url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219 เดือนต่ำดาวตก ******** ช่อดอกข้าว สาวบ้านนา บัวภักดีพลีบูชา อุษาฟ้าใกล้สว่างแล้ว สาวนาได้ยินเสียงไก่แก้วขันเอ๊กอีเอ๊ก เอ๊กอีเอ๊ก ๆ...... นกพากันร้องจุ๊บจิ๊บๆๆๆ ดุเหว่าดงหลงทางอยู่ไหนละหนอละนี่ ถึงได้ร้องเพลงพ้อเสียงหวานเศร้า ปลุกราวไพรราวละเมอหาคู่ พร้องแผ่วแว่วผ่านผสานผสมเสียงไผ่กอที่ซัดส่าย มาตามสายลม..อ่อนๆบางเบาที่พัดผ่านมา ใจสาวนาราวหยาดน้ำค้าง...ในยามเช้านี้ ค่อยๆคลี่ยิ้มหวาน...... รอรับเบิกบานของดวงดอกไม้และดวงตะวันอันอ่อนอุ่นอบอุ่น ที่ค่อยๆหมุนละมุนมาเยื้อนแย้มโลกอีกครา และอีกครา สาวนา.. นอนในมุ้งที่ตลบชายขึ้นไว้ ให้สายลมระรินพัดพากลิ่นหอมหวานจาก*ช่อดอกข้าว* ที่ตั้งท่าผลิระแง้รวงเรียวรายร้อยห้อยย้อยรอแกระเกี่ยวเก็บ รับเสียงจากรายรอบทุกสรรพสิ่ง ที่ยังคงงามเงียบตามปกติสุข สาวนา..หมุนหาคลื่นวิทยุ ฟังบทเพลงแสนหวานจากเครื่องทรานซิสเตอร์แสนเก่า จากนักจัดรายการเสียงแสนหล่อ.. ที่หัวเราะหัวใคร่กับผู้ฟังราวมานั่งคุยตรงหน้า ยามแฟนๆขอเพลง.. http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219 เดือนต่ำดาวตก ทูล ทองใจ : : Key Bb เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ ผวา มองจ้องตามเพียงครู่ รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ น้ำค้างร่วงกราว ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน หวานดังน้ำผึ้ง แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน แม้ท้องฟ้าไร้ ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ เผลอร้องครั้งใด พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง พบเพียงหมอนข้าง แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน... ********** สาวนา..นอนฟังเพลงได้ไม่นาน พานพาคิดขึ้นได้ว่าวันนี้จะไปวัด ไปกราบหลวงพ่อ..ขอพร.. สาวนาหัวใจละอ่อน..จึงเตรียมทำกิจวัตรประจำวัน เตรียมขันเงินงามพายเรือไปอาบน้ำในบึงบัว.. และตั้งใจว่า.. จะเด็ดดอกบัวหลวงสีสวยสลับไปผจงจัดกลีบมัดกำ ไปใส่แจกันหน้าพระพักตร์พระพุทธ ผู้แทนความพิสุทธิคุณการุณย์มากเมตตา *พระประธานในโบสถ์คร่ำ* สาวนา.. พายเรือไป..ร้องเพลงดังๆไป หากใครเห็นภาพคงน่ารักนัก กับฉากหลังคือ... ภูเขาในเงื้อมเงาสูง ที่ถูกคลี่คลุมด้วยม่านเมฆสายไหมสายหมอก หยอกเย้าพราวพร่างราวภาพเมืองในฝัน กับลำธารสายสวยใสแสนหวาน ที่ค่อยๆไหลเลาะลัดผ่านละหานห้วยลำประโดง โค้งคดเคี้ยวเข้ามาถึงริมนาสาวนา ที่นะบัดนี้ กลายมาเป็นบึงบัวกว้างสุดตา..เคียงฟ้าเคียงดิน ให้สาวนา ได้ปลูกบัวสายถวิล บัวหลวงเต็มลำคลองงามน้ำใสแจ๋ว สาวนา..แว่วคิดถึงเพลง บัวตูมบัวบานทุกครา ค่าที่บทเพลงนี้ได้กลายเป็นบทเพลงอมตะแล้ว http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1504 บัวตูมบัวบาน ไก่แจ้ โต้ง อนุศักดิ์ : : Key Em ลงเรือน้อยลอยวน ในสายชลห้วยละหาน มีทั้งบัวตูมบัวบาน ดอกใบไหวก้านงามตา เมื่อลมพัดมาชื่นใจ ผึ้งตอมหอมบินดมกลิ่นบัว ซ่อนตัวรำพันฝันใฝ่ เหมือนดนตรีชะโลมกล่อมใจ ฟังยิ่งฟังไป รุมเร้าฤทัยลำพอง ปองจะเด็ดบัวบาน ครวญคิดนานหวั่นเจ้าของ ใจหมายดึงโน้มโลมรอง หากบัวไม่มีเจ้าของ จะชมทั้งสองปทุม เอื้อมมือหมายดึงเพียงดอกบาน ก็เกรงสะท้านถึงก้านดอกตูม แสนเสียดายเหมือนชายหมดภูมิ จะเด็ดดอกตูม ยังนึกเสียดายดอกบาน เรือเร็วไปหน่อยค่อยค่อยทวน บัวหอมชวนอกสะท้าน งามทั้งบัวตูมบัวบาน เทพไททุกแดนพิมาน ประทานสมดังตั้งใจ เอื้อมมือหมายดึงดอกตูมก่อน ดอกบานก็ค้อนแสนงอนไปใย จะเด็ดดอกบาน ดอกตูมก็สั่นแกว่งไกว จะเด็ดดอกไหน กันหนอบัวตูมบัวบาน จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่ ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน พอดอกตูมแย้มตระการ ดอกบานก็คงแห้งโหย กลีบราร่วงโรยน่าชัง ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม บาปเคราะห์และกรรมประดัง แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง ไม่ยอมกลับหลัง หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่ ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน พอดอกตูมแย้มตระการ ดอกบานก็คงแห้งโหย กลีบราร่วงโรยน่าชัง ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม บาปเคราะห์และกรรมประดัง แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง ไม่ยอมกลับหลัง หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน... ********* และ... พอหันไปเห็นตาลเคียงนาเคียงน้ำเคียงหวานในหัวใจ สาวนาจะต้องร้องเพลงใหม่เพลง*แม่น้ำตาลก้นแก้ว* ราวกับคิดถึง อ้ายเสียเต็มประดา ราวกับอยากตัดพ้อว่า..ว่า ไปหลงกลิ่นน้ำหอมสาวเมืองกรุงเรืองรุ่งอยู่หรือไร นะที่ไหนนะหนไหน ถึงได้ลืมแม่น้ำตาลไพร แม่น้ำตาลก้นแก้วเสียสนิทใจเลยทีเดียวเชียว http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4842 น้ำตาลก้นแก้ว ก้าน แก้วสุพรรณ : : Key Fm แม่ น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิม เจ้าแล้ว จึงตกถึงมือพี่ ถ้าหากเป็นแหวนก็เปรียบดังแม้น เจ้าโดนสวมฟรี เพชรที่งามหรือจะมี ค่าสูงยิ่งกว่าดรรชนีของนาง แม่ น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิม เบื่อแล้ว จึงถูกเขาทิ้งขว้าง สูญสิ้นความสาวแล้วเจ้าจึงรู้ ว่าเดินหลงทาง พี่ไม่โกรธเจ้าหรอกนาง ยังรักไม่จางรักนางเสมอ ถึงพี่ เป็นสองรองคนอื่น พี่ก็ยังยิ้มชื่น ต้อนรับการกลับของเธอ ตักพี่ยังว่าง อกพี่ยังอุ่นเสมอ ตาลจ๋ากลับมาเถิดเธอ พี่หลงละเมอเพ้อเฝ้าใฝ่ฝัน แม่ น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิม เจ้าแล้ว พี่ก็ขอรักมั่น ถึงจะเหลือเดนเพราะผ่านคนชิม มานานแสนนาน พี่ก็ยังต้องการ รอรับรสหวานน้ำตาลก้นแก้ว ถึงพี่ เป็นสองรองคนอื่น พี่ก็ยังยิ้มชื่น ต้อนรับการกลับของเธอ ตักพี่ยังว่าง อกพี่ยังอุ่นเสมอ ตาลจ๋ากลับมาเถิดเธอ พี่หลงละเมอเพ้อเฝ้าใฝ่ฝัน แม่ น้ำตาลก้นแก้ว เขาชิม เจ้าแล้ว พี่ก็ขอรักมั่น ถึงจะเหลือเดนเพราะผ่านคนชิม มานานแสนนาน พี่ก็ยังต้องการ รอรับรสหวานน้ำตาลก้นแก้ว... ******* สาวนาราพายแล้วค่อยๆถอดเสื้อออกช้าๆ ในสายแสงแรกของดวงตะวันอันอ่อนอุ่น ทีกำลังพรายพร่าง ฉายสายแสงรัศมีสีทองอันอ่อนหวานโอบเอื้อ ที่กำลังโลมไล้ร่างเนียนหนั่นแน่นละมุน กรุ่นกลิ่นแดดละออธรรมธาติ ให้งามราวนางไพร นางในฝัน เธอ..ค่อยๆพาบัวถันอันงามกว่าบัวเถื่อน ลอยกระเพื่อมคว้าง เหนือบึงบัวงามหลากสีนานาพรรณ อันยิ่งกว่าฉากฝันประโลมหล้า ให้บทเพลงแห่งฟ้าดินได้ประโลมใจประโคมใจ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=182 นางฟ้าจำแลง สุนทราภรณ์ : : Key F โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้ แลตะลึง ได้เจอ ครั้งหนึ่ง เสน่ห์ซึ้ง ตรึงใจ ครั้งเดียว ได้ชม สมัครภิรมย์ รักใคร่ พัน ผูกใจ ไม่ร้าง รา น้ำคำ ลือเลื่อง ไปทั่วทั้งเมือง นานมา ชมว่าวิไล งามตา ดังเทพธิดา องค์หนึ่ง มาเห็น เต็มตา พลอยพา รำพึง ติดตรึง ชวนให้คนึง อาจินต์ เห็นเพียง นิดเดียว ให้ซาบเสียว วิญญา ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า มาดิน โสภา ท่าทาง ดูช่างสำอางค์ งามสิ้น คำ ที่ยิน ยังน้อยไป หรือว่า ชาติก่อน นางได้รับพร ของใคร คงสร้างผลบุญ ยิ่งใหญ่ จึงได้วิไล งามตา นางฟ้า องค์ใด แปลงกาย ลงมา จึงงาม ดังเทพธิดา ลาวัณย์ เห็นเพียง นิดเดียว ให้ซาบเสียว วิญญา ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า มาดิน โสภา ท่าทาง ดูช่างสำอางค์ งามสิ้น คำ ที่ยิน ยังน้อยไป หรือว่า ชาติก่อน นางได้รับพร ของใคร คงสร้างผลบุญ ยิ่งใหญ่ จึงได้วิไล งามตา นางฟ้า องค์ใด แปลงกาย ลงมา จึงงาม ดังเทพธิดา ลาวัณย์.. *********. สาวนาระริกร่างรับหนาวในสายน้ำ ให้ซอนไซ้ ให้กายค่อยๆคลายปรับให้อุ่นอาบ... ทะเลบัวงามฉาบ ไปด้วยสายแสงสีทองเล้าโลม ภู่ผึ้งตระโบมคลุกเกสรบัว ที่ค่อยๆแหวกกลีบคา คลี่ให้หวาน.. สายน้ำระริน..ฉ่ำระร่ำรด ไปทั้งนวลเนื้อนอกเนื้อใจสาวนา ที่นะบัดนี้นอนลอยตัวเหว่ว้า หลับตาประคองร่างประคองใจ รับรินใสของทั้งสายน้ำและแสงฟ้า..ละมุน กับกรุ่นกลิ่นหอมพร่างของเกสรบัวที่ยังงามพรายมิรู้เบื่อ.. สาวนา.. รู้แล้วว่า..ความรักใดหนา จะปานเปรียบเทียบเท่ากับธรรมชาติไพร ที่รายล้อมหอมห้วงแห่งดวงใจ อย่างไม่มีเก่าไปกับกาลเวลา ไม่ว่าจะกี่รักร้าวกี่เศร้าหมอง ที่พ้องผ่านพัดมากับพายุอารมณ์อ้าย ที่ดีร้ายพรายพลัดพรากจากลาลืมเลือน..