ฤารักแสนรักนั้นเป็นฉันท์ใด!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
(แต่ปางก่อน)
......................
ตะวันรอน...
ไล้แสงอาบทาบทองทา
ไปทั่วทั้งพุทธมณฑลพุทธานุสรณีย์
เรี่ยนภาเบื้องบน
เบื้องหลังองค์พระพุทธพิสุทธิ์งามแสนงามในยามนี้
ราวรัศมีฉัพพรรณรังสี
สีทองพรายพร่างคลี่คลุมเปล่งประกาย...
ฉายฉานชัชวาล..โชติช่วงเป็นวงทรงกลดรายรอบ


ร่างผู้หญิงในชุดสีขาวผ้าลินิน
ยาวกรอมเท้าใส่หมวกถักลูกไม้สีขาวลายละเมียด
ขับวงหน้าละมุน
กำลังค่อยเยื้องย่างเดินบนทางศิลา
อย่างช้าช้าราวนางฟ้านางพญาผู้ใจดี
ผู้ที่กำลังรอท่าเพียรบำเพ็ญบุญ
ให้หัวใจละมุนรับความว่างสว่างสงบ


นะกลางลานธรรมลานทอง
ลานหอมแห่งงามนวลใจ
ลานกว้างใหญ่เบื้องหน้า..


ที่มี...
พระศรีศากยะทศพลญาณ
ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ 
พระพุทธรูป ที่มีพระเกตุมาลา เป็นเปลวสูง 
เหนือพระเศียร ทรงห่อจีวรเฉวียงบ่า 
พาดสังฆาฏิ อยู่ในท่าย่างพระบาท 
และ
มีบัวรองพระบาท 


นอกจากนั้นรายรอบยังมี
มีสังเวชนียสถาน แต่ละตำบล 
ได้แก่ตำบลประสูติ ตำบลตรัสรู้ 
ตำบลปฐมเทศนาและตำบลปรินิพาน


มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน
ลักษณะอาคาร เป็นสถาปัตยกรรมไทย 
รูปทรงจตุรมุข ทั้ง 4 ทิศ ใช้ 
พื้นที่ก่อสร้าง บริเวณเกาะ หลังองค์พระประธาน พุทธมณฑล 
ในเนื้อที่ 9 ไร่ มีพระเจดีย์ 9 ยอด 
ประดิษฐาน ณ ท่ามกลาง 
เป็นที่จารึก พระไตรปิฎก หินอ่อน
ขนาด 1.10 x 2.00 เมตร จำนวน 1,418 แผ่น 
มีภาพวาด พุทธประวัติ อยู่ด้านบน โดยรอบ 


เริ่มสร้าง ในปี พ.ศ. 2532 
แล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. 2541 
วัดปากน้ำ และสมาคมศิษย์ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ 
บริจาคเงิน ในการจัดสร้าง ทั้งหมด 
เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 
และถวายเป็น พระราชกุศล
แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
เนื่องวโรกาส ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 5 รอบ 
ค่าใช้จ่าย ในการก่อสร้าง ประมาณ 200 ล้านบาท 


แล้วไหนจะยังมี
สวนไม้ดอกไม้ประดับลายไทย
สวนเข็ม หน้าวิหารพุทธมณฑล 
พันธุ์ต้นเข็ม ชนิดใบ เล็กแคระ 
ปลูกลงใน กระบะลายไทย ตารางเมตรละ 25 ต้น 
ใช้เข็มดอกสีแดง 178,166 ต้น 
เข็มสีเหลือง 112,249 ต้น 
เข็มสีส้ม 67,086 ต้น และ
เข็มสีชมพู 14,285 ต้น 


สวนเวฬุวัน สวนไผ่
ทางมุม ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 
มีต้นไผ่ กว่าร้อยชนิด มีเนินสระ 
และศาลาพักร้อน ซึ่งสามารถใช้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ 
ในบรรยากาศ อันเป็นกุศล ได้อย่างดี 
และเป็น ที่ตั้งของ ศาลาปฏิบัติกรรมฐานด้วย 


สวนอัมพวัน (สวนมะม่วง)
ทางมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 
ปลูกมะม่วง พันธุ์ต่างๆ ประมาณ เกือบร้อยชนิด 
สวนธรรม (สวนกระถินณรงค์)
ทางมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 
ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม 
หาความสงบทั้งกาย และทางใจ ปัจจุบัน 
แบ่งเนื้อที่ สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นบางส่วน 


สวนลัฏฐิวัน (สวนตาล)
อยู่บริเวณ สังเวชนียสถานปรินิพพาน 
ระหว่างทาง เข้าไปสู่ องค์ประธานพุทธมณฑล 


สวนสมุนไพร
ปลูกโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
 และเทคโนโลยี แห่งประเทศไทย 
สาขาวิจัยอุตสาหกรรมเภสัช 
และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ผู้จัดสร้าง 
เพื่อรวบรวม สมุนไพรต่างๆ เพื่อการศึกษา วิจัยควบคู่กันไป 
มีพันธุ์สมุนไพร อยู่ประมาณ 211 ชนิด 


ขณะนี้ ได้จัดสร้าง เป็นโครงการ นำร่อง 
เพื่อ ให้วัดทั่วประเทศ ปลูกสมุนไพร 
ในวัด จัดตั้งมูลนิธิ 
ซึ่ง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช 
ได้ประทาน ชื่อว่า มูลนิธิสมุนไพรภัยโรค
 ตั้งขึ้นที่ พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลาง

 
นอกจากนั้น 
ตามบาทวิถี ระหว่าง ลานจอดรถ 2 ด้าน 
ได้ปลูกต้นไม้ พุ่มจำพวก ต้นเข็ม ประดู่ พิกุล 
และขนุน รวมทั้งพรรณไม้มากค่านานาพรรณ
............


และ.....
เคียงขนานกับร่างงามมลังเมลือง
ในเรื่อเรืองแสงสายแสนหวาน
ยามย่ำสนธยาต่อราตรี


คือ...
พุ่มดงดอกเฟื่องฟ้าแดงส้มชมพูขาวพราวนวล
พร้อมชวนชมชมชวนอวดพริ้งพราวไร้ใบ
กำลังแข่งกันไสวรับสายลมเย็นย่ำ
พระพายพรายพัดระริน
หมายดับร้อนสิ้นทุกดวงใจ
ในยามสนธยาฟ้าแดงส้มอมชมพู
แกมแถมสีหลากหลายราวเรียวรุ้ง
พุ่งแฉกแหวกม่านฟ้ามาให้ชาวดินทอดทัศนา..


ฟ้าสวย พสุธาพร่างกระจ่าง
ด้วยดวงดอกไม้นานาพันธุ์
นั่นลานฝันลานชมพูพันธุ์ทิพย์
ที่ปลิดดอกพริ้งพราวร่วงปราย 
ลงพรายพรมห่มพื้นหญ้าให้กลายสี
เป็นชมพูอมม่วงตามร่วงรวงดอก...พร่างในท่ามกลางเหมันต์ฤดู


นั่นพิกุลพรูพร่างราวเพชรพรม
ห่มหอมหวานไปทั่วทั้งถนน
โน่น..ลั่นทมหรือลีลาวดี
ที่มีแต่ดวงดอกทุกช่อชูชันเป็นแถวทาง
ให้งามเศร้าสดสวยแสนหวาน
ยามหยิบตระการดวงมิหวงลืมแล้วอำลาต้น


ทิ้งกล่นเกลื่อนดวงพร่างพื้นหญ้า
นำมาทัดหูเสียบผม
ให้สายลมรำเพยอวล
ไปฝากยอดดวงใจแสนรักแสนไกลห่าง


ที่มิเคยอ้างว้าง
หากทุกนาทีหัวใจเต้นแสนอิ่มสุข
ในทุกทิวาราตรีที่เรามีกันและกัน
ใช่สำคัญ...
แม้นฟ้าไกลภูเขาใหญ่สูงชันจะกั้นแบ่ง
ก็พ่ายแรงแห่งรักนี้
ที่..มีพลังฝันเคียงกันปันใจได้ในทันที


หากยังมีใจดวงเดียวกัน..
ทั้งขอบฟ้าสายน้ำนิรันดร์ 
ทั้งไพรพฤกษ์พนา
ทั้งฟ้าแลดินอินทร์พรหม..
มีแต่มาพร่างพรมโปรยพร
ร่วมปิติเกษมเปรมปรีย์ในรักนี้
ที่แสนมหัศจรรย์งามนักงามภักดิ์พลี
งามเกินกว่าที่จะรำพึงรำพันเป็นภาษาฝันภาษาพูด..


เธอ..ก้าวช้าช้า
แสงสนธยาล้อวงหน้านวลหวานแจ่ม
ให้ยิ่งงามแอร่มแจ่มจำรัสกระจ่าง
ราวรูปสลักแต่ปางบรรพ์
ที่พรหมปั้นสวรรค์เมตตา
ใส่ดวงวิญญาญ์ดวงงาม...ดวงให้
ดวงรักทุกข์ทุกความยากไร้เคียงดิน
ทุกสรรพสิ่งธรรมธรรมชาติ
ที่งามเงียบเรียบง่าย


ทุกดวงชีวาที่ได้ชิดใกล้
ได้แนบชิดสนิทใน
ได้พลีน้ำใจมากเมตตา
ให้คำสอนสัจจธรรมที่ล้ำค่า
หากช่วยนำทางใจ
ให้ทุกดวงใจพบไสวพร่างสว่างเย็น


รู้รักเป็นรักให้
ใช้คุณธรรมความดี
พลีแด่ผู้ทุกข์ทนยาก
บนผืนเดินเดียวกัน
มิให้เปลี่ยวเหงา
สิ้นไร้ใครสิ้นไร้ฝัน..สิ้นไร้รัก


และ
นี่คือความรัก
ที่ไร้ชนชั้น
ไร้ช่องว่าง
ไร้ความเป็นเขาเป็นเรา


คือ
งามเงาในเงื้อมแห่งคำสอน
จากพระบรมศาสดา
ที่ทำให้เราซึ้งค่าคำ..*พระยอดรัตนตรัย*
ที่คือมงกุฎรักอันแสนยิ่งใหญ่
แด่มวลพุทธศาสนิกชนไทย
ให้เพียรเดินตามไป...
ในรอยธรรมรอยทอง
อันแสนผ่องผุดพิสุทธิ์พราว
ราว..*บัววิมุตติหลุดพ้นน้ำ*..


จนกว่าจะสิ้นคืนฝันสิ้นวันหนาว..ยาวนานรานร้าว
เลิกรับผัสสะ
ทั้งสุขทุกข์คลุกเคล้าหวานเศร้าดายเดียว


มีเพียงความวาง
ว่างกระจ่างแจ้ง
จนบรรลุ
แสงแก้วแห่งเมืองพระนิพพาน
คือกาลอันไร้ความเคลื่อนไหว
คือจิตใสกายแก้วหยุดนิ่ง...ทิ้งทุกข์ทุกสิ่งทุกอย่าง
พบเพียงพลังพร่าง...จากจิตเกษมภายในนิรันดร์..


มีเพียงความจริงสัจจะธรรม
*คือรักนิรันดร์..
อันคือไร้ความยึดมั่นถื่อมั่น
อย่างรู้เหนือโลกย์โศกสุข
ให้จิตพร่างสว่างสงบพบความสวยใส
งามตระการแก้วแวววะวับวาว
ราวดาวดวงดาราดาระดาษ
ราวดวงดอกมะลิแก้วแพร้วเพริศพรรณราย..
ไร้กายกามกิเลสอีกต่อไป..


เธอ..
ทรุดตัวลงนั่ง
น้อมศิระกราน..กราบองค์พระศรีศากยะทศพลญาณ
ด้วยน้ำตาแห่งความปิติเกษมซึมซึ้ง
ในก้นบึ้งแห่งดวงวิญญาญ์นี้
ที่เธอหลอมรวมดวงจิตรักภักดิ์ พลี
จากยอดดวงใจคนแสนดีแสนงาม..ในห้วงหอมหัวใจเธอ..


ยามนี้
ที่ตะวันดวง..กำลังโรยตัว..โบกอำลาฟ้าทิฆัมพร
มีการนั่งสมาธิภาวนา 
เธอ..
อธิษฐานจิตภาวนาภายในใจ
ที่แสนใสว่างกระจ่างแจ่ม
ราวดวงแก้วอัญมณีงาม
ให้ทุกสรรพชีวิตทุกสรรพสัตว์ทุกสรรพสิ่ง
ที่ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ได้...


