สุดทางรัก!

พุด


พายุกำลังก่อตัวอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้ามืดทะมึน
เมฆฝนลอยเรี่ยต่ำดำสลัวทุกทิศทาง
ฟ้าแลบแปลบปลาบ..สว่างวาบอย่างน่ากลัว
ไม่นานนัก 
พระพิรุณก็เทสายราวฟ้ารั่ว อย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น


ในขณะ..ที่*แพน*กำลังขับรถอยู่บนทางหลวงสายมิตรภาพ
จากตัวเมืองโคราชจะกลับปากช่อง..บ้านไร่แสนรัก..

สายฝนหม่นมัวราวม่านหมอกหนา
พาให้หัวใจ*แพน*ระรัวด้วยความหวั่นกลัว 
ที่ต้องใช้สมาธิสูงขับรถอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากมองแทบไม่เห็นแนวเส้นทางจราจร เอาเสียเลย


แต่..
จะหาที่หลบพายุฝนตรงไหนเล่า
ที่จะไม่อันตราย ในเมื่อ*แพน*ต้องอยู่ท่ามกลางพายุร้าย
ที่กำลังพิโรธราวไร้ปรานี


และ
*แพน*รู้ดีว่า หากหยุดรถกระทันหัน 
รถคันหลังที่กำลังตามมาคงมองไม่เห็น
และก็จะเกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย
แพน..เกร็งข้อมือกำพวงมาลัยรถด้วยความเครียด
สายฝนยังคงพรายพร่า..ซัดสาดกระจกหน้าต่างรถ
จนต้องกดที่ปัดน้ำฝนให้ปัดถี่ขึ้น...


*แพน*ค่อยๆใช้สติขับตามไฟท้ายคันหน้าไปเรื่อยๆ
เป็นจุดเดียวที่แพนรู้สึกดี ที่คิดว่ายังมีเพื่อนร่วมทาง
ในถนนสายเปลี่ยวที่กำลังพร่าเลือน
ราวกับเมืองในหมอกก็มิปาน


และ
มิอาจบอกได้เลยว่า อีกนานไหม ถึงสามารถจะหยุดรถได้
เข็มน้ำมันกำลังบ่งชี้เตือนให้รู้ว่า
เธอต้องแวะปั๊มที่ไหนสักแห่ง
ในรัศมีไม่เกินสิบกิโลเมตรนี้
และ
ราวฟ้าเป็นใจ..อยู่ดีดีพายุเบาลง
สายฝนเริ่มสร่างซา
ฟ้าเริ่มกระจ่างนิดนิดพอให้มองเห็นเส้นทาง
แพน..รีบแวะปั๊มน้ำมัน เตรียมเติมเต็มถัง
และแสนดีใจที่เห็นร้านกาแฟน่ารักน่านั่งพักยังมีแสงไฟเปิดอยู่


แพนสั่งกาแฟ 
แน่นอนที่หวังให้คาเฟอีนช่วยกระตุ้นความรู้สึก
ให้คึกขึ้นมาสักนิดสักหน่อยก็ยังดี
เพราะแพนยังต้องใช้เวลา
และพลังงานกว่าจะผ่านเส้นทางสายนี้
สู่*บ้านไร่แสนรัก*ที่ห่างออกไปอีกหลายกิโล..
และดีไม่ดี  แพนอาจจะถูกพายุทายทักอีกครา 
เมื่อมองบนฟ้ายังมืดดำ
นอกเสียจากต้องทำเวลาอย่างรีบเร่งเพื่อหนีให้เร็วออกจากจุดนี้
ที่ดูทีราวพายุพร้อมจะทำให้ไหวหวั่นอีกครา


แต่ทว่า
แพนคนดีรู้สึก ล้าเกินกว่าที่รีบได้ 
ช่างเถอะนะ...
แพนอยากแค่นั่งสบายคลายเครียดสักพัก
หลังจากอกสั่นขวัญแทบหายไปกับพายุร้ายพายุพัด


แพนจึงนั่งนิ่งนิ่งทิ้งใจเงียบๆ
มองดูสายน้ำตกจำลองที่ระรินไหลช้าช้า
ด้วยใจดวงเหว่ว้า
มองผ่านบานกระจกกว้างอย่างอ้างว้างใจ
และ
ในท่ามกลางความเงียบงามในเวิ้งความคิด
แพน..รู้สึกเดียวดาย
ราวใช้ชีวิตในโลกกว้างร้างไร้เพียงลำพัง
ตั้งแต่วันที่แพน..ตัดสินใจหันหลังหนี..*ชีวีชาวกรุงกรง*
เข้ามาสู่พงไพร ราวชะตาเล่นตลก
แพนหลับตา..และราวกับว่าวันเวลาแห่งอดีตจะหวนย้อนคืน
......................................
......................................


แพน..
เริ่ม..
เส้นทางชีวิตสายเรียบง่ายธรรมดา 
เรียนดี มีงานอาชีพครูประจำ
ได้ทุ่มเทชีวันฝันอุดมคติประสิทธิ์ประสาทวิชา
แก่เด็กด้วยอุดมการณ์นานหลายปี
สอนสั่งเด็กที่มีวัยอลวนที่น่ารักน่าชัง
ชั้นมัธยมของโรงเรียนมีชื่อเสียง


และ
เป็นอาชีพเรือจ้างที่แพนแสนภูมิใจ
แม้นเหนื่อยหนักสักเพียงไหน
ทุกครั้งคราที่สายตาสายใจ
ได้สบตาศรัทธารักพิสุทธิ์ใสจากทุกดวงใจศิษย์รัก
ก็สร้างพลังพิเศษยิ่งใหญ่นัก
ราวเพิ่มกมลให้มากมีเมตตามีชีวิตชีวาเลิกลืมความล้า..เสียสิ้น
และ


ราวฟ้าดินสิ้นปรานี..
ลิขิตชีวีให้แพนนี้ต้องดำรงร่างห่างไกลในงานที่รักที่ชอบ
เมื่อวันดีคืนร้าย 
ฟ้าได้
ได้ส่งพระเอกในฝันคนดี
ที่รักบทกวีพอกันกับแพนลงมา
แต่น่าเศร้าแสน
ที่ไม่ช้านาน กาลเวลาและ*เขา*คนนั้น
รักแพนไม่มากพอขอลาไปซบอกหญิงอื่น
ที่คงชื่นฉ่ำทรวงกว่าเป็นไหนไหน
แพนได้แต่ทำใจ
และปลอบตัวเองด้วยคำซ้ำๆราวย้ำเศร้า
ไม่เป็นไร..ไม่เป็นไร..นะใจ..ไม่เป็นไร


และนี่คือชีวิต..แพน..
ที่มักลืมคำสั่งคำสอนของแม่เสียสนิท..
แม่
ผู้เพียรพยายามสอนแพนอย่างเพื่อนสนิท
ราวรู้ลิขิตคน
ที่ผ่านกมลวกวนคนคนคนมามากมาย
สอนสั่งให้แพน..ระมัดระวัง..กายใจเรื่องความรัก
แม่บอกว่า..หาก..พานพบใคร
ที่เริ่มมาตีสนิทในหัวใจ
ให้ไหวเอนอ่อนก่อนจะยอมสวามิภักดิ์
ก่อนจะตัดสินใจไปหนุนตักไปนอนเรียงเคียงหมอน
ให้ทบทวนก่อน..นานนาน..
แม่เน้น*ดูพฤติกรรม..การกระทำ*ดูน้ำใจ
ที่สำคัญกว่าลมลวงที่ชายหมายมักใช้ลวงล่อ
ให้ติดบ่วงสวาทเสน่หาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


นั่นซีนะ
นะนาทีนี้ทำไมแพน..เพิ่งเข้าใจ
หลังจากดวงใจมืดบอดมานาน
ที่แทบเอาชีวีไม่รอด..
ด้วยความรักแสนดีที่พิเศษพิสุทธิ์ใส
อย่างจริงใจมั่นคงหลงมอบให้
แพน..จึงคิดได้แค่เพียงให้อภัยในวันนี้นะวันนี้
และพยายามคิดดีดี
คิดบวกๆ
ก็คือบ่วงกรรมวิบากกรรม
ที่บางหนบางครั้งเรายากจะถอยหนี..เลี่ยงหลบ


และต้องจบลง
เมื่อมนต์รักหวานคลาย
โลกแห่งรักนิรันดร์ฝันแสนงามของแพน
ก็พลันพลอยมลาย
สอนให้แพนลืมตาตื่นฟื้นยอมรับความจริงของชีวิต
และ

ใช่..
แพนรู้ดี..นี่คือธรรมดาชีวีมนุษย์
แพนรู้
คนเรา
ไม่มีประสบการณ์รักประสบการณ์ใจใคร
จะสอนใจเราได้
เท่ากับประสบการณ์จริงจากชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของเราเอง
แม้นบทเรียนใจนั้น
บางครั้งเซซังแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ตามที
แต่มนุษย์มากมีมากมายยังต้องวียนว่ายในวงรัก
เพื่อชดใช้วิบากกรรมเก่า


และ
ไม่มีรักใด ใคร ในโลกหล้านี้จะงามกว่า
รักระหว่างสายเลือดที่แสนดีแสนงาม
แสนคงที่คงทนแสนกมลละมัย
หวังมอบให้..ไม่หวังสิ่งใดใดตอบแทน
ที่บางครั้ง
แพน อยากฝากคำสอนถึงวัยรุ่นวุ่นรัก
ว่ายามอกหักรักร้าวนั้น
พลันพาให้คะนึงถึงลึกซึ้งในรักของบุพการี
จะได้ไม่คิดทำลายชีวีที่แสนมากมีค่า
และเลอล้ำกว่ารักใดในหล้าโลกนี้แล้วนะแก้วตานะดวงใจ


ความรัก..
คือทุกข์..สุขน้อย..
อย่างที่พระพุทธองค์เพียรสอน
และจนต้องยอมสละร่างหนีทางสายโลกย์ออกบวชเพื่อ
ค้นพบทางสายงามสายว่างแม้นอ้างว้างหาก
ให้ความทุกข์ห่วงหวงในรักจักได้วางลง
ไม่วนซ้ำย้ำรอย..เดิมเพิ่มชั่วกัลป์กัปป์
และ


นับจากวันฟังคำพิพากษารัก.
ใจแพนช่างซึ้งเป็นยิ่งนัก
กับคำสอนของพระบรมศาสดาเสียนี่กระไร
*การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์
การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์*
และสรุป..
รักคือทุกข์..และ
แพนก็รู้ซาบซึ้งดีว่า
ไม่ว่าทุกข์หรือสุขเพียงชั่วครู่ชั่วคราวจากรักนั้นนั้น
ขึ้นอยู่กับกรรมของใครของคนนั้น
ว่าจะหนีพ้นบ่วงกรรมหรือไม่หรือจะต้องชดใช้ไปไม่รู้จบสิ้น
..

และ
ตนเพียงนั้นจักเป็นที่พึ่งแห่งตน
หากมิอยากหลงวนว่ายในวังเวร
ก็จงเพียรมีศีล สมาธิ 
มีสติเกิดปัญญาพาพ้นทุกข์จากรัก
ได้สร้างเกราะว่าง
ให้ใจกระจ่างร้างไร้ให้เลิกยึดมั่นถือมั่น
หากชีวีทนดายเดียว
และแข็งแรงพอมีพ่ายต่อความเหงาเปลี่ยวสับสน
บนทางทอดยาวไกล..ไร้ใครเคียงข้างแบบทุลักทุเล....