ไปไกลลิบโลก.. ก็หาโศกนานไม่ หากหัวใจดวงบริสุทธิ์ใสนี้ ยังมีน้ำมีนาให้ทำ ยังมีวัดมีโบสถ์คร่ำให้ไปนั่งสมาธิภาวนา ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธิ์องค์ใหญ่ที่มากเมตตา ที่ทอดสายพระเนตรและแย้มโอษฐ์เอื้อราวปรานี ยามที่จิตนี้ต้องการความสงบงาม.. และไหน ยังจะมีหลวงพ่อคอยเทศนาสอนสั่งธรรม.. ให้รู้วางรู้ว่างรักษาจิต ให้คิด ทำ พูดแต่สิ่งดีดีมีมงคล ที่จะรักษาตนให้พ้นภัย ให้รู้ปลดปล่อยพันธนาการใจ ปลดโซ่กรรม แม้กับรักที่คิดว่ายิ่งใหญ่ ก็อย่าหลงไปยึดมั่นถือมั่นว่าจะจีรังยั่งยืน ไม่ว่าเขาว่าใคร ในที่สุด...ก็ต้องหยุดก็ต้องอิ่มก็ต้องเบื่อ เหลือก็เพียงความสงบงามรำงับอยากดับทุกสิ่ง มิให้เหลือตามติดจิตไปชดใช้วิบากใหม่ ในภายภพหน้า อย่างมิรู้สิ้นรู้จบทบวน.. เป็นวงกลมวงกรรม..ย้อนกระหน่ำกลับ.. สาวนา..เคยฟังหลวงพ่อเทศนาให้ฟังหลายครั้ง.. ถึงคำว่ามนุษย์เรานั้น ควรจะข้ามฝั่งมหานทีสีทันดร ข้ามบ่วงสิงขรแห่งความทุกข์ลวงห่วงหา ให้ล่วงหลุดพ้น ดั่งอุบลชาติเหนือน้ำ ให้จิตนั้นราวอยู่เหนือห้วงมหรรณพ จบทั้งสุขโศกไปชั่วนิรันดร์ ให้รู้ทันรู้เท่า อย่าเป็นเช่นบัวใต้น้ำติดตมจมโคลนเกิเลส เป็นอาหารให้เต่าปลา หาคุ้มกับชีวิตนี้ไม่ ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แปลกดีนะ สาวนา..ในยามนี้แทนที่จะคิดถึงแต่อ้าย กลับได้*ธรรมะ*จากหลวงพ่อ มาแตกต่อยอดความคิด ให้มีสติรู้ทันรู้เท่ารู้จับรู้ดับรู้หยุด และพยายามให้จิตจับอยู่กับปัจจุบันขณะ..กับธรรมชาติงาม สาวนา..จึงมิเดียวดายเหว่ว้านานกับทุกเรื่องราว และสาวนา.. ค่อยๆพายพาเรือ กลับกระท่อมปลายนา ไปสัมผัสกับข้าวกล้าที่กำลังระบัดรวง ไปหุงข้าวหอมใหม่ๆ ไปเด็ดสมุนไพรข่าตะไคร้ใบมะกรูด มาปรุงรสอาหารคาวสดให้รสดี เป็นพลีพุทธบูชา เพื่อถนอมรักษาร่างสงฆ์องค์งามให้มีแรง ได้ใช้ได้ให้ธรรมทานแก่ผองชนคนชนบท ให้ฝึกมีจิตงามงดให้จิตงามใส ที่ใครๆพากันเรียกดอกดวงใจนี้ว่า ดั่ง*ดอกข้าวใหม่*ไฉไลงามระคน ที่ใครจะมาขโมยขุมทรัพย์ อันไสวพร่างกระจ่างกมลล้ำค่า ดั่งอัญมณีไพร นะกลางใจดวงงามไปมิได้เลย สาวนา..จึง จะจัดสำรับใส่ตะกร้าสานหวานสวย ลายละเอียดละเมียดละมุน จากเส้นสายลายดอกพิกุลงาม จากการจักตอกลอกจากเรียวไผ่ ฝืมือตัวเอง... สาวนา จะน้อมประคองดวงดอกไม้ ถวายพระหลายที่..หลายแจกัน ข้างสวนครัวนั้น ยังมีสวนดอกไม้พื้นบ้านงามบริสุทธิ์ มีชบา ส้ม ชมพู แดงพราวหลากสีริมรั้ว พุทธรักษา..สีเหลืองทอง แทนผ่องผุดใจที่บานไสวในคูเคียง ดาวเรือง มิโรยราแทนใจดวงเหว่ว้าดายเดียว ให้เรืองรุ่งระยับ ดับด้วยดวงดอกไม้แห่งความดี มะลิฉัตรมะลิลา มาร้อยมาลัยแทนความศรัทธาความภักดี สำนึกระลึกรู้พระคุณในชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย ในแผ่นดินไทยแผ่นดินแม่ที่แผ่ไพศาล แสนงามสงบสุขแสนยิ่งใหญ่ ที่ให้หยัดยืน รู้ค่าคนค่าคำ*ความสมถะรู้พอเพียงเพียงพอ* และ แทนคำกตัญญูแม่พ่อผู้เสียสละ แม่ที่ยอมสละหยาดน้ำนมราวหยาดเลือดรัก ให้จักเติบใหญ่มาเข้าใจธรรมชาติชีวิต ที่รู้รักษาจิตติดดินมิถวิลเพียงงามนอกหลอกใจหลอกใคร มิทะยานอยากมากความฟุ้งเฟ้อ เผลอไปตามกระแสคนเมืองบ้าวัตถุมิรู้จบรู้สิ้น สาวนา.. ต้องลาแล้ว ขอพาจิตดวงแก้วดวงใสดวงงามไปวัด ไปตามครรลองน้ำค้าง ไปตามเส้นทางรวงธรรมรวงทอง เส้นทางผุดผ่องของรวงเรียว กับข้าวเขียวกล้า กับลมพาพัดล่องเลาะลัด ไปให้แก้มนวลละออใส...ระ*ช่อดอกข้าวหนาวน้ำค้าง* ที่เกาะตามใบข้าวใบหญ้าใบไม้ ได้ระเหยหายมาสัมผัสร่างละมุน ให้พบแต่ความหอมกรุ่นงามเงียบสงบ ทบทวีวันไปตราบนานเท่านาน... จนกว่าจะถึงวัน.... ที่ต้องทิ้งทอดร่างกับผืนดิน ฝากถวิลหวังเพียงให้พสุธากลบร่าง เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติดินน้ำลมไฟ ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=234 กระท่อมไพรวัลย์ สมยศ ทัศนพันธ์ : : Key F แดน นี้มี กระท่อมไพร สุข กว่า แดน ไหน ในพนาป่านี้ปานว่า ดังจะเป็น กระท่อม รา ชา ดี กว่าแดนไหนในหล้า ป่าเขาลำเนา ไพร ฟัง เสียงพิณกอไผ่สี ดังหนึ่งมโหรี เป็นดนตรีขับขานมาให้ เวียงวังทอง ก็รองกระท่อม ไพร มี ป่าเป็นรั้วกว้างใหญ่ แดนไพรนี้เป็นประหนึ่งธานี มี แต่เราเหงาใจดังว่า ชวน ฉัน น่า อนาถใจแสนทวี ยัง ขาดนางเป็นราชินี ถ้า หาก แม้น มีกระท่อมไพรนี้สุขสมปอง ทิว เขาปานดังม่าน บัง หริ่ง ต่าง แตร สังข์ ดังเวียงวังสวรรค์หอห้อง วังเวงพา ปักษา แว่ว ร้อง ชะนีกู่ เรียกหาคู่ครอง ชวนให้ฉันปองกระท่อมไพรวัลย์... *******
12 กันยายน 2547 08:58 น. - comment id 329426
รับอรุณหวานแจ่มหวานใส บริสุทธิในทุ่งทิพย์รวงทองนะคะทุกดวงใจทุกคนดีในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง กับกระท่อมไพรวัลย์กระท่อมปลายนา ของนวลละอองน้องนางสาวบ้านนา ******* http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=30 ทุ่งรวงทอง ชรินทร์ นันทนาคร : : Key Eb ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง เห็นข้าวออกรวงน่ามอง ดุจแสงทองสีแห่งศรัทธา พี่มาได้ยล นฤมลนวลน้องบ้านนา ถึงจะสวยตามประสา ก็โสภาเหนือกว่านางใด ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง น้ำเปี่ยมอยู่ริมฝั่งคลอง เช่นพี่รัก น้องเปี่ยมฤทัย สะพานเชื่อมคลอง เหมือนพี่กับน้องเชื่อมใจ ถึงอยู่แสนไกลแค่ไหน เชื่อมหัวใจให้สมปอง พี่ เยือน ถึงถิ่น น้องเอยอย่าหมิ่น น้ำใจเพื่อนใหม่ จะหมอง ขออยู่ ขอตายจนวันสุดท้ายกับน้อง ให้ทุ่ง รวงทองนี้เป็นเจ้าของ เรือน ตาย ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง แม้นหากขาดพี่ ขาดน้อง ทุ่งรวงทองก็หมดความหมาย พี่มาจากกรุง หมายมุ่งมาหาเพื่อนตาย รับปากรักพี่ได้ไหม โอ้ขวัญใจ ทุ่งรวงทอง ทุ่ง เอ๋ย ทุ่งรวงทอง แม้นหากขาดพี่ขาดน้อง ทุ่งรวงทองก็หมดความหมาย พี่มาจากกรุงหมายมุ่งมาหาเพื่อนตาย รับปากรักพี่ได้ไหม โอ้ขวัญใจทุ่งรวงทอง...
12 กันยายน 2547 09:14 น. - comment id 329437
http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK3/chapter1/chap1.htm http://kanchanapisek.or.th/kp1/data/03/lab1k23.htm ********* รวงข้าว หมายถึง ช่อดอกของข้าว (inflorescence) ซึ่งเกิดขึ้นที่ข้อของปล้องอันสุดท้าย ของต้นข้าว ระยะระหว่างข้ออันบนของปล้องอัน สุดท้ายกับข้อต่อของใบธง เรียกว่า คอรวง ดังนั้น คอรวงจะสั้นหรือยาวก็ขึ้นอยู่กับระยะระหว่าง ข้ออันบนของปล้องอันสุดท้ายกับข้อต่อของใบธง ชาวนาในภาคใต้ซึ่งเก็บเกี่ยวข้าวด้วย แกระ มีความประสงค์ที่จะปลูกข้าวชนิดที่ คอรวงยาว แต่ชาวนาที่เก็บเกี่ยวด้วยเคียวนั้น เขาไม่คำนึงถึงความยาวของคอรวงเลย นอกจากนี้ที่ข้อของปล้องสุดท้าย อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฐานของคอรวง (panicle base) รวงข้าวประกอบด้วยก้านอันใหญ่ต่อจาก คอรวงขึ้นไป แล้วแตกแขนงแบบ recemose mode branching ออกไปมากมาย โดยแต่ละข้อของก้านอันใหญ่แตกแขนง ออกไปเรียกว่าระแง้ปฐมภูมิ (primary branches) และแต่ละข้อของระแง้ปฐมภูมิ ก็จะแตกแขนงออกไปอีกเป็นระแง้ ทุติยภูมิ (secondary branches) ดอกข้าว (spikelets) มีก้านดอก (pedicel) ติดอยู่ที่ระแง้ทุติยภูมิ ลักษณะของรวงข้าว เช่น ความยาว รูปร่าง ความถี่ห่างของข้อของระแง้ปฐมภูมิ และระแง้ทุติยภูมิ ตลอดถึงมุมของการแตกแขนงออกไปนั้น แตกต่างไปตามชนิดของพันธุ์ข้าว การมีข้อของระแง้ปฐมภูมิ และระแง้ทุติยภูมิถี่นั้น เรียกว่า ระแง้ถี่ ทำให้มีจำนวนดอก (spikelets) ต่อรวงมาก ซึ่งเป็นลักษณะของพันธุ์ข้าว ที่จะให้ผลผลิต
12 กันยายน 2547 09:37 น. - comment id 329459
ชื่นชมกับสาวนาผู้มีอารมณ์สุนทรีย์ ที่มีลีลา..อันบรรเจิดเิลืศในอารมณ์ จนต้องแอบชื่นชมอยู่ห่างๆในหัวใจ ๚ะ๛ size>
12 กันยายน 2547 11:04 น. - comment id 329521
อภินันทนาการจากสาวนา และผลงานรจนาพุดพัดชา 537เรื่องค่ะ เผื่อใครจะมาเป็นผู้จัดการเอาไปรวมเล่ม ไล่แจกจ้า.. 1..ช่อดอกข้าว! 2..สาวชาวสวน! 3..สาวนาลาไพรในท่ามกลางแสงใจอันรุบหรู่ 4..น้อยใจรัก 5..ท่ามกลางแสงตะเกียงอันริบหรี่ 6..จำปีลืมต้น 7..คลี่รวง..รอรัก! 8..ขวัญหล้า! 9..หนุ่มนาข้าว..สาวบ้านทุ่ง ลำน้ำน่าน.. 10..ทุ่งทองปองขวัญ! 11..มนต์รักริมทุ่ง 12..เหล็กขูดวัดกับพร้าวเน่าราวร้าวรัก 13..ริมลำธาร บ้านไร่แสนรัก 14..ในลมหอม..ม.. 15..รื่นรมย์ใต้ร่มไม้.. 16..ลำนำรักลำนำเมืองลำน้ำน่าน 17..สาวน้อยนางแบบ 18..ดอกจานบานรอใจ สาวบ้านนา..กวีบ้านนอก 19..บ้านไร่ปลายนา.. 20..หัวใจสะออนอ้อนหารัก 21..ใจจรดใจ! 22..จิตกระจ่าง 23..รอยไถ!ไม่แปร! 24..วันคอย สาวบ้านนา! 25..ไผ่พลิ้วใบไหววิญญาณตะวันออก ! 26.. ฤดูกาลฤดีระกำ! 27 ซ้อนอ้อนโอบพี่ขี่วัวไปทั่วทุ่ง! 28..ลำธารหอม สาวบ้านนา 29..จันทร์เสี้ยวเกี่ยวใจ! 30กระท่อมไพร สาวบ้านนา
12 กันยายน 2547 12:54 น. - comment id 329551
..เรน.. คิดถึง ..นะคะ..
12 กันยายน 2547 14:29 น. - comment id 329627
มาแอบดูดอกบัวตูมของพี่พุด เอ๊ยยย... มาแอบมองสาวนาอาบน้ำค่ะ .. ไม่ได้มองอย่างอื่นน๊าาาคะ .. อิอิ ชาตินี้ชมอักษรคงต้องห่างไกลจากวัดค่ะ .. ใกล้วัดแล้วร้อนรุ่มเหลือทน .. เพราะเป็นคนบาปไปแล้วค่ะ .. แวะมาเยี่ยมบ้านอีกหลังของพี่พุดนะคะ .. เป็นสาวบ้านนาเช่นกัน .. ^___^ ...................................
12 กันยายน 2547 20:42 น. - comment id 329847
ฝากไว้ให้น้องเรนค่ะในงานค่ะ น้องน้อยน้ำใจงาม พี่พุดค่ะ คิดว่าทุกดวงใจ เป็นกำลังใจเคียงข้างน้องทุกคนเลยค่ะ รวมทั้งพี่พุดด้วย ที่ซาบซึ้งน้ำใจน้องเสมอมา พี่พุดว่าที่นี่ เราก็เหมือนพี่น้องกันแล้วนะคะ วันนี้ พี่พุด..ไปกราบ พระพุทธชินราช ที่โบสถ์วัดเบญจมบพิตรมาค่ะ น้ำตาซึมด้วยความปิติใจ อย่างใหญ่หลวงเลยค่ะ และ พี่พุด.. ไปเดินดูกราบไหว้ พระพุทธรูปมากมายหลายสมัย รายรอบระเบียงโบสถ์ ที่งดงามยากพรรณาเป็นภาษา ได้ดั่งใจดั่งตาเห็นค่ะ เป้นความงามล้ำค่า งามในดวงใจในศรัทธาภักดิ์พลีบูชา จากใจธุลีหล้าของพี่พุด จนมิอาจบอกความรู้สึกได้หมดสิ้นค่ะ พี่พุด ยังได้เห็น*ดอกสาละ* กำลังบานพราวค่ะ ไม่น่าเชื่อนะคะ เพราะเพิ่งรจนาไปสดๆ และ ที่สำคัญอีกสิ่งในวันนี้นะคะ พระที่วัดให้พี่พุดยืม หนังสือแสนมีค่าทางจิตวิญญาณค่ะ บทพระราชนิพนธิ์*ไกลบ้าน*มาอ่าน ปกขาดแล้ว พี่พุดตั้งใจจะไปเย็บปกใหม่ ก่อนคืนกลับนะคะคนดี ขอรับเอากุศลมงคลแสนดีในวันนี้ไปนะคะ น้องน้อยน้ำใจงาม และ ด้วยรักคนดีมีน้ำใจแด่ทุกดวงใจค่ะ
12 กันยายน 2547 21:54 น. - comment id 329931
มาแวะอ่าน ดีค่ะ สาวนามีจินตนาการที่ดีค่ะ ไพเราะมาก ๆ ค่ะ แวะมาทักทายค่ะ
12 กันยายน 2547 22:17 น. - comment id 329957
สาวนาวันนี้เป็นดีเจหรือเปล่าครับ เห็นเปิดเพลงให้ฟังกันเต็มอิ่ม สลับกับการเล่าเรื่องได้เข้าล็อกกันเป็นอย่างดี ชอบ ๆ ทุกเพลงครับ ยังขำที่ว่า เอาเพลงประกวดนางสาวไทยสมัยก่อนมาเปิด ให้สาวนาเดินโชว์หุ่นหรือเปล่า
12 กันยายน 2547 22:37 น. - comment id 329972
