ชื้นละอองฟ่องฟุ้ง โชยทุ่งฝัน ปลุกหัวใจเงียบงัน ปรารถนา ให้กำซาบปลาบปลื้ม เพียงลืมตา อุ่นอ้อมกอดกาลเวลา งามละไม หวานรอยยิ้มยังประทับ ณ ค่ำคืนเดือนดับ สายลมไหว หม่นดาวดวงล่วงฟ้า ดงพญาไฟ แผ่วเพลงไพร พรมดึกพร่างพฤกษ์พง ปลายฝนต้นหนาว ว่าหนาวเอย หนาวลึกลมรำเพย รำพันหลง วิเวกร้าวขณะ อันประจง ให้ไหวหวั่นพะวง ภวังค์ครวญ ข่าวแรมเลือนเหมือนร้าง ให้ห่างเหิน รอยทางเดินพ้นผ่าน การเฝ้าหวน ความรู้สึกบรรจบ ในทบทวน เพลงพิรุณรัญจวน ยะเยือกหนาว นานแสนนาน เกินใจจะไปสู่ เนิ่นหลากแล้วฤดู ไม่มีข่าว หนทางใดเล่าล่วง ถึงดวงดาว ฝากบางสิ่งบางเรื่องราว บอกคิดถึง ลืมตาเถิด ผู้หลับไหล กลางอ้อมกอดพงไพร ค่ำคืนหนึ่ง วิเวกร้าวหนาวฝน บ่นรำพึง ว่าทุกอณูแห่งคำนึง ซ่อนเจ้าไว้ โดยคำ ลานเทวา
20 ตุลาคม 2552 02:05 น. - comment id 1053666
ลืมตาเถิด ผู้หลับไหล กลางอ้อมกอดพงไพร ค่ำคืนหนึ่ง วิเวกร้าวหนาวฝน บ่นรำพึง ว่าทุกอณูแห่งคำนึง ซ่อนเจ้าไว้ บทสุดท้ายนี่ กินใจปรางเหลือเกินค่ะ ดูแลสุขภาพนะคะท่าน
20 ตุลาคม 2552 07:12 น. - comment id 1053679
สวัสดีค่ะ คุณลานเทวา แวะมาอ่านงานที่งดงามในความหมายค่ะ ให้มีแต่ความสุขในทุกๆวันค่ะ
21 ตุลาคม 2552 09:49 น. - comment id 1054339
ถ้าเราไม่เขียนแล้วใครจะเขียนอย่างเราเขียน ^ ^ ^ จำประโยคนี้ ของ คนลานเทวาได้ขึ้นใจ อย่าหยุดเขียน...ตราบใดที่มีผู้เพียรอ่านนะคะ
1 ธันวาคม 2552 16:18 น. - comment id 1069639
สวัสดีครับ ยังดื่มด่ำกับงานดีๆ ของคุณอยู่ครับ