http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3738.html ตลอดกาล จุดไฟรักริมริมใจจนไหวหวั่น ประกายฝันเปล่งแสงแรงเสน่หา ไสวพร่างสว่างเย็นในชีวา แก้วล้ำค่าสถิตสว่างนำทางใจ... เหมือนท้องฟ้ามิเคยอิ่มอวลอากาศ สายธารมิเคยขาดกระแสชลระรินไหล เหมือนนกผกโผผินฟากฟ้าไกล เหมือนดวงใจรักเรานี้พลีชั่วกาล หวานหรือเศร้าร้าวหรือรักรับได้หมด โศกสลดหรือสุขพร่างต่างเติมหวาน รักวันเติมวันฉันเธอมิเศร้านาน สวาทหวามสวาทหวังช่างฝังใจ ระหว่างเราระหว่างใจใครเล่ารู้ ระหว่างคู่ระหว่างรักเป็นไฉน ระหว่างพรากระหว่างร้างใจถึงใจ ระหว่างไกลระหว่างชิดสนิทภักดิ์ เป็นนิยามยิ่งใหญ่ในชีพหนึ่ง นิยามซึ้งนิยามฝันมหัศจรรย์รัก ร่างห่างไกลใจข้ามฟ้ามารวมรัก รักแน่นหนักรักเหนือโลก..โบกโบยบิน.... ................ ไร้ขวัญ...คืนเรือน...! ผม...ตัดสินใจ ซื้อที่ดินผืนนาร้างว่างเปล่านี้ ที่ผมดั้นด้นค้นหามายาวนานนัก หลังจากเพียรพยายาม ตรากตรำทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ทำหน้าที่ทางโลกอย่างดีที่สุด เป็นเวลาหลายแรมปี เงินที่ผมถนอมออมเก็บกำมา เกือบตลอดทั้งชีวิต เพื่อนำมาก่อฝันให้เป็นรูปเป็นร่าง.. สร้าง *วิมานกระท่อมทับเรือนไทย* เป็นรังรักอาณาจักรใจ ในจินตนาการ ริมบึงบัวสล้าง ที่กำลังกระจ่างใจเป็นจริง ให้หยาดน้ำตาผมรินร่วงด้วยภาคภูมิใจ ตรงหน้าผมนี้แล้ว... เรือนไม้เรียบงามสงบสันโดษ ในท่ามกลางธรรมชาติ พันธุ์ไม้ไทยดอกหอมพร่าง แตกช่อสล้างพราว ขาวนวลหอมหวาน รับอรุณยามเช้าอย่างสดชื่นระรื่นร่ำ ละออตาละออใจ มีชานเรือนตรงกลาง ให้นอนนับดาวเคล้ากลิ่นลำดวนดง กับ การะเวก พุดซ้อน ปีบหอมพร่างกระจ่างใจ พรรณไม้ไทยไหวกิ่งฝันนานา เรือนไทยหลังน้อยของผม สงบงาม ด้วยทางเดินร่มรื่น ผ่านผืนนาร้างห่างเมือง ผ่านหมู่บ้าน เข้าทางถนนสายขรุขระ ที่แสนมีเสน่ห์งาม สำหรับดวงตาดวงใจผมนี้ ที่เห็นแง่งามมิตามโลกตามใคร มิตามศิวิไลซ์เจริญรุ่งแบบกรุงกรงกักขัง เส้นทางสายสวยสงบ ที่จะพบ แต่ความงามง่ายชิดใกล้ธรรมชาติ ท่ามกลาง ดงดอกหญ้าระบัดไกวไหวเอนอ่อน.. อ้อนสายลมเย็นย่ำยามตะวันรอน ห่างแสงสีเทคโนโลยี่ฉับไว แสนจะไกลปืนเที่ยง เพียงผ่านบานประตู ไม้ไผ่สานละเอียดเก่าคร่ำเข้ามา ที่ผมแค่ใช้กั้นอาณาเขต *บ้านภายในกับโลกภายนอก* เหมือนราว *พบโลกทวิภพ..* มาพบโลกอดีตที่รินร่ำฉ่ำเย็น แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้เขียวชะอุ่มงาม ใสพร่างหอมพราย นานาพรรณ...พฤกษ์ เรือนไม้ชั้นเดียว... เป็นเรือนฝันสวรรค์เสก กลางดงไม้ไทยร่มครึ้ม ที่ด้านหนึ่ง มีทางเดินลงสู่นาข้าว พราวละมุนไกลกรุ่นสุดลูกหูลูกตา ในนาที่กำลัง ออกรวงเรียวสีทองผ่องผุด รอฤดูกาลเก็บเกี่ยวรอเคียวคม ที่ผมอนุญาติให้ชาวนามาใช้พื้นที่ ช่วยหว่านเพาะปลูกหวัง หว่านหวานฝัน อันบรรเจิดใจ ปลุกปลูกจิตวิญญาณไพร พร้อมๆไปด้วยกัน ผมชอบสวรรค์เสน่หา วันที่ข้าวกล้าระบัดไหว ใน*ทุ่งรวงทองปองฝัน*ของผมนานมา หวัง... ยามอ่อนล้า ได้พาร่างใจ ลงไปคลุกโคลนเลน เที่ยวท่องตามท้องร่อง ของกอข้าวเขียวขจีที่ไสวพร่าง ริมนา มีต้นตาล ที่ผมปลูกไว้ ราวชะลอฉากมนต์รักลูกทุ่ง อันหอมกรุ่นในสำนึกลึกล้ำ.. ให้คืนหลังกลับมา..อีกคราอีกครั้ง ดั่งภาพฝัน ยามผมฟังที่ผมนั้นอึ้งอั้นต้องมนตรา ในบทเพลงเสน่หา*มนต์รักลูกทุ่ง* http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3102.html มนต์รักลูกทุ่ง หอมเอยหอมดอกกระถิน รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย ลองเอื้อมมือค่อยค่อย ก็เอื้อมไม่ถึง อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า บัวตูมบัวบาน หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ ขลุ่ยเป่าแผ่ว พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา หวานแว่วแผ่วดังกังวาน โอ้เจ้าช่อนกยูง แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง และ ผมปลูกผักนานา ไว้เก็บกินได้ ไร้สารพิษ ผักบุ้ง ผักลิ้น กระถิน โสนเหลืองทองอร่าม งามพราวพิลาสพิไล แถมเก็บไปกินได้ด้วย พืชผักสวนครัวริมรั้วริมบึง ข่า ตะไคร่ ฟักแฟงแตงร้านแตงกวา ถั่วฟักยาว กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง สล้างเสลา เคียงกันมีขนำนาเถียงนา ไว้มานอนรำพึงรำพัน มองสวรรค์กลางดิน มองรวงเรียวเขียวไพลเขียวพร่าง ไสวสว่างกระจ่างใจ ด้วยเรียวรวงสีทอง ราวคลื่นลอนระบัดพัดโบก ราวผืนผ้าไหมยามลมไหว เป็นระริ้วพลิ้วระลอก ไล่ละหลั่นสะบัดฝันเรียวรวงรอง ผักก็งามทั่วท้องร่อง ริมบึงหนองริมท้องนา กบเขียด อึ้งอ่างร้องอึงคนึงเคล้าคลึง เถียงกัน ท่ามกลางเสียงสายฝนกระหน่ำจั๊กๆ พรั่กพรั่กพร่างพรมลงบนรวงเรียว จนเอนค้อมน้อมหนักลงแทบเคลียดิน รวงงามราวนวลเนื้อนวลใจ ราวกลีบดอกไม้พิสุทธ์ใสกลางกลีบใจ ของ นวลน้องนวลนางกลางไพรแม่สาวบ้านนา.. ผม..ชอบมานอนเหว่ว้า อ้างว้าง ว่างใจ วางใจ ปลดปล่อยใจ รินร่ำรับงามฟังเสียงฝนครางฟ้าครวญ ฟังเพลงหวานแว่ว จากวิทยุทรานซิสเตอร์ ละเมอหารักพ้อเพ้อละเมอใจหาสาวนา ฟังบทเพลงธรรมชาติเหว่ว้า รายรอบริมบึงถึงริมใจ ไหวหวามรำพึงคะนึงครวญหวนไห้ตาม ให้ฝันให้ได้กลิ่นบรรยากาศ ของท้องทุ่งรวงทอง ที่ยังรักกันแบบผ่องผุดพิสุทธิ์ใจ ราว*ขวัญ เรียม* ในตำนานเที่ยวท่องล่องพงไพร มิหลงแสงสี มีเพียง แสงไต้ ยามราตรียามเข้าไต้เข้าไฟ มีเพียง แสงตะเกียงลานดวงหวานริบหรี่วูบไหว ให้ใจดวงหวาน หวามงาม พอกัน .. บางค่ำคืน.. ผมจะมานอนฟังฝันฟังฝนทั้งคืน กลางเถียงนา ดูสายฝนเหว่ว้ากระหน่ำลงมากลางนากลางใจ ให้ไหวหวั่นฝันสะเทือนพอกัน ดูสายฝนพรายพลิ้วละลิ่วโลมไล้ท้องนา งามละลิบละลานตา ดั่งสายหมอกสายเหมยสายไหม ในทุ่งทิพย์รวงทอง เรืองรองผืนนากับฟ้าพร่างพรม ราวหยาดน้ำตาระทม ร่วงพราวจากนางฟ้าใจดี ที่งามเย็นทรวง ร่วงให้รวงรับหยาดสายพรายพลิ้ว และ ยามใดที่ผมได้คลุกโคลนเลน กลั้วกอดกลิ้งกับวัว ควาย ที่เคยมากับ กายใจในยามวัยเยาว์จนให้ใจถวิลหา.. *จะพาเกิดก่องามนิ่ม งามนวล ในเนื้อใจ*ผมนี้ ที่ราวกับว่า.. เป็นหนึ่งเดียวกับชีวาชีวิตผมเลยทีเดียว เรือนไทยของผม เป็นเรือนชั้นเดียว ยกสูง ปล่อยลานโล่ง ไว้เสพทัศนียภาพรายรอบทิศทาง ที่งดงามหวามหอม ที่รายล้อมรอบ ราวฉากฝันสวรรค์ลอยให้ลืมโลกจริง ที่นับวัน ยิ่งแสนสับสนทุรนทุรายวายวุ่นขึ้นทุกทีทุกที.. ผม... เพียรสร้าง.. เรือนใจเรือนไทยเรือนในฝัน ผสมผสานงานงาม กับช่างภูมิปัญญาไทยพื้นถิ่น วาดหวังให้เป็นวิมานดินเรือนรังรัก ที่ผมระดมดวงใจรักจิตวิญญาณงามง่าย หวัง... ฝังฝากร่างไว้พบสุขสงบงามยามบั้นปลาย ได้พิงพักใจตราบลมหายใจสุดท้าย ที่แสนดายเดียวชั่วชีวาชีวิตผม เครื่องเรือนน้อยชิ้น ผม...มีเพียงเตียงไม้สี่เสาแบบโบราณ ที่ผมเพียรเลื่อยไม้ สร้างด้วยสองมือของผมเอง แค่ผมพอนอนได้ มุ้งไว้ใช้แค่ กันยุง เพราะ เรือนโล่งจะเปิดหน้าต่างยันรุ่งอยู่แล้ว เพื่อรอรับหยาดหวานกลิ่นกรุ่น ไม้ดอกรำเพยเผยหอมหวาน ผ่านพร่างเข้ามา ผม..ชอบนอนฟังเสียงสายฝนเฉียบเย็น เต้นระบำบนเรียวใบไม้และปลายหญ้า ผมชอบนอนนิ่งทิ้งใจดูจันทร์เพ็ญดวงหวาน หว่านสายแสงกระจ่างสว่างไสว ดูจันทร์เสี้ยวดวงเศร้า ที่อ้างว้างดายเดียว ดูดาวพราวฟ้ากว้าง.. ดาวประจำใจประจำเมือง ดู.. ดอกคูนเหลืองพราวไสวราวสายฝนสีทอง ผ่องนวลกลางแสงจันทร์ ดวงดอกลดาวัลย์พันเลื้อยเถาริมรั้ว กอสายน้ำผึ้งหวานแสนหวาน ก้านกลีบลำดวนดง.. ปีบปลิดโปรยลงพร่างพื้นพรมพร่าง ในท่ามกลางแสงตะเกียงรำไรริบหรี่ กับ ราตรีในวสันตฤดู คลอเคลียคู่ใจ แสนเศร้าหนาวในนานนัก กับแสงเทียนแท่งหอม ที่ผมชอบ.. เพราะถูกหลอมให้รับรินรสหอมสดนี้ มาจากยอดดวงใจ ในจิตวิญญาณรักวิญญาณฝันของผม คนดี..ที่นะนาทีนี้ เธอสถิตทอดทับไปทุกที่ ทั้งกลางใจในฤดีนี้ ที่อบร่ำพร่ำรักเธอเพียงผู้เดียว ที่ถึงแม้นผม จะละเมอเพ้อหาสักเท่าไร เธอคงไม่รับรู้รับฟังแล้วในวันนี้ พร้อมกับที่ดวงใจฝัน ผมเลิกหวังเลิกเจ็บปวด ผม..ฉลาดพอที่จะขอถอดใจ เก็บจิตวิญญาณรักนั้นไว้ และ ให้เป็นกลายกลับเป็นเพียงความทรงจำ ที่งดงามหวานหอม ให้... ใสส่องสว่างนำทางใจเส้นทางใจไฟฝัน ให้ผมเพียรไปสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ มิท้อใจมิรอลา ให้ผมทำสิ่งดีงามสานฝัน ที่เธอหวังวาดให้เป็นจริงแทนเธอ เธอ... คนที่ผมแสนรัก และเรียนรู้การหักใจทำใจมิไหวครวญ ให้ผมรู้หยุด หวนไห้ เมื่อเธอได้ฝากบทเรียนรักบทเรียนใจ ให้ไหวรับตั้งรับกับสายธารธรรม มาน้อมนำใจ ให้ใสพิสุทธิ์ดุจหยาดน้ำค้าง ให้รู้รัก รู้วาง รู้ว่าง และรู้ภาวนา ให้มีสติมีปัญญาเลิกว่ายวน หลงวงกรรม ที่จะน้อมนำรัดรึงใจมิให้ใสว่าง มิให้หลุดพ้นเกมกลเกมกาม ที่ลามไหม้แผดเผาร่างใจ หากมิรู้ทันรู้เท่า เฝ้าถาใส่ราวแมลงเม่าลงในกองไฟรัก ที่แสนทุกข์หนักทุกข์ใจเสียไม่มี เธอ.. ฝากพร่างใส ราวเรียวแดดสวย ราวดวงตะวันจันทราเอื้อโอบหล้า เหมือนดวงดาราบนฟากฟ้า ที่เธอ.. กระซิบบอกว่า จะนำทางผมไปสู่ฝั่งฝัน ดินแดนนิรันดร์อันงามเงียบ ที่รออยู่ที่แสนไกลในโพ้นฟ้า ผมถึงมีฝัน.. และฟันฝ่า มาสร้างรังรักพักใจ นะเรือนไทยแห่งนี้ไว้ฝันฝากใจ ตามหัวใจดวงงามยามสงบ ที่ผมพบความรำงับได้จากรักที่แสนดีงาม บัดนี้ความฝันทุกสิ่งในใจในวัยเยาว์ผม ผมได้นำกลับมาทั้งสิ้น ทั้งหมดตามมโนนึกแล้ว และ ด้านหน้าเรือนรักนั้นเพื่อสนองฝันสล้าง ผมได้ใช้รถแบคโฮ มาไถขุดบึงกว้างเวิ้งว้างไกลสุดตา ให้คนงานชาวนาปรับสภาพน้ำ ลงบัวสล้างหลากสีสัน ปล่อยปลานานาพันธุ์ มากมีมากมาย และรายรอบริมบึงบัวนั้น ผม..เก็บพันธุ์ไม้น้ำ ต้นเก่าไว้ ให้งามร่มรึมบึง คล้า จิก ไทร ไหวกิ่งฝัน ทิ้งดอกพลันพรึบพร่างหว่านหวาน กลางสายน้ำสายชลร่ำแสนฉ่ำเย็น ผม... สร้างสะพานเล็กๆ ทอดตัวจากลานบ้าน เป็นดั่งสะพานรักดั่งสะพานฝัน ลดเลี้ยวทอดลง ตรงกลางบึงบัว คลอเคลียขนาบข้างด้วยกอกก แตกยอดชูช่อล้อลมไสวรำเพย ที่ปลายสะพาน.. ผมจะผูกเรือมาดลำน้อยไว้ ที่ผมชอบอาศัยพายอ้อยสร้อย ในยามเช้าเย็น ยามเช้า... ผมชอบพายไปเฝ้ารอ รับอรุณอ่อนอุ่น ดวงแดงโดดใหญ่ราวกระด้งฝัดข้าว ที่งามดายเดียว รับสายหมอกหยอกเมฆละมุนงาม เป็นงามอาทิตย์ในฤดูหนาวหม่น ผม..จะฟังเสียง นกไพรผกโผผิน บินออกจากรวงรังรัก...หาเหยื่อ ฟังเสียงปลากระโดดผึงงับเหยื่อ เหนือสายน้ำ เห็นเกล็ดขาว วะวาววับสะท้อนรับแดดอ่อนอ่อนอุ่นสีทอง ดู..เรียวบัว กางออกหยอกพร่าง น้ำค้างกลิ้งราวเพชรรุ้งพราย ค่อยๆกระจายหายวับ ไปกับเรียวแดดละอออุ่น.. ยามเย็น.. ตะวันลา ผมจะพายเรือ มาเก็บบัวบานไปถวายพระ และนาทีนั้น หัวใจผม จะฝันพร่างสว่างใจกลางบึงบัวหลากสีนั้น ดั่งภาพฝัน ในนิมิตร.. ราวโลกรายรอบอ้างว้าง ไม่มีใคร แสนสงบเงียบงัน เหมือน.. ผมหลงเข้าไปในแดนสวรรค์สุขาวดี ที่มีเพียงผมและความว่างเปล่า กับเงางามของดวงดอกบัวชูช่อโผล่กอพ้นน้ำ ที่งามสดสว่างไส วพ้นโคลนเลน เต่าตมจมใต้น้ำ ผม...จะค่อยๆเอนตัว ระนาบกับกราบเรือรับพร่างพรม ดอมดมหอมกลีบพร่างกลางเกสรบัว รับฉ่ำงาม.. ของสายลมสายน้ำ.. ที่แสนงามเงียบฉ่ำเย็น สงบซึ้งถึงดื่มด่ำล้ำลึก ในดวงใจในเนื้อใจ ราว... สายธารธรรม..ธรรมชาติ วาดเวิ้งใจ ให้ไหลเข้าสู่ห้วงหอมอนันตกาล อันหวานกว่าหวาน หอมกว่าหอม ฉ่ำๆลึกๆนึกนึกล้ำ..รำงับระกำ เหลือเพียงความว่างใจ..แทนที่ใจ.. ดวงใจดวงวิญญาณผม ผสานผสมเป็นหนึ่งเดียว กับมวลสรรพสิ่ง มีเพียงใจดวงนิ่ง หลอมรับงาม จากดนตรีธรรมชาติ จากเสียงนกไพรภายนอก ที่ยังร้องบอกราวย้ำเตือนว่า.. ผมยังมีชีพนี้ ยังมีดวงชีวีชีวา ยังมีลมหายใจ มิได้หลุดพ้นหลุดลอยไปไหน และทุกห้อมหอมห้วงในดวงใจ ยังเวียนวนไม่พ้นดงกรรม ในโลกอันแสนวายวุ่นสับสนนี้ ทั้งๆที่...หัวใจดวงดี ดวงแสนงามของผมนี้ หยุดครวญคร่ำพิร่ำพิไร มานานนักแล้ว และผม.. หยุดพักวางทุกเรื่องราวรัก มิว่าเศร้าหรือสุข ไว้ภายนอกร่างใจ มิรับขยะใจใดใดให้มาทำร้ายกรายกล้ำ เหลือเพียงจิตวิญญาณงามล้ำตามวิถี เพราะใจดวงนี้ ได้ดำรงร่าง ทำหน้าที่ทางโลกมานานพอแล้ว ชีวีที่เหลือ.. ขอพิงพักธรรมชาติงาม สรรสร้างรจนาฝัน ตามใจหนึ่งนี้ ที่คงเหลือคืนฝันวันหวานแสนสั้น คืนสู่โลกไม่นาน ............. ให้ดวงใจได้คืนงามนามธรรมะ คุ้มครองใจคุ้มครองโลก ลบโศกสุขทุกวิถีแด่ทุกผู้คน ทั้งกับเรานี้ และ กับผองเพื่อน ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้นทุกคนด้วยเถิดนะ ก็คงประเสริฐพอ ที่ได้มาก่อเกิดเป็นมนุษย์ผู้โชคดี ได้มาพบพระพุทธศาสนา มีดวงชีวีที่เพียรให้น้ำใจรัก ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มิสิ้นหวัง สิ้นหวาน ที่เพียรพยายามค้นหา เส้นทางใจเส้นทางจิตวิญญาณ พราวพร่างผ่องผุดพิสุทธิใจพิสุทธิ์งาม... ท่ามกลางสนธยาฟ้ามืด.. ผม... ได้ยินเสียง ระรินหลั่งของสายฝนพร่าง ลงกลางบึงบัวงาม ในยามวสันต์ลาฟ้าสะเทือน ในบางคืนค่ำ ร่างกายและเนื้อใจผม ราวดอกไม้สยายกลีบ รับหยาดละออละออง ของหยาดน้ำตานางฟ้าผู้แสนใจดี ที่แสนมีเมตตา กำลังพร่างสายละหลั่งริน ห่มว่าง ให้ยิ่งดายเดียวเปลี่ยวเหงา งามเงียบ...หนาวซ้ำ..ตอกย้ำใจ ผมแหงนเงยหน้าท้าหยาดฝน ลมบน กอบัวไหวเอนลู่ลม พระพิรุณ กำลังพร่างพรมห่มชะตาโลกสะเทือน น่าแปลกที่หยาดน้ำตาลูกผู้ชาย กำลังพร่างสายด้วยปิติ หลอมละลายหายไปกับสายวสันต์ลา ทิ้งโลกโศกสะเทือนเศร้า ทิ้งหยาดน้ำตาไว้เบื้องหลัง ......................... ผมค่อยๆพายเรือช้าช้า กลับเรือนรัง.. เสมือนดั่ง.... นกไพรกลับรังรวง...เดิม..ดายเดียว! ............................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html บ้านเรา บ้าน เรา แสน สุขใจ แม้จะอยู่ ที่ไหน ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา ด้วยพระบารมีล้นเกล้า คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์ รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง พริ้วแดดส่อง สดใส งามจับใจ มิใช่ฝัน ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น หอมทุกวัน ระบือ ไกล บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้ จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ ขอวานหน่อยได้ไหม ลอยล่องไป ยังบ้านเขา จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...
28 พฤษภาคม 2552 13:58 น. - comment id 991289
คุณ พุด ครับ มาอ่านงานงามยามใจใสสงบ เหมือนพานพบบุปผาปาริชาติฝัน ภาพและคำที่ร่ำร่ายหมายจาบัลย์ เธอกับฉันอ่านไปจับใจจัง จากนกไฟและใจหนึ่งซึ่งสถิตย์ ในดวงจิตตั้งมั่นสวรรค์หวัง หลับอยู่ในดวงไฟดุจในรัง ด้วยพลังได้เสริมเติมแต่งมา ในเวลาที่ว่ายฟ้ามาเกินฝัน ในวัยวันข้ามรุ้งแรงแสวงหา เหมือนได้ยินได้พบและสบตา กับแม่ย่านางทิพย์สรวงแห่งห้วงไพร เป็นเทพีในฝันอันแสนหวาน จนนกพาลร่านพะวงเกือบหลงไหล เกือบหมดเนื้อหมดตัวและหัวใจ ดีแต่ได้ทิพย์งามขำคอยพร่ำเตือน คงเพราะอยากนิยามหาความรัก ในใจภักดิ์ของนกไพรจึงไหลเลื่อน แต่เมื่อใจไหวพลางแม้ลางเลือน ก็อยากเอื้อนเอ่ยอยู่นะ ว่ารักนาง ด้วยผูกพัน ในวันใจมั่นคง ครับ
28 พฤษภาคม 2552 14:05 น. - comment id 991291
สวัสดีค่ะ อ่านแล้วจินตนาการภาพออกมาได้เลยค่ะ งดงามมากๆ เหมือนอยู่ในห้วงฝันเลยค่ะ
28 พฤษภาคม 2552 15:57 น. - comment id 991337
อ่านผลงานของพี่พุดทีไร ได้ตื่นตาตื่นใจทุกที ทั้งภาพประกอบ ทั้งบทกลอน และถ้อยคำบทบรรยาย อ่านแล้วจินตนาการโลดแล่นจริงๆค่ะ ขอบคุณกำลังใจดีๆจากพี่มากนะคะ เอิงก็จะขอเป็นกำลังใจให้พี่ตลอดเช่นกันค่ะ เอิงดีใจจังเลยที่มีพี่สาวที่น่ารักอย่างนี้
28 พฤษภาคม 2552 17:03 น. - comment id 991394
ในความรักความศรัทธาค่ายิ่งใหญ่ รวมหล่อหลอมหฤทัยให้หอมหวาน เก็บกักรักแนบนวลใจไว้แสนนาน ความทนทุกข์ทรมานซึมซ่านฤดี จะมีใครไหนเล่าหนีหนี้ใจพ้น ท่ามกมลจ่มจ่อมเวิ้งฟากฝันนี้ ยังเวียนว่ายเวิ้งวังวนชลนที จะหลีกลี้หนีหนี้รักได้อย่างไร จึงได้เรียนเพียรเพรงพร่ำรำบำโลก เรียนซึมซับทั้งสุขโศกโลกหมองไหม้ เฝ้าบำรุงปรุงปลอบปลุกนวลเนื้อใย ให้สว่างวาดวิไลให้ยืนยง อ่านลำนำร้อยเรียงรสพจนา พี่พุดไพรสาวบ้านนางามระหงษ์ รำบำไพรเพรงพนาริมป่าดง ระรินร่ำรามณรงค์ลงอิ่มเอม สวัสดีค่ะ พี่พุด ไม่ว่าดอกบัวจะอยู่ที่หัวใจน้องคนจะโผกผิน มาหาพี่พุดเสมอๆค่ะ
28 พฤษภาคม 2552 21:04 น. - comment id 991539
ร่ายรจนาเรื่องรักสักหนึ่งบท ฝากงามงดจากใจดวงอรชรหวาน ให้ทุกชีวาชีวิตได้เบิกบาน เปรียบประมาณโลกนี้มีเพียงเรา เธอรักฉันฉันรักเธอเพ้อเพ้อว่า ปรารถนารัดรึงใจจักไม่เหงา เป็นคู่ขวัญเคียงกันประดุจเงา ตราบนานเนานิรันดร์สวรรค์รอ ทุกจิตคิดมั่นหมายใช่เช่นนั้น พรายพราวจันทร์ดาวดวงร่วงสู่หอ โลกแสนหวานปานน้ำผึ้งยามพะนอ โอ้ละหนอไม่นานนักภักดิ์พรากลา ต่างลืมวันลืมชื่นในคืนแรก สู่ทางแยกแรมร้างเสน่หา น้ำผึ้งพิษหลงจารจิบพร่าชีวา เพียงพริบตามายาสุขทุกข์ไม่รู้จบทบทวี ..! รจนาพิเศษพิสุทธิ์ แด่น้องๆที่ยังจำต้องเรียนรู้ รักให้เป็นรักให้เย็นใสงามค่ะ นะคะ .. เพื่อข้ามพ้น ไม่เฝ้าค้นหาความสมบูรณ์แบบ จากผู้เป็นที่รักรักรัก กระซิบบอกน้องๆ ในงานรักรจนาแทบทุกเรื่องว่า หากจะรัก.. *ต้องลืมคำว่าเสียใจ* และ... หากรักใคร จงอย่าไปคาดหวัง อย่ารับเอาเพียงส่วนดีของเขาของเธอ ต้องรับได้ทั้งสิ้นทั้งหมดใน ชีวินชีวิตจิตวิญญาณเขาค่ะ และ อีกมากมายที่พี่พุดฝากไว้ในงาน ลองหาอ่านในหน้ากล่องเก็บรัก ของพี่พุดในหน้าส่วนตัวนะคะ ..................... และ.. แด่.. น้องsomebody ... น้องที่เข้าใจสิ่งที่พี่พุดเพียรสื่อเสมอมา น้องดอกบัว.... น้องที่งดงามเสมือนนามน้องเลยค่ะ น้องDaRk_LoRd ... คนนี้มาแรงวันนี้แชทกับพี่พุดคีย์กันระวิงค่ะ ............................ และ แน่นอนค่ะ น้องชายที่รักทุกๆสุภาพบุรุษ ที่.. ยังเพียรเสาะแสวงหาน้ำผึ้งหวาน ประมาณภู่ผึ้งที่ยังอยากคลึงเคล้าเกสรสุมาลี หมายปลอบประโลมค่ะ.... โชคดีในความรัก...ค่ะ... จากใจ พี่พุดไพร พี่สาวนา .............................. ......................................