สังเกตดีจริงจ้า เรื่องเพลง ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ.. คือ..สาวนา จะใส่เพลง ประมาณนี้ที่เข้ากันนะ *เธองามเฉิดโฉม งามประโลมใจงามกว่าใครในหล้า สวยนักหนา..* อะไรนี่แหละ ที่ทุ่งๆหน่อยแต่หาไม่มีหามีไม่ เลยจำใจเอาเพลงชาวกรุงมาใส่ รอสักพักจะหาที่ชมโฉมสาวไรสาวป่ามาเปิด ค่ะ แปลกดีนะคิดถึงก็มาเลยชัยชนะ เพราะไปอ่านงานเก่าที่เรามีสายสันพันธ์ทางใจทางคอมเมนท์นับร้อยผูกพันทางสร้อยรักอักษรามายาวนานนัก ที่พุดจะนำกลับมาเป็นพลังใจยามท้อแท้ค่ะ ******** http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_41776.php คงมาหาช้าหน่อยนะครับ เพราะคนมาเยี่บมมากเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่ามาดูสาวนาหรือผมแน่ แต่ที่แน่ ๆ ผมตอบแทนให้แล้ว แถมโฆษณาให้อีกด้วยครับ ผมว่าวันนี้สาวนามาหลายอารมณ์ในคนเดียวกัน ดูจากเพลงครับ ผมว่าจะจีบจริง ๆ แล้วนะครับ ก็สาวนาเป็นคนรักเดียวใจเด็ดเดี่ยว มอบให้เจ้านกไพรไปเสียนี่ เลยแห้วไปตามดวง พุดครับ ผมขอบอกตามตรง ที่ไทยโพเอ็มก็มีพุด เป็นอีกคนหนึงที่ผมค่อนข้างมั่นใจ ว่าพูดหยอกเย้ากระเซ้าเย้าแหย่กันเล่นบ้าง จริงบ้าง จะไม่โกรธให้ผม ก็ถือว่าคุ้นเคยกันแบบพี่น้องคลานตามกันมามั๊งก็คิดอยากแกล้งเล่นบ้างบางครั้ง ผมเห็นสาวบ้านนาไปหาอีกรอบสุดท้าย หรือกลัวว่าผมจะตอบเป็นอย่างอื่น ไม่มั่นใจกันซะเลยนะครับ วันนี้คงจะไม่ได้วิจารณ์งานที่เขียนนะครับ อ้อ! เรื่องน้ำตระใคร้ บ้านผมไม่เห็นมีใครทำทานกันครับ เห็นมีแต่น้ำขิง เอ! ขอติงอีกนิดก่อนไป ต้องขอขอบคุณไว้ก่อน(เผื่อโกรธให้) ที่ตอบให้ผมซะยาวเฟื้อย และยังแวะไปตอบให้ที่บ้านผมอีกครับ คำว่าเกียรติ ระหว่างเราอย่าใช้เลยนะครับ ฟังดูเพราะก็จริง แต่เหมือนห่างกัน ไม่คุ้นเคยกัน ขอร้องนะครับ(ไม่ร้องเพลงนะครับ) จาก : รหัส - วัน เวลา : 186945 - 21 พ.ย. 46 - 23:48
13 กันยายน 2547 00:15 น. - comment id 330027
โห... ฟังเพลงจนอิ่มเลย... เฮ้อ...เห็นภาพแล้ว..อยากจูงมือคนเขียน..ไปเดินชมทุ่งด้วยกัน.. คิดถึงจ้าพุด.... คิดถึงมาก ๆ
13 กันยายน 2547 02:37 น. - comment id 330081
นานเลยค่ะกว่าจะจบ
13 กันยายน 2547 06:41 น. - comment id 330126
สวัสดีครับ............. เข้ามาอ่ากลอนเพื่อเป็นกำลังใจให้คนดี ตื่นแต่เช้าลืมตาขึ้นมาแจม เช้าวันนี้หน้าชะแล่มจิตแจ่มใส เข้ามาอ่านข้อความจากข้างใน ส่งดวงใจและคำเป็นกำลัง