ผ่านเรื่องราวหนาวร้อนค่อนชีวิต อย่างรู้คิดรู้ค่าศรัทธาฝัน ความสำเร็จรายทางเป็นรางวัล ช่วยปลุกขวัญฮึกเหิมเติมเชื้อไฟ อนุสรณ์ชีวิตซึ่งคิดสร้าง เป็นรูปร่างขึ้นแล้วส่องแววไสว ค่าของคนผลของงานผสานไป จึงภูมิใจจนชื่นทุกคืนวัน เกียรติบัตรแต่ละใบที่ได้รับ พอสำหรับปลอบใจยามไหวหวั่น คนทำดีได้ดีที่ยืนยัน ข้อสำคัญคือมิหมดความอดทน ทุกสิ่งที่เปลืองไปไม่เปลืองเปล่า ขอเพียงเรายอมรอก็เห็นผล ชีวิตควรคุ้มค่าเรียกว่าคน บำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ไม่โฉดพาล ไม่ใจแคบแค้นคิดริษยา ยึดอัตตาเหลวไหลไฟบาปผลาญ กฏแห่งกรรมจำมั่นเกลาสันดาน รู้คิดอ่านหลีกหล่มความงมงาย เทียนที่เผาตัวเองเพื่อเปล่งแสง เกิดเปลวแห่งอุดมการณ์อันฉานฉาย เชื่อมั่นว่าหลังวันที่ฉันวาย คนเสียดายมากกว่าคนด่าทอ
24 กรกฎาคม 2546 11:17 น. - comment id 156246
เป็นแสงเทียนส่องสว่างนำทางฉัน ให้มุ่งมั่นบนเส้นทางตามสนอง ยึดความดีคุณธรรมนำประคอง ตามครรลองและคุณค่าของการเกิดมาเป็นมนุษย์ สวัสดีนะครับลุง บทกวีให้แง่คิดที่กระแทกดวงใจมากครับ อ่านแล้วรู้สึกว่ามีไฟที่จะทำความดีขึ้นเยอะเลยครับ
24 กรกฎาคม 2546 11:59 น. - comment id 156268
ดี - ชั่ว นิรันดร์.. เลือกสร้าง
24 กรกฎาคม 2546 13:25 น. - comment id 156318
น้ำตาเทียนรองไว้ได้หลายหยด ความหมดจดกรองไว้ดูรู้คุณค่า เอามาหลอมรวมใหม่ใจศรัทธา. เทียนปัญญาจุดกลางใจไฟชีวี
24 กรกฎาคม 2546 16:10 น. - comment id 156359
คุณค่าคนอยู่ที่ผลการทำงาน มุ่งประสานกายใจดีมีเหตุผล เสียสละอุทิศไว้ให้ปวงชน คือกมลแห่งความดีที่จริงใจ ผลความดีจะพิสูจน์ด้วยเวลา คือคุณค่าของตัวเราอย่าสงสัย เพียงอดทนสิ่งกระทบในหทัย คงมีคนที่เข้าใจในหลักการ พร้อมจะเป็นกำลังใจให้ทุกเมื่อ พร้อมจะเผื่อแผ่ความดีนี้ประสาน พร้อมจะช่วยผองชนที่ร้าวราน ให้ชื่นบานมีความสุขในทุกครา....ฯ ขออนุญาตมาร่วมแต่งบทกลอนด้วยค่ะ..
24 กรกฎาคม 2546 16:41 น. - comment id 156368
ลุงคือแสงเทียนที่ช่วยนำทางให้อ้อมค่ะ ขอบคุณค่ะ
24 กรกฎาคม 2546 16:53 น. - comment id 156373
เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่รอดับไป คุณความดีที่ได้เสกสร้างสรร คงคุณค่าจินตนานับอนันต์ นามธรรมมั่นวันหมายร่วมมุ่งมาน วันแล้ววันเล่าใครเขาไม่เห็น คงเป็นเช่นหางเสือจมน้ำสาร แลไม่เห็นเป็นแก่นนำสู่การ ปณิทานหางเสือเพื่อทางทอ มาร่วมทำรอยเท้าแห่งศักดิ์ศรี คุณความดีฝากไว้แก่โลกหนอ สุขทุกข์ผ่านเวียนวนใจล้นพอ เสพรสธรรมรอพ้นสังสารเอย อิอิฌเศร้านิแต่เข้มในคุณค่าควรเขียนครับ
24 กรกฎาคม 2546 20:44 น. - comment id 156417
อธิษฐาน ด้วยความดี ที่พากเพียร ช่วยต่อเทียน ไส้ยาวใหญ่ เพิ่มรังสี ให้โชติช่วง ชัชวาล ทั่วธานี หวังแสงนี้ ชี้สว่าง ทางก้าวเดิน
24 กรกฎาคม 2546 22:05 น. - comment id 156469
..คิดถึง..มากมายก่ายกอง...
24 กรกฎาคม 2546 23:45 น. - comment id 156495
: )
25 กรกฎาคม 2546 15:27 น. - comment id 156691
เทียนที่เผาตัวเองที่เปล่งแสง ชอบค่ะ------------------
25 กรกฎาคม 2546 17:51 น. - comment id 156716
ขอตอบเหมารวมอีกครั้งนะ อิอิ ตอนผมเริ่มทำงานใหม่ๆ เคยเขียนกลอนไว้ว่า ทบทวนถึงความฝันบัณฑิตใหม่ เริ่มแคลงใจกับรอยเท้าที่ก้าวผ่าน อาจกำลังจมปลักความดักดาน แลกกับการยืดไหล่ได้บางคราว ความรู้สึกตอนนั้นคือ ท้อแท้กับการเป็นคนดี โชคดีที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนเลวได้ วันนี้ กับการเป็น ทนายความดีเด่น ฯลฯ และมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับในสังคม ถึงได้รู้ว่า ทำดี ต้องได้ดี แม้จะช้าบ้างก็ตาม ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะไม่มีใครเอาไปกระแนะกระแหนอีกนะ หึหึ
26 กรกฎาคม 2546 07:36 น. - comment id 156918
ทุกนาทีเปลี่ยนไปใจรับรู้ ทุกสิ่งไม่คงอยู่ต้องแปรผัน ทุกทุกอย่างเกิดดับลับไปพลัน ทุกชีวันต้องสิ้นลงตรงสิ้นใจ จึงตั้งจิตไม่จางสร้างความดี อนุสรณ์ชีพนี้ที่ยิ่งใหญ่ ปลูกรากฐานผ่านเวลามากับวัย รินรดด้วยน้ำใจกับไมตรี บางคราวฐานสานสวยด้วยความรัก พลันกลับต้องแตกหักต่อหน้านี้ เพราะความแรงแห่งโทสาประดามี ที่เขาตีตรงฐานราญแหลกไป ได้แต่มองของรักปรักแล้ว ใจแน่แน่วหยิบเรียงเคียงขึ้นใหม่ เลี้ยงรักษาฉาบทาด้วยจริงใจ ลงฐานใหม่แน่นหนาท้าแรงกรรม ค่อยค่อยสร้างค่อยค่อยสานงานศิลป์ศรี มอบชีวีแก่เส้นทางอย่างใจย้ำ ริ้วรอยแผลทั่วร่างกายไม่หมายจำ เพียงขอทำทางนี้ให้ดีงาม ยามสิ้นลมล้มแล้วแคล้วคลาดไป เส้นทางนี้ต้องอำไพไร้คนหยาม ผู้สัญจรผ่อนทุกข์ไม่คุกคาม ถนนงามราบเรียบเปรียบผืนพรม เพียงเท่านี้คือที่หมายในชีวิต อันน้อยนิดไร้ราคาน่าขื่นขม ขอสร้างทางแห่งไทให้พ้นตรม แม้ไร้คนชื่นชม..ไม่เป็นไร เข้ามาช้าไปค่ะคุณลุงเวทย์.. ดอกแก้วขอลองตอบกลอนที่มีจากใจดูบ้างค่ะ และขออนุญาติไว้ว่าขอนำไปลงที่อภิธรรมออนลายด้วยนะคะ เพราะที่นั้นผู้เข้ามาหาความรู้เรื่องชีวิตมีมาก กลอนคุณลุงเวทย์สอนใจได้ดีเยี่ยมเลยคะ .ด้วยความเคารพค่ะ
28 กรกฎาคม 2546 14:13 น. - comment id 156969
พี่ดอกแก้ว.....:)
27 พฤษภาคม 2547 08:40 น. - comment id 275155
ขอฝากบอก ลุงครับว่า กวีบทนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ให้ผมมีกำลังใจในการทำงานเพื่อส่วนรวมนะครับ