วงรีกลางวงล้อม เสียงเห่กล่อมคลอขับขาน ใสใสใจเบิกบาน สนุกสนานสนทนา แจ้วแจ้วแว่วคำหวาน พจมานเสน่หา น้ำใจกลับชืดชา หมายเข่นฆ่าเมื่อคล้อยกัน นาวาไมตรีจิต หวังผูกมิตรเพื่อสร้างสรรค์ ล่องเรือลำเดียวกัน กลับแปรผันไม่ช่วยพาย เท้าถ่วงล่วงวารี มิตรไมตรีลางเลือนหาย กลายหน้ากลับท้าทาย ไม่รู้ร้อนห่อนรู้ความ ชิงชังอย่างไรหรือ จึงไขสือแกล้งเกรงขาม ลับหลังกลับประนาม ให้เสียหายทำลายกัน พายเรือเมื่อคลื่นซัด จ้วงพายตัดคลื่นเหหัน สู้คลื่นที่ครืนครัน เหนื่อยหนักหนาฝ่าแรงลม สู้คนบนลำเรือ ไม่ช่วยเหลือกลับทับถม รับมือกับคลื่นลม ยิ่งช้ำตรมเพราะมิตรลวง
11 มิถุนายน 2546 09:49 น. - comment id 146368
555 เปรียบเปรยได้งามล้ำครับพี่ดอกแก้ว ผมคงคิดไม่ถึงว่า จะมีคนไม่ช่วยพายมีหรือ เวลาเห็นแข่งเรือก็เห็นทุกคนช่วยกันเต็มที่ ชื่นชมเสมอครับ
12 มิถุนายน 2546 12:59 น. - comment id 146660
ลมเอยพัดใจไปทิศใดเลย ลมโลกลวงอยาเลยมาแสร้งถาม เขาคงวิโยกโศกตรมวงเวียนความ จึงพยายามดิ้นรนล้นร้อนลวง อิอิเขียนกลอนธรรมแบบง่วงนิ
12 พฤศจิกายน 2551 11:40 น. - comment id 302516
ขอบคุณ บทกลอนดีๆ ขออนุญาตินำไปเผยแพร่ต่อด้วยครับ อยากทำ ซึ่งความดี อุปสรรคมี ให้เหนื่อยล้า หลายคน ใช้เท้ารา คนดีหนา ช่างท้อใจ ต้องพัก มาหาธรรม ช่วยตอกย้ำ ดวงใจให้ มีแรง สู้ต่อไป อภัยให้ ด้วยใจธรรม www.rurt7.com