URL http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=198 http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=223 (ขวัญ..เรียม) *********** ในวันที่ฝนทิ้งช่วง ลารวงเรียวระย้าย้อย ที่ห้อยหวานเคลียดินคอยฝน หัวใจดวงดายเดียวเดียวดาย ของสาวนาที่เหว่ว้าราวข้าวคอยฝนเฉกกัน ก็พลันได้หยาดฝันหยาดฝนจากดวงใจ มาพร่างหอมห่มริน ในวันนี้..วันที่อ้ายคืนถิ่นคืนหลัง กลับมาสู่สวรรค์บ้านนอกบ้านนา หัวอกหัวใจสาวนาดวงเหว่ว้า ราวผักบุ้งในบึงอวบอิ่มดีดผึงชูช่อชัน ผันเลื้อยยอด ออดอ้อนพรายทายท้าสายแสงแรกสุริยาแห่งวัน อ้ายยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น ใต้ร่มทองกวาวใกล้ ลานลั่นทม กับประกายน้ำวะวับวาวเต็มเรียวตาสีสนิมเหล็ก ที่พราวเมตตาอบอุ่นอ่อนโยน และราวแสนคิดถึงคะนึงหา นะนาทีนี้ นะลานลั่นทมนี้ ที่เคยฝากเพียงตรอมตรมระทมตาม ยามที่ใจดวงงามดวงใสซื่อของสาวนา แสนเหว่ว้าใจเมื่อหันไปเห็นดวงดอกเศร้า ปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง..ร้างไร้..ใครมาไยดี หากมิใช่วันนี้ วันที่หัวใจสาวนากลับเต้นตึกตักๆ ราวกับจะทะลักล้นออกมานอกทรวง อ้าย.. ค่อยๆก้มตัวลงช้าช้า เก็บดวงดอกลั่นทมดอกเหว่ว้า แดงขาวพราวดวงยังสดใหม่ในพืนหญ้าเขียวไพลเขียวขจี แล้วค่อยๆก้าวพาร่างเข้ามาชิดใกล้สาวนา พร้อมกับโอบประคองเอวบางร่างน้อย ให้เข้ามาเคลียไคล้อกอุ่นแข็งแรง แล้วค่อยๆทัดดวงดอกไม้หอมงามริมแก้ม ก่อนจะก้มลงเชยชมทั้งริมแก้มเรียวคาง ให้สาวนาครางครวญ โผผวากอดรัดอ้ายอย่างมิอายฟ้าดิน อย่างแนบแน่นเท่าแรงรักแรงคิดถึงคะนึงหา แรงเหว่ว้าหลงรอคอยมาแสนนาน เสื้ออ้ายเปียกชุ่มด้วยน้ำตา อ้ายค่อยๆประคองนวลหน้าเนียนแดดละออ แล้วจูบซับหยาดน้ำตาอย่างอ่อนโยนละมุน ตาสบตา..พลังแห่งรักปรารถนาโชนช่วง พลังจิตจากลิขิตฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญา กำลังเมตตา ให้สาวนาซ่านซึ้งสุขทุกข์มลายหายวับ และ ไม่จำเป็นต้องหาคำมาอธิบายค่าคำรัก ที่เลอล้ำค่านี้ ที่ไม่มีคำใด แทนที่ความรู้สึกลึกล้ำดำดื่มได้ทั้งสิ้นทั้งหมด สาวนา.. มองตาก็รู้ซึ้ง ถึงก้นบึ้งแห่งดวงใจรักภักดิ์พลี ที่ชาตินี้ ไม่ว่าวันเดือนปีจะผ่านไปนานสักปานใด หากดวงตาใสซื่อดวงใจมั่นคงจงรัก ยังคงจักสะท้อนทอทอด ออกมาจากจากจิตวิญญาณบ้านภายใน ที่แสนไสวราวแก้วกระจ่าง สะท้อนพร่างความเป็นรักนิรันดร์.. สาวนารำพันขอโทษอ้าย ที่หลงนอนคิดเดียวดายในบางค่ำคืน ลืมคำสอนหลวงพ่อ ที่บอกให้รู้รำงับจับจิตเพียงให้เกษมในพลังแห่งปัจจุบัน ทิ้งทั้งอดีตทั้งอนาคต อย่าโศกกำสรดเศร้านำมาอาวรณ์อาลัยไหวหวั่น ให้จิตนั้น พลันหยุดคิดไม่ได้ คล้ายดั่งกระแสน้ำ ที่มิปล่อยให้ผ่านไปหากกักไว้ให้ท่วมทุกข์ท้นล้นใจ สาวนา..