http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song302.html สายชล กลีบดอกไม้ร่วงรายริมกระท่อม โชยหอมให้อวลนวลรู้สึก กระซิบสอนสภาวธรรมแสนล้ำลึก ในมโนนึกตราบชีพนี้มีชีวา พรายร่วงปลิดปรอยอย่างอ้อยอิ่ง ค่อยค่อยทิ้งจากต้นราวอ่อนล้า ผ่านผลิช่อกองามกับกาลเวลา ฝากลีลาซบหล้าค่าเพียงดิน อย่างแช่มช้อยในแสงตะวันรอน ออดอ้อนเจ้านกไพรในถวิล จากดอกเยาว์ผ่านวัยวันมิรู้สิ้น ดั่งสายธารระรินไม่หวนคืน พลีบูชาแด่ฟ้าดินให้ชีวิต เพื่อสนิทพระพุทธาอย่างผู้ตื่น เบิกบานประดับโลกมิยาวยืน ให้หอมชื่นเพียงพริบฝันพลันพรากลา..!
26 พฤษภาคม 2552 20:46 น. - comment id 990341
คุณ พุด ครับ เอา At the horizon มาฝาก ครับ ................. กลีบดอกไม้ร่ายกลีบรีบจรจาก การปลิดพรากจึงนิยามตามที่เห็น ไม่เที่ยงแท้แม้นิยามตามที่เป็น มิอาจเห็นสิ่งใดได้ยืนยง เพียงยลงามทรามสงวนกลีบนวลผ่อง พอฟ้าล่องแดดดับก็ลับหลง ราตรีหอมพะยอมกลิ่นระรินดง มาปลิวปลงยามสายปรายรอบลาน แม้เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้ชม ก็สุดสมแช่มอุราว่าหอมหวาน ในว่ายวนชีวิตและวิญญาณ หนทางปราณเวียนวกโลกที่มี ดังนกไพรว่ายฟ้ามายาฝัน สู่เส้นกั้นขอบฟ้ามายาสี แสดส้มเหลืองเรื่อแดงแต่งนานปี ก่อนทุกสีจะสลายกลายเป็นดำ รู้เท่ารู้อยู่ว่ามายาภาพ ที่เอิบอาบและผ่านมานานล้ำ มาเพื่อมาปลุกปลอบและตอบคำ งามลึกล้ำไม่จีรัง..หากยั่งยืน งามลึกล้ำไม่จีรัง..หากยั่งยืน...ดุจนิรันดร์ ....................... ด้วยผูกพัน
26 พฤษภาคม 2552 21:24 น. - comment id 990368
พุดเพิ่งกลับจากงานพรากลานิรันดร์ ศาลาสองศาลาตรงข้ามกัน ศาลาหนึ่งอายุ100 ปี อีกศาลาอายุ17 ปี ความรู้สึกของพุดคือนี่คือโลกที่ไม่เที่ยงเลยค่ะ ฝากให้ทุกดวงใจและ คุณคนกุลาอ่านผลงาน คือรัก..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song302.html (สายชล) มิใช่..น้ำผึ้ง..หากเป็นเช่นน้ำอมฤต หยาดให้จิบดั่งน้ำค้างอนันต์ค่า คือน้ำใจใสงามเนิ่นนานมา คือน้ำตาแห่งปิติพลีแด่กัน จากใจทองครองขันธ์อันวางว่าง เพียงแผ้วถางทางเหนือโลกย์ลบโศกศัลย์ ถือเป็นโชคโลกเมตตามาพบกัน ดั่งคู่ขวัญคู่บุญสร้างทุนทาน ในเส้นทางเลือกเคียงเลี่ยงกิเลส รู้ดับเหตุแห่งทุกข์สุขแสนหวาน รสใดเล่าจักคงอยู่นิรันดร์กาล เท่าสายธารธรรมธาราสัจจะรัก วันเวลามิประมาทอาจเช่นนั้น จึงฝ่าดั้นคว้าดาวแม้นหนาวนัก มาหว่านโปรยประดับใจทุกที่รัก ให้ประจักษ์แด่ผองชนคนร่วมชะตา เจ็บแลตายคล้ายเส้นทางยากเลี่ยงหลบ ตะวันพลบรอชีพดับไปกับหล้า มากผู้คนเวียนว่ายทะเลน้ำตา สูญเวลาไปชั่วกาลหวานวัฎวน สู่เส้นทางสายสงบพบกระจ่าง สุขในว่างสุขนิรันดร์ฝันเพียรพ้น ดั่งบัวบานเหนือน้ำค่าเหนือคน กลางกมลดอกบุญบานตระการใจ ฝันพาจิตลอยล่องท่องนทีทิพย์ ข้ามสีทันดรไกลลิบสู่สวรรค์ไสว ปาริชาติบานรอรับขวัญนะดวงใจ คือยิ่งใหญ่เหนือชีพชนม์สั้นวันมรณาในโลกามนุษย์..! .............. คำพระสอน แสงสว่างหรือแสงอาทิตย์นั้นทำให้เราเห็นชีวิตที่แท้จริง ได้อย่างไร ท่านจ้อย หรือพระมณเฑียร มนทิโร แห่งสวนโมกข์ ตั้งคำถาม ในคืน สวดอภิธรรมของ โกศล กลมกล่อม และแฟนสาวผู้ลาลับ มนุษย์หลายคนกลัวว่าตัวเองจะไม่มีเงา แต่เมื่อถูกแสงสว่างหรือแสง อาทิตย์ เงาเริ่มถูกทอดออกไปเป็นทางยาวหรือสายยาว นั่นทำให้เรา เห็นชีวิตในตัวเราอันแท้จริง เห็นความรู้สึกอันแท้จริง หลายคนนอนหลับอยู่ ไม่มีเงาแต่ยังไม่ตาย มีความรู้สึกว่าพรุ่งนี้ต้อง ทำหน้าที่ต่อ ทำชีวิตให้มีคุณและค่าต่อไป ยังไม่ตาย แต่หยุดการปรุง แต่ง เรามีการพักผ่อน เราหยุดการคิด หยุดการพิจารณาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วหลับอย่างมีความสุข และพรุ่งนี้ต้องตื่นมาอีก ถ้าใครหลายคนคิด ว่าพรุ่งนี้จะไม่ตื่น ท่านจะหลับตาลงไหม แต่ถ้าคิดว่าพรุ่งนี้ไม่แน่อาจ จะไม่ตื่น ผู้นั้นมีพระธรรมพระพุทธเจ้าอยู่เต็มหัวใจ ลองคิดดูนะ ว่า ต้องไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทในวัย ไม่ประมาทในเวลา ทำให้ ถึงที่สุด ให้ดีถึงที่สุด แล้วนอนหลับอย่างดีที่สุด ท่านจ้อย เทศนาถึงการเกิดขึ้นแห่งธรรมชาติล้วนๆ การสืบสานต่อ แห่งสังขารล้วนๆ พร้อมยกประโยคที่ท่านพุทธทาสเขียนไว้ว่า ใดๆ ในโลกล้วนแต่สิ่งสมมุติ (วิมุตติ) มิใช่เรา มิใช่ท่าน มิใช่การอยู่ มิใช่ อะไรทั้งสิ้น นี่คือธรรมชาติแห่งนิพพานของสากลจักรวาล นิพพานคือ ความถูกต้อง วิมุตติคือความถูกต้อง ความตาย จึงมิใช่การจาก หรือการพลัดพราก เป็นเพียงการทำ หน้าที่เท่านั้น ในวันนี้ ท่านทั้งหลายและอาตมามาเจอกันด้วยเวลา แต่เป็นเวลาแห่ง การสูญเสีย ทุกคนไม่อยากให้เวลานี้เกิดขึ้น ไม่อยากให้เวลานี้มาถึง แต่ใครล่ะจะห้ามได้ แล้วท่านมองดูต่อ ถ้าเราบอกว่า หลายคนเคยรู้ ไหมว่า ท่านทั้งหลายในจิตใจท่านมีอะไรบ้าง ที่ท่านคุมไม่ได้ ท่านรู้สึก ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือการปรุงแต่งของสังขารล้วนๆ ในภาวะ ของอารมณ์ทั้ง 6 นี่คือ 6 ทางแห่งเงาตัวเอง อย่าให้สะท้อนออกไปสู่ ภายนอก ความรักก็ดี ความโกรธ ความเกลียด ความหึง ความหวง เคียดแค้นอาฆาตพยาบาทก็ดี เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ในเงาท่าน อยู่ในบ้าน น้อยๆ ของท่านนี้ การที่จะคุมอารมณ์ทั้ง 6 นั้นได้ ท่านจ้อยบอกว่า ต้องใช้วิธี เอาความสงบสยบความเคลื่อนไหว ความสงบสยบอะไร สยบเงาที่จะออกไปตีโพยตีพาย สงบเงาตัว เองที่จะออกไปสร้างปัญหาของสังคม สร้างปัญหาของครอบครัว ให้พ่อ แม่ต้องน้ำตาไหล ให้พี่น้องต้องเดือดเนื้อร้อนใจ นี่คือเอาความสงบ สยบเงาตัวเอง แล้วท่านจะมีความสุข บ้านที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่มี ความสุขตามอัตภาพที่เราอยู่ได้ ท่านจะรู้สึกว่าไม่มีตัวฉัน ในที่สุดแล้ว ฉันก็ไม่มี ผู้ใดเห็นอยู่อย่างนี้ ความกลัวไม่ปรากฏแก่ผู้นั้น ความกลัวของมนุษย์คือ ความตาย และ ความพลัดพราก พระ พุทธเจ้าตรัสไว้ว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีความกลัวเป็นธรรมดา (กลัว ตายมากที่สุด) ถ้าไม่มีฉันก็จะไม่มีเงา เมื่อไม่มีเงา ความตายก็จะทำ อะไรท่านไม่ได้ มัจจุราชก็จะตามหาท่านไม่พบ สรุปแล้วมนุษย์เหนือกว่าสิ่งใดในโลกนี้ แม้แต่เทวดายังอยากเกิดเป็น มนุษย์เลย เพราะว่ามนุษย์นั้นสำเร็จพระอรหันต์ได้ มนุษย์สำเร็จโสดา 4 ขั้นได้ เทวดาได้แต่เหาะไปมาจนสับสนวุ่นวาย แต่มนุษย์รู้ชีวิต เห็น ความทุกข์ เห็นชีวิตอันแท้จริง และเริ่มเรียนรู้ตัวเอง ควบคุมเงาตัวเอง ให้อยู่ในความสุข ความสงบ ท่านจ้อย ฝากข้อคิดเตือนใจ เราทุกคนคือแขกผู้แปลกหน้า เราเยี่ยมเยือนโลกามิช้านาน เราแสดงบทบาทที่ขาดเกิน เราเพลิดเพลินพลัดพรากตายจากไป เราทุกคนคือแขกผู้แปลกถิ่น จงถวิลเตือนจิตเป็นนิสัย จงเป็นแขกที่ดีมีน้ำใจ จงยับยั้งระวังระไวในชีวิต จงอ่อนน้อมถ่อมตนทุกหนแห่ง จงสำแดง กาย วจี ไมตรีจิต จงยิ้มแย้มแจ่มใสดับไฟพิษ ทำ พูด คิด สิ่งใดเกรงใจคน ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song302.html สายชล ..จันทนีย์ อุนากูล เหม่อมองดูสาย น้ำ วน เหม่อมองสายชล ที่ไหล ริน เหม่อมองดูนก ผก ผิน บินลับ ไป ยาม เหงา เราถอนใจ บิน ไป ไม่กลับ มา เปล่าเปลี่ยวจริงหนอ หัว ใจ อยากจะรักใคร เศร้าใจทุกครา หมดแรงกำลัง อ่อน ล้า และหลง ทาง เจ็บ นั้น ยังเจ็บไม่จาง อ้าง ว้าง ดังสาย ชล แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดคิด อดีต ช่างงามล้ำล้น มิเคยลืม ภาพเราสองคน มิเคยลืม ยังหลอกลวงตน มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอ สาย ชล หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอ สาย ชล หลั่งรินไหลวน มาพานพบเจอ เหตุการณ์ผ่านไป ยัง เพ้อ พะวงทุกวัน อก เอ๋ย ขมขื่นตื้นตัน จาก กัน หรือฝัน ไป...
26 พฤษภาคม 2552 21:43 น. - comment id 990373
คุณ พุด ครับ เพราะไม่ทราบว่าคุณ พุด เพิ่งกลับจากงานลาจากตราบนิรันดร์ จึงตอบคำไปตามปกติ หากเห็นว่าไม่เหมาะสม เช่นไร ผมก็ขออภัย ด้วย ครับ เพราะหากทราบ คงจะไม่รีบตอบคำจนเร็วเกิน ไป ขออภัยนะครับ ......
26 พฤษภาคม 2552 22:12 น. - comment id 990410
คุณคนกุลาคะ ไม่ต้องคิดมากค่ะ พุดไม่รู้จักอีกศาลาหนึ่ง และ อีกศาลาที่ไปก็ไม่ใช่คนในครอบครัวดอกค่ะ ตามสบายนะคะ งานนี้พุดรจนาไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วค่ะ
26 พฤษภาคม 2552 22:38 น. - comment id 990421
ขอบคุณ ที่ไม่ถือสา ครับ สัปดาห์นี้ ที่จริงผมเองก็มีผู้ อันเป็นที่เคารพ ก็ลาลับล่วงไปท่านหนึ่งเช่นเดียวกัน เคยร่วมทำงานกับท่านเมื่อผม จบการศึกษามาใหม่ๆ พักหลังท่านสุขภาพไม่ค่อยดี เพราะชราภาพ เราจึงไม่ค่อยได้พบกัน ค่อนข้างนาน มาทราบข่าวอีกครั้งก็ทราบ ว่า ท่านได้ล่วงแล้วสู่สุขคติ สัมปรายภพ ท่านชื่อ ดร.นิพนธ์ ศศิธร เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงการศึกษาเมื่อ 20 กว่าปี ก่อน ผมก็เห็นเหมือนคุณ พุด นะครับ ว่า โลกนี้ไม่เที่ยงแท้ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันขณะคือความจริงที่ เผชิญหน้าเราอยู่ เราไม่ทราบดอกว่า พรุ่งนี้เราจะเป็นเช่นไร เราอาจจะหลับไปจนนิรันดร์ หรือจะตื่นขึ้นมาพบสายหมอกยามเช้าอีกหรือไม่ แต่สิ่งที่เราพบเห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นความจริงแน่นอนงามคืองาม ดีคือดี ชีวิตที่แท้แล้วไม่ใช่อะไรอื่น หากคือหนทางไปสู่ความตาย เพียงแค่นั้น แต่หนทางจากครร๓มารดาสู่เชิงตะกอนเราก็พบเห็นความดีและความงามมากมาย ที่เรารับทราบ รับรู้และเสพย์สม กระทั่งที่เราสรรค์สร้างและมอบให้แก่โลกได้ ชิวิตไม่จีรัง ความตายหากแน่นอน ครั้งหนึ่งตอนบวชอยู่ พระอาจารย์ท่านให้ฝึกไปนั่ง เดินในศาลาวางศพ เพียงคนเดียวยามค่ำคืน กลัวก็กลัวแทบคุมสติไม่อยู่ยามไปลูบไล้แท่นวางสำหรับสวดศพ ยามลูบไล้รถบรรทุกศพก่อนนำขึ้นเมรุ แต่ความกลัวทั้งหลายพลันสงบเมื่อเรา พิจารณาให้เห็น รู้และเข้าใจว่าชีวิตคือว่ายวนแห่งวิถีกรรม เรากลัวเขาเหล่านั้น เพราะเขาตายก่อนเรา นะ ปัจจุบันขณะ แล้วในอีกกี่ภพ หลายชาติละ เราก็อาจตายก่อนพวกเขามาซ้ำนานนับโกฏิกัปป์ แสนกัลป์ เข้าใจและรู้เช่นนั้น ความกลัวก็หายไป จึงได้เข้าจำวัด ตอบมาเสียยาว ถือว่าเล่าประสบการณ์สู่กันฟังนะครับ ด้วยผูกพัน ครับ คุณ พุด
27 พฤษภาคม 2552 08:05 น. - comment id 990527
การจากลา..อาจจะดูเหมือนสิ้นสุด แต่แท้จริงแล้ว มันคือ จุดเริ่มต้นของคนที่ยังอยู่ ....เป็นกำลังใจให้นะคะพี่ฯ
27 พฤษภาคม 2552 08:36 น. - comment id 990555
27 พฤษภาคม 2552 09:05 น. - comment id 990577
27 พฤษภาคม 2552 09:13 น. - comment id 990584
สวยและสดชื่นค่ะ
27 พฤษภาคม 2552 10:44 น. - comment id 990612
สวัสดีค่ะพี่พุด.....
27 พฤษภาคม 2552 15:13 น. - comment id 990754
ฝากไว้ในงาน คำดีดี ที่ไม่แพ้ แด่น้องพิมญดานารี..ในดวงใจพี่พุด บทนี้น้องรจนาได้งามจิต งามใจมากค่ะ เสน่ห์ของมนุษย์ อยู่ที่น้ำค้างคำน้ำใจเมตตา รักปรารถนาดี พลีเอื้อโอบแด่กันค่ะคนดี รู้..... อ่อนน้อมถ่อมตน รักอภัยกรุณา ..................... พี่พุดขอมอบเพลง *หนึ่งในร้อย*แ ด่ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย เรือนทอง ณ ที่แห่งนี้นะคะ ที่พวกเราได้มาฝากฝันฝากใจ ฝากสายใยผูกพันกันแม้นมิจำต้องพบหน้า ก็จักตราจำไว้ในดวงจิต ชื่นชีวิตนิจนิรันดรแล้วค่ะ ให้หอมงามในดวงชีวา รู้ค่าของผู้เป็นที่รักนะคะ ดับโลกแล้งไร้ให้หอมกรุ่น อย่างผู้ที่มีบทกวีในดวงใจ อย่างละไมละเมียดละมุนค่ะ และ พิเศษพิสุทธิ์สำหรับน้อง พิมญดานารี ผู้มีหัวใจแก้วของพี่พุดค่ะ รักอย่างมากมาย และ *สวัสดี*ค่ะน้อง *ขอบคุณ*สำหรับงานงาม คง*ไม่เป็นไร*นะหากพี่พุดไม่ค่อย ได้แสดงความคิดเห็นมากมาย อย่างสายใจนึก..ค่ะคนดี.... ..................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html หนึ่งในร้อย พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง ความ ดี คนเรานี่ ดีใด ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง... >
27 พฤษภาคม 2552 15:26 น. - comment id 990768
น้องโคลอน..... พี่พุดอาจจะคิดถึงคำมรณานุสติมากไป ใจพี่พุดจึ่งมักให้อภัยรักเมตตา ทุกชีวาชีวิต มากผิดปกติ ในขณะที่ชีพชื่นนี้เรายังมี โอกาสฝากความงามความดี พลีไว้แด่โลกและผู้เป็นที่รัก การเป็นผู้ให้ จะยิ่งได้เสมอไปค่ะ พี่พุดให้ทางขึ้นวัด หรือสำนักวิปัสสนา คิดเป็นเงินหากขายไปให้คนอื่อนนะ สามล้านบาทค่ะ หรือใกล้เคียงประมาณนั้น หลังจากนั้นไม่นาน พี่พุดได้เงินมาล้านหนึ่ง จากเสี้ยวที่ดินเล็กๆที่น้องคนหนึ่งมาวอนขอซื้อบอกว่าฝันว่าพี่พุดให้แหวนเพชร เพราะรู้ว่าพี่พุดจะไม่อยากขายที่ดิน ในผืนดินเกิดหากไม่จำเป็น โดยไม่น่าเชื่อ... และที่ดินที่เหลือก็ยังมีมูลค่ามากมาย นี่คือสิ่งที่ไม่ค่อยได้เล่าบอกใคร หากหวังจักเป็นศรัทธาใจ แด่ชีวิตทุกผู้ ที่หวังสะสมเสบียงบุญ นะคะ เมื่อวานพระเทศน์จับใจมากค่ะ ชีวิตไม่รุวันไหนจำพรากลา ใครที่ไม่รักพี่พุดรีบรักเร็วๆเข้าค่ะ% ด้วยรักนะคะน้องรัก36%
27 พฤษภาคม 2552 15:32 น. - comment id 990774
น้องกานต์...แปลว่าผู้เป็นที่รัก พี่พุด รักน้องเหลือใจค่ะ ไม่กล่าวอะไรมาก ด้วยซาบซึ้งน้ำคำน้ำใจน้อง ดั่งหยาดฝนรินมาพร่างพรม ในนวลใจพี่พุด อย่างไม่เลือกฤดูกาลค่ะน้องรัก.. และ.. ด้วยใจรักปรารถนาดี วอนไหว้ฟ้าดิน ให้น้องได้พบสุขนิรันดร์ ด้วยตัวเองค่ะ นะคะ
27 พฤษภาคม 2552 15:41 น. - comment id 990777
ด้วยดวงใจแสนซึ้งศรัทธารัก อย่างมากมาย แด่... คุณครูกระดาษทราย ที่หมายขัดถูลอกปอกเปลือกให้นักเรียน ได้มีจิตดวงใสใจดวงงาม สมกับที่มีบุญ ได้เกิดมาในท่ามสวรรค์พุทธภูมิ ใต้ร่มรัตน์ฉัตรธรรม ใต้ร่มเพชรแห่งมหาบรมราชจักรีวงค์ ที่ทุกพระองค์ ทรงมีน้ำพระทัยดั่งหยาดเพชรร่วง พลีแด่ปวงพสกนิกรลเลยค่ะ พุดรจนางานงาม แสดงมุทิตาอย่างข้าแผ่นดิน ด้วยความจงรัก ไว้อย่างมากมาย ทั้งในนามสาวบ้านนา และพุดพัดชาค่ะ อลงอ่านดูนะคะ ด้วยชื่นชม
27 พฤษภาคม 2552 15:50 น. - comment id 990779
น้องwhitelily .... แม่ดวงดอกไม้แสนมงคล แสนหอมงาม ในยามภักดิ์ ให้เจ้าสาวได้ซึ้งประจักษ์ ยามถือเดินเคียงคู่กันไป ในวันวิวาห์หวานค่ะ ให้น้องจงจักงดงามดั่งนาม ดวงดอกไม้ที่ให้หอมนานนวลเนานิรันดร ในฝันในใจทุกผู้ที่เป็นที่รักค่ะคนดี
27 พฤษภาคม 2552 18:35 น. - comment id 990828
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
28 พฤษภาคม 2552 11:49 น. - comment id 991175
สวัสดีค่ะ การลาจาก จากลา และพลัดพราก เป็นสิ่งที่เจ็บปวดเสมอเลยค่ะ แม้ไม่อยากจะสัมผัสแต่ทุกคนก็ต้องได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดใดก็ตาม เมื่อมนุษย์เรายังคงมีความผูกพัน การลาจาก จากลา และพลัดพราก ก็ย่อมทำให้เจ็บปวดเสมอค่ะ ความเป็นจริงในชีวิต มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิด และมากกว่าที่เราเห็น ทั้งละเอียดอ่อนและซับซ้อน เวลาทั้งชีวิตเราเองก็ไม่สามารถที่จะ เรียนรู้ได้หมดค่ะ