ด้วยจำเป็น ต้องเดินทาง กลางคืนค่ำ ผ่านลำนำ ป่าเขียว เปลี่ยวหนักหนา ต้องผ่านทาง ร้างคน หม่นอุรา เพื่อมุ่งหน้า กลับบ้าน ผ่านกลางคืน จึงหยิบเอา หมวกกันน๊อค ที่ล๊อคไว้ ปลดแล้วใส่ บนหัว กลัวก็ฝืน รัดคางล๊อค ให้แน่นหนา แล้วคว้าปืน เดินไปยืน หน้ารถ ปลดประตู อีซูซุ ดีแม๊กซ์ แลกซื้อใหม่ สี่ประตู คันใหญ่ ข้างในหรู เข้าไปนั่ง ที่ขับ จับหมวกดู ว่าแน่นอยู่ เพียงใด เผื่อใช้งาน เมื่อแน่นหนา ดีอยู่ ประตูปิด สตาร์ทติด ถอยออก ข้างนอกบ้าน จอดสักพัก พนมกร วอนบันดาล ที่หน้าศาล พระภูมิ ให้คุ้มครอง แล้วออกรถ มุ่งไป ในทางเปลี่ยว พลางแลเหลียว สองข้างทาง อย่างจดจ้อง เมื่อเริ่มเปลี่ยว ก็ปิดไฟ ที่ใช้มอง เอาแสงของ ดวงจันทร์ นั้นส่องทาง กลัวแสงไฟ ใช้ส่อง จ้องทางแล้ว เป็นหน่อแนว สู่ภัย ให้เจ็บบ้าง กลัวคนร้าย แอบสู้ อยู่ข้างทาง เขาปาขว้าง หินใส่ ให้เจ็บตัว ปิดไฟแล้ว ถ้ายังปา เข้ามาใส่ หมวกกันน๊อค คงช่วยได้ กันใส่หัว คงพอผ่อน อันตราย ให้คลายตัว ที่คนชั่ว โฉดช้า ตามราวี เมื่อไม่มี มาตรการ ช่วยฉันแล้ว คงไม่แคล้ว หาทาง อย่างฉันนี่ มาปิดไฟ ใส่หมวกบ้าง อย่างฉันซี ป้องกันผี ปาหินใส่ ได้เหมือนกัน
15 มีนาคม 2551 09:10 น. - comment id 832034
สงสารคนที่ตกเป็นเหยื่อจริงๆค่ะ ไม่รู้เมื่อไรจะหมดไปสักทีนะคะแก๊งค์ปาหิน
15 มีนาคม 2551 11:45 น. - comment id 832082
แค่คิดก็เสียวสันหลังแล้วครับผม ********************** ด้วยความเคารพ
15 มีนาคม 2551 11:57 น. - comment id 832091
เห็นข่าวในทีวีแล้วเศร้าจังคะ สักวัน..กรรมจาตามสนองเค้าแน่นอน เชื่ออย่างนั้นนคะ..
15 มีนาคม 2551 23:46 น. - comment id 832228