เทพแห่งไพร

พุด


เดือนเสี้ยว..ฟ้าเศร้า...
พราวแสงจันทร์เคล้าแสงเทียนอบอุ่น..
ไพลพาร่างใจหนีโลกวายวุ่นภายนอก..เข้าสู่..
โลกภายในนิ่งงันเงียบงาม..ลำพัง...

โลก..ที่เต็มไปด้วยพลังรักมหัศจรรย์..
ความหวัง..ความฝัน..จินตนาการ...
อย่างสิ้นไร้ขอบเขต..ใดใด มาขวางกั้น..
หลากสีสัน หลากรสอารมณ์ ทั้งหวาน มันส์ สุขเศร้า
รานร้าว โศก สะเทือนใจ..


ดวงจันทรา  ลอยคว้างกลางนภากว้าง
กรุ่นดอกไม้หอมกำจายพร่างกลิ่นจรุง..
มากับสายลมรำเพย..บางเบา..
ไพล น้ำตาซึมซึ้งอย่างช้าช้ากับบทพรรณา
ทุกบรรทัดทุกหน้า ของหนังสือในมือ..
*ตัวตนและความรัก
แพน
เทพแห่งไพร*
และ
ก่อนดึกสงัด ในราตรีอันโดดเดี่ยว
หัวใจไพลดวงดายเดียว  ก็ถึงกับนิ่งงันอั้นอึ้ง
แทบหยุดหายใจ!
ด้วยความเศร้าสะเทือนใจไปตามตัวอักษร...ถึงบทสุดท้าย!

คนุท แฮมซุน นักเขียนรางวัลโบเบลชาวนอร์เวย์
ได้ปิดฉาก 
*แพน เทพแห่งไพร *ไว้ได้อย่างโศกสะเทือน  สุดทน
กมลละมัยของไพล ที่ไหวตาม 
ก็ถึงกาลกับน้ำตาพร่าง...ริน..
ราวได้สัมผัสมหัศจรรย์รักอันเป็นนิรันดร์ในรูปแบบใหม่
เป็นเสน่ห์ในหยดหมึก 
ที่ยอมหลั่งหยาดน้ำตาสังเวยนะนาทีนั้น...

ไพล..นอนสยายผมระทมไหว..
ด้วยดวงใจละมุนละไมละเมียดรักเป็นที่สุด
และ
ในความอ้างว้างใจว่างใจ
ไพลกลับ
คิดถึงทุกดวงใจ
จนต้องกระซิบฝากสายลมฟากฟ้ากว้าง
กับดาวพร่างพราย..โชนฉายแสง
ถึงถ้อยคำ..ของผู้แต่ง..ผู้ประพันธ์
ที่กล่าวถึงนักเขียนไว้ว่า...

*ภาษาต้องสะท้อนความกลมกลืนของเสียงดนตรี
นักเขียนต้องค้นหาคำพิเศษเพื่อสื่อความหมายอยู่ตลอดเวลา
และสามารถดึงเอาเสียงสะอื้นออกมาจากจิตวิญญาณได้
ถ้อยคำอาจแปรเปลี่ยนไปเป็นสี  แสง เสียง และกลิ่น 
และ
งานของนักเขียนก็คือ*ใช้* มันสื่อความหมายให้ได้
อย่างไม่ผิดพลาดและถูกมองข้าม
นักเขียนต้องสามารถรู้สึกสนุก
และโลดแล่นไปในความอุดมดื่นของถ้อยคำ
เขา..ไม่เพียงต้องรู้ความหมายโดยตรงของมัน
แต่จะต้องรู้ไปถึงพลังลึกลับของมันด้วย
ในคำคำหนึ่งนั้นมีทั้งน้ำเสียงและความหมายแฝงอยู่
รวมทั้งความหมายที่กังวานคลอไปกับมันด้วย*

และยามค่ำนี้ 
ไพลขอฝาก แถมถ้อยร้อยเรียง จากดวงใจถึงดวงใจ
ในคำของคนุท ที่รักธรรมชาติ ใกล้ชิดธรรมชาติ
ให้รินไหลสู่ห้องใจบึ้งใจของคนดี
ที่ราวเรามีเนื้อใจดวงเดียวกัน
**ผมอยากเอ่ยขอบคุณ ราตรีอันโดดเดี่ยว ภูเขา
เสียงกระซิบกระซาบของความมืด และท้องทะเล
เงี่ยหูทางทิศตะวันออกและฟังทางทิศตะวันตก
แต่ฟังสิ!
นั่นไง พระเจ้าผู้เป็นนิรันดร์!
เสียงกระซิบพึมพำของความนิ่งงันสงัดข้างหูผมนี้
คือเลือดของธรรมชาติทั้งมวลที่กำลังพลุ่งพล่าน
คือพระเจ้าผู้กำลังแสดงตัวผ่านโลกนี้และผ่านมาในตัวผม**

สำหรับแฮมซุน แล้ว 
**ค่ำคืนหน้าร้อนอันยาวนานไม่สิ้นสุดของนอร์เวย์
ได้ แต่งแต้มสีสันขอบฟ้าด้วยแสงสีแดงอันเข้มหนาสงบนิ่ง
ไร้ความเคลื่อนไหวราวกับผืนน้ำ
เมื่อเพ่งมองไปยังน้ำทะเลสีใส 
ผมรู้สึกราวว่านอนราบ
อยู่บนแผ่นหินอันเป็นฐานรองโลก
คล้ายกับว่าหัวใจของผมซึ่งเต้นเร่าอยู่นี้
ได้ออกไปสุ่ความลึกล้ำนั่นและรู้สึกอบอุ่นสบายใจเมื่ออยู่ตรงนั้น
พระเจ้ารู้ดี ผมบอกตัวเองว่า
เหตุใดคืนนี้ขอบฟ้าจึงประดับประดาตัวเองด้วยสีม่วงและสีทอง
คงจะมีงานเลี้ยงฉลองอยู่ ณ ที่ใดสักแห่งในโลกนี้**
******

และ
ในราตรีนี้
ไพลเชื่อแล้วว่าพลังกระแสจิตของเรานั้น
มีจริง
เป็นพลังธรรมชาติที่เกิดจากจิดดวงดี 
ที่เราต่างซึ้งใจกันและกันดี
เป็นพลังงามเงียบ
ที่พระเบื้องบนเมตตาประทาน
ราวกับอยากให้เราได้ใช้พลังรัก 
จากดวงใจจากสมองสองมือ 
ช่วยกันประคับประคองฝัน
ช่วยกันถักทอฝันสรรสร้างโลกรักอักษรา
ดับร้อนผ่อนเย็น คืนกลับ ให้กับหล้าโลก แทนคุณ

และ
แม้นดวงใจเราจะโศกจะสุข ก็จะสู้ทุกอุปสรรค
มิชะงักด้วยคำคนคำใคร 
มิไหวหวั่นสิ้นพลังกับคำพิพากษามิจริง
หากใจจับใจใจจักสร้างพลัง มิคิดผิดมิคิดร้าย
ขอเพียงมีใจดวง*ให้*และ*แบ่งปัน*
สู้ฝ่าฟันสิ่งงดงาม
อย่างผู้รู้ตน อย่างผู้มีกมลเหนือโลก
แม้นจะโศกตามประสาปุถุชน 
ก็จะวูบวับดับหายดับได้ไม่นาน

สำหรับ
ไพล..ขอขอบคุณ *คนุท แฮมซุน*
ที่ราวกับจะมามอบพลังหมุนโลกบรรณพิภพ 
มาให้งามงดในดวงใจไพลค้นพบแง่งามชีวิต

และ
ไพล ตั้งใจจะพยายามลิขิตเรื่องสั้นแสนดีสักเรื่อง
มามอบกำนัลเป็นของขวัญจากใจด้วยน้ำใจ
แด่มิ่งมิตรน้องพี่ในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ที่มีใจแสนดีแสนงามพอกัน..
ที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า
ขอได้โปรดติดตามนะคะ
ด้วยรักเหลือประมาณใจ..แล้วค่ะ..นะคะ!
				
comments powered by Disqus
  • doctorchira

    1 กุมภาพันธ์ 2547 02:10 น. - comment id 210389

    จะคอยอ่าน
  • พุด

    1 กุมภาพันธ์ 2547 02:16 น. - comment id 210395

    http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2307
     คำสัญญา   
    อินโดจีน : : Key C  
    ก่อนจากกัน ขอสัญญา
    ฝากประทับตรึงตรา จนกว่า จะพบกันใหม่
    โบกมืออำลา สัญญาด้วยหัวใจ
    เพราะความรัก ติดตรึงห่วงใย
    ด้วยใจ ผูกพันมั่นคง
    ด้วยความดี นั้นฝังตรึง
    จากไปแล้วคำนึง ตรึงประทับดวงใจ
    อย่าได้ลืมเลือน สัญญากันไว้อย่างไร
    ขอให้เรามั่นคงจิตใจ
    ก้าวไปสรรค์สร้างความดี
    
    โอ้เพื่อนเอ๋ย เคยร่วมสนุกกันมา
    แต่เวลา ต้องพาให้เราจากกัน
    ไม่นานหรอกหนา เราคงได้มาพบกัน
    ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะเรามั่นในสัญญา
    หากแผ่นดิน ไม่ฝังกาย
    จะสุขจะทุกข์เพียงใด น้อมกายยิ้มสู้ฟันฝ่า
    ร้อยรัดดวงใจ มั่นในคำสัญญา
    สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา
    นี่คือสัญญาของเรา
    
    โอ้เพื่อนเอ๋ย เคยร่วมสนุกกันมา
    แต่เวลา ต้องพาให้เราจากกัน
    ไม่นานหรอกหนา เราคงได้มาพบกัน
    ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะเรามั่นในสัญญา
    หากแผ่นดิน ไม่ฝังกาย
    จะสุขจะทุกข์เพียงใด น้อมกายยิ้มสู้ฟันฝ่า
    ร้อยรัดดวงใจ มั่นในคำสัญญา
    สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา
    นี่คือสัญญาของเรา... 
    
  • ผู้หญิงไร้เงา

    1 กุมภาพันธ์ 2547 02:44 น. - comment id 210414

    จะคอยอ่านนะค่ะ และในความรู้สึกลึก ๆ ของผู้หญิงไร้เงา  ถ้าเราใช้ใจเขียนอะไรงานจะออกมาสวยงามเสมอค่ะ
  • พุด

    1 กุมภาพันธ์ 2547 02:57 น. - comment id 210423

    ราตรีนี้พี่พุดนอนดึกสุดค่ะ
    วันนี้ไปดูโมนาลิซ่าสไมล์มาค่ะ
    จูเลีย งามมาก เวลายิ้ม
    งามของคนเราจะมีแบบฉบับของตัวเองนะคะ
    พี่พุดเชื่อเช่นนั้น
    ค้นหางามพิเศษพิสุทธิในตัวเราให้พบเจอ
    จะได้ภูมิใจนะคะ
    พี่พุด..ยังไม่ได้ตัดผมค่ะ
    เสียดาย
    และราตรีนี้อ่านเรื่องจบปุ๊บ
    ก็เขียนสดค่ะ
    ยาวเลยดึก
    พี่พุด
    กำลังจะลองใช้สำนวนภาษาแหวกออกไปบ้าง
    ไม่ทราบจะหนีตัวเองพ้นมั้ย
    เพราะ*คนุท*ราวจุดไฟฝัน
    ให้พร่างพรายในใจพี่พุดค่ะ
    พี่พุด..
    หวังจะทำได้ค่ะ
    รักมาก
    และไม่ช้า
    นกเริ่มจะร้องเตือนว่าใกล้สว่างแล้วค่ะ
    ราตรีสวัสดิ์สวาทหวังนะคะทุกดวงใจ
    
  • แม่จิตร

    1 กุมภาพันธ์ 2547 03:42 น. - comment id 210432

    อะหน่ะ จะพยายามอ่าน
  • ชัยชนะ

    1 กุมภาพันธ์ 2547 06:33 น. - comment id 210461

    ก็โชคดีที่ได้มาอ่านงานเขียนของพุด
    เพราะนับวันยิ่งไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านหนังสือ
    
    ก็จะคอยอ่านจากพุดนะครับ
    เรื่องราวที่นำมาเล่า
    ช่วยทำให้เราได้รับรู้เรื่องต่าง ๆ มากมาย
    
    คงจะไม่ถ่ายทอดพลังยากเหมือนหนังจีนกำลังภายในนะครับ
    เมื่อพุดรับพลังจาก คนุท (พึ่งเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรก) 
    ขอให้มีพลังผลักดัน
    ให้ข้อเขียนของพุดลื่นไหล
    
    สิ่งใหม่ที่ท้าท้าย เป็นความมุ่งหมายของนักอยากเขียนเสมอครับ
    
    
  • Rainsummer

    1 กุมภาพันธ์ 2547 15:16 น. - comment id 210561

    จินตนาการพี่  เยี่ยมเลยค่ะ  รูปก็สวย
  • อัลมิตรา

    1 กุมภาพันธ์ 2547 22:04 น. - comment id 210704

    :) เทพแห่งไพร.. 
    
    วันนี้ก็หยิบอ่าน เพชรพระอุมาตอนไอ้งาดำ .. นึกถึงรพินทร์ ไพรวัลย์ .. อัลมิตราก็คิดนะ เขาเหมือนเทพแห่งไพรเหมือนกันเลย ..
  • ฤกษ์(ไม่ได้ล๊อกอิน)

    1 กุมภาพันธ์ 2547 23:51 น. - comment id 210737

    จะต้องรออีกนานเท่าใด จึงจะได้อ่านเรื่องสั้นแสนดีนั้น อิอิ
  • เทพบุตรแห่งฤดูกาล

    2 กุมภาพันธ์ 2547 00:01 น. - comment id 210739

    ภาษาต้องสะท้อนความกลมกลืนของเสียงดนตรี
    นักเขียนต้องค้นหาคำพิเศษเพื่อสื่อความหมายอยู่ตลอดเวลา
    และสามารถดึงเอาเสียงสะอื้นออกมาจากจิตวิญญาณได้
    ถ้อยคำอาจแปรเปลี่ยนไปเป็นสี  แสง เสียง และกลิ่น 
    และ
    งานของนักเขียนก็คือ*ใช้* มันสื่อความหมายให้ได้
    อย่างไม่ผิดพลาดและถูกมองข้าม
    นักเขียนต้องสามารถรู้สึกสนุก
    และโลดแล่นไปในความอุดมดื่นของถ้อยคำ
    
    เขา..ไม่เพียงต้องรู้ความหมายโดยตรงของมัน
    แต่จะต้องรู้ไปถึงพลังลึกลับของมันด้วย
    ในคำคำหนึ่งนั้นมีทั้งน้ำเสียงและความหมายแฝงอยู่
    รวมทั้งความหมายที่กังวานคลอไปกับมันด้วย*
    
    
    เมื่อได้อ่านบทความข้างบนนั้น ต้องน้ำตาซึมและนิ่งงันกันความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกครับ  หลายๆ นักเขียนและผู้รังสรรค์งานในนามหลายนามต่างกัน ย่อมมีภาษาและลีลาแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อแน่เสมอว่า ทุกๆ คนจะต้องมี คือความพิเศษในการที่จะมองความหมายของสรรพสิ่งที่ต่างจากปัจเจกชน  
    
    การเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องธรรมชาติ นำมาซึ้งความพิเศษทางจิตวิญญาณให้นักเขียนมานักต่อนักแล้ว น้ำเสียงที่กล่าวชมเชยและซาบซึ้งในวิถีนี้ ดูสงบงามและน่าเกรงข้าม น่าศรัทธาและน่าน้อมนำมาปฏิบัติตาม ทั้งนี้มีคนเพียงแค่หยิบมือเดียวที่สามารถเข้าใจถ่องแท้ในวิถีธรรมชาติ ทั้งธรรมชาติภายในและภายนอกตัว
    
    น่าภูมิใจสำหรับคนที่มีดวงตาที่สาม ถอดเสียงสะอื้นแห่งป่าดงพงไพร และจิตวิญญาณแห่งขุนเขา จรดทะเล มาระบายห้วงธารละหานห้วย มีระบายสีแต่งแต้มฝันของนักอ่านหมื่นล้าน  ด้วยลีลาทางวรรณศิลป์ที่เป็นพรพิเศษ
    
    ผมเชื่อว่าทั้งผู้ประพันธ์และผู้อ่าน มีดวงตาพิเศษพอกันในแง่ ผู้สื่อและผู้รับที่เข้าใจความหายตรงกัน น่าภูมิใจเสียนี่กระไรครับ
    
    ถอดวิญญาณน่านฟ้ามาห่มฝัน
    แล้วนิ่งงันกับผืนน้ำตามเงาไหว
    เสียงกังวานผ่านดังระฆังใจ
    ก้องเสียงใสสะท้อนไพรให้เผยตน
    
    เสียงใบไม้หวิวหวานซ่านบรรเลง
    บ้างครื้นเครงบ้างหล่นลิ่วพริ้วยอดสน
    เมื่อปล่อยจิตเว้นว่างอย่างตัวตน
    ราวฉ่ำเย็นแห่งฝอยฝนพรมลดใจ
    
    
  • พุด

    2 กุมภาพันธ์ 2547 00:26 น. - comment id 210745

    * doctorchira*
    ดีใจที่กลับมาค่ะ
    พุดตามหามาตลอด..คอยสักร้อยปีดีไหมคะ..
    *******
    *ผู้หญิงในเงาใจทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยน้องน้อย*
    ขอบคุณ..ซึ้งใจจัง..
    *****
    *แม่จิตร*
    ขอบคุณที่จะพยายามอ่าน..ค่ะ
    *******
    *ชัยชนะ*
    ไม่แน่นะ อาจจะได้อ่านที่แผงแทนไง*
    ******
    Rainsummer
    ขอบคุณและซึ้งใจมากค่ะ
    นามปากกาหากให้แปลคงหมายความได้ว่า
    สายฝนสายอรุณค่ะ
    ******
    อิมคะ
    ต้องอ่านใหม่แล้วเช่นกัน
    *******
    ลำน้ำน่าน..
    เอาเวลานาทีทองมาคอมเมนท์เสียยาวเชียว
    ไม่เสียเวลาสร้างความฝันอันสูงสุดดอกหรือ
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน