คมปากกาบนกระดาษอันขาดเก่า ค่อยแปรเปลี่ยนกระดาษเปล่าให้เล่าเรื่อง คิดประทังวิญญาณ์ให้ไม่เปล่าเปลือง คิดประเทืองปัญญาให้ได้ปรัชญา แต่เสียงของท้องร้องเพราะท้องหิว จนไส้กิ่วในทุกมื้อคือปัญหา ต้องละมือหยิบกระเป๋าเอาเงินตรา ไปซื้อหาอาหารอันซ้ำเวียน พอท้องอิ่มอยู่ได้ไปอีกมื้อ ทั้งสองมือถือปากกาขึ้นมาเขียน ถึงเย็นยากพยายามด้วยความเพียร แต่กระดาษมิอาจเปลี่ยนเป็นเหรียญเงิน ใครคนหนึ่งพึงถามตามสงสัย เพราะเหตุใดอัตคัตยังขัดเขิน มิหางานแล้วกาลใดได้จำเริญ หรือจักเดินเตะฝุ่นรอบุญกรรม จึงเก็บกองกระดาษไปไว้มุมหนึ่ง กระดาษซึ่งใครมองมาก็ว่าขำ ตัวหนังสือหรือจะปองถึงทองคำ ที่ได้ทำคงแค่เขียนคำว่าทอง ค้นที่กองเอกสารอันเกลื่อนกลาด คว้ากระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเอี่ยมอ่อง แผ่นกระดาษซึ่งใครเขาใฝ่ปอง ใจผยองเพียงยื่นไปจักได้งาน พ้นผ่านมาสี่ซ้าห้าเดือนแล้ว ไร้วี่แววที่วันวันเคยฝันหวาน ใครหนอบอกว่ายื่นไปจักได้งาน ว่าอาหารและทองคำจักตามมา เมื่อไม่ว่ากระดาษเก่าที่เล่าเรื่อง ซึ่งเปล่าเปลืองเขียนไปก็ไร้ค่า หรือกระดาษที่เขาเรียกปริญญา ก็ต่างคว้าน้ำเหลวและเลวลง สี่ปีกว่าคือเวลาข้านั่งเขียน เพียงแผ่นเดียวที่พากเพียรอย่างใหลหลง ทุกพยางค์ทั้งบรรทัดคัดบรรจง ท้ายสุดคงที่มุมห้องกองรวมกัน
2 กุมภาพันธ์ 2553 07:01 น. - comment id 1094681
สิ่งที่ได้คือประสบการณ์ กลอนคมมากสาระล้นเหลือ เขียนบ่อยๆนะคะ ใจคอจะให้รออ่าน ปีละกลอนเองหรอ คิดถึงค่ะ
2 กุมภาพันธ์ 2553 10:47 น. - comment id 1094751
เป็นกำลังใจให้ค่ะ อย่าน้อยก็ทำให้พ่อแม่ ภาคภูมิใจค่ะ
2 กุมภาพันธ์ 2553 17:41 น. - comment id 1094988
สวัสดีครับคุณม่านแก้ว ขอบคุณจากใจจริงๆ เลยครับ ที่จะติดตามอ่านงานของผม ความจริงอาจเพราะไม่ได้คิดว่าจะมีใครรอ อ่านงานของผม เลยเขียนน้อยไปหน่อย ยังไงต่อจากนี้จะเขียนให้มากขึ้นแล้วกันครับ สวัสดีครับคุณเฌอมาลย์ ขอบคุณสำหรับกำลังใจในทุกกระทู้ที่ผมเขียน คุณมีกำลังใจล้นเหลือจริงๆ ครับ