เปิดดวงตาภายในดวงตาที่สาม
เพียรพาพบนิยาม
*แห่งความรักในพระธรรม*
มาเพียรสอนฝึกน้อมน้ำใจ ไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย
ให้งามแสนงาม
หวานแสนหวาน..ผ่านร่างรักสนิทเสน่หา


ได้พบ*แดนดินอันแสนยิ่งใหญ่*
มีจิตใสศีลบริสุทธิ์
มั่นคงตรงมั่น
ฝันใฝ่ไปให้ถึง*ความฝันอันสูงสุด*นั้น
ที่มนุษย์นิดน้อยพลันพลอยเห็น
นอกนั้นก็วิ่งเล่นอยู่ริมฝั่ง..ไปตราบอนันกาลกัลปาวสานต์


ขอเพียงเพียร..สร้างพลังใสนิรมิตงาม
ตามไปให้ถึง 
มิพึงครวญหวนไห้สักชาติ
หากมีท้อถอย
คอยสร้างแต่สิ่งที่ดีที่ควร...คงมีสักวันที่ฝันเป็นจริง
ดิ่งจิตให้เพียรพบพระนิพพาน..


เธอ...หลับตานิ่งใจดื่มด่ำล้ำลึก
*ในอ้อมหัตถาแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า*


บัดนั้น...
ก็พราวพร่าง
ด้วยดวงดอกมะลิแก้วแพรวพราย
พร่างพรมห่มหอมท่วมศรีษะของเธอคนดี
และทุกผู้...ที่เป็นที่รัก..แสนแสนรัก
ที่ยึดมั่นในธรรม
ในคำสอน
มิสิ้นเพียรภาวนา
ลงมาอย่างมิขาดสาย
จากพรายพริ้มอิ่มบุญพระโอษฐ์งาม..ในท่ามสามโลก..
ให้ทุกข์ทุกดวงใจพุทธพุดหยุดโศกตรม..เสียที..
ตราบชั่วชีวีนิรันดร..กาล........
***********************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
แต่ปางก่อน   
ช...รอ คอย เธอมา แสน นาน
ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
ระ ทม อยู่ใน อุ รา
แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
ญ...เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ....คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ ...คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย...
 
  
				
comments powered by Disqus
  • พุดพัดชา

    14 กุมภาพันธ์ 2548 11:28 น. - comment id 425147

    
    http://thaispecial.com/budhamonthon
    http://thaispecial.com/budhamonthon/budhamonthon3.htm
    ..............
    สังเวชนียสถาน 4 ตำบล
    สร้างอยู่ รอบองค์พระประธาน พุทธมณฑล กำหนด ตามทิศ ในพุทธประวัติ 
    โดยถือ องค์พระพุทธ  รูปประธาน พุทธมณฑล เป็นหลัก 
    
    รูปสัญลักษณ์ ในสังเวชนียสถาน 
    แต่ละตำบล 
    ได้แก่ตำบลประสูติ 
    ตำบลตรัสรู้ ตำบลปฐมเทศนา 
    และตำบลปรินิพาน 
    
    ใช้หินแกรนิต 
    ซึ่งเป็นหินที่แข็ง 
    
    และคงทนมาก แกะสลัก 
    นำหินมาจากแหล่งหินจาก 
    ป่าตำบลแม่สลิด 
    อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก 
    เป็นแหล่งหิน ที่มีขนาดและสีที่ต้องการ 
    
    ตำบลประสูติ
    มีพื้นที่ ประมาณ 50 ไร่ 
    บริเวณทาง ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประดิษฐาน  หินสัญลักษณ์ 
    
    รูปดอกบัว 7 ดอก 
    หินสัญลักษณ์ ทั้ง 7 ก้อน 
    มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 
    ประมาณ 1.50 เมตร 
    สูง 0.80 เมตร 
    
    แกะสลัก 
    
    เป็นรูปดอกบัวกำลังแย้มบาน 
    ช่วงบนแกะสลักลายนูน 
    
    รูปพระพุทธบาท กลางฝ่าพระบาท 
    สลักชื่อ แคว้นต่างๆ  7 แคว้น 
    
    ที่สัมมาสัมพุทธเจ้า 
    ทรงประกาศพระธรรม คำสั่งสอน 
    รวม 7 แคว้น 
    
    แคว้นละ 1 ดอก 
    ดังนี้ (1) กาสีโกศล (2) มคธ-อังคะ 
    (3) สักกะ (4) วัชชี (5) มัลละ (6) วังสะ (7) กุรุ รอบนอก พระพุทธบาท แกะสลักพระคาถา 
    
    ตำบลตรัสรู้
    
    มีพื้นที่ ประมาณ 50 ไร่ 
    บริเวณทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้
     ประดิษฐาน หินสัญลักษณ์ 
    รูปโพธิบัลลังก์  เป็นรูป 
    สามเหลี่ยม ทรงรี 
    แกะสลักจาก หินแกรนิต จำนวน 4 ก้อน 
    
    รวมกัน ขนาดฐาน 
    ช่วงล่าง กว้าง 2.70 เมตร 
    ยาว 3.40 เมตร สูง 1.20 เมตร 
    
    ช่วงบน กว้าง 3.02 เมตร 
    เส้นรอบวง ยาว 10 เมตร
    
     ช่วงบน แกะสลักนูน
    เป็นลายบัวคว่ำ 
    และ บัวหงาย 
    
    มีรัศมี ล้อมรอบ ช่วงล่าง 
    ซึ่งเป็น ฐานปัทม์ 
    รองรับ ส่วนบนนั้น 
    
    แกะสลัก เป็น เส้นลวด 
    ท้องไม้ ช่างแกะสลัก 
    
    ได้แกะสลัก พระคาถา 
    แล้วลงรัก ปิดทองคำเปลว 
    
    ตำบลปฐมเทศนา
    
    มีพื้นที่ ประมาณ 50 ไร่
     บริเวณ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ 
    ประดิษฐาน หินสัญลักษณ์ 
    รูปธรรมจักร 
    
    และรูปแท่นที่นั่ง  
    ของ ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า 
    
    หินสัญลักษณ์ธรรมจักร
     เมื่อสร้างเสร็จ 
    มีความสูงจากฐาน 
    ถึง ยอดรวม 4.56 เมตร 
    
    วงธรรมจักรหนา 0.98 เมตร
     ส่วน ดุมธรรมจักร หนา 0.48 เมตร 
    
    ธรรมจักร ตั้งอยู่บน กลีบบัวหงาย บัวคว่ำ 
    บนฐานบัวถลา 
    
    ตัวธรรมจักร แกะสลักลาย 
    แบ่งออกเป็น ลายลูกฟักก้ามปู 
    มีลูกแก้ว ประกอบทั้งสองข้าง 
    
    ขอบนอกสุด มีลักษณะ 
    เป็นลายกนก เปลวเพลิง 
    ส่วนแท่น ประดิษฐานธรรมจักรนั้น 
    ได้สร้าง แท่นคอนกรีต 
    เสริมเหล็ก ประกอบด้วย แผ่นหิน 
    
    
    แกะสลักนูน รูปบัวคว่ำ 
    และ หินสัญลักษณ์
    รูปแท่น ที่นั่ง ของ ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ใช้หินแกรนิต ทั้ง 5 ก้อน
    
    สำหรับหินแกรนิต 
    ที่สลักเป็น ธรรมจักรนั้น 
    มีขนาดใหญ่มาก 
    กรมทหารช่างและ 
    การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 
    
    ได้ดำเนินการ 
    ขนย้ายมายังพุทธมณฑล ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 6 เมตร หนา 1.20 เมตร 
    
    น้ำหนักประมาณ 102 ตัน  
    ลำบากในการเคลื่อนย้าย ระยะทางไกล โดยเฉพาะการขนย้าย 
    ผ่านสะพาน ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 
    
    ซึ่งมี ระยะทอดยาว 
    อาจทำให้ สะพานชำรุดหักได้ 
    
    
    จึงได้ขนย้ายไปทางบก โดยอ้อม
     และ เลี่ยงสะพาน 
    ที่มีช่วงยาว มาบรรทุก 
    ลงเรือที่ จังหวัดอ่างทอง 
    
    ขนย้ายมาทางน้ำ ขึ้นบก 
    ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 
    
    แล้วขนย้าย ทางบก ต่อมายัง พุทธมณฑล 
    
    การขนย้าย 
    ได้เริ่ม 
    เมื่อวันศุกร์ 26 กรกฎาคม พุทธศักราช 2528 
    ผ่านจังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี 
    
    
    ถึงท่าเรือวัด สระแก้ว
     อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง 
    แล้วจึงนำลงเรือ ศุภนาวา 10 
    ในวัน อาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2528 
    
    ล่องตามลำน้ำ เจ้าพระยา 
    พักที่ ท่าเทียบเรือ 
    บริษัทแม่น้ำ จำกัด 
    อำเภอพระประแดง 
    จังหวัดสมุทรปราการ 
    เพื่อเปลี่ยนเรือลากจูง 
    ซึ่งมีขนาด ความสูง ไม่มาก 
    
    สามารถผ่าน สะพานข้ามแม่น้ำ ต่างๆ ได้
    
    
    ได้เดินทาง ถึงท่าเทียบเรือ 
    ปลายถนน พุทธมณฑลสาย 7 
    ตำบลขุนแก้ว 
    อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 
    เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2528 เวลา 14.00 น. 
    
    จากนั้น จึงขนย้าย 
    ต่อมายัง พุทธมณฑล 
    ในวันที่ 9 สิงหาคม พุทธศักราช 2528 
    
    รวมระยะเวลา ในการสกัดหิน 
    จากแหล่งหิน และการขนย้าย 
    มายัง พุทธมณฑล 
    ทั้งสิ้น ประมาณ 7 เดือน 
    
    ตำบลปรินิพพาน
    
    มีพื้นที่ ประมาณ 50 ไร่ 
    บริเวณทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประดิษฐาน หินสัญลักษณ์ 
    รูปแท่นไสยาสน์  
    
    และ รูปแท่นที่นั่ง 
    ของพระอานนท์ 
    
    แท่นไสยาสน์ 
    มีขนาดกว้าง 1.70 เมตรยาว 6.30 เมตร 
    สูง 1.40 เมตร 
    ประกอบ หน้ากระดาน 
    
    เส้นลวดท้องไม้
    
    บนแท่นไสยาสน์ 
    สลักลายผ้าทิพย์ 
    
    ด้านบนนั้น แกะสลัก 
    เป็น ลายนูน
     เป็นรูป ดอกบัว 3 ดอกเรียงกัน 
    
    ด้านข้างแกะสลัก 
    เป็นดอกและใบสาละร่วง 
    ซึ่ง เปรียบเหมือน ร่วงมาจากสวรรค์ 
    
    
    
    
    
    
     
    
    
     
    
    
    
  • พุด

    14 กุมภาพันธ์ 2548 13:43 น. - comment id 425273

    รักคือนิยามน้ำผึ้งหวาน
    ฤาไฟลามเผาไหม้ให้เร่าร้อน
    ฤายาพิษสนิทเนาเหงาอาวรณ์
    ฤาอาทรอ่อนหวานปานน้ำผึ้งรวง..
    
  • พันดาว

    14 กุมภาพันธ์ 2548 13:44 น. - comment id 425274

    ดืมด่ำกับเรื่องราวผู้หญิงในชุดสีขาวผ้าลินินจัง...
    ทุกถ้วยคำงดงาม
    :-)
    
  • แก้วนีดา ไม่ได้ล๊อกอินค่ะ..

    14 กุมภาพันธ์ 2548 16:40 น. - comment id 425365

    ชาติใด...ที่ได้เกิดมาพบเธอ
    ชาตินี้...หละหรือคือเธอที่แสนหวาน
    ชาติใด...ที่ได้ทำให้มาพบพาน
    ชาตินี้...หละหรือเธอคือหญิงงาม
    
    หญิงสาวในชุดขาว...ดูงาม
    ชายใด ฤา...จะมาค้องเกี่ยว
    หญิงงามขอมีรักในใจคือ...เธอคนเดียว
    ชาตินี้...ชาตไหน..ไม่ขอค้องเกี่ยวกับใคร
    
    ขออำนาจแห่งคุณ..พระศรี
    ขอจงดลบรรดาลให้สมหมาย
    จะขอมีใจภักดิ์...รักเดี่ยวจนตาย
    ด้วยชีพนี้ขอถวาย..บูชา
    
    มาชมการเขียนของ พุดพัดชา ค่ะ
    การเขียนที่สอน..พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ....ได้เพราะและแปลกดีค่ะ.......
    การปฏิบัติธรรม....กับความรัก......
    
  • พี่ดอกแก้ว

    14 กุมภาพันธ์ 2548 22:03 น. - comment id 425535

    ณ เบื้องนั้นพลันพิศหมาย
    กราบถวายพวงมาลา
    พร้อมกุศลวิปัสสนา
    บูชาไท้พระไตรคุณ
    
    บรรยาความงดงามละมุนละไมจนเห็นภาพ
    พุทธมณฑลสถาน ..และองค์พระประธานที่งดงามยิ่ง
    
    ขอบคุณมากค่ะน้องพุดที่เขียนงานดีๆให้อ่านค่ะ
    
    
  • แก้วประเสริฐ

    14 กุมภาพันธ์ 2548 23:12 น. - comment id 425591

    สาธุ  สาธุ  สาธุ อนุโมทามิ สัมมาอรหัง พุทธัสส  สิรสานมามิ.
    
                 งานงามประกอบคุณค่าทั้งการศึกษาไขว่หาความรู้แถมด้วยแต่ปางหลังมาดำเนินงานเขียน ของยอดหญิงจริงๆ 
    
                          แก้วประเสริฐ.
  • ลี่...ชวนมาเยือน

    14 กุมภาพันธ์ 2548 23:33 น. - comment id 425604

    สวัสดี...พี่พุด...ด้วยความคิดถึงนะคะ
    .....................................................
    ลี่...ผู้มาเยือน
    .
    
  • พุด

    18 ธันวาคม 2551 17:39 น. - comment id 925800

    ๏ อย่าทำเป็นเซ้าซี้เรียก .. "ที่รัก"
    หากรู้จักฉันเพียงแค่ผิวเผิน
    อย่าสักแต่ขานให้ใครเพลิดเพลิน
    ฉันรังเกียจเหลือเกินอย่าเดินตาม
    
    อย่ากลิ้งกลอกบอกเล่าว่า .."เจ้าของ"
    ทำทีเป็นเกี่ยวข้องทำนองห่าม
    ตีสนิทชิดเชื้อเพื่อลวนลาม
    หากจิตทรามเยี่ยงนี้ขอลี้ไกล
    
    คำ.. "ที่รัก"  ทักท้วงเพราะหวงตน
    ปราศสับสนคำนั้นหรือหวั่นไหว
    คำกล่าวขานผ่านแล้วจงแล้วไป
    ชื่อของฉันเรียกได้อย่าได้เกรง
    
    เรียกนิยามนามฉัน .."อัลมิตรา"
    ฉันไม่ว่าไม่รำคาญพาลข่มเขง
    เรียก.."ที่รัก"  แล้งลมขรมบรรเลง
    ทำตัวเจ๋งโดนด่าอย่าว่ากัน
    
    โปรดทบทวนอีกครั้งอย่างตั้งใจ
    อย่าเผลอไผลปากเปราะเลาะเล็มฉัน
    อย่าแสร้งขานหวานหูด้วยรู้ทัน
    พวกไก่อ่อนริขันด้อยชั้นเชิง 
    
    หากได้ยินดีอีกทีคำ .. "ที่รัก"
    จะโดนหนักเพื่อไม่ให้ใครเหลิง
    พวกพูดพล่อยปล่อยไว้ให้ระเริง
    อาจกลายเพลิงเคืองขุ่นจนวุ่นวาย
    
    อย่าทำเป็นเซ้าซี้เรียก .. "ที่รัก"
    อย่าทึกทักเรียก .. "เมีย" ฉันเสียหาย
    เสือผู้หญิงจิ้งจอกหากออกลาย 
    สมควรตายก่อนแก่เพราะแส่นัก ๚ะ๛
  • กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

    12 กรกฎาคม 2552 07:14 น. - comment id 1013110

    ความรักนั้น มีหลายแบบ ครับ 
    
    ยากจะอธิลาย  ต้องเข้าใจด้วยตัวเอง
    
    รักแลเคารพ  พี่สาวแสนสวย น้ำใจงาม นามพี่พุดไพร  ที่หนึ่งเสมอ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน