ริ้วลมว่าวไล่ลอดยอดมะขาม เห็นเมฆลอยคล้อยเกลียวใจเปลี่ยวตาม คล้ายนิยามบ้านป่านาวิชน ฝนหลงฤดูลาสายปลายเดือนแล้ว ท้องนาแนวเหลืองสุกทุกแห่งหน ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในตำบล หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน ไกลแสนไกลลิบลิ่วทิวฟ้าสูง ลูกยางยูงปลิดลอยลู่สู่ห้วยหาน กระโดนทุ่งแต่งช่อจะรอบาน เมื่อนกเขากู่ขานสิ้นสนธยา หญิงชราถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว ริ้วลมหนาวครืนสุดท้ายพัดพรายผ้า ลึกในใจฝนหล่นคล้ายสายน้ำตา ตกต้องฟ้าต้องดินสิ้นแรงรวง ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง ให้ลึกซึ้งจมดินสิ้นแหนหวง เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง เผื่อบวงสรวงขวัญค่าพาใครคืน เมฆกระจายไม้ใบเริ่มไกวว่อน นกคืนคอนเถิดหนาอย่าทนฝืน สิ้นยุคทองชาวนาชะตาครืน จะหยิบยื่นภูมิปัญญาทายาทใด โอ้ฟ้าครามยามบ่ายปราดสายฝน ทุกตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว จิตสำนึกตายถมสังคมไทย หญิงชรากล้าสุดท้ายสิ้นใจแล้ว! ------------------------------------------ ฝนหลงฤดูหล่นร่วงมาปราดหนึ่ง ในยามที่ฝนฟ้าปรวนแปรเฉกเช่นนี้ ประเดี่ยวก็หนาว ประเดี่ยวก็ร้อน ประเดี่ยวก็ฝน ไม่มีความแน่นอน ในทุกสรรพสิ่ง หลังฤดูเก็บเกี่ยวในยามนี้ ทำให้นึกไปถึงการเก็บรวงข้าวหลง และฝัดข้าวลานของหญิงชราผู้แข็งแกร่งแห่งบ้านดอนดอกพะยอม จังหวัดบุรีรัมย์ ข้าพเจ้าหยิบหนังสือเล่มงาม นาม *นกเขาไฟ* ของกวีในดวงใจ ไพฑูรย์ ธัญญา หนึ่งในเรื่องสั้นชุด *ก่อกองทราย* เขียนบรรยายไว้ว่า *แดงดอกทองกวาวสาดบานไปทั้งทุ่ง ลมหนาวยังไม่ร้างลาจากหมู่บ้าน มะม่วงพุ่มหนาเริ่มแตกช่อดอกสีขาวหม่นขึ้นคลุมต้น ฟ้าต้นเดือนสามผ่องแผ้วเขยิบสูงเป็นสีความ ทุกสิ่งทุกอย่างช่างสวยงามและดูดีไปหมด* บทบรรยายบ่งให้เห็นถึงความงดงามแห่งธรรมชาติ ในยามลมหนาวจะผ่อนลาฟ้า ในอดีตสมัยที่ธรรมชาติยังคงงดงาม และซื่อตรงเป็นวัฏจักรที่แน่นอน และหนึ่งในเรื่องสั้นชุด *ลูกพ่อคนหนึ่ง* วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนในดวงใจ บรรยายฉากภาพเมื่อเริ่มเข้าสู่คิมหันตฤดู กับการต่อสู่ของหญิงชราชาวนา ไว้อย่างน่าเศร้าและชวนให้หลั่งน้ำตาว่า *ดูราวโลกนี้มีแต่ยามแล้ง โล่งลิ่ว ไร้ร่มเงา ชายร่างผอมแกร่งโรยล้าจากภูเขาสู่พื้นราบ ร้อนอบผิวผ้าและร้อนลวกไหล่ขวาที่เสื้อเปื่อยขาด สองข้างทางเต็มไปด้วยก้อนหิน ใหญ่น้อยสีเทาและสีน้ำตาล ซึ่งบัดนี้ดูคล้ายกับถ่านไฟในเตา กำลังส่งเปลวระยิบ เขาเอียงแก้มเช็ดเหงื่อกับไหล่ซ้าย เงยมองฟ้า มีแต่แดดจ้าจนต้องหยีตา เขาพูดกับหญิงชราว่า *ร้อนนะแม่เฒ่า เมื่อไหร่มันจะจบสิ้น* หญิงชรามองไปในแดดอันกราดเกรี้ยว รู้ว่าชายหนุ่มและหญิงสาวสมัยนี้ ต่างก็ต้องเดินไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกันของแต่ละคน นางก็ได้แต่บ่นพึมพำว่า *เวรกรรม* ทั้งสองเรื่องชวนให้ข้าพเจ้าประหวัดไปถึงชะตากรรมแห่งเกษตรกร และท้องไร่ท้องนาแห่งยุคนี้ ที่นับว่าหาทายาทมาสืบทอดยากขึ้นทุกที หนุ่มสาวทิ้งถิ่นไปทำงานในเมือง ขายที่ขายไร่นา หลายชีวิตไปตกระกำลำบาก หลายชีวิตต้องไปเป็นกุหลาบแดงในโถขาว ชะตากรรมของเขาเหล่านี้ คงเป็นอุทาหรณ์ได้ดีกระมังว่า คนสิ้นผืนแผ่นดินทำกินนั้นน่าเศร้าสักเพียงใด คงยังไม่สายที่จะหันกลับมาอุ้มชูผืนนาสมบัติแห่งบรรพบุรุษไว้เป็นที่ฝังร่าง ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป..... -------------------- รักร้าวหนาวลม (ขับร้องโดย สันติ ดวงสว่าง) http://www.thailandcd.com/detail.asp?txt_id=aud0472 เมฆลอยกระจายอยู่ในในฟ้าสูงแลลิบลิว ลมหนาวเริ่มปลิวลิ่วมาเมื่อฟ้าสิ้นฝน ฝนสิ้นเหมือนพี่สิ้นใจ น้องจากพี่ไป ไปพร้อมหยาดฝน คิดถึงหน้ามลหม่นหมอง เห็นบัวดอกงามเบ่งบานกลางบึงแลสะพรั่ง ฝนลาฟ้าสั่งสั่งฟ้าลาดินสิ้นคลอง ฝนลา ลาหนาวข้าวแตกรวงแต่รักลาทรวงสิ้นน้อง โอ้ทุ่งรวงทองเหมือนทุ่งระทม เจ้าทิ้งให้พี่นอนหนาว หนาวจนใจเหน็บ เจ็บดั่งหนาวระกำ ตำทรวงให้ระบม เริ่มฝนเจ้าบอกว่ารัก พี่อกหักตอนเริ่มหนาวลม ให้ชมแล้วน้องก็ชัง เมฆลอยกระจายดั่งเหมือนหัวใจลอยละลิ่ว ลมหนาวเริ่มปลิวลิ่วมาเมื่อรักสิ้นมนต์ขลัง ทิ้งทุ่งลืมไถลืมไอ้ทุย ลืมเพื่อนเคยคุยที่อยู่หลัง สิ้นฝนรักจางเมื่อลมเหนือล่อง
15 มีนาคม 2548 06:56 น. - comment id 439212
เอะ.? ใครกันนะคนขับไอ้ทุย แวะมาเป็นกำลังใจให้ครับ
15 มีนาคม 2548 10:43 น. - comment id 439261
มาแอบฟังสาวนาครวญคะ อิอิ ^__^ ภาพน่ารักจังคะ ชอบ ๆๆ
15 มีนาคม 2548 11:08 น. - comment id 439271
ใจสาวนา..รออ้ายดั่งสายวสันต์..พร่างสู่ทุ่งขวัญแลทุ่งใจ... ............ มองฟ้าครามยามอ้ายลามาหลายฝน ดอกน้ำตาหล่นปนดอกข้าวทั้งเช้าสาย ดอกคิดถึงคลึงคลอทุยยามขี่กาย ดอกพิสวาทวายตายทั้งเป็นมิเว้นวัน ลมฤดูพัดฤดีกี่ปีล่วง ทั้งบัวหลวงบัวผันสะพรั่งฝัน รอคนดีพายเรือน้อยกลางแสงจันทร์ เก็บเกี่ยวขวัญให้ไออุนละมุนละไม จะเดือนสามเดือนสี่ใครขี่ทุย ให้เฝ้าลุยท้องนาฟ้าสวยใส สู่กระท่อมทองกวาวมิหนาวใจ หอมข้าวใหม่นาน้อยหุงคอยรอ จะกี่แล้งกี่ร้อนหอมมิห่าง มิอ้างว้างสู้ความจนมิเคยท้อ แม้ความจนเต็มเกวียนก็เพียรพอ สองแรงรอรินหยาดเหงื่อเพื่อผืนดิน ดอกโสนบานไสวไม่สิ้นหวัง ข้าวเหลือซังรอหว่านใหม่ไม่รู้สิ้น ถึงรวดร้าวหนาวกระดูกปลูกไม่พอกิน จะไม่สิ้นคิดขายนาน้อยคอยดวงใจ ไร่สาวนาสาวไพรรับไถภักดิ์ จากน้ำรักน้ำเหงื่อหอมงามใส จากกลิ่นโคลนกลิ่นควายกลิ่นชายไพร รับหวามไหวให้ตกพรูสู่เนินทอง ใบกระถินผลัดใบรอผลิกอใหม่ ริ้วลมไพรไล้ตะแบกหวานบานทั่วหนอง ทั้งบัวตูมบัวบานรออ้ายเด็ดเคียงประคอง ทุ่งรวงทองรอทุยมาลุยนา ฝนหลงฤดูเพียงฤดีอ้ายอย่ากรายหลง ท้องนาคงแนวเหลืองสุกปลั่งพรั่งพรรษา ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในวิมานนา หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน ไกลแค่ฟ้าตามองไขว่ไปตามฝัน เมื่อสวรรค์เยือนหล้าแสนหอมหวาน ทุ่งรวงทองห้วยหนองคูนตระการ ดุเหว่าไพรร้องเศร้าหวานขานถวิลสิ้นสนธยา สาวบ้านนาถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว แม้นเหน็บหนาวเพียงใดหลังสู้ฟ้า หัวใจทองผ่องพิสุทธิ์พลีบูชา เทพีพสุธามิสิ้รักภักดิ์เรียวรวง ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง ให้ลึกซึ้งจมแม่พระธรณีที่แหนหวง เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง เผื่อบวงสรวงแม่ขวัญข้าวคราวใครคืน กี่วสันต์รอมาฟ้าเปลี่ยนสี ชั่วชีวีมีชีวารักนาผืน เจ้านกไพรโผบินไปไม่กลับคืน สาวนายืนหยัดอยู่คู่นาใจ กี่สายฝนสายฝันสวรรค์ลอย สักกี่ร้อยตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว จิตสำนึกใครจะอยู่จะตายไป ใจสาวนาสาวไพรไม่ทิ้งกล้านาสุดท้าย!รออ้ายคืน!