พึงตระหนักในคำสอนนะบัดนี้ ว่าไม่ว่าจะคิดดีคิดร้ายคิดให้คิดเย็นคิคเป็น คิดคิดคิด..มิหยุดจิตไว้ให้ได้แล้วไซร้ รังแต่จะตกบ่วงใจ ไม่มีความสงบสะอาด สว่าง วางว่างได้เลย แล้วที่ไหนใจจะบานเบิกได้หลุดพ้นราวบัวพ้นน้ำเสียที มาผลิแย้มบานหวานตระการแจ่มรับสายแสงแห่งตะวัน ที่เปรียบประดุจดั่งคำสอนของพระบรมศาสดา ให้พาพ้นบึงน้ำโคลนน้ำคำน้ำดำเป็นเหยื่อเต่าตม หนีมิพ้นวงวนกรรม วิบากกรรมวิบากเก่า สาวนา สังเกตว่าอ้ายผอมลง หากยังคงแข็งแรงราวใช้แรงงานกลางแดดมานาน ที่คือพลังชีวิตสดฉ่ำ ที่ร่ำรินให้ได้ชิดเคียงใกล้ดินน้ำลมไฟ ให้พลังปราณได้ผสานผสมหยินหยาง พร่างพรมห่มร่างอย่างพอเหมาะพอดี และ ในวันนี้ กับดวงตาที่สุกใสสีสนิมเหล็ก ที่ราวมีมนต์สะกดด้วยพลังแสงสีเงินพร่างจรัสพราย ราวมีพลังจิตสามารถกระจายงามใจได้ ให้น้ำใจงามพราวแห่งรัก พร่างพรมห่มหอมห้วงจิตผู้ชิดใกล้ ให้มีชีวิตชีวาอันแสนเกษมปิติใจตามไปด้วยกัน สาวนาดีใจ.. ที่ยังครองชีวิตครองใจ มาตรแม้นมากมีใครใครพากันมามาดหมายข้องเกี่ยว สาวนาผู้รักเดียวใจเดียว ก็มิเคยเหลียวแลมอง ปองปรนเปรอให้ชายเชยชมชิด ด้วยคงเป็นลิขิตฟ้าดิน ที่ยังให้หัวใจถวิลรักเดียวใจเดียวเพียงอ้าย ให้คงมั่นให้ดวงใจภักดิ์พลีภักดี เพื่อรอคืนวันที่อ้ายจะคืนหลัง กลับมาเคียงกาย ได้ชิดใกล้หลอมละลายร่างเป็นหนึ่งเดียว ราวรอยไถไม่แปร...ฉันท์ใดก็เฉกนั้น ให้ได้มาปันหอมหวานหยาดสายสวาทเสน่หา ก่อนที่จะพากันประคองเรือชีวิต เข้าสู่ร่มธรรมร่มทอง ให้ลอยล่องไปฝั่งฝันสู่แดนดินแดนอันจักเป็นรักนิรันดร คืนนี้ ในท่ามกลางราตรีกอกลิ่นลั่นทม ริมกระท่อมไพรกระท่อมลั่นทม เรือนบ่มจิตเพียรฝึกสมาธิภาวนา สาวนาชวนอ้ายพากันไปก้มลงกราบกราน เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธิ์ผู้พิสุทธิคุณ ถวายมาลัยมะลิร้อยด้วยสร้อยโซ่ใจ มาลัยไพรมาลัยดวงดอกไม้รายรอบหลากสีนานาพรรณ ให้อวลกลิ่นอันหอมงามสงบเย็น อ้าย..สวดมนต์ พร้อมพร่ำอธิษฐานจิต บอกล่าวเล่าความจริงในใจ ที่จำพรากลาไกลไปจากสาวนา ที่ปล่อยให้หลงรอท่ามานานเนิ่นเกินนับ สาวนาน้ำตาหลั่งรินเงียบๆ ในคืนที่ฟ้าพร่างสุกใส ใจสุกสกาวกระจ่างราวได้ดวงแก้ววิเศษสว่าง คืนกลับมานำทางจิตนำทางชีวิตอีกหน ให้สู้ทนให้พ้นวิบากกรรม ให้พากันหลุดพ้น ไปสู่แดนดินในฝันไร้ร้างที่แสนเงียบงามว่างเปล่า มิต้องเหงาใจมาเวียนว่ายทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลสุขเศร้า เคล้าคลุกหยาดน้ำตาอีกต่อไป..ในภพไหนๆอีกเลยแล้ว ท่ามกลางเดือนพราวดาวแวววาวระยับ สาวนาชวนอ้ายมานอนรับลม ฟังเสียงเรไรนกไพรจิ้งหรีดกรีดร้อง พร้องเสียงผสานผสมร่ำรินกับกบเขียดในนา หลังฝนเทรินลงมาราวฟ้ารั่ว ราวรู้รวงทองรอรวงพรอ้อนโปรยมาในยามค่ำ ให้ฉ่ำเย็นก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะรับขวัญคนดีคนเดียวในดวงใจสาวนา ฟ้าเริ่มคลี่ม่านกำมะหยี่สีเงินงามเข้ม ดาวประจำเมืองเรืองรุ่ง เริ่มไรแสงทอนวลพร่างให้กระจ่างจิต อ้ายนอนหนุนตักสาวนา เล่าชะตาฟ้าลิขิตที่จำต้องไปใช้ชีวิตรับจ้าง กรีดยางในสวนทางภาคใต้ ที่มิได้ส่งข่าวให้สาวนารับรู้ หวังจะกลับมาพร้อมเงินเก็บกอบกำ ลบระกำตรากตรำให้สาวนามีความสบายขึ้น อ้ายสารภาพผิด ที่คิดเพียงแค่ว่าคงไม่นาน ก่อนสถานการณ์เลวร้ายจะพลันเกิด ให้อ้ายต้องหนีเตลิดออกมา ด้วยกลัวอำนาจมืด ก่อนที่ผู้คนจะกลายเป็นเหยื่อ ต้องรับกรรมถูกฆ่าฟัน อย่างไร้ความยุติธรรมอย่างไร้มโนธรรม เป็นผู้บริสุทธิ์ที่หาเช้ากินค่ำ ที่อุตส่าห์ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงใจทนทำไร่นา ให้นะวันนี้นั้นพืชผลนั้นไร้ราคาราวไร้ค่า เพราะไม่มีผู้ใดหาญกล้าเข้าไปรับซื้อ อ้ายเล่าความโหดร้ายที่ได้พบเห็น ภาพที่สะท้อนให้ใจดวงใสดวงฉ่ำเย็นของอ้าย กลายเป็นความค้างคาใจ..ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดผู้หวังทำงานสุจริตต้องมาพลอยรับกรรม พลอยงงงัน หาเหตุผลไม่ได้ให้กับชีวิตอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ว่าทำไม ทำไม ... คนในชาติ ที่เคยใช้ชีวิตสถิตทอดมาอย่างสมถะสงบสุขชั่วลูกหลาน ภายใต้ร่มฉัตรร่มธรรมร่มทอง ต้องพลอยมารับวิบากหมองมัว .. ด้วยความขัดแย้งความไม่เข้าใจ ในวิถีทางแห่งการเมือง ที่คือความโหดร้าย คือความตายอย่างไร้ปรานี ของผู้ที่เคยใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี อย่างรู้พอเพียงเพียงพอมายาวยืน บนผืนดินทองแห่งนี้ ที่มีพลังเมตตาแผ่ไพศาล อย่างไม่มีการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ศาสนาให้แตกสามัคคี และ ผืนดินแห่งนี้ คือแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองแห่งความร่มเย็น ที่ทุกธุลีหล้านั้น มีแต่ความหอมงามหอมให้มากล้นน้ำใจของน้องพี่ อย่างมีเมตตาธรรมแก่กันและกัน อย่างพุทศาสนิกชนพึงปันแบ่งแบบพึ่งพิงพึ่งพา อย่างไม่มีคำนึงถึงชาติศาสนา มาเป็นอุปสรรคคอยขวางกั้น ความรักสามัคคีความดีความงาม เพื่อสีบทอดความปรองดองให้ครองจิตคนในชาติ ให้เป็นมรดกลูกหลานเหลนโหลนภายหน้าตราบชั่วฟ้าดิน แต่นะวันนี้ อ้ายคนดีตัดสินใจ รอเวลาที่ทุกฝ่ายจะหันหน้าเข้ามาเจรจากัน อย่าผู้ที่ได้อาศัยแผ่นดินนี้ พักพิงยืนหยัดมายาวนาน หยุดความแล้งไร้ที่ราวไฟลุกโหม ให้เกิดสงครามและความตาย มากมายมากขึ้นทุกทีๆหากไม่ช่วยกันหันหน้ามาเจรจา และดับไฟแห่งความไม่เข้าใจนั้นลงเสียให้ได้ในเร็ววัน อ้ายเลยตัดสินใจกลับ คิดแค่ว่าจะกลับมาลาสาวนาคนดี มาพลีจิตบอกความจริงทุกสิ่งมิให้ค้างคาใจ หากจะตัดสินใจ..ทำบางสิ่งที่ลูกผู้ชายไทยพึงทำ เพื่อเทิดขวัญเทิดรัก ยอมสละชีวิตรักชีวิตส่วนตัวที่แสนสั้นนัก ให้ผืนแผ่นดินแห่งรักจักตราตรึง คุณงามความดีที่ต้องยิ่งใหญ่ สำคัญกว่าความรักแบบปุถุชน เมื่อหนีไม่พ้น ทั้งที่ยังหวังว่าทุกอย่างคงสงบในไม่ช้า เพราะนั่นคือหนทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่ถูกต้องที่สุด ก่อนทุกอย่างจะยิ่งลุกลามไปกันใหญ่ ให้หัวใจอ้ายไม่มีทางเลือก สาวนา.สะอื้นไห้ ทั้งเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านไป ทั้งปิติใจทั้งเกษมสุขเศร้า ทั้งหนาวใจ ที่อนาคตข้างหน้านี้ ยอดดวงใจคนดีอาจจะต้องพลีชีพเพื่อผืนดิน และไม่มีวันคืนกลับมาหาสาวนาอีกเลยแล้ว สาวนาจึงได้แต่ละหลั่งรินน้ำตาในนาทีสับสนนี้ อย่างที่รู้ดีว่า เส้นทางแห่งโลกอารยะนั้นนับวันจะพรากลา พาให้ก่อเกิดสงครามแห่งความเห็นแก่ตัว ให้แม่พ่อพี่น้องผองเพื่อน ต้องมาล้มหายตายจากพรายพลัดพรากราวใบไม้ร่วง ยังไม่นับบ่วงกรรมลูกโซ่ ที่มนุษย์ในโลกนี้เพียรสร้างแล้วทำลาย ราวไร้มนุษยธรรม ราวไม่รู้รักษ์โลก รู้จักคำพอเพียงเพียงพอ อยู่อย่างโอบเอื้อแบ่งปัน อย่างช้าๆอย่างรู้ค่าคำธรรมชาติ ดินน้ำลมไฟ ให้ทรัพยากรแห่งโลกนี้ ที่นับวันจะริบหรี่ลดน้อยถอยลดลงไปทุกวันๆ สาวนากอดอ้ายแนบแน่น ด้วยอ้อมแขนอ้อมใจแห่งความปิติใจภาคภูมิ ค่อยลูบไล้ใบหน้าอ้ายไล้แผ่วเบาอย่างปลอบประโลม ราวให้ลืมคืนหนาวดายเดียวเปลี่ยวเหงาใจมาอย่างยาวนานนัก หยาดน้ำตาแห่งความรักภักดิ์พลีหยาดรินมิสิ้นสาย อ้ายคนดี..คืนกลับ ความละมุนหวานกรุ่นใจให้สาวนาไหวหวาม ค่อยๆจูบนิ้วหยาบกร้านของสาวนาอย่างละเมียดละไม แล้ววางประทับไว้กับเรียวปากอย่างซึ้งใจซึ้งค่า เกินกว่าจะหาคำมาพร่ำพรรณนา ถึงทุกสิ่งที่ดิ่งด่ำล้ำลึกนะจิตวิญญาณภายใน หยาดน้ำตาแห่งความดีความปิติ ค่อยๆคลายจาง และ ในท่ามกลางเดือนแจ่ม และเสียงดุเหว่าแว่วหวาน ผ่านแมกไม้ไทยแมกไม้ไพร ที่อวลกลิ่นลอยมาตามลม สองดวงใจในผ้าห่มอุ่น ในม่านมุ้งบังให้ร่างรักเคล้าเคลียพลอดพร่ำรำพันรัก ในเงาแสงจันทร์แสงตะเกียงฝันอันริบหรี่ไหว หากทว่าไฟรักมิมอดดับ กลับพร่างโชนระรินอย่างมิสิ้นสายสวาทเสน่หา จนอุษาฟ้าสางใกล้สว่างรำไรๆ ให้นกเขาไพรยังคงขันคู.. สาวนา..ละเมอละไมในม่านมุ้ง ในอ้อมอกอุ่นแข็งแรงของอ้าย ให้ฝากคำเพ้อพ้อภาษารักแน่นหนักภักดีที่มีต่อ ชายชาตรีชายเดียวในดวงใจ ชายผู้กล้าแกร่งกร้านแดดเกรียมลม หากให้อารมณ์โลมไล้บรรเจิดจิตนัก ยามได้ลิ้มชิมรสรัก จากใจดวงปรารถนาหลอมละลาย.. ........... สาวนา..ค่อยๆปล่อยให้อ้ายนอนพัก แล้วขยับเขยื้อนตัวให้พ้นอ้อมอกอุ่น หมุนไส้ตะเกียงไล้สูง แล้วเข้าครัวเตรียมสำรับ ทำน้ำพริกมะม่วงสับ แกล้มกับผักสด ต้มกะทิสายบัว แกงคั่วส้มปลากรายกับผักบุ้งนา เป็นอาหารมื้อแรก ที่หวังอ้ายจะประทับใจในรสมือนี้ ที่รอคอยปรนนิบัติพัดวีมานานวัน ฟ้าเริ่มพรายแสงอ่อนหวานอ่อนอุ่น. สาวนาชวนอ้ายลงไปเที่ยวท่องในท้องนา ลุยโคลนจับปลาและพากันไปว่ายน้ำในบึงบัว ในยามนั้น พลันสาวนาราวได้ยินบทเพลงแห่งรักอมตะ หวานแว่วแผ่วผ่านลำประโดงมา http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=223 ขวัญเรียม เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่ แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม... ******* สาวนา..ยิ้มหวาน ให้อ้ายวักน้ำถูหลังให้อย่างโลมไล้ละมุนซุกไซร้ซุกซน ในท่ามกลางกรุ่นกลิ่นเกสรบัวพร่างพราย ให้อ้ายกระซิบว่ายังแพ้กลิ่นสาวนา..ที่อ้ายรักนักรักหนา และจะขอฝากคำมั่นสัญญาว่า.. ตราบชั่วชีวาชีวิตนี้ จิตของอ้ายจะมิพรากลาไปไหน หากจะยังคงวนมาปกป้องคุ้มครองร่างใจ ให้ยอดดวงใจ มาตรแม้นว่าร่างจะดับไป หากจิตจะไสวกระจ่าง จะสถิตทอดคอยดูแลสาวนา ตราบจนกว่า ทั้งสองดวงวิญญาญ์จะได้พาพบกัน พาพลันลอยล่อง ท่องสู่วิมานแมนไปสู่แดนสวรรค์สรวง.. ราวรวงคู่เคียวทองตราบชั่วนิจนิรันดร์..
26 ตุลาคม 2547 22:04 น. - comment id 357886
http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=198 หากแม้นเลือกเกิด เองได้ คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร ตามใจเขา ปรารถนา แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ หากร้อนผิวกาย ใจระทม ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง อยากเกิดมาเป็น สีแดง แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้ อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง จะขอเป็นแหวนสวมก้อย เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์ ขอเกิดเป็นหมอนข้าง เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน...
26 ตุลาคม 2547 22:37 น. - comment id 357900
จริงๆยังมีฉากไร่ข้าวโพด ที่สาวนาเพิ่งลงแรงไว้ กำลังค่อยๆคลี่ใบเขียวใสละออ ราวผิวละอ่อนบอบบางของทารกไพร ในอ้อมแขนของขุนเขาเงาฝน วันที่อ้ายวิ่งไล่สาวนาให้หญ้าคาบาด และอ้ายนั้นค่อยไล้ลูบเท้าตรงบาดแผล อย่างทะนุถนอมนัก ถนอมรัก รอติดตาม *ไร่ข้าวโพดไพรในหอมละไมกลิ่นทุ่ง*นะจ๊ะ
26 ตุลาคม 2547 23:21 น. - comment id 357915
สาวนาสั่งแฟน พุ่มพวง ดวงจันทร์ : : Key Dm หากมีเวลา มาเยี่ยมบ้านนา บ้างเน้อพี่เน้อ อย่ามัวไปเห่อ แสงไฟในเมืองมั่งคั่ง อย่ามัวไปจ้อง ติดนักร้องคนดัง ทุ่มเงินเป็นตั้ง แล้วก็ยังไม่ได้ตัว ได้กินไข่ดาว สดสดคาวคาว หอมหอมฟุ้งฟุ้ง อย่าลืมบ้านทุ่ง ที่กินผักบุ้งแกงคั่ว เจอสาวงามทรง อย่าไปหลงตามัว ไปคว้ามามั่ว ระวังตัวหน่อยหนา เก็บเงิน ได้เท่าไรแล้วพี่ ลุงมาป้ามี พ่อของพี่บ่นหา เมื่อไหร่ พี่จะกลับบ้านนา ช่วยส่งข่าวมา ล่วงหน้าจะได้ไหม หากพี่กลับมา ซื้อผ้าตาตา ฝากน้องบ้างเน้อ อย่าให้คอยเก้อ นะพี่อยากมีเสื้อใหม่ อย่าพาหญิงงาม กลับมาหยาม น้ำใจ หากพามาได้ แต่อย่าให้สวยเกิน หากพี่กลับมา ซื้อผ้าตาตาฝากน้องบ้างเน้อ อย่าให้คอยเก้อ นะพี่อยากมีเสื้อใหม่ อย่าพาหญิงงาม กลับมาหยามน้ำใจ หากพามาได้ แต่อย่าให้สวยเกิน... แทนใจสาวนาด้วยเพลงอมตะนี้
27 ตุลาคม 2547 11:35 น. - comment id 358053
ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก
27 ตุลาคม 2547 15:59 น. - comment id 358227
อยากเป็นเรียม อยากเป็นขวัญหรือเปล่า ถ้าเป็นก็เศร้า แต่เขาก็รักกันดีจัง
30 ตุลาคม 2547 20:15 น. - comment id 360405
อ่านเรื่องสาวนา ที่หมู่บ้าน คิดถึงต้นข้าวในนาที่ขาดฝนทิ้งช่วง ปีนี้รวงข้าวคงลีบลง ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวแล้วครับ ปีนี้ผลผลิตข้าวไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ชาวนาคงจะแย่แน่ปีนี้