เจ้าขมิ้นไพร..ในไร่รัก...!

พุด


อรุณเรื่อในสายหมอกหยอกภูเขา
ท่ามลำเนางามเงียบแสนเรียบง่าย
แม้นอาจดูไร้วัตถุสุขสบาย
กลับไม่ทุรนทุรายในกรุงกรง
เสมือนนกไพรใจอิสรา
บินทายท้าพายุใจเลิกลุ่มหลง
แม้นดายเดียวลำพังในป่าดง
สักวันคงมีรวงรังฝังฝากใจ
ให้แมกไม้สายธารสอนดวงจิต
ว่าชีวิตแท้เที่ยงคือสิ่งไหน
ไขว่คว้าฝันใกล้วันพรากจำจากไกล
หารู้ไม่แท้ทุกสิ่งยิ่งวกวน
กี่กัปป์กาลเวียนว่ายชดใช้หนี้
สิ่งแสนดีฝากบัญชีบุญกุศล
เลิกยึดมั่นปล่อยวางในตัวตน
ค่าของคนสร้างอัญมณีใจแสนใสงาม....!
................................................
นกเป็นเสียงนาฬิกาว่าเช้าแล้ว
พวงดอกแก้วร่วงพรูคู่ฟ้าสาง
เสียงไก่ขันกระชั้นถี่บนลานกว้าง
โลกสว่างดาวแขวนฟ้าราตรีนวล..
รับอรุณกับราตรีที่หอมเศร้า
หอมข้าวเช้าตัดใบตองร่องท้ายสวน
โรยมะลิในขันข้าวขาวใจนวล
ผลไม้สวนเอื้อมเด็ดมาใส่ตะกร้างาม
นุ่งผ้าซิ่นผืนสวยลายดอกไม้
ริมแก้มซ้ายทัดลั่นทมให้วาบหวาม
เด็ดดอกไม้รายรอบสวนผูกช่องาม
อธิษฐานตามงามใจละไมละมุน..
พระ.พายเรือ  มารอ รับบิณฑบาตร
ขอทุกชาติสร้างผลบุญได้เกื้อหนุน
เป็นสาวนารักสายธารหวานดอกไม้หอมละมุน
ตราบโลกหมุนสร้างศรัทธา
พาดวงใจพบสุขจริง...พบสุขใจ....!
....................................


จากผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งหลงรักป่ารักภูเขา รักดอกไม้
รักสายธาร รักท้องฟ้า รักไก่ป่า 
รักลำคลอง ท้องร่องสวน
รักกล้วยกอ รักดอกบัวบูชา
 รักรักรักและรักรจนางานหวานหอม
ให้หลอมละลายทุกดวงใจในร่มรักค่ะ..
..................................

ขมิ้นเมือง!

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song363.html
บทรำพึงถึงขมิ้นไพร....
ให้ดวงใจเหลืองอ่อนผ่องผุดพราวละมุน..
ดั่ง.....
*ดวงดอกบัวทองผ่องพุทธ*
บานนะกลางใจ..ไยเล่าใจเอ๋ยเอยใจ!
นวล..กำลังฟังเพลงนี้
ในค่ำคืนนี้กับฝนที่ฉ่ำฟ้า
กับน้ำตาที่ระรินหลั่ง
ที่ขอพลีบรรณาการ
แด่มวลมนุษย์ที่กำลังดิ้นรนเดียวดาย
ในท่ามกลางโลกแล้งไร้และในน้ำใจแล้งสิ้น..


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song363.html
นกขมิ้น 
ค่ำ คืน ฉันยืนอยู่เดียว ดาย
เหลียว มอง รอบ กาย มิวายจะหวาด กลัว
มอง นภา มืด มัว สลัว เย็นย่ำ
ค่ำ คืนเอ๋ย ฮึม
ยามนภาลับไป ใกล้ ค่ำ ยินเสียงร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย เจ้า ดอก ขจร
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน 
ค่ำแล้ว จะนอน ไหน เอย
เอ๋ยเล่า นก เอย
อก ฉัน ทุกวันเฝ้าอาวรณ์
เหมือน คนพเน จร ฉันนอนไม่หลับ เลย
หนาว พระพาย พัดเชย อกเอ๋ย หนาว สั่น
สุดบั่น ทอน ฮือ
ยามนี้เราหลงทาง กลาง ค่ำ
ยินเสียงร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร ฉัน ร่อนเร่ พเน-จร
ไม่ รู้จะนอน ไหน เอย เอ๋ยโอ้ หัวอก เอย
บ้าน ใด หรือใครจะเอ็นดู
รับ รอง อุ้ม ชู เลี้ยงดูให้หลับ นอน
นกขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำไหน นอน นั่น
อก ฉันหมอง ฮือ
ทนระกำช้ำใจ ยามค่ำ ยินเสียงร่ำ น้ำตก
โอ้ หัวอก เอ๋ย โอ้ อก อาวรณ์
ฉัน ไร้คู่ ร่วม คอน ต้องฝืนนอน หนาว เอย
เอ๋ยโอ้ หัวอก เอย
เหม่อ มอง หมายปองก็แล เห็น
หวิว ใน ใจ เต้น เหมือนเป็นเพียงแต่ มอง
เหมือน พบรัก จะครอง แต่หมอง เกรง ที่
หวั่นจะมี เจ้าของ ฮือ
ฟังสำเนียงเสียงเพลง ครวญค่ำ
ใครหนอร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้า ดอก ขจร นกขมิ้น เหลือง อ่อน
ค่ำ นี้ จะนอน ไหนเอย เอ๋ย นอน นี่ เอย...
............................


เย็นมากแล้ว
กับมากมายผู้คน..
ที่ราวนกกลับรัง
ผึ้งแตกรวง
บนถนนสายเศร้า
สายดายเดียวในทางจิตวิญญาณ
ในความรู้สึกล้ำลึกคะนึงนึกในใจนวล..


โลกนี้..ช่างมากมีมากมายมนุษย์เสียนี้กระไร
ที่ต่างก็พากันมีโชคได้มาเกิดกาย
มาชดใช้กรรมเก่า
มาค้นพบเงากรรม
มาร่ายรำบทเพลงเดิมเติมทุกข์ต่อ


มาก่อบุญกุศลใหม่
มาพลีใจพลีจิตพบพระพุทธศาสนา
มาสร้างความว่างอันเป็นนิรันดร์
มาใฝ่ฝัน
รู้รักเมตตาเสียสละฝึกการให้ไร้ร้องขอ
รู้พอเพียงเพียงพอสมถะเงียบงาม
ใต้ร่มธรรมร่มทอง
ใต้ร่มฉัตรแก้วของผืนดินแผ่นดิน
อันแสนร่มเย็นเป็นสุข
อย่างหาคำเปรียบประมาณมิได้


หากดวงตาเห็นธรรม
ดวงใจเห็นความไม่เที่ยง
เห็นเส้นทางแท้ทางทองทางธรรม
ที่จะเลี่ยงหลบ
มิพบทุกข์มิพบรักอันหนักราวศิลา
จากกิเลสในโลกหล้าอันมากมายสุดพรรณา
ที่พากันมายั่วยุให้ใหลหลงพะวงหามิรู้สิ้นรู้จบ
ให้ต้องมาพบเจอให้ต้องมาเพ้อระทม
ให้มาดิ้นรนสับสนวนว่ายว่อง
เต็มไปทั้งท้องทะเลโลกย์ทะเลใจ


เรือเอ๋ยเรือมนุษย์
มิรู้สิ้นสุดหวังพบฝั่งฝัน
พบพลังเกษมนิจนิรันดร์เมื่อใดเล่าหนอ
หาก..
มิเพียรพาพายว่ายด้วยน้ำใจใสงาม
ไหว้ด้วยดวงดอกความดี
พลีน้อมจิตให้หยุดคิดหยุดเศร้าเหงาดายเดียว
หยุดเหลียวมองหาน้ำใจ
หยุดไม่คาดหวัง
หยุดหลั่งน้ำตาระรินยามพบความเห็นแก่ตัว


หยุดนิ่ง
และก้าวเดินตรงไปในเส้นทางข้างหน้า
สอนชีวาให้รู้ว่า
นับวันจะพบมากมีคนที่ใจดวงดีไร้ละมุนจริง
มีแต่ยิ่งทำร้ายกันด้วยกายวาจาใจเชือดเฉือน
ไม่เห็นค่าความดีงาม
มีแต่แล้งไร้น้ำใจ
ไม่มีแม้น้ำคำอันน่าจะพร่ำหอมห่ม


โอ้
หัวใจคนเอ๋ยคน..
เจ้านกขมิ้นไพร..ขมิ้นเมือง
ไยให้โลกปลอมปนแปดเปื้อน
มิเหลืองอ่อนละมุน...
ให้โลกเมืองย้อมดลกระหน่ำใจเจ้า
ให้เหลืองกระดำกระด่าง
ไร้สีพราวพร่างพิสุทธิ์ใส
ไร้สิ้นปรานีผู้ใดเล่า.
ให้ปีกงามพราว
เพียงภายนอกดอกละหรือไร..ใจเจ้าเอ๋ยเอย..!
...........................
				
comments powered by Disqus
  • คนกุลา

    23 พฤษภาคม 2552 17:49 น. - comment id 989022

    1.gif36.gif16.gif
  • คนกุลา

    23 พฤษภาคม 2552 19:34 น. - comment id 989040

    เพราะนกไพร บอกให้ไปบอกข่าวจากขอบฟ้า
    มาหานวล เป็นข่าวที่เจ้านกไพรบินเร่พเนจร
    สู่เส้นทางและแดนอัสดงและอรุณรุ่งที่เส้นขอบฟ้า จึงเพิ่งมาทักทาย เจ้าขมิ้นไพรในไร่รัก
    
    ครับ 
    
    ด้วยความผูกพัน
    
    36.gif1.gif16.gif
  • พุด

    20 สิงหาคม 2552 11:31 น. - comment id 989181

    one way ticket 
    
    แทนน้ำคำน้ำใจที่มอบให้ค่ะ 
    พุด 23 พ.ค. 52 - 22:35 IP 116.58.231.242 
     
    36.gif
  • นรศิริ

    24 พฤษภาคม 2552 20:14 น. - comment id 989461

    คุณพุดคะ ขอบคุณค่ะที่เขียนบทกลอนซึ่งโดนใจถึงเพียงนี้ ทำให้รำลึกถึงอดีตตอนธุดงค์กับลูกชายแลพหมาสองตัว  ลำบากมากค่ะแต่ก็สุขใจ  อิสระในจิตใจเกินคุ้ม   ลุกจากห้องแอร์
    ออกจากรถยนต์เดินย่ำเท้าในป่าเขา  ปีนเขาขึ้นดอยนอนถ้ำ ย่ำโคลน ตัวทากยั้วเยี้ย   งูพิษ
    สัตว์ป่า และสิ่งที่ไม่อาจบรรยายได้  อยู่ในถ้ำ
    กลิ่นมูลค้างคาวฟุ้ง  สงบสงัด ยุงเหลือบริ้น
    ทานวันละมื้อ  ต้องสำรวมเป็นอย่างยิ่ง  ตลอดเวลา  อยู่กับชนเผ่าพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็ซึ้งน้ำใจในศรัทธาของพวกท่านเหล่านั้น
    จะพบหน้าชาวเผ่าเฉพาะเวลานำอาหารมาถวายแม่ชีของพวกเขาเท่านั้แล้วเขาก็พากันจากไป  
    เดียวดายจากมนุษย์แต่ไม่อ้างว้างเลย
    พึ่งทราบตอนนี้เองว่าทำไมพระท่านจึงปลีกวิเวก  เพราะมันได้ สติ  ได้สมาธินั่นเองการปฏิบัติก็ทำได้ดีเป็นสมาธิเร็วมาก
    
    โอต้องขออภัยใช้พื้นที่เยอะเกินไปแล้วค่ะ
    แต่กับคุณพุดซึ่งเป็นญาติธรรมความรู้สึกคุ้นเคย ผูกพันธ์มันมีมากเลยอยากคุยค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน