ดินเป็นธาตุแข็งแข้น ทรงกาย ไฟนั่นเป็นธาตุคาย อุ่นร้อน อาโปวิ่งวนราย ทั่วร่าง ลมแพร่ปอดไปป้อน ชีพให้ยืนยาว คราวนามรูปแก่ใกล้ ตัวตาย มนุษย์โลกหญิงชาย เหี่ยวแห้ง ยากจนไพร่มูลนาย ตามแต่ มันบ่อาจเสแสร้ง ข่มท้ามฤตยู กูของกูมั่นไว้ โลภหลง ชีพดับยังลืมปลง ไขว่คว้า ตัณหามัดมึนงง หิวหื่น ทุกข์เสียดแทงอกอ้า ห่มไห้รอรวย พระพุทธองค์ตรัสด้วย เมตตา ทุกสิ่งเป็นมารยา ห่อหุ้ม อนิจจังทุกข์อนัตตา เป็นอยู่ จงเพ่งใจปลดกลุ้ม ดับร้อนอวิชชา นิพพานแลสุขแท้ อุรา ชีพอยู่ปราศตัณหา บีบคั้น บัณฑิตท่านปรีชา ธรรมส่อง ละบ่วงผูกมัดกั้น ขาดสิ้นสงสาร
14 ธันวาคม 2552 15:07 น. - comment id 1073906
มาตามค่ะ มาตามให้ไปอ่านและเม้นใหม่อีกครั้ง แหะๆๆๆ อายจัง อายจัง ผิดทั้งภาพและกลอนง่ะ กำลังเบลอค่ะ งานเยอะหัวหูฟูฟ่องเลยง่ะ ขอโทษนะคะ กลับไปอ่านและเม้นใหม่นะคะ อิอิอิ ดินน้ำลมไฟ..ในพิภพ ถูกกำหนดมาให้อยู่คู่สิ่งสรรพ์ โลกาและมนุษย์ทุกสิ่งอัน ล้วนผูกพันเกี่ยวข้องของธรรมดา ***************************** ไถ ไถ ไปอีกแล้วค่ะ จะได้เกี่ยวกันง่ะ อิอิอิ
14 ธันวาคม 2552 15:21 น. - comment id 1073917
14 ธันวาคม 2552 15:26 น. - comment id 1073918
14 ธันวาคม 2552 15:52 น. - comment id 1073942
ครับธรรมดาครับ อ่านแล้วเตือนตนดีนะครับ
14 ธันวาคม 2552 22:26 น. - comment id 1074183
ไม่ธรรมดาเลย...พี่ปติ เฉียบจริง ๆ ครับ
15 ธันวาคม 2552 22:34 น. - comment id 1074624
ไม่ธรรมดา อย่างพี่ สุริยันต์ ว่าล่ะครับ แต่งโคลง ยากกว่ากลอนเยอะเลย