มีอารมณ์บ่มเหตุกิเลสหมอง ใจจึงครองยินดีมีความหมาย ให้โลดลิ่วปลิวระเริงเพลิงโลภพราย บางครั้งกลายโกรธกระทบกลบกมล เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่รับสัมผัส เพราะถูกหัดตัดสินสิ้นเหตุผล จึงวนเวียนวงกรรมนำชีพชน มิให้พ้นสังสารมานานเนาว์ เมื่อพานพบสงบธรรมนำความรู้ ให้ตั้งอยู่ในสี่สติปัฏฐาน จึงเข้าใจในสงบพบตำนาน ที่ถักสานทางชีวิตลิขิตกรรม เพียงรับรู้อยู่กับปัจจุบัน และเท่าทันสิ่งกระทบจบความช้ำ เป็นเพียงธาตุขาดตัวตนบนความจำ เป็นเพียงธรรมรูปนามตามที่มี ใจไม่หวั่นจึงไม่ไหวในกิเลส ด้วยรู้เหตุแห่งกรรมที่ทำนี้ พิจารณาตามดูอย่างรู้ดี ว่าทุกฐานนั้นมีแต่รูปนาม
21 สิงหาคม 2546 20:40 น. - comment id 161642
เจออะไรจงใช้วิจารณา ใช้สตินำพาอย่าหุนหัน อย่าใช้เพียงอารมณ์เข้าฝ่าฝัน จะทำให้สิ่งเหล่านั้นทำช้ำใจ ควรจะมีสติสัมปัญญะ มีอดทนและมานะไม่หวาดหวั่น มีสมองไว้เป็นเพื่อนเตือนพะวัง ให้เหตุผลดั่งใจหวังชั่งความดี ***แต่งได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ***
21 สิงหาคม 2546 23:56 น. - comment id 161767
@...น้องผู้หญิงตูนคะ... เป็นกลอนธรรมนำทาง หมายวางให้พินิจ ค้นคำที่ทำจิต ให้สนิทในสายธรรม ...ขอบคุณมากค่ะที่มาแจมด้วยใจที่ดีมากๆ..
22 สิงหาคม 2546 08:05 น. - comment id 161836
สงบจิตแต่ว่ากายยังไหวหวั่น แถมใจนั้นมันไม่ยอมพร้อมตามว่า สี่สติปัฏฐานพี่วานมา ตัวของข้าจะพยายามตามแนะนำ
22 สิงหาคม 2546 18:34 น. - comment id 162013
@....ชัยชนะ.... ค่อยค่อยวางความเข้าใจใส่รู้สึก แล้วรู้ลึกถึงความจริงของสิ่งนั้น ว่าสิ่งใดมากระทบเมื่อพบกัน ก็จะพลันแยกความฟุ้งที่ยุ่งใจ ...จะเอาใจช่วยนะคะ