http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=198 (ปรารถนา) ********* จันทร์แจ่มดวง ทอทอดลอดโลมไล้ร่าง ที่ห่มงามด้วยผ้าคลุมไหล่สไบแพรสีโศก ผมสยายยาวทอสกาว รับประกายจรัสเรืองจากแสงเดือนดาริกา ดวงตาสะท้อนพราวน้ำเพชรพร่าง มิใช่จากความเสียใจ มิใช่จากใจเศร้าโศก หากเป็นประกายเย็นใสจากปิติใจ ล้ำลึก ที่ยากยิ่งอธิบาย คล้ายว่าง..เสียจนกายพร่างพรูด้วยความสงบสว่าง ในท่ามกลางธรรมชาติดิบเดิม รายรอบกระท่อมน้อยปลายนา กับบรรยากาศงาม กับมวลหมู่ดารารายพรายพร่าง ในเวิ้งนภากาล กับหวานหอมแห่งเรณูละอองดวงดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง กับดงตาลโตนดเหว่ว้า ที่มีลูกสีดำคลอลำต้นดกปกคลุม หัวใจ.. ผู้หญิงคนหนึ่งที่ช่างซึ้ง ที่เกิดมาเพื่อพึงภักดิ์รักพลีทุกต้นไม้ ที่รักได้รักดี รักจนบางทีอยากจูบประทับรับขวัญ โอบกอดไปตามลำต้น ปุ่มปมขรุขระนั้น อันคงผ่านร้อนหนาวมายาวนาน ผ่านฤดูกาลหลายฝนหนาวหลายเศร้าวสันต์ลา ผ่านดวงตะวันกล้า ผ่านจันทราเย็นฉ่ำ ผ่านวันคืนอันแปรเปลี่ยน จนปุ่มปมเปลือกนั้นซ้อนทับกัน ราวจะสะท้อนทั้งเรื่องราวรื่นรมย์และเร่าร้อน เหมือนดั่งละครโลกละครชีวิตคน ที่หมุนวนสับสนมาฝากร่างกลางหล้าโลกนี้ ที่มิช้านานต่างก็จำต้องพรากลา เมื่อละครชีวาชีวิตจำต้องปิดฉากลง หาก ต้นไม้ยังจักต้องดำรงคล้ายยืนเฝ้าดูผู้คนบนเวทีโลกนี้ ที่ยอกย้อนว่ายวนมารับรอยวนรับกรรมเวียน เปลี่ยนเพียงหน้าตา พามารับบทที่คล้ายๆกัน ที่เรียกกันว่าโศกสุขทุกข์รักมิวายเว้น.. จากวันคืนสงบเย็น ที่มีน้ำฟ้าปลาดาว พราวหอมด้วยราวป่าใหญ่ไพรกว้าง ที่มีสัตว์มากมาย ดวงดอกไม้นานา ผีเสื้อหลากสี นกที่ผกโผผิน เพื่อสืบมิสิ้นพันธุกรรมธรรมชาติชีวิตให้ดำรงอยู่ ที่จำต้องอาศัยการพึ่งพาพึ่งพิงอิงเอื้อคล้ายวัฎฎโลก ที่นะบัดนี้ ทุกหย่อมหญ้าถูกมนุษย์ผู้คิดว่ามากสามารถฉลาดล้ำ ได้พากันผลาญพล่าทำลายล้าง ให้โลกแสนอ้างว้างห่างไกลจากวิถีเดิม ที่ติดดินงามเงียบเรียบง่ายในการใช้ชีวิต ที่มิคิดเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ในทุกสรรพสิ่งภายใต้ผืนหล้านี้ ช่างน่าเศร้าเสียใจ ดั่งบทกวี*จากหนังสือ ปณิธาณกวี* ของ..*ท่านอังคารกัลยาณพงศ์* ที่นะวันนี้จะเทียบเชิญมาให้กระวีกระวาด และนักอยากจะเขียนเพียรสร้างฝันขยันรจนา ได้ประเทืองประทับใจที่แสนจะโดนใจ ให้เราทุกดวงใจไหวตระหนักเรียนรู้ ที่จะปกปักพิทักษ์โลกให้ยาวยืน *บริภาษสัตว์วิทยาศาสตร์คลั่งนิวเคลียร์* แจ่มจันทร์เจ้าสกาวหนาวแสงทิพย์ ระยิบระยับวับวาวดาวระย้า ลำนำอนันตกาลผ่านหน้ามา สนธยาย้อยหยาดบาดดวงใจ บนยอดผาเยี่ยมฟ้าว้าเหว่ ณ ชะเลเมฆวิเวกขวัญหวั่นไหว หนาวปรโลกโตรกผาชลาลัย นอนไพรโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวนัก.. กราบพระรัตนตรัยใส่เกล้า น้อมกล่าวพุทธมนต์อันสูงศักดิ์ สวดก้องยอดผาบ่ากาลจักร เพื่อหักห้ามขลาดหวาดผวาภัย ไหว้ปู่เจ้าภูหลวงไศลทิพย์ สิบทิศรุกขเทวดาป่าใหญ่ ลูกนอบน้อมพร้อมกายวาจาใจ บูชาไปสิ้นดินแดนดง น้ำค้างพร่างพราวราวเพชรร่วง ระยับยวงรุ้งจันทร์วิจิตรพิศวง ม่านเมฆสลับลับแลลิ่วลง ตรงโตรกชะโงกเงื้อมเลื่อมพรายดาว เห็นจักรวาลอื่นหมื่นแสน แว่นแคว้นทิพยโลกโศกเศร้าหนาว มิติลี้ลับลิบพรายดาวพราว เอกภพสกาวฟ้อนฟ้าทิพาลัย แต่โลกมนุษย์สุดคลั่งนิวเคลียร์ เสียชาติมนุษย์สุดวิเศษสิ้นสมัย จะย่อยยับดับดิ้นด้วยไฟ ใหญ่กว่าอเวจีที่ปัจจุบัน อนาคตดิ่งดับด้วยสรรพพิษ อิทธิฤทธิ์รังสีร้ายแรงมหันต์ เส็งเคร็งกว่ามะเร็งกินวิญญาณกัน อาถรรพ์สถุลยุคทุกอย่างระยำ ทำลายโลกวิปโยคยิ่งใหญ่ หลงใหลคลั่งนิวเคลียร์บ้าระห่ำ สัตว์วิทยาศาสตร์อุบาทว์ใจดำ จงหยุดทำบัดซบจบงาน เป็นขี้ข้ากากนัการเมือง วางเขื่องเบ่งบ้าวิชาล้างผลาญ ชั่วชาติสัตว์วิทยาศาสตร์สามานย์ น่าประหารตัดหัวทุกตัวไป.. ************ ช่างเป็นบทกวีที่แสนงามล้นค่า มาสอนใจมาเตือนใจให้รักษ์โลกรักฝัน ทำสวรรค์ให้มีจริง ให้มีโลกนี้ที่สวยใสด้วยดินไม้ไพรอากาศน้ำดี และ หัวใจดวงนี้ก็พาพลี คิดถึง ยามโพล้เพล้เหว่ว้า กับข้าวกล้าในนาที่เพิ่งหว่านดำ คิดถึงคำ*ชิงช้าเมฆ* ยามแหงนเงยมองวิเวกบนฟากฟ้ากว้าง กับฟ้ากระจ่างลมจรุงปรุงปน ด้วยมนต์หอมลอมฟาง ท่ามกลางแสงกระจ่างพร่างด้วยดาวเดือนสุกใส คิดถึงกุฎิไม้ในวัดที่ยังมุงด้วยกระเบื้องว่าว ที่กว้างยาวแค่ห้าคูนห้าเมตร พอให้พระกางมุ้งนอนได้ กับมีชานระเบียงพักไว้ทอดรับบันไดหินห้าขั้น มีลานหญ้าหน้ากุฎิ มีต้นอโศกอินเดียต้นใหญ่ ที่มีดวงดอกแดงไสวหอมพร่าง ระย้าระยับจับใจ มีกอไผ่นา มีฝูงวัวเลาะเล็มหญ้า มีเณรน้อยเจ้าปัญญาอายุแค่14ปี ที่คิดดีคิดได้หนีโลกวายวุ่นมาบวช ท่านเพียรท่องหนังสือธรรมมะ ใต้ต้นไม้มากมายที่สอดสานใบกันระยับระยิบ และ กำลังร่วงลอยปลิดปลิวลิ่วควะคว้างกลางกระแสลม ลงมาถมทับทั่วบริเวณ และ ต้นไม้ที่พอจะจำชื่อได้มีประมาณนี้ มะฮอกกานี กฐินณรงค์ ประดู่ สาละ ตะเคียน มะหวด ตะแบก ชมพูพันทิพย์ ไทรสาลี่ นนทรี ต้นจันทร์ หมากนานาพันธุ์ ต้นยาง ออฟจาไมก้า แคฝรั่งและอีกมากมีมากมายไม้ประดับ ที่นับแล้วจะมีเป็นพันชนิดไม่น่าเชื่อเลย ที่ตรงนี้คือที่หน้าโบสถ์คร่ำ ที่สามารถนั่งระร่ำริน ทอดนัยน์ตาดูความนุ่มความเขียวครึ้มเขียวแผกแตกต่าง ที่ดั่งร่มฉัตรร่มธรรม ร่มธรรมชาติกางกั้น ให้จิตวิญญาณชิดใกล้กับธรรมชาติชีวิตอันเป็นความจริง เสียยิ่งกว่าจริงมิกลิ้งกลอกลวงหลอนหลอกใจ ได้ดูดอกและใบไม้เสลาหล่นพร่าง ให้เกิดกระจ่างแจ้ง ราวมีแสงแห่งปัญญาพรายผุด ให้ใจดวงพิสุทธิ์ คว้าไม้กวาดสกดสติสมาธิ อยู่กับการกวาดลานวัดให้สะอาด ราวได้กวาดลานใจไปพร้อมกัน ให้สว่างสงบพบพระธรรมนำดวงจิต ให้สถิตเกิดใสล้ำปิติ หยุดนิ่งคิดกังวลกับทุกสรรพสิ่งภายนอก ดวงตาแลเห็นแสงรำไร ดวงใจราวได้รับแสงทองที่ส่องสะท้อนสาด มาจากพระพักตร์พระพุทธพิสุทธิ์งาม ในโบสถ์ยามย่ำสนธยา เกิดเรืองแสงแห่งปัญญาแม้นชั่วยาม ยอมรับสัจจะความจริงนี้แห่งชีวีชีวิต ที่ ในที่สุดไม่ว่า จะสุขโศกเศร้าหนาวร้อนเบื่อๆอยากๆมากเรื่องราว ก็ราวก่อกระจ่างให้วางลง มิหลงยึดมั่นถื่อมั่นฝันไกลที่ตามไปไม่มีวันถึง ให้พึงสดับยอมรับความไม่แน่นอน ให้มองย้อนเข้าไปสู่ขุมทรัพย์นิรันดร์ อันเปรียบประดุจบ้านภายในในตัวตน จนกว่าจะสิ้นแสงแห่งดวงชีวา ร่างใจจะลาลับหล้าลาลับโลกลาดวง ตะวันจริงกำลังสอนสัจจะ ในขณะที่ตะวันในใจกำลังโชนแสงกล้า กับวันคืนที่ได้มากับวัยวันที่กำลังจะเสียไป ไม่มีสิ่งไหนในโลกนี้ที่จะเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรจะตั้งอยู่ มีแต่รู้ดับไป นะเจ้าดวงดอกไม้..งาม ให้เจ้าจงรู้ทำใจ.. ********* http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_33165.php ถ้าเราจะนัดพบกัน ถ้าเราจะนัดพบกัน เมื่อตะวันลับไม้ ฉันไม่หลอกจะบอกให้ อย่าเอ็ดไปสิจงฟัง ฟังสิฟังสักนิด แล้วอย่าคิดว่าฉันสอนว่าฉันสั่ง ฟังสิฟังกันเล่นเพลินๆ แต่มันสุขเหลือเกิน ไม่เชื่อเชิญลองจำ ถ้าเราจะนัดพบกัน เมื่อตะวันพลบค่ำ ธรรมชาติชื่นฉ่ำ ฉ่ำชื่นชื่นใจ ใต้ร่มไม้ใบบางๆ แสงสว่างรำไรรำไร ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องระไว จะอายทำไมกับพระจันทร์ ถ้าเราจะนัดพบกัน จึงชวนให้จันทร์เห็นใจ ลมอ่อนๆพัดผ่าน ชูกิ่งก้านช่อใบ บ้างก็แกว่งบ้างก็ไกว บ้างเขยื้อนสะเทือนไหว สะบัดใบไปตามลม ผสมน้ำค้างพร่างพรม เรไรจิ้งหรีดหวีดผสม ต่างเคล้าต่างคลอต่างล้ออารมณ์เรา ให้ชมให้ชื่นใจ นี่แหละที่นัดพบ...... แต่เรามิพบกับใคร เพียงแต่พบกับธรรมชาติ แล้วเราก็อาจจะสุขใจ ไม่ต้องไปพบกับใคร...ที่ไหน..เพลินใจเพลินตา....
