urlhttp://thaipoem.com/web/songshow.php?id=330 (ค่ำแล้วในฤดูหนาว) *************************** เช้านี้ฟ้าหนาว เศร้าเทาทึมไปทั่วท้องนภางค์แม้นจะสว่างแล้ว ไร้ดาวเดือนเหมือนเช่นเคยทุกคืนค่ำ ลมเย็นเริ่มพร่างพรู ดอกแก้วคู่กระท่อมวิมานไพรวิมานดิน ร่วงพราวให้สาวนากวาดเช้าเย็นเหมือนเช่นเคย การะเวกเลิกให้ดอกพราว เพราะไปริดกิ่งที่เลื้อยพันพาดไปทั่ว เล็บมือนางก็เลิกกางฟ้อนวอนเว้าเฝ้ากวักรัก มาทายทักหลายวันแล้ว ในยามดึกยามน้ำค้างระริน สาวนา...นอนถวิลรำลึกนึกถึงใครบางคน บนกระท่อมเรือนจำปี ที่ยังพอมีระรินหอมพรายให้คลายเศร้า.. ให้ใจดวงร้าวได้จำปีจำเดือน เตือนถึงคืนวันที่ผันผ่าน ที่หัวใจยังหอมพราวคราว มีอ้ายเคลียคลอเคล้าลบหนาวใจ..หนาวเนื้อ ให้อิงอ้อมใจอ้อมกอด ได้พรอดรักได้รับไออุ่นจากเจ้าแก้วจอมขวัญยอดดวงใจ.. หากทว่าในวันนี้..เช้านี้..หนาวนี้ หอมหอมหอมในห้อมห้วงหัวใจสาวนา เริ่มจางคลายหายไปกับกาลเวลา ราวกลีบดอกไม้ที่รอเวลาราโรยร่วง ตามแม่พวงพะยอมไพร มาสอนสัจจะใจสัจจธรรม ให้ดอกดวงใจเลิกถวิลหวังเริ่มนับถอยหลัง รอเวลาลบเลือนลืม....โบกมือลา กับวันเวลาแสนดี ที่มีใครบางแสนรักมาให้ร้อยรัดพันผูกใจ ที่ดวงใจอยากเพียงเก็บไว้ในความทรงจำรำลึก ให้ยามนึกถึงมีเพียงสดฉ่ำงาม *ดั่งดอกบานมิรู้โรย*...แบบรักไม่รู้ลา ก่อนที่ฟ้าดิน..จะเรียกคืน ไม่เป็นใจ..ไฉนเลย..อย่าให้ฝันไกล..อย่าให้ฝันลอย.. สาวนา แว่วๆเพลงหวานหวานรานรานร้าวร้าว ชื่อเศร้าเศร้าแสนไพเราะ *ต้นรักดอกโศก*จากวิทยุทรานซิสเตอร์ เลย... ฟังเศร้าๆ..ร้าวร้าว..รานราน..หวานหวานตามไป..ด้วยกัน พอกับ ใจดวงร้าวของสาวนาในยามนี้ ที่แสนสับสนปนหนาวเนื้อหนาวใน หนาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กับหอมหวาน ของดอกดวงใจ กับดวงดอกปีบที่ชูช่อไสวรับลม ที่บ้างก็พรายพรมหล่นลงบนผืนหญ้า ที่ราวบีบหัวใจสาวนาให้ไหวครวญคะนึงหาไปตามบทเพลง http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=710 ต้นรักดอกโศก โอ้ ต้น รัก เอย เสียแรงเคยถนอมไว้ ไม่เว้นเลยทุก เช้า ค่ำ เฝ้าพรวนดิน รดน้ำ ให้ ไม่เห็นใจ ว่าเรา นี้ รัก รัก ควรหรือจักกลับกลาย กลัวแมลงแฝงชม กลัวแดดลม จะกล้ำ จะ กราย ระวังกลีบเจ้าช้ำ เมื่อยามจะสาย ระวังกลิ่นเจ้าจะหาย เมื่อลมระเหย รัก ปลูกเจ้าไว้ หวังใจว่าจะเชย ไม่นึกเลยว่ารัก เจ้าจักกลาย พอผลิดอกออกช่อ สิ กลับท้อไม่สมหมั่นหมาย รัก ร้าย กลายออก เป็นดอกโศก กลิ่นกล้ำช้ำชอกอกสลาย แสนเสียดาย ต้นรักเจ้าเอ๋ย ปลูกเอาไว้ หวังใจว่าจะเชย ไม่นึกเลย ว่ารักจะกลาย รัก ควรหรือจักกลับกลาย กลัวแมลงแฝงชม กลัวแดดลม จะกล้ำ จะ กลาย ระวังกลีบเจ้าจะช้ำ เมื่อยามจะสาย ระวังกลิ่นเจ้าจะหาย เมื่อลมระเหย รัก ปลูกเจ้าไว้ หวังใจว่าจะเชย ไม่นึกเลยว่ารัก เจ้าจักกลาย พอผลิดอกออกช่อ สิ กลับท้อไม่สมหมั่นหมาย รักร้ายกลายออก เป็นดอกโศก กลิ่นกล้ำช้ำชอกอกสลาย แสนเสียดาย ต้นรักเจ้าเอย ปลูกเอาไว้ หวังใจว่าจะเชย ไม่นึกเลย ว่ารัก จะ กลาย... ******* สาวนา... จึงคิดขึ้นมาได้ถึงดงดอกรัก รีบพาตัวเองไปทายทัก เด็ดดวงดอกรักซ้อนสีม่วงพราวสีขาวบริสุทธิ์ ที่กำลังอ้อนสายลมหนาว รีบเช็ดยางพราวเหนียวหนึบ และนำมาเสียบใส่ในกระบอกไม้ไผ่ลายนวลนวลทองทอง ไว้มองดูไว้สอนจิตเตือนใจ.. อย่าไหวครวญหวนหาพันธนารักรักให้ตอกสลักจิต... เพราะรักอันคือทุกข์หนัก หากอยากแบกไว้..ยิ่งกว่าหนักใดในหล้าโลก โศกมิสิ้นเลยเชียว สาวนา.. คิดว่าน่าจะก่อกองไฟสักกอง ริมกระท่อมริมนาให้กายอุ่น และ ลงไปเก็บผักบุ้งมาสักกำมือ มาไว้แกล้มน้ำพริกอีกตามเคย สาวนา.. คิดได้อีกแล้ว..ว่า สาวนา น่าจะพายเรืออีแปะไปเก็บสายบัวจะดีกว่า และ อยากออกไปปลีกวิเวก รับสายแสงพระอาทิตย์ยามเช้า ที่หมุนมาทายทักท้องฟ้าในยามฤดูหนาวมาเยือน เตือนย้ำให้หัวใจสาวนารำลึกนึกถึงบทเพลงอมตะ *ค่ำแล้วในฤดูหนาว* http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=330 ค่ำแล้วในฤดูหนาว... ดนุพล แก้วกาญจน์ : : พอย่างเข้าเขต หน้าหนาว ลมหนาวก็โชย พัดกระหน่ำ สายลมเอื่อยมา ในเวลาค่ำ ฮึม ฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน น้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย หนาวโอ้อกเอ๋ย หนาวจนสั่น เสียงเรไรร้อง ก้องสนั่น ฮึม ทำให้ฉัน เป็นสุขใจ เสียงเพลงค่ำแล้วๆ ๆ ดังแว่วมาแต่ไกล นี่ใครหนอใคร ฮึม ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำ ๆ หนาวลมยิ่งทำให้ใจคนึง คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำ หารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำ ฮึม ฉ่ำเท่ารัก เราไม่มี สวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป เขาดินถิ่นไกลก่อนนี้เคยชื่น เดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่น ฮึม ไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้น นภาสะอาด ดูงามสดใส ฉันรักจับใจ สะอาดน่ะนั่น หนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่น ฮึม จิตใจฉันเลื่อนลอยไป เสียงเพลงค่ำแล้วๆ ๆ ดังแว่วมาแต่ไกล นี่ใครหนอใคร ฮึม ช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำๆ คิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน ทุกคืนก่อนนั้นหนาวชื่นฉ่ำ ทุกทีที่ไปฝังใจจดจำ ฮึม ไม่ลืมคำที่ฝากกัน ******* สาวนาหัวใจละมุนมากเลย ยามคิดถึงบทเพลงเก่าเก่านี้ ที่มักจะมีเนื้อหากินใจให้ไหวครวญ ให้ประทับใจให้หัวใจไหวหวามเตลิด ปลิดปลิวลิ่วโลดไปตามคำครวญคร่ำพิร่ำพิไรร่ำร้องนั่น สาวนา..จึงมักไหวหวามไหวหวั่นตามและรีบ คว้าผ้าคลุมไหล่ไพลเพลาะสีโศก ที่อ้ายฝากไว้ให้สาวนาห่มหอมแทนกาย ยามไร้ร่างอ้ายมาคลอให้ไออุ่นยามไกลห่าง สาวนากระชับผ้าคลุมไหล่ ให้คลุมใจดวงดายเดียวอ้างว้างด้วย ราวกับมีร่างอ้ายตามติดเหมือนวันเก่าก่อน ที่เคยแอบชิด พากันไปว่ายวนเที่ยวท่องราวขวัญเรียมในบึงบัว สาวนา..หยุดคิด.. ก่อนที่ น้ำตาซึมซึ้งจะหยาดปร่าบ่าลงมาอย่างไม่สิ้นสาย แล้วพยายาม รำงับดับฝันดับใจดวงดายเดียวเหว่ว้าเปลี่ยวเหงา งึมงำบทเพลงในดวงใจไปเบาๆจะดีกว่า พร้อมกับจ้วงพายพาเรือไปตามลำประโดงอย่างช้าช้า นัยน์ตาสาวนาเห็นทุ่งกว้างสุดสายตา เห็นดงโสน..ไหวเอนเหว่ว้าริมบึงรัก เห็นดอกผักบุ้งสีขาวทายทักใจ เห็นหลังคนไวไว ไม่ทันรู้ว่าใคร กำลังทอดแหรอรับปลาตะเพียนเป็นอาหารมื้อเย็น เห็นดงไม้ผลริมคลองยามล่องเรือพายผ่าน เห็นหวานหอมของพวงชมพู่ที่ห้อยพวงพราวดกคู่ชายสวน เห็นดงดอกลำดวนดาวเรืองและดวงดอกไม้พื้นบ้านหลากสี มีชบาราตรีสีแดงเด่นริมเรือนไทยสองฟากฝั่ง เห็นกระทั่งควันไฟ ที่กำลังลอยพรูพร่างเป็นสาย มาจากบานหน้าต่างกระท่อมในครัวไพร ราวหมอกสีขาวพราวพราย.. และ ไม่ช้านานสาวนา..ก็หยุดลอยลำเรือ ลงเก็บบัวผันใบกลมดอกพราวเหลืองละมุน ให้กรุ่นกลิ่นเกสร มาหอมพรมห่มพร่างลงกลางกลีบใจในนาทีนั้น นอกจากบัวผันที่ไม่ใช่บัวเผื่อนที่รสเฝื่อนขมแล้ว สาวนาขอเก็บบัวตูมบัวบานหลากพันธุ์หลากสีสันไว้กำใหญ่ ที่หวังนำมาฝึกพร้อมพลีจิตพลีใจ ดวงใสดวงงามดวงดี ยามก้มกรานกราบถวายต่อเบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธผู้บริสุทธิ์คุณ ในยามค่ำคืนแห่งฤดูหนาวอันยาวนานนี้.. และ สาวนาตั้งใจไว้ว่าจะชวนเพื่อนเพื่อนมาอิงไฟริมกองฟาง แล้วร้องเพลงต่างต่างนานา ฝากไปกับฟากฟ้ากว้างสายลมหนาวดาวบนฟ้า อาจจะมีเพลง*ร้องไห้กับเดือน*ที่แสนเชือดเฉือนใจ ให้คละเคล้าทิวไผ่ลำประโดง สายลมโปรยไพรสายลมไหวรำเพยไปเผยใจ ไปปลอบประโลมใจผู้เป็นที่รัก ที่มีใจดวงเหว่ว้าอ้างว้างในทุกถิ่นที่ ที่จำใจจำพรากลาจากบ้านดินถิ่นเกิดถิ่นนาจำ ลาแม่พ่อลูกเมียไปเผชิญโชค..ลำพัง.. อย่างมิสินหวังสิ้นหวานสิ้นรับผิดชอบ คิดประกอบเพียงอาชีพซื่อสัตย์สุจริต.. ใช้นำพักน้ำแรงเข้าแลกอันแสนน่าภาคภูมิใจ แบบหัวใจชายชาติไพรชายชาติไทยใจเกินร้อย ที่มิคอยเป็นภาระเบียดเบียนสังคมและทำสิ่งผิดกฎหมาย เพราะใจบอดใบ้บ้าวัตถุไร้คุณธรรม.. อย่างบางคนที่กำลังทำผิด..หลงผิด และ หากเป็นไปได้สาวนาอยากร้องเพลง ฝากให้ด้วยดวงใจพิสุทธิ์ใส ให้แทนไออุ่นมอบให้เด็กน้อยน้อยทั้งโลก ที่กำลังนอนเหน็บหนาวไร้ผ้าห่มคลุม และ กลุ่มเพื่อนๆสาวนาคิดว่า จะพยายามหาเสื้อหนาวไปบริจาคไม่ช้านานนี้ ก่อนปีใหม่จะยิ่งดี..ก่อนที่หนาวจะคลาย.. สาวนา มองดูฟ้า..ดูน้ำงาม.. ราวแก้วในยามต้องแสงสายพรายอาทิตย์กระทบ แล้ว สาวนาค่อยค่อยเอนทบร่างเหนื่อยล้า ระนาบไปกับกราบเรือ.... เนื้อนอกสาวนาคลายหนาวแล้วด้วยดวงดอกแดดที่ให้ไออุ่น และด้วยสไบนวลสไบรัก..แนบละมุนร่างนวลนุ่มนี้ แต่ไยเล่า จิตภายใน บางครา ที่สาวนาเพียรพยายามรำงับดับคิดถึงอ้าย ดวงหนาวเหน็บเหน็บหนาว ถึงยังหนาวแสนหนาว ถึงราวระรินน้ำตาอยู่นะภายใน เมื่อมองเห็น.. ขอบฟ้ากว้างไกล ที่ราวแยกร่างแสนรักให้จำห่างตา แม้นจะเพียรพยายามลบเหว่ว้า ตามคำอ้ายปลอบ ให้จิตดวงดีดวงใสคิดให้ได้ว่า ถึงอย่างไรนั้น ระหว่าเงรา เพียงขอแค่ให้พลังปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์รัก จักกระซิบคำไปบอกแก่กันว่า *หากมีจิตใสหนักแน่นมั่นคงซื่อตรงดั่งคำมั่นสัญญา* ฟ้ากี่ฟ้า..ที่ว่ากว้างกว่ากว้าง..ไกลกว่าไกล ห่างกันสักแค่ไหน ก็หาจักทานแรงรักแรงคิดถึงคะนึงได้ไม่.. ใช่ไหมเล่าเจ้ายอดดวงหฤทัย และ ฟ้าไหนฟ้านั่นฟ้าฝันก็จักแคบลง ให้ดวงใจรักอันแสนสัตย์ซื่อถือตรงคงมั่นนั้น จักดำรงอยู่ ราวหลอมรวมราวกลายเป็นหนึ่งเดียวกันตราบชั่วนิจนิรันดร... และจัก เสมือนเรือลำน้อย.. ลอยไปในกระแสธารโลกธารโศกสุข ดั่งเรือมนุษย์เรือชีวิต ที่นะวันนี้ที่รวมชีวิตรอลงลำเดียวกัน ที่จักจะค่อยๆพากันประคับประคองพายพาไป ด้วยจิตธรรมจิตทอง ลอยล่องคู่กันไปอย่างมีจุดหมาย เพื่อข้ามสายมหานทีสีทันดร สู่ฝั่งฝันอันคือ..ความว่าง งามเงียบสงบ.. จบ..ด้วยความรำงับรู้ดับรักรัดร้อย ดั่งสร้อยโซ่พันธนาที่มาให้ชดใช้มิรู้สิ้นมิรู้จบ ทบทวีกรรมไปอีกไม่รู้กี่ภพชาติ หากยังสวาทหมาย มิคลายเกรียวเสน่หาพามืดบอดหลงใหล แบบรักไม่เป็นไม่เย็นไม่เห็นงามแง่คิด สาวนา.. จึงหวังเพียงลิขิตจิตให้เพียรเพียงพบ จบจริงๆด้วยพลังแห่งจิตปิติปัจจุบันเกษมด้วยดวงจิตใสจิตงาม ที่ฝึกไว้อย่างดีราวแก้วมณี รอเวลาที่จะก้าวลงเรือสำเภาธรรมสำเภาทอง ด้วยดวงดอกจิตนั้น อันงามผ่องงามใสงามพร่างดั่งอัญมณีไพรดวงจำรัส ให้ไร้ร่างไร้ร้างสิ้นสุข..