มีบางอย่างสร้างความหมายหลายหลายสิ่ง ถกเถียงถึงเท็จจริงของความหมาย บางคนให้นิยามความงมงาย บางคนให้ลวดลายเป็นแก่นกลาง ขึ้นอยู่กับความรู้ที่ฟูเฟื่อง ความปราดเปรื่องเรื่องราวที่กล่าวอ้าง ความสันทัดจัดเจนไม่เอนร้าง ความก่นสร้างนิสัยในการตรอง มองอย่างผู้รู้รอบกอรปปัญญา ดังบัวพ้นธาราไม่หม่นหมอง มองอย่างบัวปริ่มน้ำตามลำคลอง หรือเพ่งมองอย่างอุบลอยู่ก้นธาร หรืออาจเป็นรากเหง้าของเหล่าบัว การมองจึงมืดมัวไม่แตกฉาน ต่างลำดับรับรู้ในพิจารณ์ จึงดำเนินเพลินกาลอย่างต่างกัน จึงมากมายหลายหลากฉากความคิด กำหนดความถูกผิดต่างชนชั้น เป็นมติริตรองของเผ่าพันธุ์ ความสำคัญอยู่ที่ธรรมนำความจริง
11 กรกฎาคม 2546 09:49 น. - comment id 153519
มองไม่เห็น เค้นไม่ยิน กลิ่นไม่หอม ยังตามตอม ห้อมหา เที่ยวคว้าหมาย ล้วนเขาว่า พาเดา ช่างเขลาดาย แต่เกิดกาย ที่กอปรเกื้อ ช่างเรื้อรก กาลามสูตร พูดดัง ไม่ฟังเสียง คอยแต่เคียง เข้าค้อม เอาล้อมอก แม้นที่ว่า น่าชัง ก็ยังยก เข้าจับปก ปิดคลุม น่ากลุ้มใจ
11 กรกฎาคม 2546 10:10 น. - comment id 153524
อีกสักสาย ลายตัว กลั้วคุณไสย คงยาวไกล เกรียงกาล ผ่านปรากฏ ที่สักเส้น เล่นสี เข้ารี่รด จึงปรากฏ เป็นบัวกล้ำ อยู่ต่ำเลน ใส่เครื่องราง วางเพียบ เหยียบเพศแม่ สะกดแผ่ ศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิ์ตาเถร อาคมขลัง คลั่งยับ กลัวอับเกณฑ์ หัวใครเบน เอนเปิด กำเนิดทาง หัวตาเถร เบนออก กระบอกไม้ ? ยามเศียรสน ด้นขัย มือไขว่ขวาง มาหมายต่ำ นำเทียบ เข้าเปรียบวาง โอ้อ้างว้าง พรางเขลา ช่างเร้าราน
11 กรกฎาคม 2546 11:08 น. - comment id 153541
ควาหมายที่ลึกล้ำอีกแล้วครับพี่ดอกแก้ว อยากบอกตรงๆ ว่า ยามใดที่ได้อ่านบทกวี ที่นำธรรมะมาประโลมใจแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่า ปัญญาเกิดขึ้นจริงๆ ครับ ด้วยรักและชื่นชมนะครับ บุรุษแห่งสายน้ำ
11 กรกฎาคม 2546 20:13 น. - comment id 153638
สดายุ.... ความทรามเสื่อมเลื่อมไหลใส่...บัณฑิต ที่เพียรคิด..ถอดคำ..ย้ำความเห็น วิเคราะห์รากหยั่งลึกตรึกประเด็น ชอบตีความตามเห็นเฉพาะตน แท้ที่จริงสิ่งที่เรียกว่า ..บัณฑิต คือนิสิตนักศึกษาริมถนน หรือผู้หาความรู้สู่กมล ขวนขวายตนเป็นผู้สร้างทางเจริญ หรืออยู่กับดีกรีที่ได้รับ จึงจะนับเป็นบัณฑิตน่าสรรเสริญ มุ่งวิเคราะห์เยาะเหยียดเพื่อเบียดเมิน ว่าพระธรรมคร่ำเกินจะไยดี คงถึงคราวให้เรารู้ดูความจริง ว่าทุกสิ่งต่างเสื่อมกระเพื่อมหนี ตามดำรัสพระศาสดาพระจอมธีร์ ศาสนานี้จักเสื่อมไปเพราะหมู่ชน ผู้โง่เขลาบางเบาจากปัญญา จะข่มกล้าเป็นใหญ่ในแห่งหน จึงผ่านกาลเนิ่นนานพวกพาลชน จะมากล้นกล่นเมืองเรื่องธรรมดา @เป็นเรื่องที่ดำเนินไปตามพระพุทธดำรัสนะคะ ....ความเสื่อมจะบังเกิดขึ้นเรื่อยๆในพระศาสนา ..และเข้าสู่ความทุรยุคในที่สุด
11 กรกฎาคม 2546 20:15 น. - comment id 153642
@ลำน้ำน่าน...บุรุษแห่งสายน้ำ ขอบคุณมากค่ะ...และปิติใจมากที่ได้รับทราบความรู้สึก .....เหมือนได้รับรางวัลเลยนะคะนี่..
11 กรกฎาคม 2546 22:02 น. - comment id 153685
:) ................................................... :)
11 กรกฎาคม 2546 22:34 น. - comment id 153688
(เพิ่งมีเรื่องนี้แหละที่ผมเพิ่งจะถึงบางอ้อ เพราะอ่านเจอเรื่องดอกบัวสี่เหล่าพอดี) ก็ขอเป็นบัวใต้น้ำไปก่อนนะครับ ถ้าเป็นบัวเหนือน้ำหรือเสมอน้ำคงจะถูกผึ้งมาเชยชม หรือคนมาเด็ดดมไป ก็พูดเล่นเฉย ๆ หรอกครับ ตามสไตล์ของผม
11 กรกฎาคม 2546 23:20 น. - comment id 153692
@สวัสดีค่ะฟองอากาศ... ขอบคุณที่แวะมา @...ชัยชนะ... จะพูดเล่น..พูดจริงก็ไม่เป็นไร ..ถือว่าได้มาร่วมวงสนทนาในวันนี้ก็เป็นโอกาสดีแล้ว..ขอบคุณมากค่ะ
12 กรกฎาคม 2546 04:46 น. - comment id 153698
ความรู้ใดในโลกโลกียะ เพียงเพื่อจะบรรยายกฏธรรมชาติ ทั้งสะสารพลังงานจักรวาลธาตุ ล้วนเพียรมาดหมายมองปรากฎการ พุทธะศาส แสดงเหตุ โลกสมมุติ โลกุตลเหตุ วิมุตร พ้นสังสาร แจงทุกสิ่ง ครอบคลุม สุดประมาณ ตามภูมิฌาน และญาน ที่ตริตรอง พระไตรลักษณ์ นิพพาน ขานไขโลก ให้พ้นโศก ทุกข์เข็ญ เด่นวิถี ให้ทุกเหล่า สรรพสัตว์ ประดามี สามสิบเอ็ด ภูมินี้ วนเวียนไป สาธุ บุญอาจารย์ครับ มาน้อมเรียนครับเพียงสติและจิตรู้นับวันจะพบว่าพจนกับสิ่งไม่รู้มาตลอด(อวิชา)ครับ สาธุ