21 สิงหาคม 2547 15:39 น. - comment id 314192
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=198 หากแม้นเลือกเกิด เองได้ คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร ตามใจเขา ปรารถนา แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ หากร้อนผิวกาย ใจระทม ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง อยากเกิดมาเป็น สีแดง แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้ อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง จะขอเป็นแหวนสวมก้อย เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์ ขอเกิดเป็นหมอนข้าง เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน...
21 สิงหาคม 2547 15:57 น. - comment id 314200
พุดพัดชามาขอสารภาพใจค่ะ ด้วยซึ้งใจที่ มีหลายดวงใจห่วงใยพุดพัดชาค่ะ หลังอ่านงานเหว่ว้าธรรมะธรรมโม บ้างก็คิดว่า พุดรจนางานราวสละโลกได้ แต่ทำไมบางคราวบางงานยังมิพ้นผ่าน รานร้าวระบมระทมรัก เป็นอะไรกันนักกันหนา คนดีคะ พุดพัดชา ยังไม่เป็นชีค่ะอิอิ ยังดำรงร่างเป็นปุถุชน ยังมีรักพิสุทธิ์ใจมีวางลงมีสงบรำงับ ดับได้ในบางวันฝันไกลไปตามจินตนาการ เพื่องานเขียนงามในบางราตรี แต่จะบอกว่า ในใจดวงนี้ หากจะมีรัก อย่าพักห่วงใยนะคะ เพราะพุดมีใจบริสุทธิใสและคิดว่ารักนั้นมี หลายฝันหลายแบบ มิจำต้องผิดทำนองคลองธรรม มิจำต้องตาย มิจำต้องได้ มิจำต้องลืม หากรู้รักเป็นรักเย็นรักปรารถนาดีค่ะ ที่จริงๆนะบัดนี้ พุดยังไม่เคยพบเจอใคร ในร่มรักมาพบจริงมาพักใจเลยค่ะ มีเพียงรักฝันในงาน หวานปานประหนึ่งจะเป็นจะตาย แบบอารมณ์กวีกระวาด นักอยากจะเขียน ที่แค่เพียรฝันค้างค่ะ เพียงนั้นค่ะ และอีกเรื่องค่ะ เพื่อให้กระจ่างใจ งานคืองานนะคะ พุดถนัดสอดเศร้าดายเดียวค่ะ และรำงับดับรัก ด้วยธรรมชาติธรรมะ ฝากลบเหว่ว้าแด่ทุกดวงใจละมุน พุด มิใช่นางเอกนะคะ เหมือนที่เคยบอกไว้ในงาน ฉันมิใช่นางเอก ซึ่งจะหามาลงให้อ่านนะคะทีหลังค่ะ ฉะนั้นและฉะนี้แล้ว นะคะ พุดจึงได้แต่มาสารภาพคำซึ้งใจ มากระซิบฝากใจว่า พุด รู้การใช้ชีวีและมีคุณธรรมพอค่ะ และเพียงเพียรใฝ่กระทำความดี เพียรสร้างกุศลจิต เพราะ ยังละวางต้องดำรงร่าง ทำหน้าที่ทางโลกพบโศกสุข ตามวิบากเก่าวิบากกรรมค่ะ เอาแต่คำสอนใจดีดีนะคะ อย่าคาดหวังว่าพุดจะดีเลิศงามพร้อมค่ะ ขอถ่อมตัวและถ่อมใจนะคะ คิดว่านางเอก แค่ภาพใครที่พุดอยากเป็น อยากทำแค่นั้นแค่นี้นะคะ ด้วยรักมากล้นใจเลยค่ะ
21 สิงหาคม 2547 15:59 น. - comment id 314201
จำเรียงออกมาได้วิจิตรมากครับ ๚ะ๛ size>
21 สิงหาคม 2547 16:49 น. - comment id 314218
วันวิวาห์ผลิใบฝากใจอวยพรมงคลคำนะคะ ปลิดกลีบกุหลาบแดงพรายพร่างกลางเตียงขาว โรยรักเคล้าบานไม่รู้โรยโปรยอิ่มขวัญ ให้นอนเคียงเตียงคู่หวานนานนิรันดร์ ให้รักกันเป็นคู่ธรรมคู่ทองผ่องผุดใจนะน้องรัก! พี่พุดดีใจด้วย และฝากบอกเจ้าสาวนะคะ พี่พุดอยากมีโชคอย่างนี้บ้างค่ะ รักมากกกกก
21 สิงหาคม 2547 19:26 น. - comment id 314278
จิ๊จิ๊ เมกแวะมาให้กำลังใจพี่พุดนะครับ จิ๊จิ๊ นี้คือบ้านแห่งความฝันจริง ๆ เลยนะครับพี่ วาดฝันไว้ยาวไกล ว่าจะอยู่ใกล้กับเธอ หรือเพียงแต่ใจเผลอ จึงละเมอให้เธอเคียง อย่าบอกว่ารักฉัน หากยังไม่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ฉันคงทนไม่ได้ ถ้าใจถูกเธอทอดทิ้ง ถ้าทุกสิ่งต้องมีอันร้างลา ฯ
21 สิงหาคม 2547 20:04 น. - comment id 314290
อ่านงานคุณพุด จะจินตนาการว่าตัวเราเข้าไปอยู่ในธรรมชาติด้วยเสมอ เหมือนเราได้พักใจด้วยนะคะ... ........................................................................................................ ลี่...ผู้มาเยือน .
