http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4721 (ข้าวคอยเคียว) ฝนหลงฤดูสั่งฟ้าลาพราก ฝากหนาวในฤดีสาวนา..นวล.. พายุแรง พัดหลังคาจาก หลุดหายพรายพรากไปกับพระพายในยามดึก สาวนา..นึกรีบหาตุ่มมารองรับน้ำฝน ที่พร่างพรมราวหยาดน้ำตานางฟ้า..ตรอมตรม.. ป่านนี้สายน้ำในลำห้วยคงท้นหลั่ง ดอกไม้ป่าสองฟากฝั่ง คงพากันคลี่กลีบหวานหวานบานสะพรั่งพรึบรับ ให้หอม สลับสล้างอวลไกลไปทั้งราวไพร แมลงภู่ผึ้งผีเสื้อคงขยับปีกไหวรอคลอคลึงเคล้า เจ้าเกสรหวานหวานปานน้ำผึ้งรวง นกนานาคงพากันจับคาคบร้องจิ๊บจิ๊บ..จิ๊บๆๆๆผสมผสานหวานก้อง ไปกับท่วงทำนองดนตรีจากสายน้ำไหล..ระรี่ระริกริน... หอมพรายมะม่วงที่พร่างฝนชะช่อล้อลมไหว หอมเกสรใสพร่างนานาพรรณ ของมวลดอกไม้ริมชายคากระท่อม ดาวเรือง เหลืองละออรอพร่างพ้อรอราโรย ชบา ช้องนาง การะเวกสล้าง แก้วเจ้าจอม หอมกาหลง ดงดอกเกลียวสวาทพิลาสพิไล บานชื่นบานไสวหลากสีสดระริกงาม รอหยาดน้ำฝนหยดน้ำค้างพร่างดอกดวง เข็มม่วง เข็มเล็ก ขี้เหล็กขนุนพุดซ้อนซ่อนกลิ่น พากันระรินรสชู่ช่ออวดดอกดกดาษดื่นให้ชื่นฉ่ำใจ ให้นวลใจสาวนาระรินร่ำตาม... สาวนา..คว้าเคียวคมคอยเกี่ยวหญ้า ตั้งใจว่าจะลงทุ่ง เก็บผักบุ้งมาสักกำ ใกล้ๆชายน้ำมีระกำกอยักษ์ จะเก็บมาสับทำน้ำพริกสดแกล้ม แถมอาจจะได้ปลาช่อนมาแกงส้มต้มโคล้งสักหม้อ..รอมื้อเย็น ตาลเดี่ยวยังยืนต้นเหว่ว้า ให้สาวนาดายเดียวหนาวใจตาม อ้ายสัญญาบอกจะกลับมาเดือนสาม มารอร่วมทำบุญสงกรานต์งานใหญ่ จะหาผ้าสวยผืนใหม่กางเกงยืนส์ยุ่ง มาให้สาวนานุ่งแล้วคงยืนขาขวิดด้วยไม่เคย.. อ้ายเอ๋ย..เมื่อคืนตอนฝนตกกราวใหญ่ สาวนานอนหนาวใจ หลับแล้วฝันไกลใจลอย ฝันว่าอ้ายมานอนเคียงในมุ้ง และในเรียวรุ้งแห่งรักระหว่างเรา ที่ถาโถมโหมถัก ทอรักอันโหยหามายาวนาน ไยน้ำตาสาวนาถึงซ่านซึ้งคลอ รอถะถั่งรินรด จนเปียกอกเปียกใจอ้าย ไปพร้อมกันเล่าเจ้าดวงใจ..ของสาวนา... และไฉนเลยในฝันอันงามงดนั้น สาวนาพลันเห็นเด็กชายน้อยๆ ผิวผ่องพิสุทธิ์ดุจใยบัว ราวเทพบุตร..ผู้ประดุจมารับบท สร้อยโซ่รักรัดร้อยรักเราราวเพชรพร่าง ที่ยังกระจ่างใจมาจนนาทีนี้ เป็นฝันดี..ที่สาวนารอท่าอ้ายมาสลายมนต์ฝัน ให้พลันเป็นจริงเพียงผู้เดียว.. ....... แต่วันนี้.. สาวนายังคงยืนเหว่ว้า ดูข้าวกล้าระบัดรวงละล่องลิบ ราวผืนผ้าไหมไหวระริกงามดั่งคลื่นฝันสีทอง ในท้องทุ่งนา..ป่าผืนเดิม..กับใจดวงดี..ที่รักเดียว รอเพียงเคียวคมใจของอ้ายมาเกี่ยวกอแตกช่อรักละไม ไม่หวั่นไหวตามฤดู..กาล..แม้นฤดีระกำ.. ******* สาวนาเดินสะท้อนสะท้านใจ ในทุ่งทิพย์ละลิบโล่งฝ่าลมหนาวพราวพรายพลิ้ว พัดผ้าถุงผืนเก่าลิ่วสะบัดไหวไปกับแรงลม *งอบ*ถูกลมวูบพัดปลิวไปกับพายุ ปล่อยปอยผมสยายคล้ายนางไม้นางใจให้ใฝ่คว้า เผยวงหน้าเนียนแดดละอองามเศร้าราวภาพฝัน ลอมฟางพลอยนิ่งงันตรอมตรมตาม...ราวเสียดายงามนวล! *********** http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4721 ข้าวคอยเคียว .... ผ่องศรี วรนุช : : Key Cm ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย ปีเคลื่อนเดือนคล้อย รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์ ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่ม กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย... ฤดูกาลฤดีระกำ! สาวบ้านนา ฤดูกาลฤดีระกำกับลมฝน กลางกมลเก็บช้ำร่ำร้าวไหว แก้วร่วงกราวพราวพื้นพร่างพ้อใจ แก้วกลางใจมากระจายหายลับลา เกาะเกี่ยวฝันวันคืนยามฟ้าใส กรีดเกี่ยวใจไหวหวั่นให้ฝันหา เกิดสายใยในรักถักทอดวงชีวา เกิดเสน่หาแกว่งใจใครคร่ำครวญ กลับมาเยือนอีกคราวสันต์เศร้า กลางใจร้าวกราวสายฝนก่นไห้หวน ใจระกำย้ำบอกดอกเรรวน ลมอย่าหวนทวนฤดีที่หลายใจ ฤดูกาลดอกไม้หวานผ่านนานแล้ว เหลือเพียงแนวรอยแผลใจไกลหวั่นไหว ฤดูกาลผ่านมาก็ผ่านไป เก็บหัวใจไกลรอยกรรมอย่าซ้ำรอย...
8 กุมภาพันธ์ 2547 15:11 น. - comment id 213526
สาวบ้านนาได้รับเกียรติงดงาม จากบทกวีของยอดคนดิบเดิม ติดดินเนื้อดินเดียวกันกับสาวนาค่ะ หนุ่มหล่อล้ำโลกีย์ชนคนชื่อหมี่เป็ด.. จากงาน*เจ้านกไพรในใจนวล* เลยขอถือโอกาสลงไว้นะที่นี้นะคะ ด้วยความภาคภูมิใจนำเสนอค่ะ ****** จดหมายรักจากนวล เขียนจดหมายสักใบใส่ดาษขาว เขียนเองอ่านเองเป็นเพลงยาว เขียนถึงบ่าวผมสร้านอยู่บ้านไกล ว่านกเขาขันคูอยู่ข้างทาง ไปขันกู่คูครางอยู่ข้างไหน มาเงียบงำคำยินเหมือนสิ้นใจ มาเงียบในเสียงบินเหมือนสิ้นลม ว่าเจ้าบ่าวผมซื่อมือนวล มาเรรวนคำหวานให้พานขม จูบนั้นจีบปากจูบหรือลูบคม ที่บ่าวข่มปากจีบจูบกลีบใจ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมบังล้าหลังสมัย เพียงแรกจูบลูบแรกก็แปลกไป หวาดไหวคำกระทบกระเทียบเกินเปรียบปาน ดั่งวัวสันหลังหวะอยู่กลางทุ่ง หวาดสะดุ้งตื่นกาบินมาผ่าน นวลห่มไห้ไข้เข็ญอยู่เป็นนาน รอยแปลกนั้นประจานอยู่ลานใจ ชั่วเพราะพลีเพื่อรักลืมหลักคอก ดั่งวัวเขาสวยหนอกงามตาใส โลดแล่นลั่นกระดึงตะบึงไป ค้อมคอให้บ่าวเทียมเข้าเกวียนรัก เปลื้องจารีตธรรมเนียมที่เจียมตน รักล้นจึงทอดหยิ่งและทิ้งศักดิ์ แต่ดื่มรักก็ยิ่งด่ำยิ่งสำลัก ดื่มน้ำวักใสสะอาดกลับฝาดคอ บ่าวมาหวะแผลเหวอะเลือดเกรอเนื้อ ใจซื่อบ่าวก็เถือมิเหลือหลอ คำรวนเรเห่ร่ำที่พร่ำคลอ ก็ลืมคำที่พร่ำพ้อทุกข้อความ นวลเพียงสาวชาวนาใช่กล้ากรด จารีตธรรมเนียมแบกดังแอกหาม แต่รักแล้วปานแก้ววะแวววาม จะชั่วทรามปานใดก็ให้เป็น โนราห์หลงสรงสระอโนดาด แล้วบ่วงบาศก์คล้องตนเกินโผนเผ่น อันปีกหางงามงอนซึ่งซ่อนเร้น ดั่งตั้งวางห่างเว้นเห็นลิบลิบ เกินเอื้อมมือหยิบคว้าถลาฉวย ระรวยรวยขวยเขินเกินเอื้อมหยิบ หากรักแล้วร้าวรานวิญญาณทิพย์ จะมิรักแม้สิบพระสุธน อานวลเพียงวัวนากินหญ้าเขียว จะท่องเที่ยวเทียวหาสุดหล้าหน ควรหรือแม้นวลจะจวนตน ควรแล้วแม้ทนทุกข์จนตาย ต่อวันนวลฟุบซบเป็นศพซาก จะออกปากฝากเผาก็เปล่าหมาย เกรงขี้เถ้าผงคลีธุลีคาย จะเปื้อนกายป้ายกลิ่นให้หมินคาว นวลม้วนผมมวยเกล้าดำข้าวเขียว นวลฟ้อนแกะเก็บเรียวเกี่ยวรวงข้าว บ่าหยาบนี้หาบคานมานานยาว แดดกริ้วแผดผิวสาวผู้กร้าวงาน มินิ่มนวลชวนต้องแม้ย่องแตะ ก็อย่าแขวะคำถากจากปากหวาน นี่กระไรตะละคำช่างชำนาญ ตะละลิ้นช่างลึกคว้านจนสุดลึก เพียงชมเชยเกยกอดตลอดกาย ดินกระด้างฟางคายใช่รู้สึก ทุกคำหวานสรรพิษมาคิดนึก กล่อมนวลจนนวลสึกผลึกนวล ขนำน้อยก็แอบอิงพิงผนัง แม้ขนำก็เวียงวังยังไห้หวล บ่าวเป็นเทพลงดินมากินง้วน พอดินร่วนซ่วนซุยก็ถุยคาย ถุยขมถ่มขื่นมาคืนนวล ถุยทวนคำหวานซึ่งซ่านสาย ตะละคำตะละลิ้นรินระบาย ล้วนคำชายหมายหยามประณามนวล นวลเป็นสาวมีศักดิ์แหละรักศรี เกียรติที่มีแม้น้อยยังคอยสงวน หากต่ำต้อยถ้อยคำที่คร่ำครวญ ก็มิควรทวนถ้อยเพื่อคล้อยตาม ลงท้ายว่ายังรักยังคิดถึง แต่โศกซึ้งเพียงใดอย่าได้ถาม ทุกคำนวลล้วนชีวิตประดิษฐ์ความ จากเศษสากซากทรามนามว่านวล ปล.เจ้านกเขาชีกอสร้อยคอสวย อยู่ไหนให้ข่าวด้วยแหละช่วยด่วน ทุกถ้อยความหยามหยาบดังดาบทวน และทุกถ้วนคำประณามความไม่เอา! ในวงเล็บ เป็นพื้นถิ่นภาคใต้ที่ได้ยินมา /จบต่างกับงานชิ้นต้น แหะๆ ภาษาสวยดีครับ ปล. ผมชอบ ทูน ทองใจ จาก : หมี่เป็ด ไอ้รูปหล่อ รหัส - วัน เวลา : 212018 - 27 ม.ค. 47 - 22:41
8 กุมภาพันธ์ 2547 15:17 น. - comment id 213529
สาวนาตั้งใจว่า จะลงนาคลุกโคลนจับปลากระดี่ ที่ลื่นหลุดลื่นหลุด มาทำฉู่ฉี่ผัดขลุกขลิกให้เผ็ดแซ่บแสบร้อนใส่ใบกะเพราป่าให้หอมๆๆไปเจ็ดบ้านแปดบ้านเลยจ๊ะ
8 กุมภาพันธ์ 2547 16:31 น. - comment id 213556
ต้นวสันต์กับค่ำคืนนี้ที่สายฝนกำลังหว่านไหวอาบทาความมืดหม่น..... ท้องฟ้าในยามต้นฝนนั้นมัวซัว ม่านหมอกของเมฆฝน...พาให้ใจตรม.. หนุ่มนาเพิ่งจะเสร็จจากงานหว่านไถ ที่เพียรพยายามสืบสาน... ด้วยหัวใจรักและพลีใจให้กับท้องทุ่ง ดอกผักบุ้งและรวงข้าว..มานานนับ อายดินกลิ่นฝนที่โรยอวลมาแตะต้องจมูกในยามนี้..กำซาบ..ซ่านหัวใจ ในวันนี้ที่ฝนเดือนเจ็ดกำลังบ่งสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้น...ของชาวนา หนุ่มนาไม่รอช้าที่จะบ่มเพาะเมล์ดพันธุ์แห่งชีวิต...กับต้นกล้าแห่งความฝัน หอมหยาดฝนที่ราดรดลงบนดวงหน้าที่เมื่อเช้านี้ พาให้หัวใจยังตื่น ชื่นมื่นรับฝัน กับวันนี้ที่ได้เรียนรู้ว่า..ฝนฟ้าและฤดูกาลคือรางวัลที่ธรรมชาติกำนัล ให้กับผู้ที่มีดวงใจละมุนละไม..ไม่อ่อนแอ และแพ้พ่ายต่อชะตาชีวิต แต่กลับรู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งสายฝน...ที่ยังหมุนเวียนมาประสบพบเจอทุกๆ ฤดูกาล ในยามที่เราท้อแท้ ในวันใดวันหนึ่งของชีวิต..เพียงได้ยินเสียงฟ้าฝนคะนอง และสายลมที่พริ้วพราว..ทำให้ความทุกข์ที่มีอยู่อันตรธานอย่างน่าอัศจรรย์ ยอดผักบุ้งที่แข่งกันชูช่อชัน อวดโฉม คอยรอสาวนามาเด็ดเดี่ยว..เกี่ยวเก็บ บางคนอาจจะขาดประโยชน์ในยามที่สายกระหน่ำ.. แต่สำหรับชาวนาอย่างฉัน สายฝนทำให้ยอดผักบุ้งและตำลึงอวบอิ่มและเขียวสด...เด็ดมาผัดมาแกง... แกล้มแกงส้มปลาหมอและผักลิ้น....เป็นกับข้าวงามง่ายที่ไม่ต้องแลกด้วยเงิน ดอกไม้ดินที่เบ่งบาน..รอให้มือเรียวงามแห่งสาวชาวนามาประคองเด็ด... อย่างรู้รักรู้ค่าในงามดอกดินและกลิ่นฝน....หาใช่ดอกเบี้ยงามในกรุงกรง ผืนแผ่นดินที่เหี่ยวแห้งกลับอุ้มน้ำ..พร้อมให้ต้นไม้ได้หยั่งรากและฝังหัว... ผักกระเฉดในคลองก็เริ่มยืดยอด...กับสายน้ำที่ขุ่นข้นด้วยโคลนดินและตม เป็นวิถีที่เกื้อกูลและเอื้ออาทรให้ผักกระเฉดได้ดูดซับอาหารจากโคลนดิน และให้สมค่าที่ธรรมชาตินั้น เป็นวงจรที่เอื้ออาทรในทุกๆ ชีวิต..... คนเพาะปลูกเห็นประโยชน์ในสายฝนและผืนแผ่นดิน. ผักกาดขาวและผักกวางตุ้งในร่องสวนระบัดใบอรชร...หน่อไม้แตกกอรอรัก อีกเม็ดฝนที่ตกกระทบหลังคามุงจาก เป็นเสียงดนตรีที่หาฟังได้ยาก แต่ชาวนากลับชอบใจและพิสมัยในเพลงสายฝนพรำ..... เป็นดนตรีบรรเลงเพลงรักและเพลงช้ำระกำทรวงได้ในเพลงเดียว... ฉันชอบถอดรองเท้าเดินย้ำโคลนดินที่เหลวนุ่มและอุ่นเท้า... ราวกับว่าหัวใจไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บแห่งสายฝนนี้ หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน...เพลงครวญดั่งแววเหนือยอดกระถินอวบน้ำ เป็นเพลงรักเพลงหวานที่บันดาลหัวใจให้หนุ่มสาวชาวนาหัวใจบรรเจิด.. เสียงขูดมะพร้าวจากบ้านไหนดังแว่วมา...ราวกับจะแข่งกับเสียงฟ้าฝน ที่คะนองคึก...ผสมผสานเป็นเสียงดนตรีบรรเลงกล่อมท้องทุ่งในยามเย็น ในยามนี้ฉันคิดถึงบทเพลงแสนรักบทเพลงหนึ่ง....ที่ขึ้นต้นว่า พี่ลืมยอดเถาตำลึงรายเรียง... น้องเก็บเอามาแกงเลียงเพื่อเลี้ยงพี่เจ้า แกงคั่วถั่วฝักยาว... อีกน้ำพริกปลาเจ๋า เราสองคนทนกินทนกลืน....... สายฝน หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝนยังทำให้ดอกรักในหัวใจผลิบาน... ให้คิดถึงยอดดวงใจสำหรับบางคนที่รักร้าว...กับหัวใจแห้งเหี่ยว รอให้หยาดฝนมาประทานพรให้เห็นงามในคุณค่าใกล้ตัว..... ไม่ต้องไขว่คว้าหาดวงใจที่แห้งแล้งมาครอบครอง..ให้เปลืองใจ ดอกกระเฉดสีเหลืองที่เก็บมากองอยู่ตัดกับใบตองสีเขียวสด เป็นศิลปกรรมที่บรรจง...แต่งแต้มให้หรูเริดได้ไม่ยาก...... ต่างจากดอกผักบุ้งและอัญชันที่ริ้มรั้วข้างบ้าน...ม่วงครามและง่ายงาม เป็นพลังใจให้เรียนรู้ว่า..ทุกเฉดสีของธรรมชาติ มีความงามงด... ที่สมดุลในหน้าที่และเผ่าพันธุ์ของตนเอง...หาได้ไร้ค่าแม้แต่สิ่งเดียว ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ทำนาหว่านกล้า เดี่ยวก็เปียก เดี่ยวก็แห้ง........ แต่ชาวนาอย่างฉันก็สุขใจที่ได้ยืนอยู่กลางสายฝน... ชื่นชมกับดอกดินและดอกฝน ปนดอกไม้ใบหญ้าที่เริงระบำ ฝนจ๋า.....ดินจ๋า ในวันนี้ที่อยากจะบอกว่า สายฝนพรำ และหอมดินกลิ่นไอฝนนั้นเป็นโอสถสมานใจที่รานร้าว.. ให้ฟื้นคืน รวมเรี่ยวแรงหยาดสุดท้ายที่มี....ขุดเสาะหาทรัยพ์สมบัติ ที่บรรพบุรุษได้ฝังไว้ในผืนดิน ...พลิกท้องนาท้องไรให้มีค่าอีกครั้ง ฉันจะได้ยินเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่งบรรเลิงแกล้มเสียงขลุ่ย..... ที่ต้องแหงนหน้ามองยอดต้นตาล ...หาเสียงขลุ่ยครวญแผ่วมา พลิ้วผ่านทิวแถวต้นตาล.....เป็นมนต์เพลงที่ตรึงหัวใจได้ชะงัก ฝนเริ่มหนาเม็ดอีกครั้งแล้ว บทเพลงแห่งฤดูกาลกำลังทำหน้าที่ ฉันทานข้าวอิ่มเต็มท้อง แกงส้มผักลิ้นกับน้ำพริกแมงดา...... ที่วันนี้ได้แสดงฝีมือ ต้มยำตำแกงเอง...ด้วยขาดยอดดวงใจที่ลาลับ ท้องนากำลังระงมงำด้วยเสียงกบผสานเขียดตัวจ้อย....ราวกับจะสอนใจ ให้ดวงใจได้รับรู้โลกสองด้าน...ทั้งงามและรานร้าวในคราวเดียว... ฝากบทเพลงแห่งสายฝนในค่ำคืนนี้.....ถึงยอดดวงใจคนไกล ว่าสายฝน หอมดิน และกลิ่นอายของทุ่งรวงทองยังรอรับฝัน....... ในทุกๆ ฤดูกาลแห่งใจ......ฉันเปิดเพลง ฝากดิน เพื่อกล่อมเกลาหัวใจ ให้หลับใหลไปกับสายวสันต์...ดอกดินและกลิ่นทุ่งทอง...นิรันดร์ ดินเจ้าเอ๋ยข้าเคยอยู่ใกล้มาก่อน.. ดินอุ่นร้อนหรือเย็นก็เป็นเพื่อนฉัน ยามเมื่อเขาร้างไป ไกล ใจก็ยังนึกหวั่นหวั่น นี่อีกสักกี่วันถึงมา ดินอ้างว้างระทมขื่นขมตรมเศร้า.. ดินก็เหมือนเช่นเรารักเขาหนักหนา เขาเป็นเหมือนเจ้าดวงใจ..ดินเรียกเขาคืนมามา.. บอกเขาเถิดดินจ๋าข้าคอย อภัย เถิด ดิน.. ได้แนบซบไอกลิ่น ดินนั้นอุ่นไม่น้อย... อุ่นอกเขา อุ่นอกเขา เราก็พลอย.. อุ่นจากรัก ที่ฝังรอย อุ่นไม่น้อย ประทับใจ ดินช่วยซับน้ำตาข้าขอลาจาก.. ช่วยฝากซากรักเศร้าของเราได้ไหม ถ้าหากเขาไม่มาเยือน คงได้พบรักใหม่ ใหม่ ดินถมร่างฉันไว้ ให้จม
8 กุมภาพันธ์ 2547 19:16 น. - comment id 213614
งานนี้ชัยชนะต้องมานั่งหน้าจ๋อย อะไรจะขนาดนั้นแต่ละความเห็น วันนี้ที่บ้านผมหยุดวันอาทิตย์มั้ง พระอาทิตย์ท่านไม่ยอมมาทำงาน ก็คิดถึงสาวนา ที่ลงน้ำ เก็บผักบุ้ง หาปลากระดี่ คงจะกระด้างเป็นแน่แท้ อยู่นานยิ่งอาย หน้าบางลงเยอะ ต้องรีบหาถุงปุ๋ยคลุมหัวไปก่อนครับ (ไม่ใช่คลุมถุงชนนะครับ)
9 กุมภาพันธ์ 2547 13:43 น. - comment id 213813
โห..นาแถวบ้านลงไปเดินย่ำ เดี๋ยวเดียว ปลิงเข็ม ปลิงควายตัวยาว พากันเกาะยั๊วเยี้ย ตามแข้งขา ดูดดื่มกินเลือดสดๆ ต้องเอายาฉุนบีบน้ำใส่ถึงหลุด แล้วก็ยังเลือดไหลไม่ค่อยหยุดอีก อิอิ สาว ๆ บ้านนา ไม่กลัวปลิงกบ้างรึไงมัวชมดอกไม้ใบหญ้าเดี๋ยวเหอะ อิอิ
9 กุมภาพันธ์ 2547 23:18 น. - comment id 214221
ฤดูกาลแสนหวานแต่ใจเศร้า มีแต่ความปวดร้าวหมองหม่น ทั้งที่ฟ้าฝนช่วยส่งหรือดล ให้ต้นข้าวสวยน่าสนจนฉันต้องมอง *-*แต่งได้ดีมากเลยค่ะ*-*
9 กุมภาพันธ์ 2547 23:20 น. - comment id 214224
ฤดูกาลแสนหวานแต่ใจเศร้า มีแต่ความปวดร้าวหมองหม่น ทั้งที่ฟ้าฝนช่วยส่งหรือดล ให้ต้นข้าวสวยน่าสนจนฉันต้องมอง *-*แต่งได้ดีมากเลยค่ะ*-*
10 กุมภาพันธ์ 2547 00:21 น. - comment id 214279
อลังการทั้งคู่เลยครับ... ตาลายคล้ายจะเป็นลม...ขยันกันจริง ๆ ... เพราะมากนะครับ...**