พายพัดโบกโยกไสวไกวกิ่งไม้ ร่วงโปรยปรายไม้ใบในสาขา ไม้พัดปลิวพริ้วไหวไร้วิญญา แต่ชีวายังยืนหยัดระบัดใบ แม้ต้นหญ้าในป่าแล้งที่แห้งเหี่ยว ยังเด็ดเดี่ยวเรียวใบไม่หวั่นไหว ยังเเทรกร่างกลางดินแล้งระเเหงไพร เพื่อผลิใบในป่าใหญ่ให้ชีวัน แม้ชีวิตที่สิ้นหวังดังป่าแล้ง ไร้เรี่ยวแรงแห่งพลังดังถวิล ไร้กำลังพลังใจอันรวยริน แต่ไม่สิ้นกำลังใจในตัวตน ต้องยืนหยัดฟันฝ่าดังผาแกร่ง ต้องเข้มแข็งมีแรงสู้อยู่ทุกหน ไม่หวั่นไหวในทุกข์โศกโลกใบมน ไม่ยินยลคนพร่ำด่าว่าไม่ดี ต้องอยู่ได้ดังไม้ไหวที่ไกวสู้ ที่ยืนอยู่ดูใบหล่นวนเวียนหนี ที่ไหวลู่อู้ลมบ้างในบางที บางครั้งมีที่ต้านลมไม่ล้มลง ต้องยึดมั่นเด็ดเดี่ยวดังเรียวหญ้า ที่ฟันฝ่าท้าป่าแล้งเป็นแผงผง มีจุดยืนผืนชีวันอันมั่นคง ไม่ล้มลงให้คนข้ามหยามน้ำใจ กลอนบทนี้แต่งไว้นานแล้วค่ะ เอามาลงเก็บไว้อ่านนานๆ
3 ตุลาคม 2552 09:14 น. - comment id 1046492
ล้มแล้วต้องลุกให้ได้ด้วยใช่ไหมคะ
3 ตุลาคม 2552 09:41 น. - comment id 1046528
แก้วขอเป็นต้นอ้อล้อลมเล่น สุขเช้าเย็นไม่ต้านทางลมไหว เมื่อพายุพัดมาพาแกว่งไกว พลิ้วไสวไหลลู่คู่กับลม หากเเป็นไม้ต้นใหญ่ไม่โอนอ่อน อาจมีตอนรากโค่นโดนทับถม ยืนตระหง่านไร้คู่ชู้ชื่นชม จะภิรมย์ใจได้อย่างไรกัน อ่านกลอนแล้วรู้สึกอยากแจมด้วยค่ะ เก่งจังนะตัวแค่เนี่ย อิ
3 ตุลาคม 2552 10:13 น. - comment id 1046579
ถ้าล้มลงจริง ๆ ก็ต้องขึ้นมาใหม่ได้ครับ
3 ตุลาคม 2552 16:06 น. - comment id 1046712
คนเราควรยิ่งคล้าย...พฤกษา พายุโหมพัดพา........อยู่ยั้ง ฝนสาดซัดลู่รา........รับรื่น โลมแดดแผดเผารั้ง...ชีพสู้ทานทนฯ ..มาเยี่ยมน้องเก๋ จ้า
3 ตุลาคม 2552 16:11 น. - comment id 1046717
3 ตุลาคม 2552 17:01 น. - comment id 1046740
กลอนดีมีความหมายลึกซึ้งค่ะ ขอเป็นเพียงต้นหญ้าริมทาง ที่ทนได้ทุกสภาวะ ทั้งแดดฝน ลมพายุ และรอยเท้าที่เหยียบย่ำค่ะ
3 ตุลาคม 2552 17:10 น. - comment id 1046745
ยามอ่อนล้าถาโถมโหมให้ทุกข์ มิเคยสุขลุกสู้อยู่แข็งขัน แม้ต้องฝืนขืนหน่อยค่อยแก้กัน อย่าหวาดหวั่นวันใหม่บางใครคอย สู้ ๆ นะคะ ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ค่ะ
3 ตุลาคม 2552 18:27 น. - comment id 1046780
คุณวาวเดือน ก็แต่งกลอนเก่ง และเพราะนะครับ ไม่รู้ว่า ฝึกแต่งมานานหรือยัง เห็นผลงาน ยังไม่มาก แต่แต่ง ได้ดีทีเดียว
3 ตุลาคม 2552 19:19 น. - comment id 1046812
คุณเพียงพลิ้ว ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยม คุณแก้วประภัสสร ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ จริงๆ ไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ แต่งไปตามความรู้สึก เลยออกมาเป็นแบบนี้ คุณรัมณีย์ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ กิ่งโศก ขอบคุณจ้าตาที่แวะมาเยี่ยม โคลงที่นำมาแจมเพราะดีนะ คุณเฌอมาลย์ ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือค่ะ คุณเรียมเอง ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม คุณปรางทิพย์ ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ คุณกวีน้อยเจ้าสำราญ ชมมากเกินไปแล้วค่ะ จริงๆ แล้วยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ส่วนการฝึกแต่งกลอนนั้น ก็เริ่มฝึกตั้งแต่ชั้นประถมปลาย เพราะโดนครูบังคับ พอโตมาหน่อยก็ส่งเข้าประกวดบ้างบางโอกาส ไม่ได้ฝึกอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ช่วงไหนว่างก็ฝึกเท่านั้นเองค่ะ มาเริ่มฝึกเยอะขึ้นเมื่อ 4-5 ปีมานี้เองค่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำชมนะคะ
3 ตุลาคม 2552 22:35 น. - comment id 1046917
ยามสายลมกระหน่ำทรวง สายลมโบกกระโชกลมเพพัด ดุจอารมณ์กลัดกลุ้มไร้เหตุผล ถูกกระทำลมเอ๋ยพัดอาจม อาจขื่นขมลมนี้ไร้แรงทาน เป็นต้นไม้ยืนต้นรกกอหญ้า ฤาต้นกล้าล้าแรงยามช้างสาร ดุจหญ้าแพรกแหลกลาญผลาญมัวเมา ลืมชีวิตขลาดเขลาเค้าล่อลวง เหล่าต้นไม้ฤาต้านแรงพายุ มุทะลุหุนหันกระสันสรวง พัดโลภโมโทสันต์กระหน่ำทรวง ล่วงไม่พ้นทนช้ำใจไหวลู่ตาม ดุจน้ำเชี่ยวลมแรงอย่าแทรกขวาง ไม่ตามทางผ่อนแรงคิดผลีผลาม กิ่งคงหักเรือจะล่มคงไม่งาม เมื่อยามสายลมแรงแล้งน้ำใจ ขออนุญาติฝากสายลมให้เป็นข้อคิด
1 พฤศจิกายน 2552 11:59 น. - comment id 1059077
สายลมโบกสะบัดพัดชายพลิ้ว ใบไม้ปลิวลิ่วลมชมกิ่งไหว พัดพาเศร้าเหงาหายสลายไป ความสดใสสุขสันต์พลันมาแทน.. กลอนให้กำลังใจมากๆ ค่ะ ช่วงนี้ไม่แต่งกลอนอีกหรือคะ หรือว่างานยุ่ง
1 พฤศจิกายน 2552 17:15 น. - comment id 1059207
ช่วงนี้งานรุมค่ะ ยังไม่ค่อยมีเวลาว่าง ขอบคุญที่แวะมาเยี่ยมนะคะ
6 พฤศจิกายน 2552 21:50 น. - comment id 1061101
ขอบคุณมากที่ไปคอมเม้นท์ครับ เพิ่งเห็นกลอนของน้องวาวเดือน ( ไม่รู้ทำไมไม่เห็นก่อนหน้านี้ ) ประทับใจเช่นกันครับ มีสัมผัสและมีสาระ