21 สิงหาคม 2547 21:40 น. - comment id 314334
โชยกลิ่นหอมละอองนวลยวนเย้า ให้ใจเร้าเร่งรุดหยุดธรรมชาติ ฉุดความงามอันพิสุทธ์ดุจใจหยาด คงองอาจสะอาดล้ำนำยั่งยืน ........................................... ข้าพเจ้ามาทักทายพี่พุดค่ะ อาบอิ่มงามแห่งธรรมชาติ.......งดงามเสมอค่ะ
21 สิงหาคม 2547 22:01 น. - comment id 314343
คุณพุด พัดชาเก่งทั้งกลอนและเรื่องสั้นมากเลยน่าจะเขียนหนังสือขายได้แล้วครับฝีมือจัดจ้านดีมากครับ แต่ก็ดีพวกเราจะได้อ่านไปด้วยหากเขียนเรื่องสั้นขายอาจจะร่ำรวยก็ได้นะ..อิอิ แก้วประเสริฐ.
21 สิงหาคม 2547 23:01 น. - comment id 314358
จำเรียงออกมาได้วิจิตรมากครับ ๚ะ๛ คุณRobert TingNongNoi วันใดที่คุณหายไปพุดคงคิดถึงคุณค่ะ มากด้วยนะคะและเราทุกดวงใจค่ะ นาทีนี้พุด..บอกได้เพียงว่าพุดขอบพระคุณค่ะ ********* ll๛เมกกะ๛ll ~*~ ll๛ผู้ชายอารมณ์ดี๛ll พี่พุด กำลังน้อยใจรักจังค่ะนาทีนี้ คงไม่มีคำใดจะอธิบายค่ะ คุณลี่ รักธรรมชาติเหมือนกันใช่ไหมละคะ ถึงเข้าใจงานยาวย้วยแบบนี้ค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่ติดตามให้น้ำใจกำลังใจมาตลอด สำหรับพุดแล้วมีความอิ่มใจที่ได้ทำให้มีคนรัก ภาษาโบราณและงามชนบทค่ะ นานแล้วไม่รจนาพุดรอท่าอ่านนะคะ น้องแว่นดอยแว่นแก้ว สักพักพี่พุดจะไปอ่านงานน้องนะคะคนดี คุณแก้ว น้ำใจน้ำคำคุณทำให้พุดดีใจ มีกำลังใจจนอยากร้องไห้เลยค่ะ พุด ไม่ทราบทำไมเกิดมาไม่ดิ้นรนอะไร นอกจากจะตั้งใจรจนาไปตามที่ใจรักค่ะ ทำด้วยความรักจริงๆ พุดขอบคุณนะคะ
22 สิงหาคม 2547 06:49 น. - comment id 314429
ภาพ..และบทกวี .. งดงามมากเลยคะ.. ยังคงเป็น ..พี่พุดพัดชา ..ที่อ่อนหวานของเรน.. ..เรนชอบ..ที่พี่พุดเขียน แบบนี้ นะคะ.. ชอบมากเลยคะ.. ..มีสาระ ..และให้ .. งดงาม ..และอ่อนโยน .. ..บทกวี ..แบบนี้ ..ไม่มีใคร .. ทำได้ดี ..แบบ พี่พุดพัดชา ..เลยคะ.. ..เรน อยากให้มี ..รวมเล่ม ด้วยนะคะ...
22 สิงหาคม 2547 18:44 น. - comment id 314795
^^*
23 สิงหาคม 2547 04:00 น. - comment id 315029
สัตว์วิทยาศาสตร์ก็มี เดรัจฉานศิลปินก็มี ถ้าใช้อวิชชานำหน้า ชอบใจถ้อยคำของแต่ละภาษาจริงๆ เอาคำมาเรียงสลับสับไปมา แล้วฏ้สร้างความหมายใหม่ที่น่าดูชม เสน่ห์ของการสื่อสารครับ เผลอไผลไปอ่านงานของคุณทรายกะทะเลแล้วรู้สึกถึง...ผู้หญิงจริงๆ งานของเค้าแบบว่าจริงจังและตรงต่อความรู้สึกภายในของตัวเองมาก ส่วนของพวกเราก็คงประเภทถอดสแคว์รูทกันบ้าง เสน่ห์ของภาษาไม่มีวันเหือดหาย ยินดีครับ ดีใจที่เพิ่งพลัดหลงมาในหมู่มิตรที่ไม่มีมือวาง แสนสบายใจครับ เคยเข้าไปป้วยเปี้ยนแถวกรงวรรณกรรมเจอดีมากกว่าเจอสิ่งที่ดี โดยเฉพาะพี่วรรณะ จันทร์ธาร ยังพูดเปรยๆเลยว่า อย่าไปอะไรนักเลย ทำแบบที่เราโอเค สบายก็เอาแล้ว เมื่อครั้งงานชุมนุมช่อการะเกด ผ่านมาห้าหกปีเจอพี่แกอีกครั้งที่แพร่งนรา แกทำการ์ดน่ารักร้อยด้ายเป็นการ์ด แล้วเป็นคนเขียนเรื่องทะเล ดนตรี จำปี ทราย อะไนี่ทางไอทีวี มาถึงวันนี้เราก็เขียนอย่างสม่ำเสมอและไม่คาดหวังอะไรแล้วล่ะ ออกจากราชการมาทำร้านหนังสือเล็กๆ เป็นส่วนหนึ่งของการอ่าน
23 สิงหาคม 2547 04:00 น. - comment id 315030
สัตว์วิทยาศาสตร์ก็มี เดรัจฉานศิลปินก็มี ถ้าใช้อวิชชานำหน้า ชอบใจถ้อยคำของแต่ละภาษาจริงๆ เอาคำมาเรียงสลับสับไปมา แล้วฏ้สร้างความหมายใหม่ที่น่าดูชม เสน่ห์ของการสื่อสารครับ เผลอไผลไปอ่านงานของคุณทรายกะทะเลแล้วรู้สึกถึง...ผู้หญิงจริงๆ งานของเค้าแบบว่าจริงจังและตรงต่อความรู้สึกภายในของตัวเองมาก ส่วนของพวกเราก็คงประเภทถอดสแคว์รูทกันบ้าง เสน่ห์ของภาษาไม่มีวันเหือดหาย ยินดีครับ ดีใจที่เพิ่งพลัดหลงมาในหมู่มิตรที่ไม่มีมือวาง แสนสบายใจครับ เคยเข้าไปป้วยเปี้ยนแถวกรงวรรณกรรมเจอดีมากกว่าเจอสิ่งที่ดี โดยเฉพาะพี่วรรณะ จันทร์ธาร ยังพูดเปรยๆเลยว่า อย่าไปอะไรนักเลย ทำแบบที่เราโอเค สบายก็เอาแล้ว เมื่อครั้งงานชุมนุมช่อการะเกด ผ่านมาห้าหกปีเจอพี่แกอีกครั้งที่แพร่งนรา แกทำการ์ดน่ารักร้อยด้ายเป็นการ์ด แล้วเป็นคนเขียนเรื่องทะเล ดนตรี จำปี ทราย อะไนี่ทางไอทีวี มาถึงวันนี้เราก็เขียนอย่างสม่ำเสมอและไม่คาดหวังอะไรแล้วล่ะ ออกจากราชการมาทำร้านหนังสือเล็กๆ เป็นส่วนหนึ่งของการอ่าน
23 สิงหาคม 2547 21:06 น. - comment id 315449
แวะมาช้าคงจะไม่พูดอะไรมาก แต่ดูงานระยะหลัง เขียนไปเขียนมา ก็มาลงที่โบสถ์เก่าทุกที ไม่ได้บอกว่าพุดเขียนเรื่องเดิม แต่อยากจะบอกว่าพุดคงจะมีใจเงียบงาม เพราะเขียนงานออกมาจะแวะเข้าหาวัดเสมอครับ