แพนจึงพยายาม
หนีคะนึงด้วยการค่อยๆวางแผนอย่างช้าช้า
แพนรอเวลา
ค่อยๆขายทรัพย์สินทีละชิ้นทีละอย่าง
เพื่อเตรียมเก็บสตางค์
ซึ่งมากพอจะใช้ชีวิตได้อย่างดิบเดิมเรียบง่าย
ในวิถีไพรในวิถีธรรม..ธรรมชาติตราบเท่านาน
เป็นความหวังความสุขสงบในชีวิต
ที่เติมเต็มได้ด้วยลิขิตจากใจตัวเอง
และในยามเดียวดายลำพังนั้น
แพมก็พยายามพาตัวเองออกไปสัมผัสไพรสัมผัสดิน
ลืมให้สิ้นถวิลหวานถวิลหวังกับผู้ใด

และ
กับวันที่ฟ้าใสแดดทอสวย..
แพนอ่านพบคำโฆษณาในหนังสือท่องเที่ยว
ที่จะพาลดเลี้ยวชมไร่องุ่น กรุ่นกลิ่นไวน์
แม้นมิใช่ไร่ชาละวัน
โฆษณานั้น
ก็เขียนเชิญชวนอย่างดิบดี
ว่าทริปนี้จะมีแต่คู่รักร่วมทาง
เป็นทริปเดินทางให้ดื่มน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวาน
ให้สวาทวาบหวามไปกับไวน์รสดีมีแถม
ส่วนใครที่อกหักรักราน
หากทำใจมองผ่านสุขของคู่รักได้
ก็ยินดีต้องรับร่วมการเดินทาง..


แพนรู้สึกดี
ที่บอกว่าทริปนี้มีไวน์แจกเฉพาะผู้โดยสาร
มิผ่านให้คนขับรถ
มิฉะนั้นอาจลดเลี้ยวลงคูข้างทาง
และ
แพนผู้อยากหนีความระทมตรมซ้ำซาก
จึงตัดสินลากกระเป๋าเตรียมตัวเผชิญโชค
กับโลกของไวน์.ร้าย วัยรัก..นับสิบคู่


และ
ไม่นานแพน
ก็พบตัวเองประสานเสียงร้องเพลงร่วมขบวนในรถ
ที่งามงดด้วยกลิ่นไอทั้งภายนอกภายใน
อวลไปด้วยกรุ่นกลิ่นดวงดอกไม้ร่ายมนต์เสน่หา..
วันนั้น
ไกด์..หนุ่มหล่อต้องตะโกนโหวกเหวก 
ผ่านไมโครโฟนดอกทานตะวันบานแฉ่ง
แข่งกับเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ 
ที่เป็นนิสัยค่อนข้างแย่ของบางทัวร์คนไทย
ที่ไม่ค่อยตั้งใจฟังอะไรนอกจากแย่งแข่งกันพูดเอง..


หัวใจแพนไพรใจดวงเสรีราวนกไพร
ทะยานไกลเกินคำไกด์แนะนำ
แพนตั้งใจดื่มด่ำวิวงามล้ำสองฟากฝั่งด้วยใจงามเงียบภายใน
แม้นภายนอกนั้น
ใครจะทำอะไร หากระทบใจแพนได้เลยไม่..
หากใจเงียบงามว่างและไร้ร้างจะรับรู้ดูเห็น
สิ่งที่ใจไม่ต้องการ 
ก็จะแค่เพียงผ่านราวสายน้ำไหล
ที่ไม่ขอเก็บกักพักไว้เป็นขยะใจ
ที่ไร้ค่าพารกใจ..เป็นยิ่งนัก


รถทัวร์สีขาวพราวเพ้นท์พร่าง
กระจ่างงามสดใสของลวดลายหลากสีนานาพรรณ
ดวงดอกไม้รับคู่รักคู่ขวัญ
สู่คืนฝันวันมหัศจรรย์รักกับการเดินทางไกล..
รถพาผ่านเส้นทางสายงาม
เนินสลอนอ่อนสีสลับสวย
เขียวขจีสีไพลสีทองสีตองอ่อนสีน้ำตาล
ที่เสลาล้างพร่างพันธุ์พฤกษ์

มีบึงบัวบึงใจขนาบข้าง
ในเส้นทางเลียบท้องทุ่งรุ่งรวงทอง
ดูเรียวรวงราวจะร่วง
ระย้าย้อยห้อยเคลียดินถวิลนาโคลนเลน
ไหวเอนไปตามพระพายพร่างพรม
ห่มหอมกรุ่นกลิ่นนาทองปองขวัญ
สวรรค์มนต์รักชาวทุ่งชาวนาไทย
หลอมละลายใจให้ละมุนละเมียดอย่างเหลือเกินแล้ว..
มีตาลเดี่ยวยืนต้นรอฝนรอรัก
อย่างฉากรักของสาวนารอท่าอ้าย
ที่ไร้ใจไม่ไหวครวญหวนกลับนา..


มีฝูงวัวควายเดินมาเป็นฝูง
เสียงกระพรวนในมโนพลันดังกรุ๋งกริ๋งๆ
นิ่งรับจับใจยามยลยินดำดื่ม
นั่นทุ่งทานตะวันบานจ้าไสวสว่างพร่างหลืองดั่งทองทา
คงรอท่าดวงอรุณอันอ่อนอุ่นมาโอบงามยามค่อยๆแย้มคลี่บาน
ให้ตระการตากระการใจตระการทุ่งไทยทุกทิศ..
พืชเกษตรที่สร้างงานสร้างรายได้อุทิศให้แด่ชาวไทย..


แพน..ยิ้มหวาน
หลังผ่านการดมดื่มไวน์สีทับทิมไปเพียงแก้วเดียว
เลือดในกายก็พลันซ่านซ่าส์
นวลนัยนานวลเนื้อพลันกลายสีชมพู
ดูราวรอท่าลบดายเดียวให้อวลอุ่นงามวาบหวาม
ในทุกอณูเนื้อ
ดูช่างงามซึ้งงามเศร้า
แม้นร่างร้าวไร้ใคร..ไร้ไหล่รองรับแบบคู่อื่นๆ
ก็ยังแย้มยิ้มชื่นมิฝืนใจด้วยดวงใจแสนเอิบงาม..
ยามชิดใกล้ธรรมชาติก็สุขใจก็สุขพอ..


