เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ.2547 ซึ่งก็คือ 1 วันก่อนวันครู วันนี้ฉันไปโรงเรียนตามปกติโดยเดินเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บไว้ที่ห้องเรียนแล้วไปเข้าแถวที่อีกอาคารหนึ่ง ฉันนั่งรอเพื่อนๆบางส่วนที่ยังไม่มาเข้าแถว เธอเดินมาพอดีด้วยการแต่งตัวที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เธอต้องใส่เสื้อตัวใหญ่ๆกับกางเกงวอร์มเพราะเป็นครูสอนพละ วันนี้เธอกลับใส่เสื้อและกระโปรงสีชมพูอ่อน แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันสนใจ เมื่อถึงกำหนดการของเวลาที่วางไว้ครูทุกท่านเข้าประจำที่รวมทั้งเธอด้วย พิธีไหว้ครูหรือกตัญญุตานี้ใช้เวลาเป็ดเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง หลังพิธีฉันเดินข้ามอาคารกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองตามปกติ เธอยืนคุยกับมิสท่านหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูอาคาร ฉันมองเธอและเธอมองฉันแต่ก็ไม่มีอะไร พักเที่ยงฉันเดินข้ามตึกเพื่อไปทานข้าวเที่ยง ฉันต่อแถวซื้ออาหารและเดินหาที่นั่ง เธอเพิ่งทานเสร็จและกำลังเดินไปเก็บจานพอดี จากนั้นเธอก็เดิน เดิน เดินจนหายลับไปจากสายตา หลังจากทานอาหารเสร็จฉันก็เดินกลับตึกทันทีที่สัญญาณเพลงดังให้เข้าห้องเรียน เดินไปยังระเบียงหน้าห้องเรียนซึ่งในห้องนั้นเปิดไฟอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของและเมื่อหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้องก็พบว่าเธอนั่งอยู่ที่หน้าห้องเรียน ฉันล่ะงงว่าเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ฉันพยายามควบคุมอาการและสีหน้าให้เป็นปกติ พยายามไม่ให้ไปมองเธอแต่ก็หันไปจนได้ พอแล้ว..ออกไปเข้าแถวดีกว่า เมื่อเดินแถวเข้ามาในห้องเธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม คาบเรียนนี้เธอจะอยู่กับฉันอย่างนั้นหรือ เสียงคุยของเพื่อนๆในห้องคงมากเกินกว่าที่เธอจะรับไหวแล้ว เพราะสายตาของเธอดูโกรธ เธอจึงเดินออกมาที่หน้าห้องและพูดกับทั้งห้อง แล้วเดินออกจากห้องไป วันนี้เลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษเนื่องจากครูทั้งโรงเรียนติดธุระ ฉันจึงเดินไปทานไอศครีมที่โรบินสันบางรักกับเพื่อนอีก 5 คน เดินกลับมาที่โรงเรียนอีกทีก็ 15.30 น. ฉันนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนอีก 2 คนแต่ใจยังคอยพะวงอยู่กับเธอ ฉันจึงเดินออกไปดูมอเตอร์ไซค์ยานพาหนะคู่ชีพของเธอซึ่งยังคงจอดนิ่งอยู่กับที่ งั้นก็แปลว่าเธอยังไม่กลับบ้านน่ะสิ ตอนนี้เพื่อนคนหนึ่งกลับบ้านไปแล้ว ฉันจึงเดินเล่นอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เดินไปเดินมาก็ไปเจอเธอซึ่งเดินอยู่ที่หน้าตึก เธอปล่อยผมยาวที่ปกติแล้วมักจะรวบไว้เสมอ เธอน่ารักจริงๆ ฉันแอบตามไปดูเธอในระยะห่างๆ เธอเดินสะพายเป้ไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงทางที่จะไปท่าเรือ ฉันเฝ้ามองเธอเดินไปแล้วหยุดเดินกับมิสท่านหนึ่ง มองไม่ชัดนักว่าเธอทำอะไรอยู่แต่เมื่อรถคันหนึ่งเข้ามาจอดบังหน้าอยู่สักครู่และขับผ่านไป เธอก็หายไปแล้วฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังทางออกฝั่งท่าเรือพร้อมกับเพื่อน ผ่านมอเตอร์ไซค์หมายเลขทะเบียน บทง381 ของเธอและหยุดมองว่าเธอจะกลับบ้านอย่างไรกันถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย เธอหายไปไหนกันนะฉันคิดในใจและยังคงเดินต่อไปยังประตู ฉันหยุดที่ตรงรั้วเหล็กมองออกไปและพบว่าเธอยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมิสที่เดินมาด้วย ท่าทางเธอคงจะกลับบ้านด้วยรถของมิสคนนั้น ฉันไม่รู้ว่าควรจะเดินต่อไปหรือไม่แต่ทันใดนั้น เอ้า! สองสาวยังไม่กลับอีกเหรอ กลับกี่โมงล่ะ เธอถามฉันด้วยน้ำเสียงร่าเริงดังเช่นเคย บังเอิญว่าเธอหันมาเห็นฉันพอดีฉันจึงติบเธอไปว่ากลับ 5 โมง เธอยิ้มให้ฉันและขึ้นรถของมิสท่านนั้นซึ่งขับไปยังที่ไหนก็ไม่รู้จากไป หัวใจของฉันพองโตเพราะความตื่นเต้นในวินาทีที่ฉันได้อยู่ใกล้เธอหรือเพียงแค่ได้ยินเสียงเรียก แต่หัวใจฉันก็หล่นวูบในนาทีที่เห็นเธอจากไป เฮ้อ!ทำไมน้า...ฉันกับเธอถึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานๆซะที เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์
13 ตุลาคม 2547 22:54 น. - comment id 350619
ขอบคุณเพื่อนพี่ๆชาวไทยโพเอมทุกคนที่ช่วยกันเข้ามาแสดงความคิดเห็น และขอบคุณผู้หวังดีทุกคนที่ช่วยกันเข้ามาแสดงความคิดเห็นแต่ไม่ยอมลงชื่อจริง ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยบอกให้ด้วยละกันนะคะ สำหรับเหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์นี้ก็เป็นเรื่องจริงจากชีวิตของอาชาเองค่ะ เรื่องสุดท้ายที่หลายคนสงสัยมาก็อยากจะชี้แจงว่า อาชา กับ ฮิคารุ คือคนเดียวกันค่ะ แต่ตอนนี้ได้ย้ายสำมโนครัวมาเป็นอาชาอย่างถาวรแล้วนะคะ *-*
8 กุมภาพันธ์ 2548 20:31 น. - comment id 413957
สวัสดีนะอาชา เรารู้ว่าเรื่องนี้มันจริงสุดๆเลยล่ะ แต่ตอนนี้ความคิดในเรื่องนี้ของอาชาคงเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม กลายเป็นม.ร.ร.แทนใช่ไหม หันกลับไปให้ความสนใจกับเธอคนนั้นบ้างนะ
8 กุมภาพันธ์ 2548 20:32 น. - comment id 413958
สวัสดีนะอาชา เรารู้ว่าเรื่องนี้มันจริงสุดๆเลยล่ะ แต่ตอนนี้ความคิดในเรื่องนี้ของอาชาคงเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม กลายเป็นม.ร.ร.แทนใช่ไหม หันกลับไปให้ความสนใจกับเธอคนนั้นบ้างนะ