url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=94 (ขวัญใจเจ้าทุย) ********** ตีห้า..นาฬิกานกเขาไพรร้องปลุก ให้ลุกมาฟังบทเพลงแห่งสายฝน ที่พริ้งพรายกรายกลืนไปทั่วทั่งผืนฟ้า หยาดน้ำทิพย์ที่มากเมตตา ราวหยาดน้ำตาจากนางฟ้าแสนเสียสละ ที่หลั่งรินลงมา ชะโลมหล้าไทย ชะโลมใจทุกดวง ให้ชาวนาแย้มยิ้มอิ่มเอมหากมีน้ำพอดี ที่จะพอเพียงเลี้ยงหล่อกอข้าวให้แตกรวงระยับ ให้คอข้าวแทบหัก ทนรับรวงระย้าย้อยห้อยเคลียดินแทบไม่ไหว ดวง..ขอละมุนใจ เปิดเพลงหวานๆจากพี่แจ้ มากำนัลเป็น*ขวัญข้าว* เป็น*ขวัญเช้า*แด่ทุกดวงใจแล้วกันนะคะ มาฟังดีเจดวงห่วงหาพาคะนึงรัก ฝากกระซิบภักดิ์พลีไปกับฟ้าและฝนดีกว่านะคะ มามะ..คนดีดวงใจ..มาฟังค่ะ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4454 น้ำตาฝน แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ : : Key Gm ฟ้า หรือฝน ลมจะเท มาเพียงใด ไม่เจ็บ เท่าไร ใช่ไหมฟ้า ไม่ทัน ข้ามวัน หมดแรงฟ้า เมื่อไรพลัน ลมฝน คงผ่าน เลย ไป คน ซิคน ลวงล่อคน ซิเจ็บกว่า ไม่แบ่ง เวลา ดั่งเหมือนฟ้า ไม่พูด ไม่จา เบื่อหน้า ลืมได้ ทันที เจอะ คน ใจ ร้าย ใจดำ ก็มีแต่ช้ำ รับกรรม ตากฟ้า ตากฝน ยังชื่นฉ่ำ กว่าเจอ หน้าเธอ คนลืมคำ จะจำ เอาไว้กับใจ ว่าใจ เธอร้ายกว่าใคร ฟ้า หรือฝน ลมจะเท มาเพียงใด ไม่เจ็บ เท่าไร ใช่ไหมฟ้า ไม่ทัน ข้ามวัน หมดแรงฟ้า เมื่อไรพลัน ลมฝน คงผ่าน เลย ไป คน ซิคน ลวงล่อคน ซิเจ็บกว่า ไม่แบ่ง เวลา ดั่งเหมือนฟ้า ไม่พูด ไม่จา เบื่อหน้า ลืมได้ ทันที เจอะ คน ใจ ร้าย ใจดำ ก็มีแต่ช้ำ รับกรรม ตากฟ้า ตากฝน ยังชื่นฉ่ำ กว่าเจอ หน้าเธอ คนลืมคำ ได้ โปรด เถิด ฟ้า ปราณี ข้าเจ็บคราวนี้ ไม่มีดี ถูกคนใจร้าย ย่ำยี เจ็บปวดเหลือที่ ช่วยข้าที ข้าวอน ให้ลมกับฟ้า จงพา ให้ฝนตกมา ให้หยาดฝน ลบคราบน้ำ ตา... ******** นาทีนี้ อยากให้อ่านงานสาวนา แล้วหลับตา พาใจล่องลอยไปกับธรรมชาตินะ มิใช่ลอยล่องไปหาใคร หาคนที่ทำให้ทุกข์ทน พาใจดวงใสดวงงามราวนกอิสระใจ เหิรบินข้ามขอบฟ้ากว้างไกล ข้ามลำเนาไพร ข้ามภูเขา แมกไม้ สายน้ำ สายธารระรินไหลหวานๆอย่างช้าช้า..ช้าช้าและช้าช้า ไปปล่อยลงตรงนาข้าวใกล้*ทะเลน้อย* หากไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนก็ลองค้นหาดู ทะเลสาบสวยที่มีความงามเกินบรรยายเลยค่ะ มามะ นอกจากจะเป็นดีเจดวง.. จะพ่วงพาไปเป็นมัคคุเทศก์รัก นะบัดนี้ ตามมามะ มาอีกทีทุกคนดีทุกดวงใจ ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองเรือนแห่งมากมีน้ำใจ น้องพี่ ...ที่รัก รัก รัก เป็นยิ่งนักเสียยิ่งแล้ว.. มาสิมาไปด้วยกัน..หลับตาฝัน ฝัน ฝัน ได้เลยค่ะนะคะ พลันจะพาพบ ทะเลบัวที่งามเอยงามเสียจริงยิ่งกว่าจะหาคำใดมาชมนั่น ************ http://www.muanglung.com/talanoi.htm> นี่แค่ตัวอย่างค่ะ ในปี พ.ศ.2517 ราษฎรกลุ่มหนึ่ง ใน หมู่บ้านทะเลน้อย ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ได้ร่วมกันเสนอต่อ นายผ่อง เล่งอี้ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายจัดการสัตว์ป่า กองบำรุง กรมป่าไม้ ขอให้มีการจัดตั้ง อุทยานนกน้ำทะเลน้อย เนื่องจากมีการล่านก ที่อาศัยอยู่อย่างชุกชุมในพื้นที่ทะเลน้อย ทำให้จำนวนนกที่มีขนาดใหญ่ เช่น นกกาบบัว ลดลงเรื่อยๆ จนเกรงว่าถ้าไม่อนุรักษ์ไว้ นกเหล่านี้จะต้องสูญพันธุ์ในไม่ช้า กรมป่าไม้จึงส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจสถาพพื้นที่ และสัตว์ป่าในทะเลน้อย และ ได้ประกาศให้ทะเลน้อย ซึ่งมีพื้นที่ 17,500 ไร่ และพื้นที่ป่าในบริเวณใกล้เคียง คิดเป็นเนื้อที่รวมกันราว 285,625 ไร่ เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2518 เป็นต้นมา แต่ชาวบ้านมักเรียกกันติดปากว่า อุทยานนกน้ำทะเลน้อย ******* ลองแค่คลิ๊กนิ้วเดียวนะคะ http://www.muanglung.com/talanoi.htm จะพาเข้าไป พบความมหัศจรรย์ใจในUNSEEN ไทยแลนด์ แดนดินแห่งความน่าภาคภูมิใจ ที่หัวใจสาวดวงคนนี้แสนรู้คุณค่าค่ะ เนื่องจากว่าเคยไปใช้ชีวิตในเมืองนอก ที่ไร้ทรัพยากรงาม อย่างผืนดินขวานทองของเรามานานพอ จนขอบอกได้เลยว่า เรานี้หนาแสนโชคดี ที่ได้ก่อเกิดกายมากับผืนดินแห่งศิลปินศิลปะ แผ่นดินพระ แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร ที่งามพราวราวฉัตรเพชรกั้นเกศคุ้มปองผองไทย.. ที่คนเรานั้นหนาบางทีหารู้ค่าไม่ จนกว่าจะเป็น แบบบ้านเมือง..ที่แทบ*สิ้นชาติ* ด้วยขาดรักสามัคคี* ด้วยขาดความปิติภาคภูมิในผืนดิน ที่ไปหลงกลิ่นอารยะธรรมปลอมๆ หลอมลวงให้หลงมั่นว่า นั่นคือความโก้เก๋เด่นดังอลังการหวานหอม ให้ค่อยๆมาหลอมละลายกลืนงามละมุน ลืมวัฒนธรรมอันหอมกรุ่น โขน ละคร ลิเก มโนราห์ มโหรี ดนตรีไทย ศิลปมากมายมากมี ที่ถ่ายทอดมาจากเนื้อใจอันประณีตอ่อนหวานอ่อนไหว เป็นเส้นสายลายใจลายไทย อันละเมียดละมุนใจในทุกลีลาแห่งชีวิตจิตวิญญาณ ผ่านดินดีที่เรียกกันว่าดินทองของหล้าโลก ที่แสนจะถือเป็นโชค ที่พระเจ้าเบื้องบนอุตส่าห์ประทานพร มอบให้คล้ายของขวัญอันประมาณค่ามิได้ เอ๊ะ! สาวดวง..ผู้มากห่วงใยผู้มากละมุน รจนาไปรจนามา กลับมารักเมืองไทยชูชาติไทยทะนุบำรุง ให้รุ่งเรืองสมเป็นเมืองของไทยของใจ ฉะไหนฉะนั้นละฉะนี้ล่ะคะ คงเป็นวิญญาณสาวโบราณอยุธยามาสิงร่างค่ะ ให้มากระซิบบอกสาวสาว สาวไทยปัจจุบันว่า กว่าจะสร้างบ้านแปลงเมือง มาเป็นเมืองไทยเมืองธรรมเมืองทองนั้น ต้องผ่านหยาดเลือดรัก และหยดน้ำตาชะโลมหล้าชะโลมดินมามากเท่าไร ให้อ่านประวัติศาสตร์ไทยดีกว่าไหมที่รักทุกดวงใจ เผื่อจะหันกลับมารักวัฒนธรรม รักวิถีงามอันควรรักษา หากพอจะมีเวลา หันมานุ่งผ้าถุงไปวัด ในวันพระสักวันก็ยังงามยังดีในรอบเดือน พลีให้จิตรับความงามความดี อย่าให้เลือนลืมถึงรอบปีเลยนะคะคนดี ให้รู้รักษาใจรักษาจิตรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม รักความงามอันล้ำค่า อย่ามัวแต่หลงนุ่งยีนส์ยุ่ง นุ่งเปิดสะดือถือเอาเพียงแค่งามง่าย งามหนักงามนอกงามแพงแข่งขันกันทั้งเมือง ให้ลองเลือกลอกเปลือก พาไปพบกระพี้เพชร กระพี้ธรรม กระพี้ทอง ที่ห่มห้องจิตสนิทรอราวขุมทรัพย์นับอนันต์สอนพอ นะบ้านภายในนะคนดีนะดวงใจ ****** ดวง..รจนาพาจิต ไปตามงามจิตงามใจ ที่เมื่อวานนี้ได้โอกาสไป น้อมศิระกราบกรานน้อมสร้างสะสมกุศลบุญ ฝึกมีสมาธิมีปัญญา ตรงหน้าพระพักตร์พระพุทธชินราชในโบสถ์วัดเบญจมบพิตร ดวงนั่งน้ำตาไหลด้วยความภาคภูมิปิติ ที่งามจิตงามใจงามจนซึมเข้าไปถึงเนื้อใจ อันรู้ซึ้งถึงความล้ำเลอค่า ที่บรรพบุรุษเราอุตส่าห์ถนอมรักษาความดีความงาม เพียรประคองอย่างแหนห่วง ให้ล่วงมาถึงเราได้ซึมซับรับรู้ ได้รู้รักษาความงามประณีตนี้ ที่ยากจะมีในหลายๆประเทศที่กำลังเข่นฆ่า หาความสงบใจสงบสุขเป็นไม่มี เราคนไทยนี้..เกิดมาทั้งที แล้วจะทิ้งคำว่าโชคดี ที่ได้พบพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ ได้ตรงลงมาเกิดในผืนหล้าผืนดินทอง ที่แม้นนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมาทึ่งตะลึงตะไล ในมนต์ขลังอันมีเสน่ห์อันเก๋อันเท่ห์ทนยาวยืน เกินกว่างามฉาบฉวยละหรือไร ดวง..อยากรจนาจากใจฝากจิตวิญญาณ ไว้ให้หนุ่มเหน้าสาวไทยได้ตระหนัก ถึงความเป็นรักที่ยิ่งใหญ่ เหนือดวงใจเหนือสิ่งใดในหล้าโลก เป็นความภาคภูมิใจ ที่แสนรักเอยแสนรักในกมลละมัยนี้ ที่อยากกระซิบอีกทีว่า.. ให้รู้ค่างาม อย่า..ตามๆกันไปกับโลกอารยะที่ฉาบฉวย ระรวยรินไปด้วยกลิ่นไอแห่งความฟุ้งเฟ้อ เผลอตามก็เป็นหนี้วัตถุ หนี้ใจ สิ้นความละไม ให้ชดใช้ไม่สิ้นสุด หากมิหยุดอยากและ ด้วยความเครียดไปทุกหย่อมหญ้า จงอย่าตกเป็นทาสอารยธรรมตะวันตก ที่บางครั้งมากมีสิ่งสกปรกซ่อนเร้น ให้ลืมความเป็นเผ่าพันธุ์ อันมากด้วยจริยธรรมของความเป็นมนุษย์ ให้รู้รักสงบพบความงามง่ายใช้ชีวิต อย่างสมถะพอเพียงเพียงพอ..ค่ะ ******* และก็ ดวงขอลาล่วงด้วยห่วงใยห่วงใจ ไปกับบทเพลงแห่งดวงใจนะคะ และ ก็ฝากงานธรรมชาติ ที่สู้รจนาวาดหวัง ให้อ่านเอาอิ่มเอิบสืนสานความรู้ค่าละมุน จะได้หมุนช่องจิต มารับงามใสงามง่ายงามให้ที่แสนใกล้ตัวใกล้ใจ มิจำต้องมัวเสียเวลา ไปคว้าหาของที่ต้องเสียเงินงามค่ะ นะคะ. และมาดแม้นงานสาวดวงจะยาวย้วยสวยน้อย ก็หวังให้ทุกดวงใจน้อยๆน้องๆ ผู้รักกาพย์กลอนบทกวีได้เพียรพยายามอ่าน เพราะการอ่าน *คือการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาค่ะ* ให้รู้ค่ายอมเสียเวลา รอเวลาผลิก้านกอหน่อกิ่งใบแตก*ผลเพชร* เด็ดดวงใจคนในชาติด้วยผลงาน ตามวาดหวังไขว่คว้าดาว อันงามอะคร้าวอะเคื้อมาประดับใจ มาใส่อุ้งมืองามตามความเพียรพยายาม ให้หางามจิตได้พบเจอ ให้สมองสองมือน้อยพร่างพราย ราวมีดวงดอกไม้เพชรระยิบระยับมิดับไฟฝัน ให้ได้ร่ายมนต์เสน่หา สร้อยอักษราภาษาใจภาษาธรรม ภาษาธรรมชาติ ภาษาพิสวาท ภาษารักระรินมิรู้สิ้นรู้จบงาม ดั่งหยาดน้ำค้างพร่างออกมา จากสายธารใจสายธารชีวิตสายธารแห่งจิตวิญญาณ อย่างงามเงียบเฉียบคมค่ะ ให้คู่คนคู่หล้าดั่งเดือนดาราพริบพราวประดับฟ้า ประดับโลกบรรณพิภพ ตราบทบเท่าทวีคูณให้ดียิ่งกว่าดี..ดียิ่งยิ่งขึ้นไปค่ะ ด้วยดวงใจ.. ****** แค่คนที่รักเธอ ไม่ใช่คนที่เธอรัก ดวง..ตื่นนอน ยามใกล้รุ่ง... ดวงดาวยังส่องแสงสุกใส และจันทร์เสี้ยวยังแขวนฟ้า รอวาระแห่งทิวากาล เปล่งแสงเรื่อเรือง ทางขอบฟ้าทิศตะวันออก ไก่โต้ง..ยังส่งเสียงขันเป็นระยะ .. ไอดินกลิ่นฝน ยังระอยู่ตามยอดไม้ ใบหญ้า ดวงเดินไปข้างครัว ปลิดกล้วยเล็บมือนางเหลืองงอม ที่สุกคาต้น..ป้อนปาก แกล้มชาเขียวหอมอุ่นอุ่น ควันกรุ่นในแก้วที่ถือติดมือมา.. เปิดซี.ดี..เพลงหวานลึกบาดใจ กระชากใจ จากเสียงเสน่ห์ของ คุณก็อต จักรพรรณ์ ให้เข้ากับบรรยากาศงามในยามเช้าแสนดี.. จากคนที่รักเธอ........... * แค่คนรักเธอ....ไม่ใช่คนที่เธอรัก ได้มารู้จัก ได้แอบรักก็สุขใจล้น เธอคือนางใจ สดใสเมื่อยามได้ยล ช่วยคนหนึ่งคน ให้พ้นจากความหม่นหมอง เฝ้าคอยภักดี ทั้งที่มีสิทธิ์เพียงน้อย สุขที่ได้คอย สิทธิ์มีน้อย ไม่เคยเรียกร้อง ได้งมเพียงเงา ยามเหงาขอเพียงแค่มอง ไม่ได้ครอบครอง แอบจ้องก็เพียงในใจ มีชายหลายคน ที่คอยเดินตาม ไม่กล้าถาม ว่าใครขอเธออย่างไร ไม่กล้าท้วง ยามเห็นเธอควงกับใคร เจ็บท้อรอไป.... เทใจให้เธอได้เห็น *แค่คนรักเธอ ไม่ใช่คนที่เธอรัก ทำใจแน่นหนัก ต่อใยรักไม่เคยว่างเว้น หวังเพียงวันหนึ่ง เธอ..ซึ้ง..ความดีที่เห็น เปิดทางให้เป็น ให้ฉันเป็นคนที่เธอรัก*(ซ้ำ) ************ วาระอรุณสะอ้าน กำลังทายทัก พร้อมกับกลิ่นฝนกลิ่นฝัน กลิ่นดอกจำปี ที่ปลิดกลีบร่วงหล่นปลิวลมควะคว้างจรุงใจ กับหยาดน้ำค้างละมุน.. เงียบสงัด จนหัวใจสัมผัสได้ถึงงามเงียบ.. เพื่อนสีเขียว..รายรอบ ระบัดใบออดอ้อน ฟ้อนรับลมอรุณ เมฆสวยเติมฟ้าแรกแย้ม ตะวันนวลชวนให้แก้วขยับกลีบดอกเผยอแย้มช้าๆ แสงแดดอ่อนอุ่น ชอนไชโลมไล้คลึงเคล้า...ปลุกงาม ผีเสื้อนุ่งกระโปรงลายหวานบานฟ่อง เริงระบำ ฟ้อนกับกลีบกุหลาบตูมตั้งหวานหอม นกน้อยๆค่อยๆคลี่ปีกเริ่งร่าถลาบิน ทาบนภาฟ้างามสวยใสเรื่อเรือง.. สีส้มทองเจือชมพูอ่อนๆราวเรียวไหม ผูกไยเมฆ บางเบา... จิบชาอ่อนๆกับพายสับปะรด นั่งทอดตามองเรียวฟ้าเรียวเมฆเริงระบำ รับทิวาวัน ทิวาหวาม เสียงเพลง หวานแว่ว เคล้าคลอ อวลละออกลิ่นดอกไม้ มวลแมลงภู่ และนกไพร... แนมให้ ใจดวงนี้หวานแสนหวานรับอรุณอุ่นไอ.. ************ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=94 ขวัญใจเจ้าทุย รวงทอง ทองลั่นทม : : Key C เจ้าทุยอยู่ไหน ได้ยินไหมใครมากู่ กู่ เรียก หาเจ้าอยู่ อยู่ หนใดรีบมา เจ้าทุยเพื่อนฉัน ออกมาหากันดีกว่า อย่า เฉยเลยอย่าอย่า มะมา เร็วไว เกิด มามีแต่ทุย เป็นเพื่อนกัน ค่ำเช้า ทำงาน ไม่ทิ้งกัน ไม่หายไป ข้า มีข้าวและน้ำ นำมาให้ อีกทั้ง ฟางกองใหญ่ อย่าช้าไย อย่าช้าไย เจ้าทุยเพื่อนจ๋า ออกไปไถนาคงเหนื่อย อ่อน เหนื่อย นักพักผ่อนก่อน หนาวจนอ่อนใจ ข้าจะอาบน้ำ ป้อนฟางทั้งกำคำใหญ่ ใหญ่ จะสุมไฟกองใหม่ ใหม่ ไว้กันยุงมา เจ้ามีคุณแก่เรามามาก มาย ถึงแม้ เป็นควาย เจ้าเหนือกว่า ดีเสียกว่า ผู้ คน ที่เกียจคร้าน ไม่เข้าท่า ทุยเอ๋ยเจ้าดีกว่า ช่วยไถนา ได้ทุกวัน เจ้าทุยนี่เอ๋ย ข้าเคยเลี้ยงดูมาก่อน เก่า เมื่อ ครั้งยังเยาว์เยาว์ ทั้งทุยและฉัน ข้าเคยขี่หลัง นั่งไปไหนไป ไม่หวาด หวั่น จะสุขทุกข์เคยบุก บั่น รู้กันด้วยใจ เติบ โตมาด้วยกันในไร่ นา เคยหา กินมา ข้าเห็นใจ ข้าเห็นใจ เจ้า ทุย ยากจะหา ใครเทียมได้ ข้ารักดัง ดวงใจ ไม่รักใคร ข้ารักทุย...
13 กันยายน 2547 09:34 น. - comment id 330203
งดงามมากครับในภาษาที่เรียงร้อย ๚ะ๛ size>
13 กันยายน 2547 10:16 น. - comment id 330209
เมื่อวานนี้ พุด..ไปกราบ พระพุทธชินราช ที่โบสถ์วัดเบญจมบพิตรมาค่ะ น้ำตาซึมด้วยความปิติใจ อย่างใหญ่หลวงเลยค่ะ และ พุด.. ได้ไปเดินดูกราบไหว้ พระพุทธรูปมากมายหลายสมัย รายรอบระเบียงโบสถ์ ที่งดงามยากพรรณาเป็นภาษา ได้ดั่งใจดั่งตาเห็นค่ะ เป็นความงามล้ำค่า งามในดวงใจในศรัทธารักภักดิ์พลีบูชา จากใจธุลีหล้าของพุด จนมิอาจบอกความรู้สึกได้หมดสิ้นค่ะ ที่พุด ยังได้เห็น*ดอกสาละ* กำลังบานพราวค่ะ ไม่น่าเชื่อนะคะ เพราะเพิ่งรจนาไปสดๆ และ ที่สำคัญอีกสิ่งในวันนี้นะคะ พระที่วัดให้พุดยืม หนังสือแสนมีค่าทางจิตวิญญาณค่ะ บทพระราชนิพนธิ์*ไกลบ้าน*มาอ่าน ปกขาดแล้ว ที่พุดตั้งใจจะไปเย็บปกใหม่ ก่อนคืนกลับนะคะคนดี ขอรับเอากุศลมงคลแสนดีในวันนี้ไปนะคะ และ ด้วยรักคนดีมีน้ำใจแด่ทุกดวงใจค่ะ
13 กันยายน 2547 15:00 น. - comment id 330304
รำลึก ระลึก ถึง วันเวลา ที่ ดื่ม ด่ำ อดีต ย้อนสะท้อนตัวตนคคน ใจเดียวกัน
13 กันยายน 2547 19:11 น. - comment id 330488
ดอกคูณคูณดอกอยู่เต็มต้น เหมือนแกล้งคูณความหมองหม่นให้คนผิด คูณอาทรห่วงหาเป็นยาพิษ ฆ่าให้ตายทีละนิดทีละนิดเมื่อคิดถึง เป็นความจริงที่เหมือนฝันอันยิ่งใหญ่ เธอผ่านมาให้ผูกพันในวันหนึ่ง คนหัวใจแตกหักได้พักพึ่ง และซึมซับความซาบซึ้งซึ่งห่วงใย ฯ อิอิ น้องเมกอารมดี๊ดีมาแย้วก๊าบพี่ จิ๊จิ๊ เพลงนี้เมกชอบเลยอ่ะครับพี่ ช่างสรรหามาฝากจริง ๆ เลย +-*-+-*-+ +-*-+-*-+ปู้ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+-*-+
13 กันยายน 2547 22:09 น. - comment id 330654
อืม เยอะดีค่ะ อ่านคาลายเลย อิ อิ แวะมาทักทายค่ะ อิ อิ แว๊บ
14 กันยายน 2547 08:18 น. - comment id 330865
ฝากไว้ในเรือจันทร์ให้หมอกจาง อยากต่อกลอนบทนี้มาก เรือจันทร์เรือใจเรือใบไม้ เราใช้พายธรรมพายทองลอยล่องฝัน พาไปสู่ฝั่งงามเงียบรักนิรันดร์ ข้ามสู่สวรรค์มหานทีสีทันดร... ชอบจินตนาการมากค่ะ และภาพสวยมากค่ะ แต่ในใจพี่พุด คิดถึงภาพ เรือจันทร์เสี้ยว มีสองร่างในเงาจันทร์ ค่อยๆพากันพายไปบนพราวเมฆนุ่ม และลมกรุ่นหอมพรายช่วยพัดพาไปอย่างช้าๆ ไปสู่สถานสถิตนิมิต ว่าง... ****** รักบทกวีที่ใช้ธรรมชาติฝันอิง
14 กันยายน 2547 21:17 น. - comment id 331541
เพิ่งมีเวลามาอ่านงานพุดค่ะ