รจนาบทกวีพลีแด่โลก สังเวยโศกแสนเศร้ารานร้าวไหว มากผองชนหลงทางห่างพระรัตนตรัย ในดวงใจขาดเมตตาธรรมคิดทำลาย อีกไม่นานดอกหนาจำลาจาก เราต้องพรากสิ่งแสนงามนิยามหมาย ดวงดอกไม้ร่ายฟ้อนอ้อนลมพราย จักมลายหายสิ้นกลิ่นสุคนธา เพราะมนุษย์ไม่ซึ้งค่าคำว่ารักษ์ เพียรหาญหักทำลายทุกแหล่งหล้า ธรรมชาติแปรเปลี่ยนรอเวลา ฟ้าดินดลให้รู้ค่ามิช้านาน ดาวดวงหนึ่งจะเคลื่อนมาน่ากลัวนัก มาทายทักโลกแสนใกล้คล้ายปาฏิหารย์ แกนโลกเอียงมีเพียงน้ำผลาญแหลกราน มืดชั่วกาลนานชั่วกัลป์ขวัญสะเทือน ดวงดอกพุดงามพิสุทธิ์ซาบซึ้งค่า จิตแจ่มจ้าดั่งดาวรายเสมอเสมือน เพียรภาวนารจนาธรรมคอยย้ำเตือน ถึงผองเพื่อนเกิดแก่ร่วมเจ็บตาย ถึง..ดวงใจในร่มรัก..แดนศักดิ์สิทธิ์ พรหมลิขิตจากดวงจิตนิมิตหมาย อย่าเสียเวลากับเรื่องราวอันเปล่าดาย ก่อนจะสายหมายตามรอยพระพุทธา ทิพย์ปัญญาอธิษฐานนานกี่ภพ ชีวีจบสักแสนชาติพบพระศาสนา กระจ่างธรรมนำสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แดนเทวา กราบ.. แทบบาทพระศาสดาน้ำตาพรายดั่งสายเพชร....! http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001719.htm บทความเกี่ยวกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
1 ตุลาคม 2552 18:18 น. - comment id 836753
ขอบคุณนะคะพี่พุด สำหรับภาพ ข้อมูล และบทกลอน
30 กันยายน 2552 14:30 น. - comment id 1045397
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทวดาที่อยู่บนชั้นดาวดึงส์ มีอยู่ ๒ จำพวก คือ... ๑.ภุมมัฏฐเทวดา ได้แก่ พระอินทร์และเทวดาชั้นผู้ใหญ่ ๓๒ องค์พร้อมทั้งบริวาร เทวอสุรา ๕ จำพวก ที่อยู่ใต้ภูเขาสิเนรุ ก็จัดอยู่ในประเภทภุมมัฏบเทวดาเหมือนกัน ๒.อากาสัฏฐเทวดา ได้แก่พวกเทวดาที่อยู่ในวิมานลอยไปกลางอากาศ ตั้งแต่เหนือพื้นดินยอดเขาสิเนรุ ตลอดไปจนจดขอบจักรวาล บางวิมานมีเทวดาอยู่ บางวิมานก็ว่าง ยังไม่มีเทวดาอยู่ ภูเขาสิเนรุเป็นภูเขาสูงสุดในจักรวาล ตั้งอยู่ท่ามกลาง หยั่งลงสู่ห้วงน้ำ และสูงขึ้นไปในอากาศ ส่วนละ ๘๔๐๐๐ โยชน์ ยอดเขามีสัณฐานกลม มีภูเขา ๗ เทือก ล้อมรอบเขาสิเนรุอยู่ คือ... ๑. ยุคันธร ๒. อิสินธร ๓. กรวิก ๔. สุทัสสนะ ๕ เนมินทร ๖. วินัตตถะ ๗. อัสสกรรณ...อันเป็นทิพย์... ในสุทัสสนะนคร มีปราสาทเวชยันต์ อันเป็นที่อยู่ของท้าวสักกะ ทิศตะวันออกของนคร มีสวนดอกไม้ ชื่อ "นันทวัน" ภายในสวนมีสระโบกขรณีอยู่ ๒ สระ ชื่อ มหานันทา และจุฬนันทา ทิศตะวันตกของสุทัสสนะนครนี้ มีสวนดอกไม้ชื่อ "สวนจิตรลดา" มีสระโบกขรณีอยู่ ๒ สระ ชื่อว่า วิจิตรา และจูฬจิตรา ทิศเหนือของสุทัสสนะนคร มีสวนดอกไม้ชื่อ "มิสสกวัน" มีสระโบกขรณีอยู่ ๒ สระ ชื่อว่า ธัมมา และสุธัมมา ทิศใต้ มีสวนดอกไม้ชื่อ "ผารุสกวัน" มีสระโบกขรณีอยู่ ๒ สระ ชื่อว่า ภัททา และสุภัททา บรรดาสวนทั้ง ๔ แห่งนี้ เป็นรมณียสถานสำหรับพักผ่อนรื่นเริงของเหล่าเทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสุทัสสนะนครนี้ มีสวนดอกไม้ ๒ แห่ง ชื่อว่า"สวนปุณฑริกะ และสวนมหาวัน" ในสวนปุณฑริกะ มีต้นปาริฉัตร(ปาริชาติ)สูง ๑๐๐โยชน์ แผ่กิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ออกไป ๕๐ โยชน์ เมื่อถึงคราวออกดอก ก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปไกล ๑๐๐ โยชน์ ที่ใต้ต้นปาริฉัตร มีแท่นปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ มีสีแดงเหมือนดอกชบา ยุบลงได้ในเวลานั่ง และฟูขึ้นเป็นปกติได้ในเวลาลุกขึ้น หน้าแท่นศิลานี้ มีศาลาเป็นที่ประชุมธรรม ชื่อว่า "ศาลาสุธัมมา" มีเจดีย์มรกต ที่เรียกว่า"จุฬามณี" ภายในบรรจุ"พระเขี้ยวแก้วข้างขวาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระเกศา" ที่พระองค์ทรงตัดทิ้งไว้ในตอนเสด็จออกบรรพชา สวนมหาวัน เป็นที่ประทับสำราญพระอิริยาบทของท้าวสักกะเทวราช มีสระโบกขรณี กว้าง ๔ โยชน์ ชื่อสุนันทา และมีวิมานรายรอบอยู่ ๑๐๐๐ วิมาน ความเป็นอยู่ของเทวดาในชั้นดาวดึงส์ ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพย์สมบัติจากกุศลกรรมในอดีตภพ อารมณ์ที่ได้รับในชั้นดาวดึงส์ จึงล้วนแต่เป็นอิฏฐารมณ์(อารมณ์ที่น่ายินดี) เทวดาผู้ชาย มีความเป็นหนุ่มอยู่ในวัย ๒๐ ปี ส่วนเทวดาผู้หญิงมีความเป็นสาวอยู่ในวัย ๑๖ ปี เป็นนิตย์ เหมือนกันทุกองค์ มิได้มีความชรา ตาฝ้าฟาง ผมหงอก ฟันหัก หูตึง ผิวพรรณเหี่ยวย่น มีความสวยงามเป็นหนุ่มสาวอยู่ตลอดไปจนตาย(ตายเพราะสิ้นกรรมจากความเป็นเทวดา) ความเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีแก่เทวดาในชั้นดาวดึงส์ เพราะบริโภคอาหารอันละเอียดสุขุม ชนิดที่เป็นสุธาโภชน์ ไม่มีอุจจาระ ปัสสาวะ เทวดาผู้หญิงไม่มีประจำเดือน และไม่ต้องมีครรภ์เหมือนมนุษย์ เว้นแต่เทวดาจำพวกภุมมัฏฐเทวดาบางองค์ที่ยังมีประจำเดือน และมีครรภ์อย่างมนุษย์ได้ ความเป็นอยู่ของเทวดาในเทวโลกนี้ ก็เป็นเช่นเดียวกับมนุษย์โลก มีการไปมาหาสู่เบียดเบียนกัน มีนักดนตรี นักร้อง และเทพบุตร เทพธิดา มีความรักใคร่ปรารถนาเป็นคู่ครองกัน หากขาดคู่ครองกันแล้ว ย่อมเกิดความเบื่อหน่ายในความเป็นอยู่ของตน ไม่เบิกบานรื่นรมณ์เหมือนเทวดาที่มีคู่ครอง เทวดาในดาวดึงส์ทั้งหลายต่างชวนกันไปแสวงหาความสุขสำราญในสวนทั้ง ๔ แห่งพร้อมด้วยบริวาร สมบัติของเทวดาเหล่านั้น มีความยิ่งหย่อนกว่ากัน ทั้งบริวาร วิมาน และอิฏฐารมณ์ต่างๆ สุดแต่กุศลกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ดังบาลีในมหาวรรค อรรถกถา แสดงว่า... "ยา สา สพฺพเทวตานํ วตฺถาลงฺการวิมานสรีรานํ ปภาทฺวาทสโยชนานิ ผราติ, มหาปุญญฺานํ ปน สรีปปฺภาโยชนสตํ ผรติ" แปลความว่า "รัศมีที่ออกจากร่างกาย และอาภรณ์ภูษาที่เป็นเครื่องประดับของเทพบุตร เทพธิดา พร้อมทั้งวิมานอันเป็นที่อยู่ของตน บางองค์ก็มีรัศมีสว่างถึง ๑๐๐ โยชน์" (รัศมีที่มีความสว่าง หรือรัศมีน้อย หรือรัศมีหม่นหมอง หรือวิมานของเทวดาก็มีความอลังการไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกุศลกรรมที่ตนได้กระทำไว้ในภพก่อน)
30 กันยายน 2552 14:43 น. - comment id 1045402
วันสิ้นโลก2012 มนุษย์ทุกคน ควรรู้ไว้...ใช่ว่า http://blogazine.prachatai.com/user/dinya/post/1349 http://atcloud.com/stories/25684 http://learning.eduzones.com/rangsit/26198 http://tasboard.piesoft.net/message.php?MsgCode=6393 หรือหาเพิ่มเติมได้ที่ google เรื่อง ปี2012 Nibiru
30 กันยายน 2552 14:52 น. - comment id 1045408
สวัสดีค่ะพี่พุด น้องมดมาเยี่ยมคนแรก อิอิอิ ภาพสวยเหมือนเคย ภาษางดงาม ได้ความรู้เกี่ยวกับสวรรค์ด้วยง่ะ ชอบ ชอบค่ะ ถ้าทุกคนใช้คุณธรรมนำชีวิต วันสุดท้ายของโลกคงไม่น่ากลัววววววววววววว
30 กันยายน 2552 15:33 น. - comment id 1045427
อ่านงานงามพร้อมแทรกรสธรรมค่ะ ภาพก็สวยเสมอ
30 กันยายน 2552 16:07 น. - comment id 1045444
สวัสดีค่ะพี่พุด น้องมดมาเยี่ยมคนแรก อิอิอิ ภาพสวยเหมือนเคย ภาษางดงาม ได้ความรู้เกี่ยวกับสวรรค์ด้วยง่ะ ชอบ ชอบค่ะ ถ้าทุกคนใช้คุณธรรมนำชีวิต วันสุดท้ายของโลกคงไม่น่ากลัววววววววววววว ยายแม่มด เกี่ยวก้อยน้องน้อยสู่แดนขวัญ แดนสวรรค์เกษมบุญกุศลศานติ์ แดนธรรมแดนทองนิรันดร์กาล สิ้นร้าวรานสิ้นภพชาติพิสวาทวาย...
30 กันยายน 2552 16:33 น. - comment id 1045446
อ่านงานงามพร้อมแทรกรสธรรมค่ะ ภาพก็สวยเสมอ เฌอมาลย์ เจ้าคือดวงมณีดั่งศรีชาติ บริสุทธิ์สะอาดในร่มธรรมบ่มร่ำหอม คือดวงดอกไม้ไทยละมุนละไมไพรพะยอม เจ้างามพร้อมเลอค่าฟ้าประทาน
30 กันยายน 2552 21:49 น. - comment id 1045610
พี่พุดคะ ธรรมะที่พี่พุดร่ายไว้ โดนใจปรางเหลือเกินค่ะ งดงามดั่งเช่นแสงทองจากแดนสรวง หากแต่สามารถพบและสัมผัสได้บน โลกแห่งความวุ่นวายและสับสน..... ภาพงาม ๆ ของมวลไม้ดอกทั้งหลาย ทำให้ชื่นใจ เฉกเช่นเดียวกับในฝัน ปรางพยายามเก็บทุกภาพและทุกถ้อย คำที่พี่พุดจำนรรจ์ไว้ เมื่อยามเหนื่อยล้า จะได้รำลึกถึงค่ะ ด้วยรักพี่พุดเป็นที่สุด
30 กันยายน 2552 22:50 น. - comment id 1045653
พยายามสร้างบุญไว้ครับ ผมเองถ้าไปถึงนิพพานได้ก็คงจะดี ถ้ากำลังยังไม่ถึงก็ขอพักที่ดุสิต แต่ยังไม่ถึงอีกก็ดาวดึงส์นี่แหละ ต้องทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ไม่รู้จะรอดมั้ย แต่ก็ต้องตั้งใจเพียร เป็นวิริยารัมภะ ปรารภความเพียรไว้ มีสติที่จะรักษาจิตก่อนตายให้ผ่องใส เป็นอย่างน้อย เพื่อได้สู่สุขคติ มีกายมีจิตที่จะ รู้บาปบุญ สานสร้างบุญต่อได้ ขออนุโมทนาบุญกับพี่พุดทุกบุญนะครับ ส่วนบุญกุศลที่ผมทำ ก็ขอแบ่งให้พี่พุด ร่วมอนุโมทนาด้วยนะคร้าาบ
1 ตุลาคม 2552 11:21 น. - comment id 1045784
พี่พุดคะ ธรรมะที่พี่พุดร่ายไว้ โดนใจปรางเหลือเกินค่ะ งดงามดั่งเช่นแสงทองจากแดนสรวง หากแต่สามารถพบและสัมผัสได้บน โลกแห่งความวุ่นวายและสับสน..... ภาพงาม ๆ ของมวลไม้ดอกทั้งหลาย ทำให้ชื่นใจ เฉกเช่นเดียวกับในฝัน ปรางพยายามเก็บทุกภาพและทุกถ้อย คำที่พี่พุดจำนรรจ์ไว้ เมื่อยามเหนื่อยล้า จะได้รำลึกถึงค่ะ ด้วยรักพี่พุดเป็นที่สุด ปรางทิพย์ ปรางทองน้องนวลในดวงใจพี่พุด งามพิสุทธิ์แสนหวานปานน้ำผึ้ง ให้พบคู่ธรรมฝันถึงแดนดาวดึงส์ ตราตรึงตราบกาลนานนิรันดร์
1 ตุลาคม 2552 11:36 น. - comment id 1045788
พยายามสร้างบุญไว้ครับ ผมเองถ้าไปถึงนิพพานได้ก็คงจะดี ถ้ากำลังยังไม่ถึงก็ขอพักที่ดุสิต แต่ยังไม่ถึงอีกก็ดาวดึงส์นี่แหละ ต้องทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ไม่รู้จะรอดมั้ย แต่.. ก็ต้องตั้งใจเพียร เป็นวิริยารัมภะ ปรารภความเพียรไว้ มีสติที่จะรักษาจิตก่อนตายให้ผ่องใส เป็นอย่างน้อย เพื่อได้สู่สุขคติ มีกายมีจิตที่จะ รู้บาปบุญ สานสร้างบุญต่อได้ ขออนุโมทนาบุญกับพี่พุดทุกบุญนะครับ ส่วนบุญกุศลที่ผมทำ ก็ขอแบ่งให้พี่พุด ร่วมอนุโมทนาด้วยนะคร้าาบ รัมณีย์ สวรรค์ชั้นดุสิตหรือดุสิตบุรี ดีอย่างไร? ทำไมพระบรมโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและนักสร้างบารมีทั้งหลายถึงเลือกที่จะอยู่ชั้นนี้ ? สวรรค์ชั้นดุสิตนี้ มีความกว้างใหญ่ไพศาลมาก มีท้าวสันดุสิต ซึ่งบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว เป็นผู้ปกครองภพ ที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดุสิตอยู่สูงขึ้นไปจากยอดเขาสิเนรุ อยู่ในอากาศเหนือสวรรค์ชั้นยามา 42,000 โยชน์ บนสวรรค์จะไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ทำให้ไม่มีเงา ไม่มีมุมมืดบนสวรรค์ อยู่ได้ด้วยความสว่างจากวัตถุสิ่งของต่างๆ เช่น กายของเหล่าเทวดา วิมาน สวน สระ สิ่งแวดล้อมต่างๆ มีแต่ความสว่าง จึงไม่ต้องอาศัยดวงอาทิตย์ ลักษณะของสวรรค์ชั้นดุสิต จะไม่ได้กลมอย่างโลกมนุษย์ แต่จะกลมแบบราบ ถ้ามองจากสวรรค์ชั้น ยามาขึ้นไป จะมองเห็นเป็นแสงสว่าง นุ่มเนียนตา และถ้ามองจากสวรรค์ ชั้นดุสิตขึ้นไป ก็จะเห็นแสงสว่างนุ่ม เนียนตาของสวรรค์ชั้นนิมมานรดี หรือถ้ามองลงไปที่ดาวดึงส์ก็จะเห็น ว่ามีขนาดเล็กนิดเดียว เพราะสวรรค์ชั้นดุสิตใหญ่กว่า โครงสร้างของสวรรค์ชั้นดุสิต มีวิมานของท้าวสันดุสิตเป็นศูนย์กลาง ของสวรรค์ชั้นนี้ แล้วแบ่งออกเป็น 4 เขต วนโดยรอบวิมานของท้าวสันดุสิต ดังนี้ เขตที่ 1 เป็นที่อยู่ของพระอริยเจ้า คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ซึ่งอยู่ชั้นในสุด เขตที่ 2 เป็นที่อยู่ของนิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ซึ่งวงบุญพิเศษของผู้ที่มีมโนปณิธานจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ให้หมดจนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม ก็จะอยู่ในเขตนี้ด้วย เขตที่ 3 เป็นที่อยู่ของอนิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับ พยากรณ์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังต้องสร้างบารมีอีกมาก เขตที่ 4 เป็นที่อยู่ของผู้ที่ทำกุศลมาก และมีกำลังบุญมากพอที่จะได้อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตนี้ เป็นเขตทั่วไป นอกเหนือจาก 3 เขตแรก สวรรค์ชั้นดุสิตนี้ มีความพิเศษกว่าสวรรค์ชั้นอื่นอยู่หลายประการ หนึ่งในความ พิเศษนั้นก็คือ เป็นที่อยู่ของเหล่าพระบรมโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตจำนวนมาก และเหล่าเทพบุตรที่สร้างบารมีเป็นพระสาวก เพื่อตามพระบรมโพธิสัตว์ลงมาตรัสรู้ในอนาคต แล้วทำไมพระบรมโพธิสัตว์ หรือบัณฑิตทั้งหลายจึงปรารถนาที่จะได้มาบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ ทั้งที่กำลังบุญของแต่ละท่านนั้นมากมาย ปรารถนาที่จะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นใดก็ได้ เหตุที่ท่านเลือกสวรรค์ชั้นนี้ มีข้อสังเกตอย่างน้อย 3 ประการ คือ 1. พระโพธิสัตว์สามารถจุติ ลงมาได้ตามใจปรารถนา หมายความ ว่า โดยปกติเทวดามีเหตุแห่งการจุติ หลายประการ เช่น หมดบุญก็มี หมดอายุขัยก็มี จุติเพราะความโกรธก็มี แต่เหล่าพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย ในสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ เมื่อจะจุติลงมา สร้างบารมี หรือมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะนั่งทำสมาธิ อธิษฐานจิต สามารถดับวูบลงมาเกิด ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของ ชาวสวรรค์ชั้นอื่นๆ 2. เนื่องจากสวรรค์ชั้นนี้ มีแต่บัณฑิต มีแต่พระบรมโพธิสัตว์ ล้วนแต่มีอัธยาศัยคล้ายคลึงกัน ที่จะฝึกฝนตนเองและช่วยสรรพสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพานไม่ประมาทในการดำรงชีวิตเหมือนชาวสวรรค์ชั้นอื่นๆ มักจะคบหาบัณฑิต พูดคุยสนทนาธรรมกันเพื่อความ เบิกบานใจ และหมั่นไปฟังธรรมในวันพระ ซึ่งท่านท้าวสันดุสิตจะเป็นผู้อัญเชิญพระบรมโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีมากมาแสดงธรรมให้ฟัง 3. ขนาดอายุทิพย์ของสวรรค์ชั้นดุสิตนี้ คือ 4,000 ปีทิพย์ ซึ่งไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป พอเหมาะพอดีที่จะเสวยสุข เพราะท่านจะต้องลงมาสร้างบารมีต่อ ถ้ามี อายุขัยนานเกินไปจะทำให้เสียเวลา
1 ตุลาคม 2552 16:44 น. - comment id 1045948
อลังการ อีกแล้วครับผม....ได้ยลแล้วชื่นหัวใจครับ
1 ตุลาคม 2552 18:57 น. - comment id 1045975
อือ สวรรค์ ผมอยากเห็นสวรรค์ นางฟ้าคงงามมากมาก ผมจะชวนเธอไปอรหันต์
2 ตุลาคม 2552 14:36 น. - comment id 1046286
อลังการ อีกแล้วครับผม....ได้ยลแล้วชื่นหัวใจครับ เอื้องอังกูร เธอมาเยือน... เสมือนเดือน ณ กลางใจ เหมือนดอกไม้ระบำไหว เหมือนน้ำค้างไพรหยาดรินถวิลรอ...
2 ตุลาคม 2552 15:35 น. - comment id 1046313
ขอบคุณนะคะพี่พุด สำหรับภาพ ข้อมูล และบทกลอน โคลอน เจ้าคือสายฝนสายฝันสวรรค์สุนทรีย์ ร่วงพลีดับแล้งโลกที่โศกแสน ให้สรรพสิ่งงอกงามทั่วดงแดน เจ้าเหมือนแม้นมณีดินประดับหล้า.. ฟ้าประทาน...
2 ตุลาคม 2552 15:58 น. - comment id 1046322
อือ สวรรค์ ผมอยากเห็นสวรรค์ นางฟ้าคงงามมากมาก ผมจะชวนเธอไปอรหันต์ ปติ ตันขุนทด เพียรเจริญสติรักษาศีลภาวนา ดวงปัญญาเปล่งประกายพร่างพรายแสง แจ่มกระจ่างสว่างพราวมิโรยแรง ทุกหล้าแหล่งไร้ผองชนว่ายวนกรรม...