ฉันได้ยินเสียงก่นด่าทุกชนิด เสียงนินทาว่าร้ายแว่วดังในความคิด มองเห็นหัวหงอกหัวดำนั่งเบียดชิด หลายสิบปากเปล่งคำพูดแห่งการยึดติด ไม่สนใจการกระทำถูกหรือผิด เสพคำพูดอิจฉาริษยาอยู่เนืองนิตย์ เหมือนนั่งกลางสี่แยกที่เต็มไปด้วยควันพิษ สังคมหลากหลายเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต ในวันที่จิตวิญญาณแห่งตัวตนเหนื่อยล้าอ่อนแรง ในห้วงอารมณ์ที่ปราศจากแสง ดวงอาทิตย์ก็ยังคงร้องแรง สาดส่องสังคมอุดมด้วยความหวาดระแวง มองเห็นแค่เปลือกนอกลงความเห็นแล้วสาปแช่ง เย็ดแม่งความเงียบงันหายไปไหนเสียเล่า ใครหลายคนเฝ้ารอคอยจนเบื่อหน่าย ทำร้ายกันไปมาจนแพ้พ่าย จมอยู่ในวัฏจักรเวียนว่าย การเอาตัวรอดในสังคมเน่าเฟะนั้นไม่ง่าย แบ่งก๊กยกพวกพ้องฟ้องสถาบันบ่อเกิดเหตุวุ่นวาย พลังบริสุทธิ์สามัคคีถูกทำลาย ผู้ใหญ่วอดวาย สังคมแห่งรากเหง้าเสื่อมสลาย ฉิบหายนี่หรอกหรือคือเรื่องจริง แนบอิงแอบอยู่ในสายลมรำเพย ธรรมชาติไม่เฉลยความในใจ ในครรลองแห่งความเป็นไป เหตุไฉนจักต้องสนใจคำพูดลอยลม ผสมผสานคำพิพากษา เข็มนาฬิกาที่ตายไปแล้ว ยังมีประโยชน์เสียกว่าคำพูดทับถมย่ำยี มันไม่ใช่คำพูดแห่งคำภีร์ ความกรุณาปราณีถูกลืมเลือน
12 มกราคม 2552 15:11 น. - comment id 934720
สังคมก็มีความหลากหลายแบบนี้แหละนะ คะ
12 มกราคม 2552 16:46 น. - comment id 934792
ก็ลืมเลือนสังคมซะบ้างบางเวลา ความสุขก็จะมาเยี่ยมเยือนเรา
12 มกราคม 2552 16:52 น. - comment id 934795
ลืมในสิ่งที่ควรลืม จำในสิ่งที่ควรจำ จะพยายามค่ะ...มีความสุขนะคะ
12 มกราคม 2552 22:20 น. - comment id 935004
ได้ข้อคิดดีค่ะ