เคยบ้างไหม...สุมไฟใส่ต้นรัก หรือโค่นหักไมตรีที่แน่นหนา เหลือเพียงซากบางเบาในพริบตา ด้วยอารมณ์วูบพาคิดผิดเอง เคยบ้างไหม...เคืองแค้นใครไม่กล้าโต้ แต่ระบายโทโสเกรี้ยวข่มเหง กับคนใกล้ในท่าเยี่ยงนักเลง แพะรับบาปกลัวเกรงหนีหัวซุน เคยบ้างไหม...พลาดผิดไปไม่ขอโทษ กลับถือโกรธเพราะอายที่หันหุน สร้างเรื่องกลบลบรอยอ้างบุญคุณ ความถือตัววิ่งวุ่นมาค้ำคอ เคยบ้างไหม...ขอโทษใครในผิดพลาด และประกาศคุณผู้อื่นเขาบ้างหนอ ใช้ความดีเป็นสะพานสานถักทอ เชื่อมรอยต่อที่ร้าวคราวพลั้งไป เคยบ้างไหม...กลายเป็นแพะชำแหละเชือด จากความเดือดองศาโกรธพิโรธไหล ทั้งที่เจ็บปวดท้นจนล้นใจ แต่อภัยให้มิตรคิดด้านดี เคยบ้างไหม...ดับไฟที่โหมสุม หลั่งน้ำใจคลี่คลุมไม่หน่ายหนี อดทนนิ่งไม่ถอยน้อยฤดี รอนาทีเพลิงนั้นผันผ่านไป เคยบ้างไหม...เห็นนัยของความรัก พบสลักเชื่อมจิตพิศมัย คือสละ เมตตา ให้อภัย และเข้าใจ รู้ผิดชอบ มอบแก่กัน
15 กุมภาพันธ์ 2548 23:14 น. - comment id 426149
เคยบ้างนะกับความคิดที่ผิดพลาด ยามที่เรานั้นขาดซึ่งสมอง แต่ในความเป็นจริงสิ่งคล้องจอง เมื่อเรามองแล้วรู้สึกสำนึกตน จะเอ่ยคำขอโทษโปรดอภัย เพื่อให้ใจได้คลายความขัดสน แม้พลาดไปในบางเรื่องเคืองร้อนรน มักจะวิ่งให้หลุดพ้นโดยทางธรรม *-*ไม่เคยมีใครไม่ผิดค่ะ แต่ผิดแล้วจะแก้ไขหรือแก้ตัวก็แล้วแต่คนนะคะ อิอิ สำหรับน้องแล้ว มีทั้งแก้ไข และแก้ตัว แล้วแต่กรณีค่ะ อิอิ คิดถึงนะคะ*-*
15 กุมภาพันธ์ 2548 23:26 น. - comment id 426160
ไม่เคยเลยสักครั้งยามพลั้งผิด ไม่เคยคิดเทวษด้วยเหตุผล ไม่เคยเอ่ยขอโทษยามโกรธคน ไม่เคยสนคนเคียงแม้เมียงมอง ไม่เคยเลย สงสัยจะเป็นคนเห็นแก่ตัวมังคะ บางครั้งรู้ตัวว่าผิดแต่ไม่กล้าพูดกลัวเสียหน้า กลัวเสียฟอร์ม..นี่คือกำแพงอย่างดีที่ปิดกั้นมิตรภาพใช่หรือเปล่าคะพี่ดอกแก้ว ขอบคุณค่ะ สำหรับงานดีๆอีกแล้วครับท่าน อิอิ
15 กุมภาพันธ์ 2548 23:52 น. - comment id 426180
บ่อยมากเลยคะ .. ที่เรนให้อภัย .. เริ่มต้นใหม่ .. ทุกครั้ง .. ยามเพื่อนเผลอ .. ในสิ่งที่ ..เรนพบ .. ประสบเจอ .. เพื่อนบอกเธอ .. ไม่สำคัญ .. วันนั้นลืม .. เคยร้องไห้ .. และย้ำกับตัวเอง.. ทุกครั้ง.. ที่ต้องรอ .. ให้อภัยเค้า ... บอกกับ..ตัวเอง.. ด้วยดิคะ .. อย่าโกรธนะ .. ไม่งั้น .. จะไม่มีใคร.. บางที .. เรน ก็ อยากให้ .. เค้ารู้ .. ว่า .. เรา.. ก็ เจ็บ .. กับการ .. ที่ถูกมอง .. ว่า .. ไม่..ใช่ . คนสำคัญ .. ยามใด.. ที่เรน ..รู้สึก ...โกรธ .. ..ทำได้ .. ก็ .. แค่ .. การได้ระบายภาพ .. ลงบน.. ไดอารี่ .. เรน .. อยากให้ .. พี่ดอกแก้ว เห็นภาพที่เรน.. วาดและระบายจัง.. .. เรน .. ขอบคุณ .. บทกวี ..ที่สื่อความหมายได้ดีมากเลยคะ .. ..
15 กุมภาพันธ์ 2548 23:53 น. - comment id 426181
ดอกไม้ .. สวยมากเลยคะ .. ให้ความรู้สึก อ่อนโยน .. และอบอุ่น .. ด้วยดิคะ .. ..วันนี้ .. เรนมากวน .. กาละแม ..
15 กุมภาพันธ์ 2548 23:58 น. - comment id 426186
ดีชั่วรู้โจมจู่ปล่อยน้อยมากเห็น สติเด่นเป็นพระเอกซึ่งเหตุผล มีอยู่แล้วที่จะเป๋ระเนคน ปัญญาล้นนำมาจุนบุญบอกทาง
16 กุมภาพันธ์ 2548 00:31 น. - comment id 426215
@...ผู้หญิงไร้เงา... เคยบ้างไหม...เมื่อไฟโทสะมอด พบความบอดของใจที่ไร้ค่า แล้วก็กลับตัวได้ทันเวลา ไม่พกพาเปลวเพลิงให้เรืงใจ สวัสดีค่ะน้องตูน..สิ่งที่สวยงามมากในชีวิตคือการคิดได้และทำใหม่อย่างแก้ไข...ขอบคุณมากนะคะที่แวะมา
16 กุมภาพันธ์ 2548 00:47 น. - comment id 426228
@...น้องอุ๊ คนเมืองลิง... เพราะศักดิ์ศรีมีมากลำบากจิต จะเอียงซ้ายสักนิดตะขิดตะขวง จะเอียงขวาสักหน่อยก็ขื่นทรวง พิงกำแพงความลวงไว้หลอกตน ... บ่อยๆที่พบว่า ..ความสัมพันธ์อันงดงามถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของคนที่ยังรักกัน แต่เพราะความถือศักดิ์ศรี ความถือตัวนี่แหละค่ะที่ไม่ยอมเอ่ยคำขอโทษในความผิด.แม้รู้ว่าผิดแล้วก็ไม่ยอมรับ แล้วก็ยังดันทุรังพูดไปเรื่อยว่าตนเองถูก บางครั้งก็พบว่า ..ในคราวที่โกรธกัน ก็เก็บไปนินทาว่าร้ายกันใหญ่โต พออารมณ์ดีแล้วก็ไม่กล้ากลับมาคบกันเหมือนเดิมอีก เพราะฤทธิ์ของคำพูดที่ตัวเองไปบอกไว้เล่าไว้กับคนอื่นนั้นกลายมาเป็นเครื่องค้ำคอตนเอง ..หากจะกลับมาคบกันใหม่ก็เกรงคนอื่นจะต่อว่า ว่าพูดไม่จริง ครั้นจะเลิกคบกันไปก็รู้อยู่ว่าตนทำไม่ถูก .. หรือบางทีในรายที่พูดมากๆเวลาอารมณ์เสียในที่ทำงาน ...เมื่ออารมณ์ดีแล้ว หายโกรธแล้ว และกลับมาพบกับคนที่เคยเป็นคู่กรณี ในคราวใดที่ต้องมาอยู่ต่อหน้าคนที่เขาเคยไประบายอารมณ์ให้ฟังนั้น ...เขาก็ทำตัวลำบากกับทั้งสองฝ่าย เพราะต้องอยู่อย่างอิหลักอิเหลื่อคอยระวังความประพฤติของตนมิให้สวนทางกับคำพูดที่เคยติฉินนินทาเอาไว้ บรรยากาศเหล่านี้เป็นเพราะความถือตัวตน ถือศักดิ์ศรี ..ไม่รู้จักยอมรับผิด ...ขาดความละอายไม่รู้จักขอโทษ..ดังนั้น เพื่อนพ้องหลายคนที่เลิกคบกันไปก็เพราะความถือตนนี่แหละค่ะน้องอุ๊ ขอบคุณความเห็นของน้องอุ๊นะคะโดยเฉพาะในคำว่า.... ...กลัวเสียหน้า กลัวเสียฟอร์ม..นี่คือกำแพงอย่างดีที่ปิดกั้นมิตรภาพ... ใช่แล้วค่ะในความหมายนี้..
16 กุมภาพันธ์ 2548 00:54 น. - comment id 426232
เคยหลายครั้งพลั้งพลาดพูดออกไป กระทบใจของคนไม่สู่สน ทั้งที่เขานั้นรักดูแลตน แต่ก็พ่นพาลคำกระหน่ำใป............@
16 กุมภาพันธ์ 2548 01:02 น. - comment id 426238
@...เรนน้อย... ในขณะที่พี่ดอกแก้วเขียนกลอน หลายคราวที่นึกถึงน้องเรนด้วยความห่วงใย แต่ก็พยายามเขียนให้อ่านเข้าใจง่าย และใช้ประโยชน์จากการอ่านได้ กลอนเรื่องนี้ .. ๔ บทแรก เป็นเรื่องของเหตุการณ์ที่อาจจะต้องพบ ...ซึ่งเหตุการณ์ประเภทนี้เป็นผลของสิ่งไม่ดีที่เราเคยทำไว้แล้วติดตามมาส่งผล ...หากใครที่เคยพบ..นั่นก็หมายถึงได้เคยทำความไม่ดีไว้กับคนอื่นมาแล้วนั่นเองจ้ะ ส่วน ๔ บทหลัง เป็นวิธีการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน ๔ บทแรก ..เป็นทางเลือกใหม่ที่ไม่ตอบโต้อกุศลด้วยอกุศล แต่เลือกที่จะตอบโต้ด้วยสติปัญญาและเมตตาธรรม ๔ บทแรกอาจเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป ..แต่ ๔ บทหลังนั้นเกิดได้กับคนบางคนเท่านั้น..และคนนั้นต้องเป็นคนดี สิ่งที่น้องเรนบอกพี่ดอกแก้วมาว่า .. ..คอยบอกกับตนเอง ย้ำกับตนเองถึงการให้อภัยอยู่เสมอนั้น...เป็นความอดทนและความเมตตาที่สวยงาม..เป็นพฤติกรรมของใจที่ดีจ๊ะ ..และถ้าหากไม่ตอกย้ำความเจ็บช้ำไว้ในดวงจิตได้ตลอดมาละก็...ใจสวยๆดวงนั้นนับเป็นใจที่มีคุณภาพและงดงามมากๆ ..อยากเห็นภาพระบายสีของน้องเรนจังเลยจ้ะ.. มีโอกาสแล้วนำมาให้พี่ดอกแก้วดูบ้างนะจ๊ะเด็กดีของพี่ ปล.ส่งความรักไปฝากไว้ที่บ้านน้องเรนแล้ว..และระลึกไว้เสมอนะจ๊ะว่า ๔ บทหลังเป็นเรื่องของคนดี ..มีแต่คนดีเท่านั้นที่จะทำได้....
16 กุมภาพันธ์ 2548 01:06 น. - comment id 426241
@...ดาวอังคาร... ด้วยห่วงใยจึงเขียนไว้เป็นคำกลอน ให้มองย้อนที่ตนบนโทสา และแก้ไขไม่พลาดในอาญา เพื่อนำพาสัมพันธ์อันสวยงาม สวัสดีค่ะดาวอังคาร ขอบคุณในการมาเยือนนะคะ... และขอบคุณมากในคำกลอนที่นำมาร่วมเขียนไว้ค่ะ ...
16 กุมภาพันธ์ 2548 01:12 น. - comment id 426245
@...ดอกข้าว... เคยผิดไปในคราวกล่าวแต่ก่อน ความร้าวรอนยังคงติดจิตใช่ไหม ผ่านมาแล้วพบแต่ความเสียใจ ต้องระวังครั้งใหม่อย่าให้มี มากมายที่เป็นอย่างที่ดอกข้าวบอก และก็มากมายที่กลับตัวได้ไม่ทำซ้ำอีก อยู่ที่ใจว่าจะยอมแก้ไขหรือไม่... ขอบคุณที่มาร่วมอ่านร่วมเขียนนะคะ...ดอกข้าว
16 กุมภาพันธ์ 2548 01:33 น. - comment id 426258
@...น้องเรน อีกครั้ง.. ขอแก้ไขคำว่า ๔ บทแรก เป็น ๓ บทแรกนะจ๊ะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 02:08 น. - comment id 426269
วางโคลงเสร็จท่านเผด็จมาตอบเรื่อง เลยฟุ้งเฟื่องในกระทู้กู่ไม่เห็น มาแลท่าน พี่ดอกแก้ว..เลยยากเย็น อ่านกลอนท่าน บุญบำเพ็ญ สว่างใจ ขอบพระคุณที่แวะไปเยี่ยม จึงกลับมาถามไถ่ คุณพี่ดอกแก้วบ้าง ยังไม่นอนเหรอคะ วันนี้ เข้ามาบ้านกลอนไทย ค่อยหายเครียด อะไรหน่อยค่ะ ขอบคุณที่แวะ ด้วยนะคะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 07:02 น. - comment id 426293
โอ้โฮ..พี่ดอกแก้วอธิบายกระจ่างแจ่มแจ้งมากเลยค่ะ เหมือนกับว่าโดนแทงใจดำเลยค่ะ อิอิ ขอบคุณมากค่ะ ^_^
16 กุมภาพันธ์ 2548 08:46 น. - comment id 426316
เคยมาบ้างบางอย่างที่พี่สาวกล่าว คงถึงคราวนำไปตรึกนึกแก้ไข จะดำรงสิ่งดีมีต่อไป หากสิ่งใดแย่นักจักปรับปรุง ขอบคุณพี่ดอกแก้วมากๆๆๆนะคะ แต่กานต์กล้าขอโทษนะคะ กล้าชมด้วยค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 11:56 น. - comment id 426393
เคยบ้างไหม....ต้องอดทนคำก่นว่า เพราะด้วยมีจิตใจไม่หมองเศร้า เธอจะว่าเรื่องอะไร...ไม่รับเอา ขอนั่งฟังแบบเหงาเหงา...เรื่องของเขาเรื่องเธอ มาบอกกับพี่ดอกแก้วจ๊ะว่าในบางครั้งเราก็ต้องมานั่งรับฟังปัญหาของคนบางคนโดยที่เราต้องทนฟังนะจ๊ะ.......ก็เค้าดันเป็นเจ้านายของเรานะ 5 5 5
16 กุมภาพันธ์ 2548 12:08 น. - comment id 426406
มีบางครั้ง..ที่ใจเราสับสน กับบางคนด้วยจิตคิดสงสัย ทั้งที่นานแต่เหมือนผ่านเมื่อวานไป ยังขุ่นใจอยู่เสมอเแอบเผลอเคือง มีบางครั้ง..บางหนอดทนกลั้น แม้ใจนั้นร้อนระอุเขากุเรื่อง ต่อหน้าดีแต่ตอนท้ายให้ร้ายเนือง วางปมเขื่องกลั่นแกล้งแทงหลังเรา มีบางครั้ง..ต้องแสดงแสร้งไม่เห็น คนเขม่นก่นด่าว่าโง่เง่า กลอนห่วยแตกแลกไข่ยังไม่เอา หยอกกระเซ้าแท้จริงยิ่งทับถม มีบางครั้ง..บางคราเวลาเศร้า รอบกายเรามองไปใจขื่นขม เห็นคนอื่นเคียงคู่ดั่งชู้ชม เรากลับตรมลำพังดั่งรอใคร
16 กุมภาพันธ์ 2548 13:01 น. - comment id 426441
เคยหมดทุกข้อเลยค่ะพี่ดอกแก้ว ู แบบนี้เข้าข่าย *ธรรมดาของมนุษย์* หรือเปล่าค่ะ ^_^ ......................................................................................... ลี่...ผู้มาเยือน .
16 กุมภาพันธ์ 2548 13:58 น. - comment id 426489
* - * . . . . . . . . . . . . แวะมาอ่าน งานสวยๆ เจ้าค่ะ เยี่ยม . . ยอด เจ้าค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 15:50 น. - comment id 426544
เคยค่ะพี่ดอกแก้ว อุ๊อ่ะเป็นบ่อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่รักหรือคนใกล้ตัว อาจจะเป็นว่าเราม่ายผิด หรือบางทีกะกลัวเสียฟอมร์ที่ต้องง้อเค้าก่อนอ่ะค่ะ.......หุหุ กลอนเพราะๆสอนใจได้ดีทีเดียวเลยอ่ะค่ะ อุ๊แวะมาทักทายพี่ดอกแก้วนะคะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 16:14 น. - comment id 426554
พี่ดอกแก้ว เข้าใจสอนน้อง ๆ ด้วยกลอนไพเราะยิ่งนัก อาการต่าง ๆ นั้นบางอย่างก็เคยกว่าจะรู้ตัวก็เกือบแก้ไขไม่ทันแนะ ชื่นชมพี่ดอกแก้วสำหรับงานนี้ครับ
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:45 น. - comment id 426611
@...คุณทิกิ... เห็นงานเขียนเพียรไว้มิได้ขาด ความสามารถปรากฏบทคำสอน เอื้อความรู้และน้ำใจใฝ่อาทร จึงอวยพรให้หายเหนื่อยหายเมื่อพลัน ขยันเขียนงานดีๆให้ผู้อื่นอ่านเสมอ ขอให้กุศลคุ้มครองรักษานะคะคุณทิกิ
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:46 น. - comment id 426612
@...น้องอุ๊ คนเมืองลิง... อืม..เพิ่งรู้ว่าน้องอุ๊เป็นคนใจดำกับเขาด้วย..พูดเล่นน่ะ :) เรื่องของความถือตนนั้น...มีการปรากฏตัวในหลายบทบาทค่ะ ที่พูดไปแล้ว..เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเอง แต่เพียงแค่นั้น..ใครๆก็ไม่อยากพบแล้วนะคะน้องอุ๊
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:46 น. - comment id 426613
@...น้องกานต์... เวลาทำใครเขาเราไม่เจ็บ คราวถูกเหน็บเองบ้างช่างเจ็บแสน หมั่นเอาใจของเราใส่เขาแทน ความแร้นแค้นจะไม่มีที่น้ำใจ สวัสดีค่ะน้องกานต์.. พี่ดอกแก้วดุเกินไปสำหรับน้องกานต์หรือเปล่าคะ แต่คิดว่าไม่ ..เพราะน้องกานต์คงเข้าใจในสิ่งที่ให้นี้... ที่ให้ด้วยรักและปรารถนาดีไงคะ และก็ดีมากเลยค่ะที่ให้ความยอมรับผู้อื่น..กล้าชมเมื่อเขาทำความดี แสดงถึงระดับของจิตใจที่เบาจากความตระหนี่และริษยา..น่ารักมากค่ะน้องกานต์
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:46 น. - comment id 426614
@...แก้วนีดา... เคยบ้างไหม...ให้โอกาสเขาระบาย เพียงผ่อนคลายไฟสุมรุมจิตเขา แผ่เมตตาทางใจไปจากเรา เพื่อให้เขาเลิกบ่นก่นว่าใคร บางทีเราก็ต้องให้โอกาสผู้อื่นได้พูดเพื่อลดระดับความเครียดทางจิต การกระทำเช่นนั้น ถือว่าเป็นเมตตาจิตอย่างหนึ่ง ที่ให้โอกาสผู้อื่นมีความสุขใจแม้ในบางขณะ..ที่มิได้เบียดเบียนให้เราเสียหาย เพียงแค่ขอเวลาบางส่วนไปจากเราเท่านั้น...แต่ก็ช่วยพยุงจิตใจเขาได้มากอย่างคุ้มค่า ไหนๆก็ต้องรับฟังแล้วเพราะเขาเป็นเจ้านาย ในช่วงเวลาที่เสียไปก็ถือโอกาสสร้างกุศลให้ตัวเองด้วยก็ได้ค่ะ ด้วยการแผ่เมตตาจิตให้ผู้พูดหายฟุ้งซ่านโดยเร็ว.. และคลายจากปัญหาที่ประสบอยู่.. สิ่งเหล่านี้แม้เป็นเพียงความปรารถนาแต่ก็นับว่าเป็นกุศลจิตค่ะแก้วนีดา ขอบคุณที่แวะมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:47 น. - comment id 426615
@...น้องอัลมิตรา... หากเคยพบ...ความขุ่นหมกมุ่นจิต ด้วยแพ้พิษอ่อนไหวใจสับสน ไม่ลบเลือนรอยหมางกับบางคน เพิ่มอภัยให้มีผลบนความจำ หากเคยพบ..ผู้ดีตีสองหน้า มากอิจฉาแทงทิ่มไม่อิ่มหนำ ยิ้มให้กับละครพฤติกรรม ดาบแห่งธรรมจักสนองเจ้าของคืน หากเคยพบ..คนส่อเสียดเบียดบิดพจน์ ทั้งพองขนปรากฏยากขัดขืน เพียงรับรู้ความต่างสร้างจุดยืน ปล่อยให้เขาเริงรื่นอย่างโง่งม หากเคยพบ...ความเหงาเข้าแนบจิต เห็นคนอื่นมีมิตรที่เหมาะสม ยินดีกับสุขเขาอย่าเศร้าตรม ล้างระทมด้วยเมตตาผาสุกใจ หากเคยพบ..เรื่องราวที่ร้าวราน มีหลักการว่าทุกสิ่งย่อมเคลื่อนไหว เกิดขึ้นแล้วต้องล่วงผ่านพ้นไป วันแห่งความสดใสจักต้องมี เรื่องราวในบางครั้ง...ที่อาจกระทบกระเทือนความรู้สึกมาก แต่ก็ไม่มากไปกว่ากำแพงแห่งความอดทน. ศึกแต่ละคราวที่หนักหนา...มีแต่ผู้ที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะรอดไปได้ ขอบคุณค่ะน้องอัลมิตรา...
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:47 น. - comment id 426616
@...น้องลี่... ธรรมดาทั่วไปในมนุษย์ มิได้ผุดผ่องพ้นอนุสัย มีกิเลสคลุกเคล้าคละกันไป เดี๋ยวมีพระในใจเดี๋ยวมีมาร หากมีทุกข้อก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีทั้งดีและไม่ดีค่ะน้องลี่ แต่ถ้าหากมีเพียงสามข้อแรก..ก็เป็นมนุษย์ที่ไม่ธรรมดาแล้ว เพราะหนักไปทางอัตตาธิปไตยและมีไฟโทสะมากไม่น่าคบหาสมาคมด้วยแล้วค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:48 น. - comment id 426617
@...รัถเกล้า... นำตัวอย่างเหตุการณ์ร้ายในชีวิตและวิธีการรับมือที่ดีมาให้อ่าน ขอบคุณค่ะน้องรัถเกล้าที่มาเยี่ยมเยียน ขอบคุณใจสวยๆที่แวะมาอ่านนะคะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:48 น. - comment id 426618
@...น้องอุ๊ สาวดำคนสวย... คนรักกันนั้นอ่อนไหวง่ายกว่าเพื่อน รักจริงเหมือนบอบบางอย่างแก้วใส ต้องปรับปรุงให้เป็นแก้วเจียระไน คือสร้างใจให้เมตตามาครอบครอง สวัสดีค่ะน้องสาวดำฯ .. ระหว่างคนรักกันนั้น..หลายคู่ก็มีเหลี่ยมมีมุมมีแง่มีงอนกันมาก แต่บางคู่ก็ลบเหลี่ยมและเชื่อมสลักให้แก่กันด้วยความเข้าใจและให้อภัย มีแต่ความเมตตาเท่านั้นที่จะเรื่องร้อนเป็นเรื่องเย็นได้ ส่วนศักดิ์ศรีและความถือตัว...มีแต่จะทำให้แตกร้าวได้เร็วยิ่งขึ้น ทำร้ายคนที่เรารัก..ก็คงคล้ายกับทำร้ายใจตนเอง.. อย่ากลัวเสียฟอร์มจนไม่กลัวเสียใจนะคะน้องอุ๊ ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 17:49 น. - comment id 426620
@...ฤกษ์... หลายคู่และหลายคนที่เดินมาถึงทางแยกในสายสัมพันธ์ ก็เพราะมีเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดเสมอในวันที่เคยร่วมทางกัน พี่ดอกแก้วไม่ได้หมายเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก ..เพื่อน ..หรือในวงงานเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัว..จึงตั้งคำถามไว้เบื้องต้นอย่างนี้ สำหรับในเรื่องของความรักที่เป็นครอบครัว...สถิติของการหย่าร้างในช่วงอายุต่างๆ... เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงปัญหาทางสังคมประการหนึ่ง เพราะมิใช่เพียงแค่การแยกทางระหว่างกันของสามีภรรยา แต่ยังรวมถึงการแยกกันระหว่างบิดา ..มารดา และบุตร หากผู้ใหญ่รู้จักคิดเสียสละอารมณ์ร้ายๆกันไปบ้าง..เด็กๆก็จะถูกทอดทิ้งน้อยลง หากผู้ใหญ่ไม่ถือทิฎฐิมานะกันมากนัก...ทางเลือกที่สามสำหรับการมีภรรยาหรือสามีน้อย ก็คงจะไม่เกิดขึ้นมาก พี่ดอกแก้วเพียงหวังเล็กน้อยว่าจะเป็นบทกลอนที่ให้ประโยชน์แก่ใครได้บ้าง ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะฤกษ์
16 กุมภาพันธ์ 2548 18:41 น. - comment id 426676
เคยทุกบทเลยครับ ^-^
16 กุมภาพันธ์ 2548 18:49 น. - comment id 426685
@...extreme life.. แสดงว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนน้องลี่ หักกลบลบกันแล้ว..มีข้อดีเหลือมากกว่าข้อนึง แสดงว่า..คบได้.. :)
16 กุมภาพันธ์ 2548 19:16 น. - comment id 426703
คิดว่าน่าจะคงเคยสุมไฟรัก ใส่ในใจตนจนแทบไหม้เกรียม ไม่เจียมใจครับ พี่ดอกแก้ว :]
16 กุมภาพันธ์ 2548 19:54 น. - comment id 426721
เคยบ้างบางเวลา ค่ะ ...... *^_^*
17 กุมภาพันธ์ 2548 11:15 น. - comment id 426908
เคยซิครับนับได้ยังวัยรุ่น ช่างหอมกรุ่นมีรักมาใหม่ใหม่ ต้องระหกระเหินไปเสียไกล ด้วยผู้ชายหลายหลากมาพัวพัน เคยซิครับนับแต่นั้นพลันหงุดหงิด ใครใกล้ชิดมาสนิทไม่กระสันต์ ด้วยรอยเก่าเข้าหลอนจนกลัวมัน ตั้งแต่นั้นเลยห่างหายในความรัก. แก้วประเสริฐ. ขอโทษครับมาล่าช้าตามเคยครับ
17 กุมภาพันธ์ 2548 13:14 น. - comment id 426973
@...ลักษมณ์... ตอบไม่ตรงคำถามนี่..แต่ก็หยวนให้ได้ครึ่งคะแนนเพราะมีความไหม้เกรียมเกิดขึ้น ไหม้ใจตนเองแล้วอย่าพลอยทำให้ใจคนอื่นไหม้ไปด้วยนะคะ
17 กุมภาพันธ์ 2548 13:18 น. - comment id 426976
@...ทะเลใจ... เคยเป็นในบางวลาก็ดีแล้วค่ะ.. จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการดับเพลิงทั้งที่ตนเองและคนอื่น เพราะถ้าเป็นบ่อยแล้วละก็..จะเสียสุขภาพจิตได้ง่าย... รักษาใจสวยๆไว้นะคะ
17 กุมภาพันธ์ 2548 13:24 น. - comment id 426986
@...แก้วประเสริฐ... ทำอย่างไร..เมื่อใจมีเงาหลอน ตามยอกย้อนเรื่องผิดหวังครั้งเดียงสา ต้องศัลยกรรมทำใจให้โสภา เปิดโอกาสอีกคราใช่เหมือนเดิม สวัสดีค่ะคุณแก้วประเสริฐ ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ มาช้าก็ไม่เป็นไรค่ะ..แต่ก็ทำให้ทราบเหตุผลเพิ่มอีกนิดว่า.. ทำไมจึงชอบเขียนกลอนรักที่ผิดหวังนัก :)