อาทิตย์ดวงแดงแห่งฤดูหนาว ฉายแสงพราวพรายพร่างประดับฟ้า เริ่มรุ่งใหม่รัศมีรุ้งงามจับตา ดูราวว่าวันนี้ฟ้าสีทอง ทายทักท้องนาอย่าเหงาโศก อยู่กับโลกสงบสุขสิ้นทุกข์ผอง พสุธาไทใต้ร่มรัตน์ฉัตรเรืองรอง ทั้งบึงคลองยังมีปลานาอุดม นั่น..ดูตาลยืนต้นดูว้าเหว่ รอลมเห่ดนตรีไพรผสานผสม ภาคภูมิแผ่นดินนี้ดินน้ำลม ยังธำรงร่มรัตน์กษัตรา ฟ้าที่ไหนจะงามเท่าเจ้ารู้ไหม เท่าฟ้าไทยเอื้อโอบมานานช้า ดินที่ไหนให้เจ้าหยัดยืนอย่างอิสรา ยังสายใจเจ้าพระยาไหลระริน รักกระท่อมดินดงกระถินงามชูช่อ ตำลึงเลื้อยคลอให้เก็บกินมิรู้สิ้น ทั้งฟักแฟงแตงกวาทรัพย์ในดิน รอเจ้าคืนถิ่นบ้านนารู้ค่าชีวิต อยู่กับดินกับดาวในทุ่งกว้าง กับอรุณเรื่อรางสว่างจิต หอมข้าวใหม่มะลิไพรโมกดอกนิด ราวฝันทิพย์ฝนทองครองเนื้อใจ รอสายฝนปราดโปรยให้ชื่นฉ่ำ รวงระบำร่ายฟ้อนอ้อนฟ้าใส ทรุดจูบดินอันหอมอุ่นละมุนละไม กระซิบว่าลูกเข้าใจ..แล้วชีวิต...! ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3102.html มนต์รักลูกทุ่ง ละครทีวี หอมเอยหอมดอกกระถิน รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย ลองเอื้อมมือค่อยค่อย ก็เอื้อมไม่ถึง อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า บัวตูมบัวบาน หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ ขลุ่ยเป่าแผ่ว พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา หวานแว่วแผ่วดังกังวาน โอ้เจ้าช่อนกยูง แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง ซ้ำหอมน้ำปรุงที่แก้มนงคราญ...
3 กุมภาพันธ์ 2552 13:39 น. - comment id 945155
ระย้าช่อจากกอเขียว รวงเรียวสุกปลั่งไสว ราวผืนพรมทองทาสุดตาไกล ด้วยหยาดเหงื่อน้ำใจชาวนา แก้มเหี่ยวยับย่นทนแดด แผดเผาไหม้เกรียมใต้ฟ้า อัญมณีใจจากดินเลอค่า เลี้ยงผองหล้าไทยอิ่มท้อง หนีนากว้างเดือนแจ่มดงกระถิน ทิ้งถิ่นวัวควายบึงหนอง ดอกผักบุ้งริมนาน้ำตานอง คลองว่ายท่องไปหลงแสงสีศิวิไลซ์ เสียงขลุ่ยกองฟืนลอมฟาง เดือนพร่างดาวเต็มทุ่งฟ้าไสว อกอุ่นหนุนแขนฝันไกล หลอมใจรวมร่างสร้างรังรัก กระท่อมไพรร้างไร้ ร่างอ้ายคนดีที่ภักดิ์ สัญญากับสาวนาแน่นหนัก จะรักตราบสิ้นดินฟ้า ลั่นทมระย้าชายคาฝัน สาวนาหวั่นหวั่นเหว่ว้า ฟังเสียงฝนหล่นพรากจากลา น้ำตาฟ้าร่ำไห้สังเวย...ภักดิ์...! ....................................................... กระท่อมลั่นทม.. หลายวันมานี้ ฟ้าฝนดูมัวหม่นเทาทึมมาแทบทุกทิศทาง และพระพิรุณก็โปรยปรายฉ่ำชื่นแทบทุกคืนค่ำ ทำให้หัวใจสาวนาเลยพลอยเหงาเศร้า หนาวๆในอกในใจอย่างไรก็ไม่รู้ สาวนา..คนขยันเลยรีบ ทำงานในนาแต่วัน และงานจิปาถะ ให้แล้วเสร็จก่อนตะวันลา และ พอยามค่ำ ก็จะได้มานอนฟังเสียงสายฝนรินร่ำ ยามตะวันโพล้เพล้ อย่างแสนมีความสุข ได้จุดตะเกียงอ่านหนังสือ ธรรมะดีดีที่ยืมมาจากวัด บางคืนก็ต้องตกใจ ด้วยความกลัว ว่ากระท่อมโย้เย้จะพังลงมาใส่หัว และ กลัวลมพายุจะมาพัดหอบปลิวไป เพราะว่า ลมพายุมาแรงมาก จนจำปี..ลำดวน หางนกยูงต้นใหญ่ ตรงทางเข้ากระท่อมไหวโอนเอนๆ ไหน สาวนายังต้องรีบไปดูแลวัวในคอก ไม่ให้หลุดออกไป และยังจะมีงานอื่นๆอีกมากมาย ที่ต้องระดมรับมือ เช่นปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลังคาจาก ที่มุงไว้ให้วัวไม่ต้องเปียกฝนทนหนาว ตามประสายาก วันนี้สาวนาจัดกระท่อมใหม่ ทั้งๆที่ในกระท่อม ก็ว่างโล่งแทบไม่มีสมบัติอะไรให้จัดแล้ว สาวนาเพียงเก็บกวาดให้สะอาดสะอ้าน ล้างโอ่งดินเผาที่มีมากมายหลายใบริมชายคา ที่สำหรับเก็บน้ำไว้ใช้ ทั้งไว้ต้มดื่มกิน และทั้งไว้ใช้ประกอบกิจสาระพัด ที่สาวนาจะจัดแยกประเภทไป โอ่งไหนไว้ทำกับข้าว โอ่งไหนไว้ล้างหน้า โอ่งไหนไว้ดื่มกิน.. โอ่งไหนไว้รับแขก สำหรับโอ่งน้ำดื่มไว้รับแขกนั้น เป็นโอ่งโบราณสีเขียวไข่กา ที่วางไว้ริมชานกระท่อม ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะสาวนาถูกอบรมมาแบบโบราณจากคุณยายว่า ต้องมีน้ำดื่มไว้ให้แขกผู้ผ่านมาและกระหายหิวน้ำ ตามคำที่ว่าใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ สาวนาจัดแยกเก็บข้าวของตามประเภท ไม่ให้ปะปนรกรุงรัง เสื้อผ้า ก็เช่นกันจะชุดนอนชุดไปเที่ยวไปวัด ก็ต้องจัดแยกไว้ให้งาม จัดพับอย่างสวยแล้วอบร่ำด้วยกลิ่นดอกไม้แห้ง รายรอบกระท่อม ที่สาวนาดัดแปลงทำเองแทนน้ำหอมน้ำอบ เพราะชอบกลิ่นมากกว่า หากทว่าก่อนจะเก็บต้องตากแห้งเสียก่อน แล้ว ค่อยๆห่อกับกระดาษสาซับเก็บไว้ แล้วถึงซุกไว้กลางกองผ้า จะหอมหวนชวนดม ด้วยกลิ่นดวงดอกไม้ไทยงามๆ แยกหอมตามกลิ่นของดวงดอกไม้นั้นๆ เช่นกลิ่นจำปี จำปา กระดังงา ลีลาวดี หรือลั่นทมพุดซ้อน กลิ่นมะลิลา มะลิซ้อน ลำดวนดง ที่สาวนามิต้องพะวง ไปสิ้นเปลืองซื้อน้ำหอมแบบผสมสารเคมี มาใส่มาอบร่ำ ซึ่งบางทีก็ทำให้ร่างกายต้องรับสารพิษเป็นผื่นแพ้คัน และก็จะได้หอมแผกมากกว่า เป็นกลิ่นร่ำตามธรรมชาติไทยๆ หัวใจสาวนานั้นรักการใช้ชีวิตแบบโบราณ เพราะว่าไม่ว่ายุคสมัย จะผ่านพ้นไปนานสักเท่าไร ค่านิยมในความงามอย่างละเมียดละมุน อย่างกุลสตรีไทย ที่มีวิถีใจดวงงามอันรู้อ่อนหวานอ่อนโยน ช่างปรนนิบัติเอาใจก็หาได้ตกยุคสมัยไม่ หากเราเรียนรู้จักนำมาสอดใส่ผสานผสม ห่มหอมเพื่อเพิ่มเสน่ห์มัดใจ แบบที่โบราณว่าไว้ให้มีน้ำสามเรือนสี่ จะดีแก่ตัวเองเป็นยิ่งนัก ให้ใครๆที่มีโอกาสชิดใกล้ ได้ชื่นชมยิ่งหลงยิ่งรัก ในน้ำใจแสนดีมีเมตตา แม้นว่ากาลเวลาและโลกนี้ จะเปลี่ยนแปลงไป และ ผู้ชายสมัยนี้คงไม่เรียกร้องต้องการมากมายนัก หากเราแค่เพียงยึดหลักความละมุนละม่อม รู้ถนอมใจรู้กาละเทศะ สร้างโลกครอบครัวโลกแห่งรักให้หอมกรุ่นอบอุ่นเข้าไว้ ร่ายมนตราแห่งความดีงามน่าเสน่หา ก็ใช่ว่าเสียเวลาอะไร แต่จริงๆบางครั้งสาวนาก็สับสน ที่ไยอ้ายยังไปหลงแสงสีเนื้อหนังมังสาอวบอึ่ม ของสาวชาวกรุง ก็ช่างเถอะนะหัวใจกับส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม สาวนาฟังเพลงนี้แล้วก็ปลงได้เลย หากเขาไม่รักเราแล้ว ก็ช่างต้องปล่อยเขาไปปล่อยเขาไป .............................. http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=495 ส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม ส่วน ของ หัวใจ ที่คุณแบ่งให้ มัน น้อย เกิน ไป สำหรับใจฉัน คุณ ให้ ไม่ ถึง เศษหนึ่งส่วนพัน รัก เรา จึง สั้น สิ้นสุดกัน แค่นื้ สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที ส่วน ความ ช้ำ ชอก ที่คุณตอกย้ำ มาก เกิน จด จำ ลึกล้ำเหลือดี ย่อย ยับ แค่ ไหน ใยไม่ปราณี หวัง เพียง ข-ยี้ ให้ฉันนี่ แดดิ้น สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที วันนี้มันสาย เกินไป สายเกินไปกว่า จะมาเริ่มรักกันใหม่ ป่วยการหลอกกัน ต่อไป มันจบเกมส์แล้ว จนใจ สิ้นสุดไม่เหลือตั้งแต่เมื่อวาน ส่วน ของ หัวใจ ที่คุณแบ่งให้ เชิญ รับ คืน ไป ฉันไม่ต้องการ คุณ ให้ ฉัน น้อย น้อยเหลือประมาณ รัก จึง ตาย ด้าน สิ้นสุดกันแค่นี้ สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที วันนี้มันสาย เกินไป สายเกินไปกว่า จะมาเริ่มรักกันใหม่ ป่วยการหลอกกัน ต่อไป มันจบเกมส์แล้ว จนใจ สิ้นสุดไม่เหลือตั้งแต่เมื่อวาน ส่วน ของ หัวใจ ที่คุณแบ่งให้ เชิญ รับ คืน ไป ฉันไม่ต้องการ คุณ ให้ ฉัน น้อย น้อยเหลือประมาณ รัก จึง ตาย ด้าน สิ้นสุดกันแค่นี้ สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที... ...................... สาวนาจะไม่เสียใจอะไรนาน เพราะสาวนา มีหัวใจดวงใสดวงธรรมล้ำค่า ที่ทุกครั้ง ที่ไปวัดได้ฟังธรรมที่หลวงพ่อเทศน์ กิเลสรักของสาวนา ก็ลดลงจนแทบอยากปลงผมบวชชี หนีทุกข์ทุกรักเข้าวัดเข้าวารักษาศีลภาวนาเสียมากกว่า เพราะเบื่อชีวิตว่ายวนเหลือทน เมื่อยิ่งหันมาพิจารณามรณานุสติ ก็จะยิ่งเห็นชัด กับวิบากเก่าวิบากรรมที่ย้ำรอยในทุกผู้คน ที่หนีอย่างไรก็ไม่พ้นรอยกรรมราวรอยเกวียน หากมิตั้งจิตอธิษฐานเพียรภาวนา อย่างมิยอมท้อแท้แพ้พ่ายทางโลกย์เสียก่อน และ ไม่ว่าจะหันไปดูคู่ไหน ไม่ช้านานรักที่แสนหวานก็พานขมปี๋ เหลือรักที่จะจีรัง ก็คือคนพวกทีฉลาดล้ำ แปรรักเนื้อหนังเสน่หา มาเป็น มิ่งมิตรสนิทแบบฉันท์เพื่อน ไว้พึ่งพาพึ่งพิงยามชราแก่เฒ่า ได้หามกันเข้าวัดหรือไม่ก็เข้าโรงพยาบาล และ.. ไม่นานมานี้ สาวนา..ได้มีโอกาสรู้จัก.... พี่ชายคนดีที่ชื่อวิน มิตรธรรมคนยาก ที่พบกันแทบทุกครั้งที่วัด พี่วิน เป็นม่ายเพราะเมียตายด้วยโรคร้าย เลยหาที่พึ่งทางใจ และ ด้วยอยากมาทำบุญ สร้างกุศลทานผ่านไปให้ภรรยา เลยเพียรมาวัดบ่อยๆ ทั้งๆที่ไม่รู้ดอกนะ ว่าจะฝากกุศลผลบุญ ส่งไปถึงหรือไม่ แต่พี่วินก็บอกว่า แสนจะรู้สึกดีมีความสุขสงบ รู้รำงับใจ สบายใจอิ่มใจยังไงก็ไม่รู้ ตั้งแต่ได้ย่างกราย มาชิดใกล้ชายผ้าเหลือง ที่มีหลวงพ่อที่น่าเคารพศรัทธา ไม่หากินกับญาติโยม ไม่หลอกให้เชื่อในทางที่ขัดกับพระธรรม พยายามเพียรน้อมนำคำสอนมาสอนอย่างมีเหตุมีผล ว่าคนเรานั้น ชีวิตที่ดีต้องมีการพยายามรักษาศีลให้สะอาด ให้ทานเพื่อสละออกอย่าให้ขาด และที่สำคัญราวหัวใจศาสนาพุทธเลย คือให้จิตจับกับปัจจุบันขณะ ให้รู้เพียรภาวนาสมาธิจะได้ มีปัญญาพาพบทางแห่งความว่างสะอาดสงบ ตลอดไปทุกภพชาติ และนี่คือผู้ชายคนดีพี่ชายคนดี ที่สาวนายอมพลีใจอีกครั้ง ที่จะได้ทำความรู้จัก เพื่อแลกความคิดทางจิตทางธรรม เสมือนเพื่อนพึ่งพากันและกัน อย่างกัลยาณมิตรเรื่อยมา สาวนา จึงมีความสุขมาก กับชีวิตสงบสุขสมถะเรียบง่ายลำพังนี้ ที่แม้นจะดายเดียวสักเท่าไร หากทว่าหัวใจก็ผ่องแผ้วราวไร้พันธนา ไม่ต้องมีบ่วงห่วงรัก ไม่พักต้องลากใคร มาร่วมรับบ่วงห่วงโซ่กรรมร่วมกัน จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง ทุกคืนค่ำสาวนา..ผู้มีศรัทธาแรงกล้า จึงพยายามจัดเรือนลีลาวดีหรือเรือนลั่นทม ที่ราวกับกระท่อมไพร แสนหวานระทม แสนงามเศร้า ที่สาวนา ปลูกแยกออกมาจากกระท่อมทับอาศัย และแฝงในร่มเงาดงดวงดอกลั่นทม หลากสีสรร ทั้งขาว แดงชมพู เหลืองอมส้ม ที่มากมายหลายหลากพันธุ์ ถึงกว่าสามร้อยชนิด ที่สาวนาแสนหลงใหล แสนรักมานานนักหนาแล้ว จนเร้าใจให้เพียรศึกษานำมาเพาะปลูก จนเป็นดง ให้ใครๆพากันมาหลงใหลชื่นชม ในดวงดอกงามทุกยามเย็น ที่นะบัดนี้กำลังบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นระรินร่ำอวดอกดกชูช่อ พ้อสายฝนและลมเย็น และ บางวัน ในยามตะวันลา สาวนาจะมานอนเล่น หรือไม่ก็มาร้อยมาลีมาลัยลีลาวดี ไปพลีถวายเป็นพุทธบูชา ยามนั่งสมาธิภาวนา และ และทุกยาม ที่ดวงดอกงามเศร้า ถึงเวลาร่วงโรยโปรยปลิด ลงเกลื่อนพื้นพสุธา ยามนั้น สาวนาจะมีความสุขมาก ที่ได้นอนแหงนเงยดู และ แอบขนานให้นิยามลานฝันนั้นว่า *ลานลั่นทม และบัดนี้มีกระท่อมลั่นทม เป็นดั่งเรือนใจเรือนภาวนาเรือนสมาธิ ที่แสนดีแสนงาม แสนสงบสุขสมถะ ของสาวนาแล้ว และ... ราตรีนี้ สาวนาก็เลยไปเด็ดดวงดอกกระดังงา และร้อยมาลัยลีลาวดีมาลัยลั่นทม มาถวายเพื่อเป็นพุทธพลีบูชา หน้าพระพักตร์พระพุทธ และ.... ยามที่สาวนาจุดเทียนทอง แสงเทียนจะส่องพร่างพรายจะจับดวงดอกไม้ ราวพาให้สาวนาได้ระลึกตระหนักรู้ว่า ความทุกข์ระทมนั้นมันอยู่ใกล้เรานี่เอง หากเราเพียงไม่ยึดมั่นถือมั่น..แล้ววางมันไว้ ราวดวงดอกไม้นามลั่นทม เราก็จะไม่ตรมไม่ตรอม กลับให้หอมห่มในห้วงจิต ได้สถิตเป็นดั่งรักนิรันดร์ เฉกเช่นเดียวกับไม้ทุกพรรณ ที่ให้หอมงามกำนัลแด่โลกแล้วปลิดกลีบโรยรา เหมือนชีวิตจิตทุกดวง ที่รู้ว่ากาลเวลารอลอยลาร่วงลงสู่พื้นพสุธา หาช้านานไม่ หาจีรังไม่.. .............................................................. บนลานลั่นทม แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่ ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่ สุดสวรรค์ เทวัญ ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์ เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า ที่คอยเผา โทรมใจ... http://www.lilavadee.com/download_p01.html ลีลาวดี (Frangipani) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ใบมีสีเขียว โตและหนา มียางมาก ดอกมีสีขาว-เหลือง ขาว-แดง ส่วนที่ใช้ ทั้งต้น เปลือกต้น ดอก เนื้อไม้ ยางจากต้น และเปลือกราก สรรพคุณ ทั้งต้น ใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคลำไส้พิการของม้า ใบ เอาใบแห้งมาชงน้ำร้อนใช้รักษาโรคหอบหืด หรือ นำใบสดมาลนไฟให้ร้อนแก้ปวดบวม เปลือกราก ใช้เป็นยารักษาโรคหนองใน เป็นยาถ่าย แก้โรคไขข้ออักเสบ ขับลม เปลือกต้น นำมาต้มเป็นยาถ่าย ขับฤดู แก้ไข้ แก้โรคโกโนเรีย หรือ.. ให้ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ข้าวและมันเนย ซึ่งจะเป็นยาแก้ท้องเดิน ยาถ่าย ขับปัสสาวะ ดอก ใช้ทำธูป แต่.. ถ้าใช้ผสมกับพลูเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรีย เนื้อไม้ เป็นยาแก้ไอ ในประเทศเขมร ใช้เป็นยาถ่าย ขับพยาธิ ยางจากต้น เป็นยาถ่าย รักษาโรคไขข้ออักเสบ ทำให้เกิดผื่นแดง ถ้าใช้ผสมกับไม้จันทร์และการบูร เป็นยาแก้คัน แก้ปวดฟัน.. ................................
3 กุมภาพันธ์ 2552 14:02 น. - comment id 945166
รจนาล้องานลำน้ำน่านค่ะ กับ..บทกวี *ลำนำพืชผลตระการ*ค่ะ แดดโพล้เพล้ขับเรียวหน้างามสุกปลั่ง ถึงสิ้นหวังสาวนาคอยอ้ายใต้ตาลเดี่ยว กระถินโบกระบัดเคียงรวงเรียว นั่นดอกกระเจียวบานอีกคราสัญญาคืน ดอกโสนโผล่ดอกงอนอรชรหวาน ทายทักตาลยืนต้นเฝ้าทนฝืน กี่วันรอกี่วันร้าวหนาวหลับตื่น กี่ปีชื่นกี่เดือนช้ำกับคำลวง ดอกจอกแหนลอยฟ่องร้องทวงถาม กี่วาบหวามกี่ทิวาคอยห่วงหวง กี่ราตรีที่ใบตองร้องครางครวญ กี่ดอกแค แคร์คนล่วงลาไกลไม่หวนมา กี่ตำลึงพันเกี่ยวรั้วรอดวงใจ กี่รอยไถกี่กระชอมหอมรอท่า กี่มะลิมาลัยร้อยถวายองค์พระปฎิมา กี่น้ำตาราวรวงร่วงในบ่วงรัก ถั่วฝักยาวพราวพันพ้อรอจนเหี่ยว มะเขือพวงเกี่ยวค้างพันแน่นหนัก ยอดสะเดามิต้องเดาก็ขมจริงแล้วที่รัก เมื่อนานนักอ้ายพรากลาจนล้าใจ ยอดผักบุ้งยุ่งยอดกอดสายน้ำ เลื้อยกอตามรอแสงพร่างสว่างไสว ขิงโรยราข่าหมดแรงราวแกล้งลวงแล้วดวงใจ เพราะไร้ใครนำมาปรุงแกงเหมือนแสร้งลา บัวหุบกลีบเหี่ยวคาบึงผึ้งไม่ตอม ใครเด็ดดอมไปบูชาดอกไม้ฟ้า หวังน้ำชื่นฝนฉ่ำหยาดสายมา ในเวลาในวันรอเพาะต้นรัก..เพาะพืชภักดิ์.. สาวบ้านนา 08 ก.พ. 49 - 21:37 IP 58.136.192
3 กุมภาพันธ์ 2552 14:38 น. - comment id 945180
โหเยี่ยมยอด ทั้งภาพ ทั้งบทความ ทั้งบทกลอน เต็มอิ่มดีจังเลยค่ะ
24 เมษายน 2552 13:37 น. - comment id 976518
โดนใจจัง ขอบคุณนะครับ