ทุกข์อีกต่อไป.... ดั่งคำมั่นสัญญาของใครบางคน ที่รักสาวนาแบบยิ่งใหญ่ เหนือโลกย์เหนือโศกสุขเหนือทุกข์ จักไม่ทิ้งทอดถอดใจให้สาวนาไปไม่ถึงไหนไม่ถึงฝั่ง และให้พลังใจให้สาวนาพลันรีบเพียรด้วยตนเองด้วย และยินดีที่จะเคียงครองพาสาวนาไป ในแดนดินแห่งว่ายเวิ้งฝันนิรันดร์รัก อันจักได้พักพบและหวังจักจบแบบ ไม่..ไม่มี...ว่ายวน วนว่ายวัฎฎะ อีกเลยแล้วนะแก้วตานะจอมใจ..ของสาวนา..
1 ธันวาคม 2547 13:11 น. - comment id 381707
ว้าวๆกลอนก็เพราะรูปก็โดนใจหนูม๊ากมากค่ะ คิดถึงเสมอค่ะพี่พุด
1 ธันวาคม 2547 15:38 น. - comment id 381782
ภาพงาม เพลงเพราะ ถ้อยคำสละสลวย สมเป็นพี่สาวคนงามจริง ๆ ค่ะ
1 ธันวาคม 2547 20:48 น. - comment id 381989
หนาวกาย ไม่เท่าไหร่ครับพี่ แต่ตอนนี้ เมหนาวใจมากเลย อิอิ หนาวมา 34-35 ฝนแร่ะ เบื่อหนาวนี้จัง +-*-+ +-*-+-*- ปู๊ชายอารมดี๊ดี -*-+-*-+ +-*-+
1 ธันวาคม 2547 21:16 น. - comment id 382001
รัก
1 ธันวาคม 2547 22:12 น. - comment id 382031
อากาศเย็นลงมากแล้ว...... http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=155 ฝากเพลงนี้อีกเพลง ให้ใครคนนั้นของสาวนาด้วนนะ
1 ธันวาคม 2547 22:40 น. - comment id 382057
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=155 คิดถึงเธอทุกลมหายใจ ธานินทร์ อินทรเทพ : : Key Am คิดถึงเธออยู่ทุกคืน ทุกวัน โอ้รักที่เราเฝ้าฝัน มามีอันต้องโศกอกเอ๋ย ห้ามใจเรา ว่าควรลืมเขาเสียเลย อย่าไปหวังชื่นชิดเชย บุญเราเคยสร้างไว้ไม่ถึง ฉันจำใจห่างร้างเธอแสนไกล ใต้เหนือเพื่อลืมเยื่อใย ลืมเธอไปไม่อยากนึกถึง แต่ยิ่งไกล อกใจยิ่งครวญคนึง โอ้ความรักช่างฝังตรึง ลึกซึ้งเกินใจไถ่ถอน หลับ ตา ก็เห็นแต่ใบหน้าเธอ ล่องลอยคอยอยู่ เสมอ ภาพเธอ คอยหลอก คอยหลอน ภาพเธอนั้น ติดตามฉันจนยามพักผ่อน จะหลับจะนอน ยังรำพันว่าฉันรักเธอ คิดถึงเธออยู่ ทุกลมหายใจ โธ่เอ๋ยจะลืมเท่าไร ลืมไม่ได้ดอกใจคอยเผลอ แต่ชาตินี้ ไม่มีบุญเทียมถึงเธอ ได้เพียงฝันมั่นละเมอ คิดถึงเธอทุกลมหายใจ หลับ ตา ก็เห็นแต่ใบหน้าเธอ ล่องลอยคอยอยู่ เสมอ ภาพเธอ คอยหลอก คอยหลอน ภาพเธอนั้น ติดตามฉันจนยามพักผ่อน จะหลับจะนอน ยังรำพันว่าฉันรักเธอ คิดถึงเธออยู่ ทุกลมหายใจ โธ่เอ๋ยจะลืมเท่าไร ลืมไม่ได้ดอกใจคอยเผลอ แต่ชาตินี้ ไม่มีบุญเทียมถึงเธอ ได้เพียงฝันมั่นละเมอ คิดถึงเธอทุกลมหายใจ คิดถึงเธออยู่ ทุกลมหายใจ...
1 ธันวาคม 2547 22:43 น. - comment id 382060
น้องเพระรัก เพราะรัก เพราะรัก เพราะรัก..คำนี้จึงทำให้ใจสาวนา และโลกหล้าละมุนนักแล้วละจ๊ะ ***********
1 ธันวาคม 2547 22:46 น. - comment id 382064
น้องขลุ่ยหลิบ คงเคยเห็นภาพสาวนากระมังนะจ๊ะ จะมีน้อยคนนะที่จะมีโชค..ร้ายได้เห็นจ๊ะอิอิ ซึ้งใจจ๊ะ
1 ธันวาคม 2547 22:48 น. - comment id 382068
+-*-+ +-*-+-*- ปู๊ชายอารมดี๊ดี -*-+-*-+ +-*-+ เมกกะ ..จ๊ะ หนาวหนาวหนาว มาผิงไฟกับสาวนาสิจ๊ะคนดี ด้วยเข้าใจหัวใจหนุ่มหนาวจ๊ะ
1 ธันวาคม 2547 22:52 น. - comment id 382073
รัก จาก : s รหัสรักรหัสลับเหรอจ๊ะตัวสำหรับ S ให้เดาว่าใครดี สำหรับรหัสมหัศจรรย์รักนี้ ที่สาวนาอยากเติมคำว่า..มากกกก ตามต่อท้ายให้รักสั้นๆนั้น ยิ่งแสนดีจ๊ะคนดีในดวงใจของสาวนา
1 ธันวาคม 2547 22:55 น. - comment id 382075
- รัถยา น่าจะร้องให้ฟังเองนะจ๊ะ จะซึ้งใจกว่าไหมจ๊ะ ความหมายดีจังทำให้ใจสาวนาอิ่มเอมจัง หากใครละเมอเพ้อหาสาวนาแบบนั้นจ๊ะ สาวนาฟังซ้ำไปมาในนาทีนี้จ๊ะ
2 ธันวาคม 2547 00:10 น. - comment id 382153
อัญมณีแห่งเหมันต์ ชนบทแสนงามความทรงจำ หลังฤดูหว่านดำคร่ำคราดไถ คือเส้นทางผู้คนตำบลไกล ผู้อุทิศดวงใจให้ผืนนา สืบชีวิตสามัญทุกวันรุ่ง เจิมยามเช้าจรุงกรุ่นพฤกษา ยามน้ำค้างพร่างพร้อยย้อยคบคา หยดลงมาเย็นสงบกระทบใจ หอมเจ้าเอยหอมรินกระถินป่า ลอยลมมาจากปลายคุ้งทุ่งไสว หอมข้าวกล้าวิญญาญ์ชาวนาไทย หอมลำบากยากไร้ในพลัง กระจาบทุ่งจากจรขอนไม้เก่า ทิ้งลูกเต้าเกิดใหม่ไว้เบื้องหลัง โผไปแล้วนกนาอย่าลืมรัง ลูกร้องสั่งก้องฟ้าอย่าลาลับ ดนตรีไพรวงเดิมเริ่มบรรเลง แซ่บทเพลงปวงนกวิหคขับ แดดอบอุ่นบอบบางสว่างวับ เกร็ดแสงทองเริ่มระยับจับปลายนา เช้าสิบห้าขึ้นค่ำวันพระพุทธ เทียนทองจุดก่อไฟในอุษา ตื่นมาแล้วแก้วใจใต้เพิงคา ตื่นมาหุงข้าวปลาหาทำกิน ข้าวแก่นจันทร์หุงหอมพร้อมใส่บาตร แก่นสันหลังของชาติผู้หยาดศิลป์ รั้งมณฑลข้าวนาอยู่อาจิณ เลี้ยงชีวินมนุษย์ทุกยุคสมัย ผ้าซิ่นสวยผืนใดให้หนาวคลาย เท่าผ้าผวยผืนลายด้ายทอใหม่ ทอด้วยหยาดเหงื่ออุ่นละมุนละไม ยามสาวนาซับไหล่ในรุ่งนี้ อีกไม่นานทุ่งทางสว่างแจ้ง ปิ่นโตแกงห่อข้าวดาวเรืองสี จะถวายพระสงฆ์องค์มนตรี ยามพายเรือล่องนทีที่รุ่งราง ชนบทปลุกตื่นฟื้นอรุณ ปลุกมาหมุนวิถีทุ่งเมื่อรุ่งสาง ปลุกชีวิตชีพจรอันอ่อนบาง ไม่ลาร้างล่วงลับกับยุคใด ไก่ป่าหนุ่มขันรับกับหริ่งพฤกษ์ ว่าดื่นดึกรุ่งแล้วแนวป่าไผ่ พร้อมระฆังดังแว่วแผ่วมาไกล กล่อมบ้านนาของไทยให้งดงาม ชนบทเงียบงามยามอุษา ทุกทิวาราตรีนี้ไต่ถาม ทุกเหมันต์แอกไถไร่นาทาม คือนิยามสามัญตราบวันนี้ ------------------------------------------- เมื่อลมหนาวเริ่มคราวใด ความทรงจำเก่าก่อนก็เริ่มกรุ่น ทุกๆ ยามเช้าในชีวิตที่ข้าพเจ้าหลงมนต์และดื่มด่ำร่ำรินนั้น ยังคงงดงามอยู่ในอณูความรู้สึก เฉกทุกๆ เช้าตราบวันนี้ วันนั้นเป็นวันพระในเหมันตฤดู สาวบ้านนาตื่นขึ้นมาหุงข้าวแก่นจันทร์พันธุ์พื้นถิ่น เป็นข้าวหนักที่อาศัยระยะเวลาปลูกถึงห้าเดือนกว่าจะออกรวง เธอจะหุงข้าวเมล็ดเรียวงามนี้ไว้ใส่บาตรทุกๆ วันพระแปดค่ำ และสิบห้าค่ำ เธอชอบที่จะตื่นเช้ามารับแสงแรกแห่งอรุณ ผ้าซิ่นคลุมไหล่ที่ถักทอด้วยมือกร้านงานนั้นอบอุ่นในความรู้สึก เธอจะคลุมไว้ที่ไหล่เพื่อกันหนาว ตราบจนห่มเฉียงบ่ายามใส่บาตร ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นภาพงดงามในความรู้สึกของชาวนาไทยทุกคน เหมันต์นี้คงไม่ยาวนานนัก ข้าพเจ้าคงอดไม่ได้ที่จะพรรณาประสบการณ์เฉพาะแบบนี้ ในทุกๆ ครั้งที่ลมหนาวมาเยือน ด้วยดวงใจที่ตระหนักดีว่า ชีวิตที่เติบโตอยู่ท่ามกลางความเรียบง่ายและมิติธรรมชาตินั้น เป็นชีวิตที่หล่อหลอมด้วยอัญมณีที่มีค่า เป็นอัญมณีเหมันต์ ที่เจียระไนด้วยแสงสีแห่งท้องทุ่งนาชนบท ยากหาอัญมณีใดเปรียบปาน