เหมือนหมอกควันอันหนาคราโรยแสง ไม่จะแจ้งทิศทางสร้างสงสัย คล้ายจะรู้คล้ายจะเห็นสิ่งเป็นภัย แต่กลับเดินเข้าใกล้อย่างหลงทาง เหมือนจะคว้าจะไขว่เอื้อมได้ถึง กลับรำพึงถอดใจให้หม่นหมาง เพียงแค่เอื้อมอีกหน่อยค่อยจับวาง กลับถอยห่างไม่กล้าน่าเสียดาย เหมือนจะเป็นของจริงสิ่งสร้างสรรค์ สองมือปั้นผลงานตามมุ่งหมาย พลันเกียจคร้านวางมืออย่างง่ายดาย ขาดเพียงลายบางเส้นจะเห็นงาน เหมือนจะดีมีแต่ความราบรื่น สุขสดชื่นปรากฏทุกสถาน พลันฟ้าฝนหล่นพร่างร้างทัดทาน ความชื่นบานชุ่มโชกกลับโศกใจ เหมือนจะลิขิตได้ในชีวิต ดุจมีฤทธิ์เก่งกล้าน่าเลื่อมใส เพียงภายนอกหลอกภาพฉาบกลิ่นไอ ไม่มีใครลิขิตแท้ได้แก่ตน เหมือนจะจริงสิ่งที่ได้พบเห็น ทุกสิ่งเป็นตามใจได้สมผล อุปสรรคสิ้นสลายไร้กังวล ในบัดดลตื่นจากฝันวันฝนพรำ เหมือนสว่างกลางแสงแห่งภูมิรู้ ยืนมองดูใครเขาเฝ้าคิดขำ เห็นคนอื่นชัดเจนในทรงจำ แต่ทำเหมือนผีอำในเรื่องตน เหมือนจะชัดจัดแจ้งแห่งจริต เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งมากสับสน คิดเปะปะคละเคล้าเข้าปะปน กลายเป็นคนเลือนรางห่างปัญญา
5 พฤศจิกายน 2551 11:15 น. - comment id 910644
อ่านแล้วช่างไพเราะเสนาะจิต ให้เราคิดบางครั้งก็สับสน แต่บางครั้งก็เหมือนจะอดทน บางครั้งหม่นหัวใจในบางวัน เคยร้องไห้กับคนที่เคยจาก เคยหัวเราะยิ้มแย้มเคยสุขสันต์ เคยแข้มแข็งแต่อ่อนแรงในบางวัน เหมือนหมอกควันมาคลุมสุมที่ใจ ผ่อนคลายได้ด้วยใจใฝ่ธรรมมะ เพียงลดละความสับสนของตนใหม่ แม่เคยสอนอย่ายึดติดสื่งจากไป ขอลูกให้ตั้งจิตคิดทำดี เหมือนจะชัดทุกคำแม่ย้ำบอก เหมือนเมฆหมอกค่อยจางหว่างวิถี เหมือนตัวเราก้าวย่างไปทางดี เหมือนเรามีความหมายวางที่ใจ สวัสดีค่ะพี่ดอกแก้ว แบมขอให้พี่ดอกแก้ว สุขภาพแข็งแรงนะคะ รออ่านกลอนพี่ทุกวันค่ะ
5 พฤศจิกายน 2551 11:38 น. - comment id 910648
สวัสดีคับพี่ดอกแก้ว ผมชอบอ่านกกลอนที่พี่แต่งมาก เพราะมีความหมายที่ลึกซึ่งและมีข้อคิด จะรออ่านอยู่คับ น้อยคนนะคับที่จะเข้าใจตนเองทุกครั้งของการกระทำ หวังเพียงสิ่งที่ทำจะไม่ทำความเดือดร้อรให้คนอื่นหรือเพื่อให้คนอื่นสบายใจ โดยไม่ได้นึกถึงตัวเอง
5 พฤศจิกายน 2551 12:37 น. - comment id 910662
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย] มันเลือนลางค่ะ ปัญญาน้อยเลยเลือนลางแถมเลอะเลือนอีกต่างหากค่ะ บางครั้งคลับคล้ายคลับคลาว่าแจ่มชัดแต่เหมือนมีอะไรมาบังตาบังใจอ่ะค่ะ เป็นแบบนี้บ่อยๆค่ะ วันนี้ที่ลพบุรีฝนตกหนักมากค่ะ ที่นั่นฝนตกไหมคะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะพี่ดอกแก้ว ไว้ว่างๆกลุ่มน้องเฌอจะไปรบกวนอีกนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ(อันนี้ชัดเจนค่ะ)
5 พฤศจิกายน 2551 13:36 น. - comment id 910690
สวัสดีค่ะ พี่ดอกแก้ว เข้ามาอ่านกลอนมีคุณค่าต่อชีวิตอีกครั้ง ขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆ ค่ะพี่ ขอให้พี่มีความสุขค่ะ
5 พฤศจิกายน 2551 13:46 น. - comment id 910692
สวัสดีขอรับ คุณพี่ดอกแก้ว อ่านแล้วพบนิยาม ของคำว่า"ท้อ", คำว่า"ลังเล",คำว่า"สับสน" และคำว่า"ถอดใจ"อยู่ครับ จึ่งขอ(อนุญาต) เขียนกลอน นะขอรับ.....(เจ้านาย)... อ่านกลอน พี่ดอกแก้ว อ่านจบแล้ว จิตคิดหวน ตรองจิต คิดทบทวน สิ่งที่ควร คิดขึ้นมา เหมือนมัว ในสายหมอก เหมือนเพียงยอก เจ็บหนักหนา เหมือนสาย ไกลเกินมา เหมือนลายตา เพราะอิดโรย หมอกมัว ยังมองเห็น กายเจ็บเป็น ใจห้ามโหย ถ้าสาย ให้รีบโกย ล้าอิดโรย ให้พักตา เริ่มต้น เมื่อคิดสู้ หากพันตู ห้ามกังขา ขยับ ขับเปลี่ยนท่า ใช่จะว่า จะถอดใจ ขอเพียง จำคำหนึ่ง คำที่ซึ่ง พึงท่องไว้ ความ"หวัง" ไม่เสื่อมไป สู้ด้วย"ใจ" ที่มั่นธรรม.....
5 พฤศจิกายน 2551 14:30 น. - comment id 910705
ชีวิตคนปนไปในถูกผิด ปนดวงจิตคิดดีมีชั่วช้า กระแสจิตแปรเปลี่ยนเวียนไปมา บ้างบาปหนาบ้างดีศรีมงคล หากไม่ทันกระแสใจที่ไหวเปลี่ยน ก็ต้องเวียนตามจิตคิดทุกหน แต่หากทันหยุดได้ในวังวน ก้าวข้ามพ้นจิตชั่วกลั้วอบาย สติเอยอยู่ไหนมาไวเข้า มาคอยเฝ้าดูจิตคิดสืบสาย เป็นดั่งเชือกป่านปอล่ามคอควาย เป็นดั่งยามผู้เป็นนายเฝ้าประตู คิดชั่วมาก็รู้ทุกขณะ คิดดีเล่าหากละจะอดสู เมื่อรู้ชั่วก็ละไว้ไม่เชิดชู เฝ้าตามดูจิตงามตามประคองฯฯ หวัดดีครับ..ปี่ดอกแก้ว กลอนนี้บ่งบอกถึงธรรมชาติของมนุษย์..ครับ ที่ต้องเกลือกกลั้วทั้งชั่วและดี มีแพ้มีชนะ มีสำเร็จ..ผิดหวัง มีรอยยิ้ม..มีน้ำตา ทอดกฐิน...กินเหล้า แต่ก็เป็นธรรมชาติอีกเช่นกัน ที่มนุษย์จะก้าวพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้.. แต่ก็....คำเดียว.."ยากส์"
5 พฤศจิกายน 2551 15:40 น. - comment id 910729
เหมือนจะชัดแต่ไม่ชัด เป็นอยู่บ่อยๆเลยค่ะ คืนนี้จะกลับบ้านไปทำบุญกฐินให้คุณตากันค่ะพี่ดอกแก้ว จะเอาบุญมาฝากพี่สาวที่แสนดีค่ะ
5 พฤศจิกายน 2551 18:35 น. - comment id 910759
ทุกบทกลอนช่างแสนไพเราะและมากด้วยสาระนะคะ
5 พฤศจิกายน 2551 18:52 น. - comment id 910768
ฉางน้อยไม่พูดดีกว่าค่ะ แค่นี้คะ ความในใจของฉางน้อย
5 พฤศจิกายน 2551 19:39 น. - comment id 910785
ความหมายดี และยังมีความไพเราะอีก เยี่ยมครับพี่ดอกแก้ว
5 พฤศจิกายน 2551 20:22 น. - comment id 910807
เข้ามาหาความชัดเจน แต่มันก็ไม่ชัดเลยนิ...พี่ดอกแก้ว
6 พฤศจิกายน 2551 09:17 น. - comment id 910890
เหมือนหมอกควันหนาแน่นบดบังจิต ไม่จะแจ้งชวนพิศความสดใส หลงในวังกิเลสอาเภทภัย จ่อมจมในฤดูมิรู้ตน สวัสดีค่ะ พี่ดอกแก้ว พี่ดอกแก้วสบายดีนะค่ะ อย่างไรบัวขอให้พี่ดอกแก้วมีสุขภาพที่แข็ง แรงและมีแต่ความสุขค่ะ ทุกเนื้อหามีคุณค่ามากค่ะ
6 พฤศจิกายน 2551 10:13 น. - comment id 910912
สวัสดีคะพี่ดอกแก้ว กลอนดีมีคุณภาพ อ่านกี่กลอนเหมือนไขจิตพิมได้จริงๆๆคะ
6 พฤศจิกายน 2551 10:29 น. - comment id 910925
ผมชอบครับ สวยงามทั้งรูปและรส สวัสดีครับผม
6 พฤศจิกายน 2551 14:41 น. - comment id 910978
คุณค่าของบทกลอนคือทำให้คนอ่านนึกย้อนถึงตัวตน พี่คะ....บทกลอนของพี่เตือนสติทุกคนได้ดีเลยค่ะ...ขอบคุณนะคะที่พี่สละเวลามาเขียนกลอนให้พวกเราได้อ่านกัน
6 พฤศจิกายน 2551 17:25 น. - comment id 911060
@...แก้วประภัสสร... เหมือนฉลาดอาจหาญทางการคิด เหมือนรอบคอบเป็นนิจในนิสัย เหมือนหวังดีมีมากในน้ำใจ เหมือนจะใช่แต่ไม่ใช่ในความจริง สวัสดีค่ะน้องแบม บทกลอนที่เขียนไว้..ให้ภาพที่ชัดเจนมากกับการที่..ชัด..มากขึ้น น้องแบมเป็นคนที่โชคดีมากเลยค่ะที่มีคุณแม่มอบหลักธรรมไว้ประจำใจ ได้รับสิ่งที่ดีทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างที่หาได้น้อยในครอบครัวอื่นๆ และก็น่ารักมากกับการรักษาความรักของท่านไว้ด้วยการพยายามปฏิบัติตามคำที่ท่านสอน ขอให้ประสบแต่สิ่งที่งดงาม มีใจที่สว่างไสวไปด้วยความรู้ชัด และสามารถปัดเป่าความไม่ชัดเจนทั้งหลายให้สิ้นไปจากชีวิตได้ทุกเวลานะคะ ขอบคุณมากค่ะในคำทักทายและความห่วงใย
6 พฤศจิกายน 2551 17:27 น. - comment id 911061
@...วิทย์ ศิริ... ไม่ชัดเจนที่สุดเป็นจุดใหญ่ คือชัดในเรื่องตนบนถูกผิด มักพร่ามัวลำเอียงเบี่ยงความคิด จึงมีสิทธิ์พลาดพลั้งครั้งไม่ชัด สวัสดีค่ะวิทย์ ศิริ น่าชื่นชมมากกับความมีน้ำใจและอุดมการณ์ที่ดีในการไม่พยายามทำให้ใครเดือดร้อนและทำให้เขาสบายใจ ขอให้ประสบแต่ความสุขและความไม่เดือดร้อนใจจากผู้อื่นเช่นกันนะคะ และพี่ดอกแก้วก็ชอบประโยคที่ว่า "น้อยคนนะคับที่จะเข้าใจตนเองทุกครั้งของการกระทำ" ซึ่งเป็นคำพูดที่จริงและตรงมาก ส่วนใหญ่เรามักทำตามความเคยชิน..ซึ่งเป็นเรื่องของความขาดสติ ความไม่ชัดเจน ทำให้ไร้จุดยืนแล้วก็ง่ายต่อความล้มเหลว ขอบคุณมากค่ะที่มาอ่านและให้กำลังใจ
6 พฤศจิกายน 2551 17:28 น. - comment id 911062
@...น้องเฌอมาลย์... อาจต้องใช้เวลานานสักนิด ในการคิดการมองจ้องเป้าหมาย อย่ากระพริบตาบ่อยอาจตาลาย อย่ารีบร้อนวุ่นวายจนตามัว สวัสดีค่ะน้องเฌอ ที่นี่..ฝนห่างไปแล้วค่ะ เริ่มร้อน เมื่อไหร่จะแวะมาเที่ยวกันอีกก็บอกมาล่วงหน้าเลยนะคะ มิฉะนั้น อาจพลาดกันด้วยธุระหรือความเจ็บป่วย ตอนที่น้องเฌอมองอะไรไม่ค่อยชัด ลองหลับตาลงสักพักสิคะ ปรับสายตาสักนิดแล้วค่อยมองใหม่ อาจจะได้อะไรที่ชัดขึ้นหลังจากความสงบใจ..และไม่มีอะไรมาบังตา ขอให้อากาศดี ไม่มีฝนตกน้ำท่วม และมีความสุขกับฤดูกาลใหม่ที่มาเยือน ขอบคุณในความห่วงใยค่ะน้องเฌอ
6 พฤศจิกายน 2551 17:30 น. - comment id 911063
@...ครูกระดาษทราย... เหมือนจะรู้ดีจริงสิ่งรอบข้าง แต่เลือนลางเมื่อชี้ถูกผิด เหมือนจะควบคุมได้ในความคิด แต่หมดสิทธิ์เมื่อมีเรื่องให้เปลืองใจ สวัสดีค่ะครูกระดาษทราย บางทีเราก็คิดอะไรง่ายๆ ด้วยความไม่รอบคอบ บางทีก็คิดไปในเรื่องไกลตัวและคิดว่าเข้าใจดี ..สุดท้ายก็พบแต่ความสับสน ความรู้จักตนและเข้าใจตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะทำให้หลายสิ่งกระจ่างชัดและง่ายต่อการจัดการทั้งในส่วนที่เป็นข้อดีและข้อด้อย และเมื่อชัดเจนในตนเองได้ ก็ง่ายต่อการชัดเจนในผู้อื่นเช่นเดียวกัน ขอบคุณเช่นกันค่ะที่แวะมาอ่านและทักทายเสมอๆ ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวงไปได้ด้วยดีและมีความสำเร็จสมปรารถนาในที่สุดนะคะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:31 น. - comment id 911064
@...kirati... แยะแยะ ได้งดงาม ประมวลความได้แจ่มชัด สิ่งใดควรกำจัด และสิ่งใดควรเสาะหา รู้ด้อยเพื่อสร้างเด่น จับประเด็นด้วยปัญญา รู้กฎบทมาตรา เพื่อควบคุมกลุ่มเลือนลาง ดูแล้วช่างแจ่มชัด เขียนแจงจัดอย่างกว้างขวาง เพิ่มหวังในเส้นทาง และมิร้างในบทธรรม สวัสดีค่ะ kirati ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาทักทาย และขอปรบมือให้กับบทกวีที่ร่วมเขียน เก็บมุมมองมาเผยโฉมใหม่ได้อย่างน่าอ่านและให้พลังมากเลยค่ะ เพราะเพิ่มรสให้การอ่านและความคิดได้อีกหนึ่งแนว ขอให้สู้ต่อไปด้วยใจที่ไม่สิ้นหวัง และได้พบความกระจ่างชัดตลอดเส้นทางนะคะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:33 น. - comment id 911065
@...กิตติเวทย์... คืออัตตาตัวตนของคนคิด มาลิขิตผลงานการสร้างสรรค์ ทั้งดีชั่วกลั้วไปไม่เว้นวัน คิดอย่างนั้นมั่นใจในปัญญา หากรู้จริงก็จะทิ้งสิ่งที่คิด เพราะรู้สิทธิ์ในส่วนปรารถนา คลายใจจากการมุ่งบังคับบัญชา เพียงเดินหน้าเพียรไปในเส้นทาง ไม่วาดฝันมั่นหมายให้หนักจิต ทำชีวิตสงบใจไร้หม่นหมาง ความพร่าเลือนพรางตาจะเบาบาง ทำทุกอย่างแค่ทำได้ในฝีมือ ปวงความคิดทำจิตไร้พลัง เกิดคลุ้มคลั่งกับสิ่งที่ยึดถือ แล้วหม่นมัวมืดหน้าพร้อมตาปรือ ไม่ใช้มือจุดไฟให้ปัญญา สวัสดีค่ะกิตติเวทย์ ชอบจังกับบทนี้ .. ..สติเอยอยู่ไหนมาไวเข้า มาคอยเฝ้าดูจิตคิดสืบสาย เป็นดั่งเชือกป่านปอล่ามคอควาย เป็นดั่งยามผู้เป็นนายเฝ้าประตู.. ใช่แล้วค่ะ...กับการบ่งบอกธรรมชาติมนุษย์ที่มีทั้งดีและไม่ดี มาเขียนเรื่องแบบนี้บ้าง ทำให้มองตนเองได้มากขึ้นและรอบคอบขึ้นในการคิด ความไม่ชัดเจนอะไรก็ไม่สำคัญเท่า ..การรู้จักชีวิตอย่างชัดเจน เพราะจะสุขมากหรือทุกข์มากก็อยู่ตรงนี้แหละ ขอบคุณบทกลอนที่มาร่วมเขียน กลิ่นอายของพระธรรมทำให้สดชื่นมาก ขอให้สามารถก้าวข้ามพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างง่ายดายนะคะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:33 น. - comment id 911066
@...น้องกานต์ เพียงพลิ้ว... เหมือนจะชัดแต่ไม่ชัดขัดเคืองตา คงต้องใช้น้ำยาล้างตาบ้าง หรือต้องวัดสายตาที่เลือนลาง เพิ่มเสริมสร้างแว่นใหม่ให้ชัดตา สวัสดีค่ะน้องกานต์หมูใหญ่ ขอให้เดินทางไป-กลับอย่างปลอดภัย ได้ทำบุญอย่างอิ่มอกอิ่มใจและมีความสุขมากๆในหมู่ญาติมิตร อนุโมทนากุศลล่วงหน้ากับน้องกานต์คนดีด้วยค่ะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:34 น. - comment id 911067
@...นรศิริ... บางครั้งคราความคิดพาให้เลือนลาง เกิดลังเลในทางแก้ปัญหา หลายคนต้องโศกเศร้าเคล้าน้ำตา เพราะคิดซ้ำนำพาความพร่าเลือน สวัสดีค่ะนรศิริ ขอบคุณมากนะคะที่มาอ่าน ขอให้มีความสุขกับงานที่เขียน มีความสบายใจกับสิ่งที่ได้ทำ มีความปลอดภัยและทุเลาจากโรคภัยทั้งปวงนะคะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:35 น. - comment id 911069
@...น้องฉางน้อย... เห็นชัดตามาอ่านงานของพี่ แถมปรบมือห้าทีไม่พูดพร่ำ ขอบคุณที่มาเชียร์กันประจำ ขอให้สุขดื่มด่ำในฤดี สวัสดีค่ะน้องฉางน้อย ความในใจ..ที่ทำให้พี่ดอกแก้วยิ้มแก้มปริ ขอบคุณมากนะคะที่พูดน้อยนิดเดียวแต่บอกอะไรได้มากมาย ขอให้มีความสุขทั้งคุณลูกและคุณแม่ค่ะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:35 น. - comment id 911070
@...อรุโณทัย... เป็นข้อด้อยของเราผู้เขลาจิต มักจะคิดไม่สว่างสร้างสงสัย คิดคาดหวัง เกียจคร้าน บังคับใคร เพราะดวงใจเราเลือนพร่าพาชีพเลือน สวัสดีค่ะอรุโณทัย พี่ดอกแก้วชอบชื่อนี้จัง ...สว่างและสดใส ให้โอกาสกับทุกชีวิตในวันใหม่ ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ และขอให้มีความกระจ่างชัดขจัดความพร่าเลือนได้ตลอดไปนะคะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:36 น. - comment id 911071
@...ฝนทอง... คงไม่ชัดสักบททั้งหมดนี้ เพราะเรามีปัญหาสายตาสั้น สิ่งที่เห็นจึงไม่ตรงเลยสักอัน ต้องตัดแว่นสายตากันใส่กันทุก สวัสดีค่ะฝนทอง แม้จะไม่ค่อยชัดแต่ก็ยังแก้ไขได้ค่ะ ..เพราะยังไม่มืดบอดเสียทีเดียว ใส่แว่น...สร้างความรู้ความเข้าใจใหม่ และใช้ไฟ..สติปัญญามาช่วยส่องสว่าง ความชัดเจนก็คงจะทวีดความคมชัดขึ้นได้ทุกวันๆ ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ ...ขอให้มีความสุขค่ะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:37 น. - comment id 911072
@...น้องบัว ดอกบัว... วิปลาสคลาดเคลื่อนทางสายตา สร้างปัญหางุนงงให้สงสัย เกิดความคิดผิดพลาดกันเรื่อยไป เพราะไม่รู้จริงในชีวิตตน สวัสดีค่ะน้องดอกบัว การมองให้ชัดในเรื่องของชีวิต เป็นแบบฝึกหัดที่มองยากที่สุด เพราะกิเลสที่มี อคติที่มาก หลายชีวิตจึงเวียนวนอยู่ในความทุกข์อย่างไม่รู้สร่าง ต่างจากผู้ที่รู้จักชีวิต..และพยายามใช้ชีวิตให้งามตามบทพระธรรม ขอให้น้องบัวมีชีวิตที่งดงาม มีความสว่างไสวในการคิดและตัดสินใจเสมอๆ นะคะ และขอบคุณมากค่ะในความห่วงใย
6 พฤศจิกายน 2551 17:38 น. - comment id 911073
@...น้องพิม พิมญดา... แม้นจะยังลางเลือนเหมือนภาพพร่า ยังดีกว่ามืดบอดสอดตาเห็น ความไม่รู้ ทำให้รู้หลายประเด็น สักวันหนึ่งต้องเป็นภาพที่ชัด สวัสดีค่ะน้องพิม ขังอะไรไว้ในใจมากมายหรือหรือคะน้องพิม จึงทำให้พี่ดอกแก้วมาไขได้เสมอ.. ข้อดีของสถานการณ์ที่พร่ามัว คือทำให้เรารู้ตัวว่าเรายังไม่พร้อมในอีกหลายสิ่ง และการพยายามนำพระธรรมไปฉายแสงส่องชีวิตจะทำให้เห็นอะไรได้ชัดตาขึ้น ได้ทราบถึงความไร้สาระและความมีคุณค่าของบางสิ่งยิ่งขึ้น ขอให้น้องพิมสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยความกระจ่างชัด ไม่ติดขัดในความพร่ามัวทั้งหลาย มีกำลังกายและกำลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคให้สำเร็จสมปรารถนาได้ต่อไปนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาอ่านมาทักทาย
6 พฤศจิกายน 2551 17:38 น. - comment id 911074
@...นาคะพรรณ เราชอบเป็นคนดูผู้วิจารณ์ และคิดอ่านเรื่องเขาเฝ้าตัดสิน เรื่องวิเคราะห์ตนเองนั้นไม่ชิน จึงสุดสิ้นความชัดถนัดตา สวัสดีค่ะ นาคะพรรณ ภาษาและท่วงทำนองที่ไพเราะ พาใจให้งดงามเสมอ ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาอ่าน .. ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ
6 พฤศจิกายน 2551 17:39 น. - comment id 911076
@...โคลอน... เหมือนจะเป็นการช่วยเหลือคนอื่น ที่หยิบยื่นบทกลอนมาสอนจิต แต่ที่จริงสอนตนบนความคิด เผื่อแผ่มิตรพร้อมกันพลันสุขใจ สวัสดีค่ะโคลอน พี่ดอกแก้วคิดว่า คงเป็นเรื่องปกติที่บางครั้งเราก็มักจะคิดว่าเราเป็นคนดีแล้ว แต่เมื่อนำไปวัดกับมาตรฐานของความดีจริงๆ ก็ยังห่างไกลอยู่อีกมาก สังเกตได้จาก..การรับมือกับความทุกข์ที่เข้ามาในชีวิต ที่เรามักจะใช้ความเคยชินที่ไม่ดีตอบโต้เหตุการณ์เหล่านั้นเสมอ แต่เมื่ออยู่ในยามปกติแล้ว เรามักจะดูงามพร้อมเปี่ยมไปด้วยเหตุผลตามหลักการ ซึ่งยังจัดอยู่ในประเภทท่าดีทีเหลวนั่นเองค่ะ มาพยายามทำความชัดให้ปรากฏแก่ตนตนเองกันนะคะ ขอให้มีความสุข และมีความเสร็จในสิ่งที่มุ่งหมายทุกประการค่ะ
6 พฤศจิกายน 2551 18:30 น. - comment id 911096
มองหมอกควันมืดมัวสลัวนัก ต้องรู้จักปรับจิตอย่าคิดหวัง กิเลสร้ายมลายสิ้นต้องภินท์พัง เพื่อพ้นฝั่งมองให้ชัดตัดบ่วงกรรม.....ฯ ทุกอย่าง..ขึ้นอยู่ที่..จิตใจ..ของเรา..ปรับที่จิต..และความคิด...ทุกอย่างจะชัดขึ้นค่ะ.... พี่ดอกแก้ว..สบายดีมั้ยคะ..ดูแลสุขภาพนะคะ......ยังระลึกถึงพี่ตลอดเวลาค่ะ...
7 พฤศจิกายน 2551 20:05 น. - comment id 911423
@...น้องราชิกา... แม้หมอกมากกั้นฉากให้มัวตา ยืนนิ่งนิ่งรอเวลาถึงช่วงสาย หมอกที่หนาก็คงจะคลี่คลาย ปัญญาฉายเห็นทิวทัศน์ถนัดตา สวัสดีค่ะน้องราชิกา ..ปรับที่จิตและความคิด...เป็นวิธีการเพื่อความคมชัดโดยตรงเลย ขอบคุณมากนะคะที่มาทักทายพร้อมความปรารถนาดีเสมอ ขอให้ไม่แพ้อากาศและมีสุขภาพที่ดีเช่นกันนะคะ