๏ ประจงจารผ่านกลอนอักษรศิลป์ ใช่อวดอ้างรจนาเป็นราคิน มิหวังให้ระบิลระบือไกล ฉันชื่อศรีสุนทรอักษรลักษณ์ จงประจักษ์แจ้งความตามสงสัย เป็นนักกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงจำเรียงเรื่องไว้ให้คนชม สำนวนกลอนขัดเขินจนเกินเพราะ ไม่เสนาะสำเนียงเสียงประสม ต่ำปัญญาพาถ้อยด้อยคารม ไม่นิยมจริงจังอย่าชังกัน จะจับความตามกาลโบราณก่อน พอเล่าย้อนกลับไปถึงไอศวรรย์ แห่งนารายณ์อวตารช้านานครัน ไวกูณฑ์นั้นจากเกษียรสมุทรมา เพื่อปราบราพณ์อสุรินให้สิ้นเสี้ยน ซึ่งเบียดเบียนจักรวาลเที่ยวผลาญฆ่า จึ่งกำเนิดเกิดองค์พระจักรา ยังกรุง อโยธยาทวารวดี ทั้งพระนางอัคเรศวิเศษสวรรค์ นามนั้น คือพระลักษมี อีกบัลลังก์นาคาในวารี โดยเสด็จภูมีมาปราบมาร คือสีดาแลองค์พระอนุช นามพระลักษมณ์ฤทธิรุทธพระทัยหาญ จะจับความตามศักติลัทธิกาล เมื่อครั้งรามาวตารชำนะชัย ปางรามาวตารผู้ผลาญราพณ์ เสร็จปราบทศพักตร์เธอตักษัย ให้มีความเปรมปรีดิ์ดีพระทัย เหมือนหนึ่งได้อมฤตประสิทธิ์องค์ จึ่งพระนางสีดาเยาวเรศ เห็นภูเบศร์อิ่มพระทัยจนไหลหลง หารู้ไม่ว่ายังมีประยูรวงศ์ ของราพณ์ร้ายยังดำรงแลแรงฤทธิ์ นางจึ่งทูลพระรามซึ่งความนี้ ว่าภูมีอย่าทรงหลงในจิต ปราบสิบเศียรใช่เกรียงไกรในทศทิศ ทูลกระหม่อมจอมชีวิตจงตรองการ ณ บัดนี้ยังมีพระยายักษ์ ซึ่งมีถึงพันพักตร์น้ำใจหาญ เป็นประยูรพงษ์ร่วมวงศ์วาน ในสิบเศียรขุนมารเคยราญรอน ขอพระองค์ผู้ทรงธรณี นำศรศรีไปปราบจอมราพณ์ก่อน ต่อเมื่อนั้นจอมบพิตรวิษณุกร จึงจะก้องเกียรติกระฉ่อนทั้งโลกา จึงสมเด็จพระรามาวตาร ฟังนงคราญสิ้นพะวังไม่กังขา ทรงคิดพลางทางมีพระบัญชา เราจะยกยาตราไปเอาชัย เสด็จถึงซึ่งสนามรณรงค์ ถ้วนทิวธงปลิวอยู่ดูไสว ทั้งพระนางสีดาอรทัย ตามเสด็จภูวนัยมาในรถ ปะทะทัพยักษาพันเศียร จึงหันเหียนรถทรงอลงกต เร่งกระบวนป่วนไปไม่ละลด มิทันที่จะปรากฏฤทธิไกร จอมราพณ์ร้ายเหนี่ยวสายพระแสงศร ฤทธิรอนลั่นเลื่อนสะเทื้อนไหว ต้องพระรามหันเหทรุดเซไป ทิ้งพระองค์บรรลัยในณรงค์ จึ่งสมเด็จพระเทวีนามสีดา กริ้วโกรธาบ้าใจจนไหลหลง วรกายสั่นซ่านสะท้านองค์ จึงนิมิตจิตอนงค์เป็นกาลี พระโฉมยังคงเป็นนางสีดา นัยนาลุกเพลิงเถกิงสี วรกายแสงสะพรั่งดังอัคคี คว้าคันศรพระภูมีเข้าแนบชิด แล้วพาดสายหมายเขม้นเข้าเข่นราพณ์ กรซึมซาบพระเสโทโมโหจิต กัมปนาทหวาดไหวไปทุกทิศ โฉมเฉลาเยาวมิตรก็แผลงไป ลูกศรสาดกราดสนั่นเป็นพันเล่ม ขจายเต็มสนามยุทธไม่หยุดได้ เข้าตัดเศียรทั้งพันโดยทันใด ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวัน ปางนั้น จึงสมเด็จพระเยาวเรศ เมื่อปราบเพศอสุราจนอาสัญ เหลียวนัยนามาเห็นพระทรงธรรม์ ซึ่งมอดม้วยดับขันธ์บนรถชัย จึงประกาศสุรสิงหนาท ตรัสตวาดไปทั่วภพไตรใหญ่ ข้าขอคืนชีวาภัสดาไว้ แม้นหาไม่ข้าจะล้างโลกา สิ้นคำตรัสสุรเสียงสำเนียงสั่ง พระรามามีกำลังขึ้นหนักหนา แล้วชักศรปักอยู่ที่อุรา ทำลายทิ้งพสุธาทันใด นางกาลีกลับเป็นนางสีดา ลักขณานวลละอองผ่องใส พระภูธรสั่งเคลื่อนรถพิชัย ยาตราเข้ากรุงไกรอโยธยา ฯาะ
29 ธันวาคม 2552 19:23 น. - comment id 1080556
คุณเก่งมากๆ ขอนับถือในความสามารถครับ
29 ธันวาคม 2552 19:42 น. - comment id 1080561
แวะมาเยี่ยมอ่านกลอนงาม เขียนได้ขนาดนี้ ต้องนับว่าหาตัวจับได้ยากจริงๆครับ ขนาดใช้ เสียงต่ำแล้วยังประสานเข้าลัดเลาะสู่กลางขึ้น สูงได้ นับว่าน้อยคนจะทำได้ครับ ขอบคุณที่ แวะไปเยี่ยมครับ แก้วประเสริฐ.
29 ธันวาคม 2552 20:25 น. - comment id 1080568
เข้ามาอ่าน เก่งจังค่ะ
29 ธันวาคม 2552 20:26 น. - comment id 1080569
มาอ่านงานอันแสนงดงามและมากสาระ ครับ
29 ธันวาคม 2552 21:14 น. - comment id 1080610
...เก่งมาก ๆ เลยค่ะ เนื้อเรื่องกระชับ คำสื่อความชัดเจน เพิ่งรู้ว่านางสีดาสามารถแปลงกายเป็นนางกาลีได้.. สมัยก่อน..นานมาแล้วเคยทราบมาว่า..นางสีดา ซึ่งเป็นลูกของทศกัณฐ์กับนางมณโฑ เมื่อครั้งแรกคลอด..นางพูดคำว่า..ผลาญราพณ์..สามครั้ง พิเภกที่เป็นน้องของทศกัณฐ์ได้ทำนายว่า นางเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง จึงถูกนำไปลอยน้ำ.. อย่างอื่นไม่รู้แล้วค่ะ รู้แค่นี้จริง ๆ
29 ธันวาคม 2552 21:28 น. - comment id 1080619
นางสีดา ...อย่างที่เราทราบกันคือพระลักษมี พระมเหสีพระนารายณ์ร่วมอวตารลงมาผลาญราพณ์ครับ ส่วนในบทนี้ได้บรรยายไว้แล้วคือว่าตามเค้า ในเรื่องรามายณะซึ่งได้รับอิทธิพลจากลัทธิศักติ เทพเจ้าชั้นสูงฝ่ายหญิงสามารถดีได้ร้ายได้ ที่ปรากฏในลัทธินี้ได้แก่พระศรีมหาอุมาเทวี และพระลักษมีครับ
30 ธันวาคม 2552 09:47 น. - comment id 1080743
สวัสดีปีใหม่ครับ...... สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ
30 ธันวาคม 2552 12:59 น. - comment id 1080845
มาชื่นชมผลงานระดับเทพเลยนะเนี่ย
30 ธันวาคม 2552 13:31 น. - comment id 1080857
ดีครับ หายไปนานเชียวครับ มากับชื่อใหม่ และ e-mail ใหม่
30 ธันวาคม 2552 17:47 น. - comment id 1080946
หากเจ้ามองโกลไม่บอกผมก็ไม่รู้เมื่อรู้ ก็หายฉงน ใจแล้วครับ ครับ อันที่จริงตามลัทธิฮินดูนั้นนับถือ เจ้าแม่แค่สามองค์ คือ พระนางอุมาเทวีหรือพระ นางกาลีเป็นปางดุร้ายมากมีหน้าและมือถืออาวุธ มากมายล้วนแล้ววิเศษทั้งนั้นใบหน้าดุร้ายไม่ มีความสวยงามเลยครับ เป็นที่เกรงกลัวของ เหล่ายักษ์และอสูรมาก ภาคนี้จะเกิดเมื่อยามโมโห ซึ่งพวกโจรทั้งหลายเคารพบูชาเซ่นด้วย เลือดสดๆเป็นอาหารก่อนจะออกปล้นสดมภ์ซึ่งเป็น ภาคดุร้ายแม้แต่องค์พระอิศวรก็ยังเกรงกลัวครับ อีกองค์คือแม่นางลักษมีเมียของพระนารายณ์ซึ่งเป็น ผู้ประทานโชคลาภผลแก่ผู้เคารพบูชาเป็นเทพ เจ้าที่มีแต่ความเมตตา ที่ว่าแปลงกายเป็นนาง กาลีนั้นคุณอาจจะสับสนไปก็ได้หรืออ่านมากไป เลยจำสับสน อีกองค์หนึ่งคือพระนางสวรัสวดี เป็นเมียพระพรหม เป็นเทพเจ้าด้านดนตรี และเมตตานัก ลิทธิฮินดูนับถืออยู่แค่ 3 องค์ เท่านั้นส่วน ฝ่ายชายมากมายนัก แม้แต่หนุมาน ก็ยังนับถือเลยครับทั้งสามองค์ฝ่ายชายเป็นภาค หนึ่งของพระอิศวรครับ เรียกว่า พระตรีมูรติ ผมจะเอ่ยทั้งเฉพาะเทพหญิงเท่านั้นว่าทั้งสาม องค์นี้มีความสดสวยงามมาก ลือไปทั้งสามภพ พวก ยักษ์ อสูร หมายปองนักครับ หรือผม อ่านมาอาจจะสับสนก็ได้ครับ แต่เขียนได้ดีมาก ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
30 ธันวาคม 2552 18:02 น. - comment id 1080947
คุณแก้วครับ นางสีดา ...อย่างที่เราทราบกันคือพระลักษมี พระมเหสีพระนารายณ์ร่วมอวตารลงมาผลาญราพณ์ครับ ส่วนในบทนี้ได้บรรยายไว้แล้วคือว่าตามเค้า ในเรื่องรามายณะซึ่งได้รับอิทธิพลจากลัทธิศักติ เทพเจ้าชั้นสูงฝ่ายหญิงสามารถดีได้ร้ายได้ ที่ปรากฏในลัทธินี้ได้แก่พระศรีมหาอุมาเทวี และพระลักษมีครับ ฯลฯ ไม่ทราบว่าท่านได้อ่านข้อความนี้หรือยัง ผมก็ได้วางพจนาไว้แล้วว่า เป็นความใน "ลัทธิศักติ" อ้างอิงจากรามเกียรติ์ลัทธิศักติ ของพระยาอนุมานราชธน ไปค้นมาอ่านนะครับ ปล.ถ้าผมไม่สันทัดจริงๆแล้วผมก็ไม่กล้าเขียนดอกครับ ด้วยความเคารพ
30 ธันวาคม 2552 18:15 น. - comment id 1080948
เรียนคุณแก้ว (อีกสักหน) รามเกียรติ์ที่เรารู้จักกันดีก็คือพระราชนิพนธ์ ใน ร.๑ ซึ่งก็ได้รับเค้าเรื่องมาจากรามายณะของฤาษีวาฬมิกิ ซึ่งร้อยไว้เป็นโศลกทั้งให้มนุษย์และเทพอ่าน แต่ท่านอย่าลืมสิครับว่า รามายณะ มีอิทธิพลต่อ ชนชาวอินเดียวและผู้คนทวีปนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นการนับถือเทพและเรื่องราวในแต่ละเชื้อชาติ ย่อมแตกต่างกันไป อย่างไทยเองก็หาได้รับเรื่องนี้ มาทางอินเดียโดยตรงไม่ แต่รับมาทางเปอร์เซีย แล้วด้วยวิสัยของชาวไทยซึ่งรับเรื่องนี้มาโดย "ปากต่อปาก" จึงแต่งเติมเรื่องราวไปพ้นจะคณา ห่างเหินรามายณะของเดิมอยู่มาก เช่นเดียวกัน กับเรื่องสีดาออกศึกที่ผมรจนาไว้นี้ ย่อมเป็น เรื่องของลัทธิศักติ ความนี้ผมทราบมาสองที่ จากผู้แตกฉานทางด้านวรรณคดีศิลป์ และ นาฏศิลป คือ พระยาอนุมานราชธน และ พ่อเส ครูเสรี หวังในธรรม ซึ่งก็เคยนำตอนนี้ ขึ้นแสดงบนโรงละครแห่งชาติโดยศิลปิน แห่งกรมศิลปากร ด้วยสำนวนที่ท่านร้อยเรียงขึ้น เป็นสำนวนกลอนบทละคร ยืดยาวกว่านี้มาก ผมจึงนำเนื้อความร้อยแก้วของพระยาอนุมาน มาว่าใหม่ให้กระชับเป็นเพลงยาวเช่นนี้ครับ ปล.ความรู้ที่ท่านให้มานั้นขอขอบพระคุณ แทนผู้ที่ยังไม่ทราบ นับว่าเป็นประโยชน์ เป็นอย่างยิ่งครับ ขอบพระคุณ ด้วยความเคารพครับ
30 ธันวาคม 2552 19:21 น. - comment id 1080961
ดีแล้วครับผมอ่านมาอาจจะสับสนกันบ้างครับ จะได้เพิ่มความรู้ตามคุณไว้ด้วย ขอบคุณมากนะครับ ที่ให้ความกระจ่างแก่ผม ซึ่งผมเองก็ได้รับการถ่าย ทอดมาซึ่งอาจจะไม่ละเอียดนัก แต่เมื่อคุณนำ หลักฐานมาอ้างอิงก็ถูกต้องครับ ขอขอบคุณอีกครับ เพื่อจะได้ประดับความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีก ผมเองก็ ทราบมาเพียงคร่าวๆจากพวกพรหมณ์เท่านั้นครับ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกันนัก จะได้ทำให้คนอื่นเขา ทราบด้วย ปกติแล้วจะแยกจากกันเลย ผมก็ นึกสงสัยเหมือนกันครับแต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ในการกล่าวสนทนากัน เขาก็บอกว่า องค์นารายณ์ กับพระพรหม พระอิศวรเป็นองค์เดียวกันถึงได้ เรียกกันว่า ตรีมูรติ ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ คุณเขียนได้ดีมากครับ นับได้ว่าเป็นนักเขียนกลอนได้ดียิ่งคนหนึ่งครับ ผมชอบตอนที่เอาอักษรต่ำมาผสมผสานให้เป็น สู่เสียงกลาง เข้าอักษรสูงได้อย่างดี น่าทึ่งมาก ครับ ถือได้ว่าน้อยคนจะทำได้ครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.