ร่วมสลักอักษรอันอ่อนหวาน สืบสายธารศรัทธาภาษาสยาม ทุกถ้อยคำปรากฏอย่างงดงาม เทอญสื่อความมธุรสเป็นบทกวี ชาวบ้านกลอนไทย มีจรรยารู้ค่าภาษาศิลป์ ภาษาถิ่นถ้อยความงามศักดิ์ศรี สืบอักษรกลอนกานท์หวานวลี สามัคคีร่วมภักดิ์อักษรา ดอกบัว ร่วมบรรเลงเพลงอักษรกลอนสยาม ร่ายความงามอักษรศิลป์กลิ่นภาษา ร้อยทุกรสบทกวีที่นำพา ร้อยเป็นพวงบุบผาพาชื่นใจ เอื้องอังกูร นี่คือ...ปณิธานที่หาญมุ่ง หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส ขอมาร่วมเรียงร้อยถ้อยความนัย บทกวีคงไว้คู่กลอนกานต์ วิชัย เพียงหยดหมึกจารึกไว้ในกระดาษ ไร้อำนาจอันใด...ให้ไหวหวาน เพียงกวีกล่าวพจน์ไม่จดจาร ก็ยังหวานผ่านเวลา...แลตราตรึง ปูปีปาโป ด้วยความรัก ในวลี ที่เลิศรส จึงปรากฏ ภาษาถ้อย ร้อยผูกถึง ความในใจ เผยออกมา อย่างตราตรึง สุดซาบซึ้ง เมื่ออ่านบท รสกวี คนบนเกาะ ยังมือใหม่ใส่กลอนไร้ไพเราะ คล้องจองเหมาะขาดเกินอภัยพี่ ประสพการณ์งานเขียนยังไม่ดี อยากจะมีใครอ่านของฉันบ้าง kasin ปณิธานกวี ใครมีได้ ถ้ามีใจใฝ่งามตามแบบอย่าง สร้างสรรคำสร้างฝันมั่นในทาง ใจเป็นกลางวางแผ่แก่มวลชน Daosaddha ขอเป็นหนึ่งในนักร้อยอักษรศิลป์ ฝากเจตน์จินตนาการและฝึกฝน วางในบางบทกวีบรรณดล ร้อยกลอนกลรักษ์กวีวิถีไทย Nig ต่างคนต่างคว้าต่างหาฝัน เสียสละสร้างสรรค์เอาใจใส่ เขียนชีวิตเขียนกลอนสะท้อนใจ มุ่งมั่นเขียนต่อไปร้อยร้อยปี "บทกวีไม่มีวันตาย" คือความหมายสูงส่งทรงศักดิ์ศรี นี่แหละ "ปณิธานวิญญาณกวี" แม้หลงในวิถีกลียุค อัลมิตรา บทกวีคือชีวีตที่งดงาม คือนิยามคือวิถีเพื่อดับทุกข์ ได้ผ่อนคลายในจิตได้เป็นสุข เริ่มสนุกหากพบพานเพื่อนร่วมทาง " ปณิธานกวี" แค่ผ่อนคลาย เศร้ามลายทุกข์จางหายใจปล่อยวาง เหมือนสายน้ำหว่างวิถีรินใจจาง ไม่ยึดมั่นกวีพราง...ช่วยกล่อมใจ เป็นกวีแค่ให้ใจ...ได้เป็นสุข เป็นทางออกแห่งทุกข์จิตสดใส เพื่อนกวีในบ้านกลอนเป็นเพื่อนใจ ทุกข์ครั้งใดมีกำลังใจในบ้านกลอน. หลี่เหม่ยจิน ขอขอบคุณบรรพบุรุษไทย ที่มอบมรดกใหญ่ให้อักษร ไว้สื่อสารสืบตำนานนิรันดร ขอแต่งกลอนสืบไปให้ยาวนาน สุรศรี กติกา ต่อท่านที่ต่อท้ายสุดครับ
19 กุมภาพันธ์ 2553 15:39 น. - comment id 1102113
มีจรรยารู้ค่าภาษาศิลป์ ภาษาถิ่นถ้อยความงามศักดิ์ศรี สืบอักษรกลอนกานท์หวานวลี สามัคคีร่วมภักดิ์อักษรา
19 กุมภาพันธ์ 2553 15:43 น. - comment id 1102115
ขอบคุณดอกบัว ที่แวะมาต่อกลอนเป็นคนแรก ครับ
19 กุมภาพันธ์ 2553 15:47 น. - comment id 1102120
ร่วมบรรเลงเพลงอักษรกลอนสยาม ร่ายความงามอักษรศิลป์กลิ่นภาษา ร้อยทุกรสบทกวีที่นำพา ร้อยเป็นพวงบุบผาพาชื่นใจ
19 กุมภาพันธ์ 2553 15:52 น. - comment id 1102123
นี่คือ...ปณิธานที่หาญมุ่ง หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส ขอมาร่วมเรียงร้อยถ้อยความนัย บทกวีคงไว้คู่กลอนกานต์
19 กุมภาพันธ์ 2553 15:54 น. - comment id 1102124
ขอบคุณ คุณเอื้องอังกูร และ คุณวิชัย ครับ ที่แวะมาร่วมต่อกลอน
19 กุมภาพันธ์ 2553 18:08 น. - comment id 1102196
เพียงหยดหมึกจารึกไว้ในกระดาษ ไร้อำนาจอันใด...ให้ไหวหวาน เพียงกวีกล่าวพจน์ไม่จดจาร ก็ยังหวานผ่านเวลา...แลตราตรึง
19 กุมภาพันธ์ 2553 19:54 น. - comment id 1102212
ด้วยความรัก ในวลี ที่เลิศรส จึงปรากฏ ภาษาถ้อย ร้อยผูกถึง ความในใจ เผยออกมา อย่างตราตรึง สุดซาบซึ้ง เมื่ออ่านบท รสกวี
19 กุมภาพันธ์ 2553 20:17 น. - comment id 1102232
ยังมือใหม่ใส่กลอนไร้ไพเราะ คล้องจองเหมาะขาดเกินอภัยพี่ ประสพการณ์งานเขียนยังไม่ดี อยากจะมีใครอ่านของฉันบ้าง
19 กุมภาพันธ์ 2553 23:04 น. - comment id 1102274
ปณิธานกวี ใครมีได้ ถ้ามีใจใฝ่งามตามแบบอย่าง สร้างสรรคำสร้างฝันมั่นในทาง ใจเป็นกลางวางแผ่แก่มวลชน
20 กุมภาพันธ์ 2553 02:38 น. - comment id 1102306
ขอเป็นหนึ่งในนักร้อยอักษรศิลป์ ฝากเจตน์จินตนาการและฝึกฝน วางในบางบทกวีบรรณดล ร้อยกลอนกลรักษ์กวีวิถีไทย
20 กุมภาพันธ์ 2553 08:34 น. - comment id 1102332
ต่างคนต่างคว้าต่างหาฝัน เสียสละสร้างสรรค์เอาใจใส่ เขียนชีวิตเขียนกลอนสะท้อนใจ มุ่งมั่นเขียนต่อไปร้อยร้อยปี "บทกวีไม่มีวันตาย" คือความหมายสูงส่งทรงศักดิ์ศรี นี่แหละ "ปณิธานวิญญาณกวี" แม้หลงในวิถีกลียุค
20 กุมภาพันธ์ 2553 10:55 น. - comment id 1102403
ต่อกลอนคุณอัลมิตรา.... บทกวีคือชีวีตที่งดงาม คือนิยามคือวิถีเพื่อดับทุกข์ ได้ผ่อนคลายในจิตได้เป็นสุข เริ่มสนุกหากพบพานเพื่อนร่วมทาง " ปณิธานกวี" แค่ผ่อนคลาย เศร้ามลายทุกข์จางหายใจปล่อยวาง เหมือนสายน้ำหว่างวิถีรินใจจาง ไม่ยึดมั่นกวีพราง...ช่วยกล่อมใจ เป็นกวีแค่ให้ใจ...ได้เป็นสุข เป็นทางออกแห่งทุกข์จิตสดใส เพื่อนกวีในบ้านกลอนเป็นเพื่อนใจ ทุกข์ครั้งใดมีกำลังใจในบ้านกลอน.
20 กุมภาพันธ์ 2553 11:16 น. - comment id 1102412
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาต่อกลอนครับ
20 กุมภาพันธ์ 2553 13:37 น. - comment id 1102431
ขอขอบคุณบรรพบุรุษไทย ที่มอบมรดกใหญ่ให้อักษร ไว้สื่อสารสืบตำนานนิรันดร ขอแต่งกลอนสืบไปให้ยาวนาน
21 กุมภาพันธ์ 2553 21:28 น. - comment id 1102951
ขอบคุณคุณ สุรศรี ที่แวะมาต่อกลอนครับ
28 กุมภาพันธ์ 2553 01:08 น. - comment id 1104930
ให้ยาวนานต่อไปถึงลูกหลาน ช่วยกันสร้างปณิธานไม่ไหวหวั่น ประกาศให้โลกรู้กลอนไทยนั้น มิได้ด้อยไปกว่ากลอนของชาติใด
12 กรกฎาคม 2555 19:46 น. - comment id 1238244
เเสงจันทร์จันทร์เเสงส่อง สว่างไสว ส่องหล้าลือระบือไกล มิหม่นหมอง เเสงจัทร์สาดดาษดาว ทั่วครรลอง เป็นเเสงส่องคลายเหงา เศร้าจิตวรณ์