15 มีนาคม 2548 11:11 น. - comment id 439275
งานงามมากๆเลยค่ะพี่พุด...ชื่นชมมากค่ะพี่... รูปสวยได้อารมณ์ดีจังค่ะ... หวังว่าพี่คงสบายดีนะค่ะ...คิดถึงมากค่ะ...*-*
15 มีนาคม 2548 11:33 น. - comment id 439301
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4558 ******** รักเพลงนี้มากค่ะ จูบไม่หวาน สันติ ดวงสว่าง : : Key Em จูบ พี่หวานน้อย ไปหน่อย พี่ บุญน้อย น้องคอยไม่ได้ จาง ร้างไกลเหมือนคนใจดำ โอ้ ดวง ใจ รัก ง่าย ถ่าย เท พอเซแล้วเจ้าก็ซ้ำ สุด เจ็บ จำ ถึง ยาม ยาก จน เกลียดคนจูบ ซ้ำ รอย จูบ เขาหวานซึ้ง ครึ่งแก้ม แม่ เดือนแรมน้องเอียงแก้มคอย ลืม แล้วรอยรักแรกแหลกล้ม ก่อน จาก มา น้อง ควร ฆ่า ทิ้ง จ่อยิงเสียให้สิ้นลม หรือ ดาบ คม เงื้อ ฟัน ให้ จม ยังดีกว่าหนี หน้า จูบ พี่นี้มันคงกร่อย เจ้า ไม่คอยพี่ ก็ไม่ว่า ลืม สัญญาของชาย ชาวดิน พี่ จน เงิน น้อง เมิน หลบ หนี คนมีเขาก็ ไปกิน น้อง จาก ถิ่น เห็น ดิน ยาก จน เกลียดคนที่ จูบ หวาน... ......... แถมจ๊ะ ไล้รอยจูบ.. ไล้รอยจูบ ฝากรอยรัก ในวันจาก วันจำพราก จากไป จนไกลแสน แนบหน้าจูบ นิ้วน้อง ฝากไว้แทน อยู่ต่างแดน ถนอมนวล นะแก้วตา พี่สัญญา จะกลับมา ฝากรอยต่อ เพียงน้องรอ รับรู้ ว่าห่วงหา คืนและวัน ไม่นาน จะกลับมา และครั้งหน้า หวังฟ้าดิน จะเป็นใจ รักของเรา เกิดมา เพื่อจะรัก รักแน่นหนัก หนักแน่น ไม่หวั่นไหว โชคชะตา เพียงทดสอบ ให้ห่างไกล สัญญาใจ รอไม่นาน วันหวานเรา ............ จูบแก้มซ้ายกระซิบว่าอย่าลืมฉัน อย่าลืมวันลืมคืนลืมห่วงหา จูบแก้มขวาย้ำอีกทีคำสัญญา จูบที่ตาห้ามดูเจ้าชู้ใคร.. จูบทั้งตัวขอให้รอไว้ก่อน อย่าร้าวรอนรอวิวาห์อย่าหวั่นไหว จูบมัดจำแค่นี้ออกจากใจ จูบของใครไม่หวานเท่า..จูบฉันเอย! ........ คืนนี้ ฝากจันทร์ จูบเธอ! .. โพล้เพล้ ริบหรี่ รุบหรู่ ฟ้าดู เลือนเลือน เหมือนฝัน ไพรพร่าง ดงไม้ เงียบงัน ใจฉัน ดำดิ่ง สงบงาม ฟ้าเศร้า โพล้เพล้ เหว่ว้า ตะวันลา ร่ำไห้ ไหวหวาม จันทร์เรี่ย รอท่า โมงยาม ต่อตาม แขวนฟ้า ราตรี มนต์แสง แห่งดาว พราวฟ้า จันทรา สาดส่อง แสงสี ราวทอง ทาบฟ้า นะคนดี คืนนี้ ฝากจันทร์ จูบเธอ ......... จูบแก้ม..แกล้มจันทร์! จันทร์ดวงเดิม จันทร์ดวงดี จันทร์ดวงเดียว จันทร์ครึ่งเสี้ยว จันทร์แกล้มเศร้า ใจสับสน จันทร์เต็มดวง จันทร์ยิ้มหวาน ปลอบกมล จันทร์ซุกซน ล้อเลียน จันทร์รู้ใจ น้ำผึ้งพระจันทร์ รอเราสอง นะยอดรัก รอความภักดิ์ หนักแน่น ไม่หวั่นไหว จันทร์รอเรา รักจริงจังไม่เปลี่ยนใจ จันทร์เป็นใจ จูบแก้มขวัญ แกล้มจันทร์งาม .......
15 มีนาคม 2548 15:15 น. - comment id 439438
...จบได้ประทับใจจัง.. มาเยี่ยมชมครับ...
15 มีนาคม 2548 15:27 น. - comment id 439446
ตั้งใจว่า สักครั้ง จะลงไปลุยโคลนบ้างค่ะ ..
15 มีนาคม 2548 16:27 น. - comment id 439485
ไปตอบถ้อยเรื่องฟ้าสางของคุณอิมไว้คะ ที่ไหนไหนไม่สู้ที่บ้านเกิดค่ะ ก็แปลกดี เพราะอาจจะฝังความทรงจำ รำลึกรักยามวัยเยาว์ไว้มากมาย ที่สดสล้างสว่างกระจ่างใจเสมอมา ฟ้า..ที่งามด้วยเมฆหมอกไกลแผ่นดินใหญ่ ลม..ไสวพัดโบกทิวมะพร้าว ดิน..ทรายละเอียดละมุนเท้าราวแป้งนุ่มยามก้าวเดิน น้ำทะเล..ไล่โทนสีสนุกนักน่ารักด้วยเขียวกระจ่างรับกับฟ้าสีสด ดงดอกทองหลางแดงสะพรั่งตัดฉับกับฟ้าสีน้ำเงินงามเข้มและร่างเราเองที่แหวกว่ายให้น้ำทะเลโอบกอดไว้อย่างรักใคร่.. หลับตา ลอยตัวทิ้งใจแล้วฝันไกล เห็นฟ้าใส..นกทะเล เห็นปุยเมฆเหว่ว้าปลอบประโลม เห็นคลื่นเห่..หอมหลอมให้กล้าแกร่งเข็งแรง ยอมผิวคร้ามตามตะวัน มิพรั่นใจ หอมเนียนนวลแดดพร่างแบบผิวสาวไพรน้ำผึ้งรวง.. อิอิ..บรรยาย..ได้อีกยาวค่ะ รักคิดถึง และ พุดพัดชารักภาพสาวนั่งบนเรือมาก ขออนุญาติเซบไว้ใช้งานนะคะ
16 มีนาคม 2548 01:43 น. - comment id 439688
เพิ่งจะดูมนต์รักลูกทุ่งตอนจบพอดี พอมาเห็นรูป เห็นเนื้อหาแล้ว ก็ยังติดตรึงเลย คิดถึงพี่พุดพี่สาวที่แสนดีคนนี้เสมอนะค่ะ
16 มีนาคม 2548 22:59 น. - comment id 440184
วันนี้มาได้อ่านงานแบบลูกทุ่งเต็มอิ่ม งานแบบนี้หาคนเขียนให้อ่านน้อยมาก อาจจะไม่เคยสัมผัสมาก่อน หรือฝีมือไม่ถึง ไม่เจอกันนานผลงานยังงดงามเช่นเดิมครับ
14 กรกฎาคม 2552 12:14 น. - comment id 1014187
รวงข้าวรอฝน ยังคง งดงามตามแบบฉบับ พี่สาวนาไพร ที่แสนละเมียดละไม ในด้านภาษา ยังรู้สึกนึกคิดฝันไกลว่า ถ้าหากวันหนึ่ง ได้ครองคู่กับหญิงคนหนึ่ง ที่วาดฝันจะอยู่ตามวิถีชีวตชาวไพร รักจะยืนยาวแค่ไหน แม้จะรักกัน ก็ต้องมีเงินในการประคองรักให้สมบูรณ์ นะครับ