รถที่ราวอยู่ในขบวนรถบุปผชาติ
ค่อยค่อยคลานพาหวานใจที่กำลังเบ่งบาน
ขึ้นเนินสลอนที่นอนทอดตัวทอดทอยไล่ละลดหลั่น
ราวภาพฝันภาพวาด
สลอนไศลเสลาเนินแล้วเนินเล่า
เฝ้าโอบกอดด้วยมวลดวงดอกไม้บ้าง
และขนาบข้างด้วยดงไร่ข้างโพด..ไร่องุ่น ไร่ทานตะวัน


ที่ราวย้อนคืนหลัง
คืนวันหนึ่ง
ให้แพนคนหัวใจอ่อนไหวอ่อนหวาน
ได้ซ่านซึ้งใจกับหลานน้าในดวงใจ
กอดคอเคียงไหล่กับคุณพ่อ..ร้องเพลง*เก็บตะวัน*
วันฉลองขวัญรับปริญญามหาบัณฑิต
กับหัวใจน้าแพนดวงช่างฝันนี้
ที่ใส่พลังรักปรารถนาดีร่ายบทกวี
ให้ทุกดวงใจนิ่งงันฝันพลีมีสุขไปด้วยกัน
ในคืนอันเต็มเปี่ยมด้วยคำว่าแสนภาคภูมิใจ.
..................
.

แพนมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
เห็นความหมดจดของอากาศแสนดี
เห็นฟ้าที่แสนสรวย 
ลมระทวยกลิ่นเกสรดอกไม้ป่า
ที่ทุกครายามรถหยุดพัก..
แพนจะพยายามสูดดมด้วยดวงใจ
และไหวซึ้งไปกับเวิ้งฟ้ากว้าง นภาสล้างหอมนวล
ด้วยมวลหมู่เมฆปอยปุยนุ่มนวล..


..........
และในที่สุด
เป้าหมาย..ที่ทุกคนรอ
ก็มาจ่ออยู่ในคลองตา
โรงแรมที่พักที่ราวโรงนาฝรั่ง 
สร้างลดหลั่นไล่ไปตามไหล่ผา
และกระท่อมทับไม้ไผ่
ที่สร้างขนานไปกับบึงบัวมีสะพานทอดรอรับ
ให้จับพายวาดออกไปเด็ดบัวสาย มิขาดสายใยสวาทเสน่หา
รายล้อมกว้างไกลไปด้วยแปลงองุ่นสุดสายตา
ที่ห้อยพวงดกสุกสด
พร้อมจะนำมาแปรเป็นไวน์ไทย
ให้รสชาติไฉไลไม่แพ้ไวน์นอก
คลอเคลียด้วยสายหมอก
ราวกำลังยืนอยู่ในแคว้นใดแคว้นหนึ่งของยุโรป
และมีใครบางคนบอกว่า
ที่นี่พิสูจน์แล้วว่ามีโอโซนบริสุทธิ์เป็นอันดับเจ็ดของโลก


ใกล้ๆกันนั้น
แพน..ลองเดินเล่นไปชมวิวทิวทัศน์
เลยได้พบกับกระท่อมที่พักอีกแบบ 
เป็นกระท่อมไม้ไผ่ซ่อนตัวอยู่ในเนินเขา
และมีที่ก่อสร้าง..ราวรังนกหลายๆรังอย่างแยบยล
มีเปลนอนนอกชานกระท่อม
ให้มาหอมดวงดอกไม้ไทยรายรอบสปาท้าแสงจันทร์พรรณราย
ให้มาสบตาหวานฉ่ำหากมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
ดูเดือนนับดาวเคล้าคลึงร่างมิห่างคลอไคล้ไล้ลูบโลม
อาบประโลมด้วยหยาดสายแสงหวานผ่านคลอเคลีย..
และแลละลิบลงคือแปลงไร่องุ่นและไร่กุหลาบ
ที่กำลังออกดอกดาระดาด
แดงเหลืองแสดส้มชมพูพราวพร่างสะพรั่งพรึบ
อีกด้านคือไร่เหลืองทองละออละอองของทุ่งทานตะวัน..ไล่ฝันไปจรดเชิงชายเขา


แพน...
ไม่อยากเชื่อเลยว่า ตัวเอง
กำลังพาชีวีหนีกรุงกรงมาได้ไกลถึงเพียงนี้
นอนดูพราวดาว
ในท่ามกลางแมกไม้หอมสะพรั่งรินส่งกลิ่นจรุงใจ
ในมือมีแก้วไวน์บางใส
สีทับทิมแดงปลั่งที่แพนกำลังใช้จิบลิ้มชิมรส
อย่างละเลียดละเมียดละไม
อย่างช้าๆ....
ให้รสปร่าแสนหวานซ่านลิ้นแล้วถึงดื่มกลืน
นะเวลานั้น
เวิ้งหุบเขาดั่งสวรรค์สรวง


และ
สำหรับลูกทัวร์ที่มาลิ้มหวานน้ำผึ้งพระจันทร์
ช่างแสนน่าอิจฉา
ที่ได้นอนนับดาวใต้เงาจันทร์
ฝันเคียงข้างไปกับผู้เป็นที่รัก
ได้ทายทักคืนฝันกับที่นอนนุ่มม่านหมอนมุ้งสีขาว
ราวนอนในฮาเร็มแสนดี
ที่แสนอบอุ่นเป็นสุขทุกทิวาราตรีกาล
แสงจันทร์กับแสงเทียน
ที่ถูกจุดตามโคมส่องประโลมให้เห็นรำไร
ลอดเรียวร่องไม้ไผ่สีสุกทอง
ส่องประกายจรัสจ้าดิบเดิม
เพิ่มความอบอุ่นอ่อนหวานที่แสนงามแสนสงบใจ


และ
สำหรับแพน..แม้นจะนอนดายเดียว
หัวใจดวงเดียวดวงดีก็แสนมีความสุข
ที่ได้ชิดใกล้แมกไม้และขุนเขา
ในเงื้อมเงาไพรฝันพระจันทร์หวาน
ที่หวังมานานวัน
กว่าจะได้มาสัมผัสฝันอย่างในคืนวันนี้...
ได้เห็นวิวขุนเขาในเงาฝน
กมล
ได้ยินเสียงไผ่กระทบสายลมพรมพร่าง
แม้นจะอ้างว้าง
ทว่าช่างงามเงียบดื่มด่ำล้ำลึกในรู้สึกเสียเหลือเกิน...


แพน..แลลอดไป
เห็นคู่รักนั่งตรงชานพักผ่อนเหมือนรอคอยตะวันลา
ให้ถึงเวลาบรรยากาศพลบค่ำ 
ที่มีแสงเทียนสีอำพันให้สบตา
พากันดูพระอาทิตย์ลาลับเหลี่ยมโลก 
ให้ซาบซึ้งปานประหนึ่งทิพยวิมานมาเยือน..


แพน..คนไร้คู่
ค่อยๆถือแก้วไวน์
และเดินดายเดียวลงไปตามบันไดวน
ลงไปยังเนินเขาเบื้องล่างห่างๆความหวานซึ้ง
ที่ทั้งดีใจและอึ้งอั้นด้วยดายเดียว
แม้นจะเพียงชั่ววูบวับรู้ดับทัน


แพนค่อยๆทรุดตัวลงนั่ง
ใต้กิ่งลั่นทมดอกดกมีเด็กสาวหน้าตาใสซื่อ
ย่อตัวลงทำท่ารอจะขอเติมไวน์ให้
แพน..แย้มยิ้มและชวนคุยถามบ้านอยู่แถวนี้ไหม
และทำไมที่ดินแถวนี้สวยจังและยังพอมีใครบอกขายมั้ย


สาวน้อยใสซื่อเล่าความงามเรียบง่าย
ในการใช้ชีวิตของผู้คนชนบทแถวนี้
ที่แสนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ 
ที่เธอเติบมาตั้งแต่ยามเยาว์วัย
ที่ได้หล่อหลอมใจให้รักที่จะงาม..*ให้*


และเธอ..แสนใจดี 
และยินดีจะอาสาพาแพนไปดูที่ดินในวันรุ่งขึ้น
ที่เธอ..เล่าว่างามมาก
และแถมยังมีบ้านเก่าแสนสวย
ที่เจ้าของสร้าง
และทิ้งร้างไร้ไว้และประกาศขายนานมากแล้ว
แต่ไม่มีใครกล้าซื้อเพราะถือเรื่องโชคลาง


เนื่องจากสร้างเสร็จไม่นาน ยังไม่ทันย้ายมาอยู่
เจ้าของคนผู้ชาย
ก็มาเกิดอุบัติเหตุพรายพลัดพราก
ระหว่างขับรถมาตรวจดูความเรียบร้อย
ที่จะสร้างเตรียมไว้ให้เป็นดั่งเรือนหอรอรัก
รอสาวคนรักที่กำลังจะเรียนจบ
และกลับมาจากเมืองนอก
เขามิบอกหวังจะให้เธอตื่นเต้นเห็นฝันในวันที่มาถึง
ซึ่งเธอคนดีชอบที่จะมีวิมานในไพรพง
เพราะหลงรักในลำเนาไพร
ซึ่งเธอ..ก็ทำใจไม่ได้ ไม่แม้จะกรายมาดู..หลังจากนั้น..


แพน...สนใจ
และไม่ใส่ใจในประวัตินั้น
เพราะสำหรับเธอนั้นมิได้ฝันจะทำเป็นเรือนหอรอรักใคร
หัวใจดายเดียวต้องอาศัยเปลี่ยวเหงาลำพังอยู่แล้ว
 

แพนจึงนัดกับสาวน้อยในวันรุ่งขึ้น
แม้นขบวนรถจะต้องกลับกรุงและแวะเที่ยวท่องต่อ
แพนก็เลยจำต้องขอแยกวง
ด้วยหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งหุบไพรนี้ที่ราวมีชะตาต้อง
และ
ลองมาตรองดูทีหลัง
แพน..ถึงรู้ว่า...นี่คือชะตาฟ้าลิขิตมิผิดเลย..


เช้าต่อมา
สาวน้อยขับรถกระบะพาแพนไปดูด้วยตาตนเอง
ที่เธอเองลงทุนไปขอกุญแจจากคนดูแลมาแล้ว
รถกระบะขับผ่านถนนกรวดหินเส้นทางทุลักทุเล
ที่สองฟากฝั่งยังเต็มไปด้วยไร่องุ่นงาม
และสลับแซมด้วยไร่กุหลาบและไร่ข้าวโพด
สลับบางที่ที่มีไร่ผักสดเป็นระยะๆ ไล่ลดหลั่นไปตามเนินเขา
..

และนั่นราวภาพงามฝันแสนประทับใจ
ฝูงวัวลายฝูงใหญ่ก้มเลาะเล็มหญ้าดูท่าทางแสนมีความสุข
แพนแทบอยากผวาร่างลงไปกอดรัด 
เมื่อประหวัดรำลึกนึกถึงใครคนหนึ่ง
ที่หลงซึ้งในกลิ่นวัว..กลั้วเกลือกกอดรัดมาด้วยกันในวันเยาว์


นานที่เดียวกว่าจะเลี้ยวผ่านไร่ต่อไร่ทั้งไร่ร้าง
ทั้งที่ยังงามด้วยพืชพรรณเพิ่งเพาะปลูก
นอกเหนือจากไร่รายรอบที่แวดล้อมด้วยไร่ผักสดสวยงาม
และอากาศแสนหวานสดชื่นแล้ว
ยังมีสภาพบ้านชาวชนบทวิถีใจ
แบบชาวบ้านชาวไพรที่ยังงามน้ำใจมีแต่จะให้
ปลูกกระท่อมทับสลับกันไปในระหว่างทางทอดสู่
*****

และ
ยามรุ่งสาง
กับสายหมอกบางเบา พร่างพรมห่มไร่องุ่นงาม
และเมื่อแสงแดดแรกของดวงอาทิตย์อ่อนอุ่นแย้มงาม
แพนก็ถึงที่หมายชายคาแห่งรักรอ


ราวฝันไป
หัวใจแพนเต้นตึกตักๆ
เมื่อพยายามแหวกรั้วไม้เข้าไปยังบ้านภายใน
ที่นะบัดนั้นพลันสว่างกรนะจ่างงาม
ในท่ามกลางแสงอาทิตย์แรกแย้ม
บ้านสีชมพู...
ดูข้างนอกเก่าคร่ำหากงามล้ำ
ด้วยความคลาสิคแห่งสีที่ดูดิบเดิม
ราวบ้านของชาวเกาะซิซิลีในศตวรรษที่17
มีเพดานโค้งราวโรงนาโบราณที่ไว้ใช้ผลิตไวน์ 


มีบานไม้ประตูหน้าต่างแข็งแรง
และที่แสนประทับใจแพนคือ
ทุกโทนสีในบ้านเป็นสีเถื่อนดิบดูดี
ทั้งในห้องนอนที่มีเครื่องเรือนย้อนยุคน้อยชิ้น
และมีประตูไม้ทาสีแดง
มีเตาผิงยังดูใหม่
มีเฟอร์นิเจอร์อันงามวิจิตรวิไลแม้นไม่กี่ชิ้น
เป็นภาพเขียนสดใสแสนงาม
ภาพทุ่งทานตะวันอันกระจ่างใจไสวสว่าง
เฟื่องฟ้าเลื้อยพาพันมาจากรั้วด้านนอก
โน้มกิ่งหวานบานแฉล้มมาแตะแต้มห้องนอน
ให้ยิ่งงามซึ้งแบบตะวันออก
จนราวระเบียงเคียงห้องนอน
ถูกคลอเคล้าด้วยเจ้าดวงดอกไม้สดสีให้ชีวีสดใส


ไหนจะความงามภายนอกบ้าน
ในท่ามกลางไร่องุ่นและพรรณไม้เลื้อยพันรกปกคลุม
หลายพันธุ์หอมพร่าง
ตรงลานเทอเรซจรัสจรุงใจ
ให้แพนฝันไกลถึงอาหารค่ำใต้แสงเทียน
ที่คงได้ดื่มด่ำกำซาบรับประทาน
ท่ามกลางความดิบเถื่อน
แต่งดงามเกินบรรยาย
คล้ายฉากในหนังที่งามเกินจริง
งามจรุงจรัสใจด้วยไม้เมืองร้อน
อ้อนสายลมอ่อนอุ่นแลงามดุจดังภาพวาด


หัวใจแพนจึง นึ่งขึงราวถูกตรึงกับงามแปลกนี้
ราวกับว่าผู้สร้างบ้านวิมานไพรวิมานดินแห่งนี้
จะรู้ใจถอดใจแพนออกมา
เพราะแพนมักรักความงามดิบเหว่ว้า
และด้วยสีแสงด้วยดวงดอกไม้ที่รอร่ายมนต์รัก
ให้พักใจเงียบงามได้ในทุกยามแห่งฤดูกาล
ที่แพนหวังวาดให้อยุ่ท่ามกลางไร่องุ่น
และไร่กุหลาบราวเคยฝันไว้อย่างไร้ที่ติทีเดียว


และ
นาทีนั้น
แพนรู้ดีว่านี้คือ..*บ้านของแพน* 
และไม่ว่าจะต้องเทเงินจนหมดบาทสุดท้าย
แพนก็ต้องได้บ้านหลังนี้ไว้ในครอบครอง
แพนจะใช้หัวใจเททุ่มซื้อ
ด้วยจิตวิญญาณรักภักดิ์พลีที่รอคอยมาแสนนาน
หวังฝากร่างใจไปตราบถึงวันสุดท้าย..
แห่งชีวีชีวิตสถิตเป็นนิรันดร์นะที่แห่งนี้


และ
แพนใช้เวลาไม่นานวัน
ฝันแพนก็เป็นจริง
และ
กับการปรับปรุงฝัน
ให้เป็นงามจริงที่งามยิ่งกว่าเดิม
ทุกคืนค่ำแพนนอนหลับฝันดีบนเตียงโบราณ
ท่ามกลางแสงตะเกียงริบหรี่
กับ
งามเฟื่องฟ้าสีสันเฉิดฉันท์สดใสเลื้อยพันพร่างระเบียงกว้าง
ไว้ยืนชมเชิงชายเขา
ในเงาเงื้อมงามไร่องุ่นสดสด
ให้รสชาติแสนดี
ที่กรุ่นหอมเคียงกุหลาบสะพรั่งพรึบ


และจะนึกไม่ถึงว่า
ข้างนอกนั่น
มีคอกวัวได้มาตรฐาน
ที่มีวัวนมพันธุ์ดียี่สิบตัว
ที่ได้มาจาการที่มีคนซื้อชีวิตสะเดาะเคราะห์
และ
แพนขอมาเลี้ยง  
ขอเพียงน้ำนม จะไม่มีการฆ่า
แพน..พยายามใช้ชีวีอย่างงามเงียบ
ไม่มีทีวี มีแต่วิทยุเก่าพอฟังข่าวและเพลงได้
มีมากมาย
ก็หนังสือแสนรักและหนังสือธรรมฝึกจิต
แพนพยายามใช้ทุกวิถีวิธีธรรมชาติพึ่งพา
และไม่ว่าขยะหรือข้าวของเหลือใช้อะไร
แพนจะนำไปใช้ประโยชน์อีกครั้ง


และ
นี่คือชีวิตที่แพน เลือกแล้ว
ได้อยู่กับอิสระเสรี 
และอุทิศตนทำสิ่งดีดีเพื่อชุมชนในทุกทาง
...............


แพนคงอยู่ในภวังค์นานไป
ได้ยินเสียงหวานใส
เตือนบอกว่าพายุกำลังตั้งท่าจะกลับมาใหม่
ให้แพนรีบไปเสียก่อนฝนจะเทสายอีกครั้ง
แพนรีบพาร่างออกมาท่ามกลางลมที่พัดแรงขึ้นๆ
รีบขับรถออกจากร้านกาแฟอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน แพนคิดว่าคงจะได้ซุกตัวใต้ผ้าห่มอบอุ่น
ฟังเสียงลมครางฟ้าครวญ
ที่แพนมักชอบฟังสายฝนดนตรีใจ
ที่แสนไพเราะหวานพริ้งพราว
เศร้ารัญจวนใจเสียไม่มี

ฝนยังคงตกหนัก..จนสะท้อนพื้นถนน
เกิดประกาบวาววับราวหยาดเพชรพร่าง
แพนพารถลงเนินช้าๆก่อนที่จะตีวง
เลี้ยวโค้งถึงทางแยกข้างหน้าเข้าสู่ถนน..บ้านไร่แสนรัก


แต่นั่น...
แพนเห็นอะไรบางอย่างยืนขวางถนนอยุ่ตรงหน้า
วัว..ตัวเมียที่เบิ่งตาอย่างงุนงง สงสัยสะท้อนแสงไปแวววาว
แพน..ตัดสินใจด้วยสัญชาติญาณจะหยุดรถ..

เธอเหยียบเบรค!
และทันที..
รถก็ลอยละลิ่วหมุนคว้างไปตามแรงลื่นของถนน
พลิกหลายคลบก่อนจะตกไปข้างทาง


ในนาทีฉุกละหุกนั้นแพนรู้สึกราวกับว่ารถ
พุ่งไปข้างหน้าอีกและชนกับบางสิ่งบางอย่าง
อย่างรุนแรงจนสะเทือนไหว..!!!!!
แพนกรีดร้องเสียงดัง..ก่อนที่สติจะพลันดับวูบไป.........

**************				
comments powered by Disqus
  • พุด

    13 กรกฎาคม 2547 23:01 น. - comment id 297918

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=152
    พรุ่งนี้ฉันจะรักเธอจนตาย   
    สุเทพ-สวลี *เนรัญชรา : : Key Eb  
    ฉันเคย พลาดหวัง
    ในรัก มา ครั้งหนึ่ง
    พิษแห่งความร้าว ยังตรึง
    แนบ อุรา
    เกือบ ตัดสินใจ
    ไม่ยอมรักใคร จน สิ้นชีวา
    พอพบ เธอ นิจจา
    หัวใจ เจ้ากรรม ก็เกิด หวั่นไหว
    ฉันยัง ไม่หวัง
    จะรักเธอ เหมือนหญิง คนแรก
    และไม่ ยืนยัน จะรักกัน
    จนโลกแหลก ลงไป
    ได้แต่ สัญญา ให้วันเวลา
    ช่วยฉัน ตัดสินใจ
    พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ ได้ไหม
    ฉันจะ รักเธอ รักไป จนตาย
    
    ฉันเคย พลาดหวัง
    ในรัก มา ครั้งหนึ่ง
    พิษแห่งความร้าว ยังตรึง
    แนบ อุรา
    เกือบ ตัดสินใจ
    ไม่ยอมรักใคร จน สิ้นชีวา
    พอพบ เธอ นิจจา
    หัวใจ เจ้ากรรม ก็เกิด หวั่นไหว
    ฉันยัง ไม่หวัง
    จะรักเธอ เหมือนหญิง คนแรก
    และไม่ ยืนยัน จะรักกัน
    จนโลกแหลก ลงไป
    ได้แต่ สัญญา ให้วันเวลา
    ช่วยฉัน ตัดสินใจ
    พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ ได้ไหม
    ฉันจะ รักเธอ รักไป จนตาย...
    
     
      
    
  • พุด

    13 กรกฎาคม 2547 23:05 น. - comment id 297920

    กำลังรอความเห็นจะให้นางเอกตาย
    หรือว่ามีต่อดีละคะทุกดวงใจ
    ด้วยรัก
  • ชัยชนะ

    13 กรกฎาคม 2547 23:21 น. - comment id 297940

    คงจะลมพายุขนาดใหญ่ หอบเอาพุดพัดชาเงียบหายไปหลายวัน
    
    มาด้วยเรื่องราวของแพน เล่าเรื่องราวสลับกันไปสลับกันมา ได้อย่างเป็นจังหวะจะโคน
    
    เรื่องราวน่าติดตามมากครับ หอมอบอวนด้วยกลิ่นธรรมชาติ 
    ผ่านออกมาให้สัมผัสได้ด้วย
    
    ตอนจบคงปล่อยให้ผู้อ่านคิดเอาเอง
    สำหรับชัยชนะต้องคิดให้เรื่องออกมาหวานอยู่แล้วครับ
    ....คงเป็นโชคดีรถที่เธอขี่ใช้ถุงลมนิรภัยอย่างดี เธอจึงปลอดภัย ไม่เป็นอะไรมาก
    พระเอกเราเจ้าของฟาร์มโคนมแห่งนั้น บังเอิญผ่านมาเผชิญพอดี....
    ตอนจบสำหรับชัยชนะคงรู้ดีนะครับ ว่าเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร
  • เมกกะ

    13 กรกฎาคม 2547 23:28 น. - comment id 297946

    พี่เมกแวะมาให้กำลังใจก่อนนะครับ
    พรุ่งนี้เมกจะเข้ามาอ่านใหม่
    
    หลับฝันดีครับพี่พุด  
    
    เมกกะผู้ชายอารมณ์ดี
    
    
  • แก้วประเสริฐ รหัส 6104

    13 กรกฎาคม 2547 23:39 น. - comment id 297953

    ขอปรบมือให้หลายๆครั้งกับงานเขียนเรื่องสั้นได้กระทัดรัดเน้นอารมณ์ได้สุดยอดจริงๆ  ผมต้องอ่านถึงสองครั้งทุกบทตัวอักษร ตอนแรกแค่อ่านผ่านๆต้องย้อนกลับเริ่มต้นใหม่เพราะซาบซึ้งตรึงใจในแนวความคิดอันเพริศพริ้งจริง....สุดยอดพูดได้คำเดียวครับ
    
                         แก้วประเสริฐ.
  • รดา

    14 กรกฎาคม 2547 00:07 น. - comment id 297962

     
                        ..^_^..
    
  • ผู้เฒ่า

    14 กรกฎาคม 2547 00:43 น. - comment id 297983

    แวะเยี่ยมคุณพุด...อ่านงานจบตาลาย ง่วงพอดีครับ....เนตจะตัดแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ..
  • Robert TingNongNoi

    14 กรกฎาคม 2547 07:01 น. - comment id 298021

    
    สุดยอดตำนานกลอนเปล่าเจ้าแม่ไทยโพเอ็ม
    หายไปนามมากๆเลยครับ ทิงนองนอยตามหา
    ผลงานก็ร้างลาหาไม่เจอ คิดถึงมากมากเลยฮะ
    หวังว่าต่อไปนี้คงบรรจงงานได้ทุกวันให้พี่น้อง
    ไทยโพเอ็มหายคิดถึง ๚ะ๛
    
    size>
  • พุด

    14 กรกฎาคม 2547 09:45 น. - comment id 298069

    
    รักกันวันนี้ดีกว่า
    เผื่อว่าพรุ่งนี้มีอันเป็นไป
    แม้เธอและฉันนั้นต้องพลันสิ้นใจ
    ฉันจะหวังใครให้เป็นที่รักยิ่ง
    
    รักกันวันนี้ดีกว่า
    เผื่อว่าพรุ่งนี้มีใครมาชิง
    ฉันอาจพลาดแพ้เหลือแก้คืนทุกสิ่ง
    แล้วจะหมายอิงแอบอ้อนวอนรักใคร
    
    พรุ่งนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
    แปรผันยอกย้อน ลวงหลอนเปลี่ยนใจ
    เผื่อว่าพรุ่งนี้โลกแตกสลายไป
    วันนี้เล่าใครจะอยู่คู่ฉัน
    
    รักกันวันนี้ดีกว่า
    เผื่อว่าพรุ่งนี้จำใจไกลกัน
    ฉันอาจสิ้นหวัง เหมือนดังสิ้นชีวัน
    เหลือแต่เพ้อฝัน สุดกลั้นใจหมองตรม 
    
         
    
  • พุด

    14 กรกฎาคม 2547 09:53 น. - comment id 298072

    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=161
    เพ้อ   
    
    เห็นลมละเมอเพ้อหวาดผวา
    เห็น ฟ้า พะวงหลงโทษโกรธดิน
    เห็นสายน้ำหลาก สาดเซาะ แก่ง หิน
    เห็น พื้น ดิน แยก แตกเพราะถูกรอยไถ
    เห็นใบไม้ครวญหวนอยู่ริมธาร
    เห็น ศาล เพียงตาแล้วข้าปวดใจ
    เห็นแสงเดือนส่อง ยิ่งมอง ใจหาย
    เห็น เธอร้อง ไห้ ช้ำใจเพราะใครเขาทำ
    เธอ ช้ำใจเพราะถูกใครลวง
    บอกกับฉันอย่ามาหวง ใครลวงให้เธอชอกช้ำ
    บอกฉันสักหน่อย อย่าปล่อยให้ใจระกำ
    เธอร้องไห้เพราะใครเขาทำ
    เธอช้ำเพราะใครหรือเธอ
    เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
    แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
    ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
    หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน
    
    เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
    แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
    ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
    หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน...
    
     
    
    
  • พุด

    14 กรกฎาคม 2547 09:59 น. - comment id 298078

    
    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=318
     รอ   
    
    ถ้า เธอ
    มีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย
    เธอคงไม่ปล่อย ให้ฉันต้องคอย อย่างนี้
    เธอคงมองซึ้งถึงไมตรี
    เธอคงมองซึ้งถึงความหวังดี
    ที่มี เรื่อยมา
    สู้ รอ
    รอแล้วรอแล้ว รอไม่สิ้น
    รอจนใกล้ดับ ถมทับแผ่นดิน แผ่นฟ้า
    เธอมองไม่ซึ้งถึงสายตา
    เธอมองไม่ซึ้งถึงความบูชา
    ว่าฉันศรัทธาเพียงใด
    น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน
    แต่หัวใจ อ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
    ช่างไม่สะทก สะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ
    ช่างไม่ หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
    สิ้น ลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่
    เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใคร เฝ้าง้อ
    ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ
    ใครกันรอแล้วและยังเฝ้ารอ
    เขารอ เขารอ เขารอ เขารอ
    
    น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน
    แต่หัวใจ อ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
    ช่างไม่สะทก สะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ
    ช่างไม่ หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
    สิ้น ลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่
    เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใคร เฝ้าง้อ
    ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ
    ใครกันรอแล้วและยังเฝ้ารอ
    เขารอ เขารอ เขารอ เขารอ... 
    
    
    
  • พุด

    14 กรกฎาคม 2547 10:16 น. - comment id 298084

    
    : 
    พุด..มากล่าวคำซึ้ง..
    คำขอบคุณ
    ด้วยน้ำตาใจในนาทีนี้ค่ะ
    หลังจาก
    ที่ให้ฟังเพลงโบราณคลาสสิค
    ไพเราะมาหลายบทเพลงนะคะ
    ที่น่าจะสะท้านสะเทือนสะท้อนใจ
    และหวังฝากสอนใจให้บทเรียนใจ
    แด่ทุกดวงใจที่ยังมี
    ทิฐิรัก..ซึ่งกันและกัน
    อย่าปล่อยให้วันเวลาสายเกินนะคะ
    สักพักพุด
    จะมากล่าวคำซึ้งใจทายทักทุกท่านนะคะ 
    
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    14 กรกฎาคม 2547 10:31 น. - comment id 298098

    ดีใจจังที่ พุดพัดชา มาเขียนงานงามให้ติดตามอ่านอีก คงสบายดีนะครับ
  • พันดาว

    14 กรกฎาคม 2547 10:34 น. - comment id 298100

    ชีวิตของ แพน ที่น่าติดตามจัง
    คิดถึงพุดจัง หายไปนานเลยครับ...
    -------------
    เคยฝัน..  ในวันอ่อนล้า
    อยากผันกายา สู่ป่าบ้านสวน
    ทุ่งหญ้า ป่าใหญ่ หอมดอกลำดวน
    รัญจวน อบอวล กลิ่นบุบฝาในหน้าดอกไม้บาน
  • ผู้หญิงไร้เงา

    14 กรกฎาคม 2547 11:28 น. - comment id 298150

    เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ ผู้หญิงไร้เงาก็คงไม่ต่างจากคุณพี่พุดเท่าไหร่  ชอบเรื่องนี้ค่ะ
  • แว่นดอย

    14 กรกฎาคม 2547 12:29 น. - comment id 298195

    ข้าพเจ้ามาทักทายพี่พุดค่ะ
    ....มิเคยห่างจากถ้อยอารมณ์อันงดงามนี้ไปไหนเลยค่ะ
    ............ชื่นชมพี่เสมอค่ะ
  • ผลิใบสู่วัยกล้า

    14 กรกฎาคม 2547 13:36 น. - comment id 298228

    ดีใจนะครับที่ได้แต่งกลอนร่วมกัน
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน