จำจรไกลใจหวนสุดครวญถึง ฝันรำพึงพบเพื่อนใต้เดือนหงาย ดื่มกวีก้นแก้วของดาวพราย ระบำสายน้ำค้างเอาร่างรอง ขัดสายลมกลมเกลาให้เข้าฟ้า สอยดาราสีโศกหากโลกหมอง แล้วเกี่ยวกลัดทัดดอกซอกฟ้าทอง เต็มมวลของความชื่นเพื่อตื่นตาม เพลงดอกไม้ไหวว่อนสู่ดอนร้าง เติมความว่างให้ตื้นแม้ขื่นหนาม สร้างอุดมร่มหอมที่พร้อมงาม ทั่วเขตครามดอกไม้ใจกวี อีกฝั่งเดือนเพื่อนสหายทอดกายนั่ง ตะเกียงหวังต่อไต้ระบายสี หรือผล็อยหลับ มิสดับ จับดนตรี ห่างทุกที เมืองดอกไม้ ไสวบาน จำจรไกล ใจหวนสุดครวญถึง ฝันรำพึงพบเพื่อนพ้องขับขาน เพลงดอกไม้ ใบร่มที่ห่มลาน รัตติกาล หว่านน้ำค้าง เอาร่างรอง..
24 กุมภาพันธ์ 2548 21:14 น. - comment id 430722
นั่งหน้าคอมดอมดมชมภาษา เพื่อนคุณค่าเข้ามาต่างสนอง เขียนแต่งไว้เฉิดฉายเป็นทำนอง สุขสมปองครองเคียงสำเนียงกวี ยามหัวค่ำฉ่ำหวานอ่อนละมุน มิตรอิ่มอุ่นกรุ่นใจให้ผ่องศรี นิยามความเหมาะสมขวัญฤดี สิ่งเปรมปรีดิ์ได้พบน้อมนอบใจ มาร่วมมิ่งมิตร ด้วยคน
24 กุมภาพันธ์ 2548 23:33 น. - comment id 430816
เจ้าดอกไม้อ่อนไหวในสายฝน ชุ่มกระมลยิ่งนักปักห่วงหา ยิ่งกว่านั้นน้ำค้างที่พร่างตา ทำให้เรารู้ว่าน่าภิรมณ์ *-*แต่งได้ดีมากเลยค่ะ ชอบจัง*-*
25 กุมภาพันธ์ 2548 06:43 น. - comment id 430886
เฝ้ารำพึงถึงห้วงแห่งความฝัน ขอให้สมดังความปรารถนา แวะมาเป็นกำลังใจให้นะครับ