ทะเลดาวในคืนแรมช่างงามล้ำ กับเกลียวคลื่นที่กระซิบฝั่งราวฝากรัก จันทร์อรชรซ่อนดวงอายเอียงในม่านเมฆ จิตผม..พบวิเวกกับทุกสรรพสิ่งรายรอบ ให้หัวใจผมที่เคยบอบช้ำ ระกำร่ำไห้อยู่ ณ ภายในได้คลายหมอง ในครองตาคือความเงียบงามแห่งทะเลจันทร์ ที่กำลังทอแสงสาดส่องเหนือท้องน้ำราวทองทาบ ฟ้าระดะด้วยมวลหมู่ดาว ทิวมะพร้าวซัดส่ายร่ายระบำบทเพลง แห่งความหฤหรรษ์สุนทรีย์รมย์ สายลมครวญ..วอน..ออดอ้อนฟ้าแลดิน ให้รับฟัง.. ถึงรักมิรู้สิ้นรู้จบทบทวีที่มวลมนุษย์พลีฝากคำ ในราตรี ที่ทั้งหล้าโลกเฉลิมฉลองวันแห่งความดื่มด่ำ วันแห่งความรัก อันคือวันศักดิ์สิทธิ์ ที่ประดุจดั่งจักนิรมิตทุกสรรพสิ่ง ให้ยังคงมีพลังสรรสร้าง ให้โลกงามยังคงหมุนไป สู่.. ความละเมียดละไม สมานฉันท์ สู่ความหวังความฝันอันแสนยิ่งใหญ่ ของมวลมนุษยชาติ ที่จัก.. ยังคง..ธำรง..ดำรง ใจดวงคุณธรรม..อันงดงามล้ำค่า อันอุ่นเอื้อ เมตตา ปรารถนาดี เพื่อ..พลีแด่กันและกัน...ไปตราบกาล...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6192.html ความฝันอันสูงสุด บทเพลงพระราชนิพนธ์ ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควร ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง หมายผดุง ยุติธรรม อันสดใส ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่ เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน ยังคงหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย
16 กุมภาพันธ์ 2551 12:14 น. - comment id 824395
ฟ้ากระจ่างทางเถื่อนแสงเดือนสาด ดาราดาษดังทะเลพราวเวหน แสงระยับวับวาวดาวเบื้องบน สว่างล้นมาเติมแรงแห่งหัวใจ สวัสดีค่ะพี่พุดไพร
16 กุมภาพันธ์ 2551 12:30 น. - comment id 824398
เหนือนิรมิต คือ ดวงจิตใสกระจ่าง เห็นดาวพร่าง ณ กลางใจ ใครจะเหมือน บริสุทธิ์ใสสว่างวันเพ็ญเดือน สองยี่สิบสามเตือนวันกำเนิดเกิดนางฟ้า..จากสุราลัย อ่านงาน สาวบ้านนา เรื่อง กราบบูชาครู.... น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง.....
16 กุมภาพันธ์ 2551 12:41 น. - comment id 824399
สุขอันใดในโลกเท่าโศกลบ ยามได้พบคนดี..ที่ใฝ่หา ได้ร่วมเรียงเคียงใจไปทุกครา ร่วมฟันฝ่าทุกข์ภัยที่ได้พาน เป็นหลักแอบแนบกายมิหน่ายแหนง เป็นหลักแรงอิงใจไม่หักหาญ ถนอมรักภักดิ์ใจไปชั่วกาล ตราบเท่านานรักมั่นถึงวันวาย. แวะมาชมธรรมชาติแห่งนิรมิต..ครับ
16 กุมภาพันธ์ 2551 23:57 น. - comment id 824582
น้องเพียงพลิ้ว ที่รัก น้องอรุณสุข ที่คิดถึง คุณทวารวดี ผู้มีจิตเสมอจิต แม่ดวงดอกพุดไพร สาวบ้านนา ทำงานเขียน รจนางานที่รัก มานานนักแล้วค่ะ ในเวบร่มรักเรือนไทย เรือนทอง แห่งมิ่งมิตรผองเรา ตราบดินฟ้า(คำของคุณอิม) ด้วยความรักในงานที่รัก ค่ะ กราบบูชาครูด้วยมาลัยใบข้าว http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem77987.html ในวันนี้ มีท่านผู้อ่านเมตตาทั้งสิ้น..4940 ท่าน ที่เข้ามาหยาดน้ำใจรัก ดั่งหยาดน้ำค้างลงพร่างพรมนวลเนื้อใจ สาวบ้านนา... ให้ยังคงมีไฟฝันอันละเมียดละมุน ที่จักยืนหยัด ทำงานที่รัก บนถนนสายฝันสายดวงดอกไม้งาม ไปอีกนานเท่านานค่ะ และ.. หวังจะครบ5000ท่านในวันเกิดที่23นี้ค่ะ คุณทวารวดี หวังมากไปหน่อยไหม กับการเพียรพยายาม การเททุ่มใจทำงาน มาอย่างซื่อสัตย์ยาวนานนัก หากนับจำนวนตัวอักษร ก็เป็นล้านๆตัวค่ะ ที่คีย์จนนิ้วชี้ มีปัญหาเส้นเอ็น แทบคลี่ไม่ออกแล้วค่ะ และ นับจำนวนพันเรื่องเมื่อรวม จำนวนท่านผู้อ่านทั้งผ่านตา ผ่านใจ ที่คลิ๊กเข้ามายิ้มแย้มเยือน ก็คงมากมายเกินนับนึกเลยค่ะ ซึ่งนี่คือความภาคภูมิใจ ปิติเกษมใจ ความซาบซึ้งใจ ความรู้สึกแสนยิ่งใหญ่งดงาม ในชีวิตหนึ่งนี้ที่ได้ทำในสิ่งที่รัก แม้นจะน้อยค่า ดั่งธุลีหล้า ที่อยากฝากความจงรักต่อแผ่นดิน กตเวทิตาคุณต่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ของเรา งานพุดไพร สาวบ้านนา จึ่งเน้นธรรม ธรรมชาติ บวกความรักที่เรียบง่าย งดงาม อ่อนหวาน ความเสียสละ เมตตา การแบ่งปัน เพื่อสร้างสรร โลกนี้ และอัญมณีจิตให้สว่างไสว มีเพียงความรักปรารถนาดี พลีดับโลกแล้งไร้ ก่อนชีวาวายจะสลายลาลับดับไปดั่ง แสงตะวัน ค่ะ ด้วยขอบคุณจึ่งขอฝากเรื่องรักรจนาพลีกำนัลนะคะ อีกคราครั้งค่ะทุกคนดี ในดวงใจ ดวงดอกเอื้องแซะสาวนาผ้าซิ่นไหมสีฟ้าอมโศก! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song646.html (สิ้นกลิ่นดิน) ราตรีนี้เป็นราตรีเพ็ญบุญ รัศมีจันทราทาทาบ อาบไปทั่วทุ่งทองปองขวัญสวรรค์หวาน วิมานบ้านนาบ้านไพร อวดงามละไมสุกปลั่งส้มชัด ในคืนอันแสนสงัดเงียบเฉียบเย็นด้วยพราวน้ำค้าง จันทร์ดวงงามกระจ่าง ราวเทพีนภาประดับใจ แขวนฟ้าท้าดวง...เด่นเพ็ญพิลาส สะอาดโฉมประโลมหล้า หยาดสายแสงเสน่หาหวานจัด.. ให้มวลมนุษย์นับพันล้าน ได้สานต่อก่อกอรักปันภักดีพลีฝัน... ฝากปันแบ่งแรงใจไปกับแสงจันทร์สวย แม้นรักนั้นจะแสนไกลห่าง หากทว่ามิเหว่ว้าอ้างว้างว่างใจ หากสองดวงใจยังหนักแน่นมั่นคงจงรักภักดี มีจันทร์ให้ฝันฝากใจ มีดาวพราวดวง..สุกใสสว่าง ระยิบระยับวะวับแวมแต้มแตะท้องนภา ฟ้าสีกำมะหยี่ให้ดูโลกนี้อย่างมีชีวิตชีวา ให้ผู้รอท่าเฝ้าคอย ได้หลอมรวมใจไปรวมกันที่จันทร์ดวงงาม ในทุกราตรี... ให้ยังมีหวังหวาน ผ่านกาลเวลา ผ่านภพ จนกว่าจะจบด้วยคำว่าได้พบกันอีก..ครั้งครา.. สาวนา.. คิดถึงบทเพลงมากมาย เกี่ยวกับใจเกี่ยวกับจันทร์ หากทว่าค่ำคืนนี้.. ไฉนใจถึงได้ยิน... เพียงเสียงเพลงซึ้งๆติดตรึงใจดวงนี้ ที่ขับขานครวญคร่ำระร่ำริน มากับลำประโดง กับโค้งฟ้าไกลฟากฟ้ากว้าง ที่ราวหวานแว่วแผ่วมา ราวใจรำพันขวัญฝันรำพึงฝากซึ้งมา เพื่อไปตราจิตให้ชีวิตอ้ายที่พรากลาสาวนา...ได้พลอยรับรู้ ............. *แรงใจในเงาจันทร์*..คุณ ต่ายอรทัย* สัญญา คืนฟ้ามีจันทร์วันจาก หอมกรุ่นไอรัก ยากนักสิลืมลงได้ อ้ายยืนมองตา สัญญาต่อหน้าเดือนหงาย บอกน้องคอยเบิ่งฟ้าเอาไว้ เมื่อยามใดที่คิดฮอดกัน แสงจันทร์ หอบฝันสองเฮาตามส่อง ใจอ้ายใจน้อง บ่หมองเพราะมีฮักมั่น สู้งานเมืองไกล ซ่อนใจฝากในเงาจันทร์ ห่างแค่กายใจใกล้เคียงกัน เมื่อมีจันทร์สื่อสัญญาณใจ หนักงานเพียงใด อยู่ได้เพราะใจมีกัน ได้สบตาดวงจันทร์ก็เหมือนได้สบตาอ้าย ยืนบนดาดฟ้า หลังคาตึกสูงเมืองใหญ่ ในคืนที่เป็นทุกข์ใจ ให้จันทร์ส่องใกล้ใจเหงา สองเฮา กอดเหงาในคราวต้องห่าง แต่ใจบ่ร้าง ก็เพราะมีจันทร์คอยเฝ้า น้องมีแรงใจ เพราะมีอ้ายตามเป็นเงา เบิ่งฟ้างามคืนจันทร์หยอกเย้า สายตาเฮาหยอกกันบนฟ้า ************* และ นานแล้ว..... ที่สาวนา นอนดายเดียวเหว่ว้าน้ำตาริน ถวิลรักถวิลรอ.... พ้อหาเพียงแต่*อ้าย* แต่มานะบัดนี้*สาวนา*ชักชาชิน กับการอยู่คนเดียวเปลี่ยวเหงา หากให้งามเงียบ และเรียบเย็น ได้มีเวลาย้อนรำลึกตรึกตรอง มองโลกย์ผ่านโศกสุข ที่อ้ายได้ฝากบทเรียน ให้สาวนาได้รู้ลึกด้วยตนเองถึงรสพระธรรม อันดำดื่มราวหยาดน้ำใสจากเพชรสรวง ที่พร่างร่วงพราว มาให้ดื่ม...มาให้ประดับใจ..ให้ใสงามดั่งอัญมณี ที่สาวนานี้ต้องนำมาน้อมนำใจ สอนมิให้ไหวครวญหวนไห้รู้รำงับดับวาง รู้ปล่อยวางว่างจากทุกผัสสะที่มากระทบ ให้เพียรลบลืมระทมทับดับทันกับกรรมเก่าวิบากใจ พาให้จำพรากไกลจำลาจากอ้าย คล้ายอยู่กันคนละโลก...โศกมิรู้จบ..ทบทวี หากคิดไม่เป็นไม่รักเย็นรักให้งาม สร้างนิยามใจเสียใหม่ ให้เป็นรักงามใสสว่าง นำทางสู่รอยธรรมรอยทอง เพียรภาวนาลอยล่อง ท่องนาวาทิพย์นาวาชีวิต ไปสถิต*เป็นดั่งรักนิรันดร์* สู่แดนขวัญนิรพาน แดนพรายพร่างด้วยดวงแก้วแพรวประภัสร์ ระยับยิบวะวิบวับงามจับจิตจับใจไสวพร่างสว่างเย็น หลุดพ้นทุกข์มิต้องมุดลงมาเกิดใหม่ ในแดนต่างๆ ตามกาลกรรมที่เคยกระทำกันไว้ ให้ชดใช้มิรู้สิ้นรู้จบ ทบทวีนานชั่วกาลกัปป์กัลป์อันแสนน่าเบื่อหน่าย สาวนา.. เพิ่งอ่านหนังสือที่หลวงพ่อได้เมตตาให้ยืมมา ชื่อว่า *เนื้อนาบุญ*ที่แสนหอมกรุ่นหอมงาม ด้วยข้อคิดเพื่อการใช้ชีวิตขจัดทุกข์ และ สร้างความสุขความเจริญ ด้วยธรรมโอวาทจากพระอริยสงฆ์ที่คนไทยนับถือ มี*หลวงพ่อเจริญ หลวงปู่แหวน หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่โต๊ะ พระธรรมดิลก หลวงปู่เงิน* และอีกมากมายหลายพระคุณท่าน ที่เรียบเรียงโดย คุณ ศ.ธรรมรัตน์ และ สาวนาได้เพียรนำมาประดับจิตประดับใจ ให้ใสพราวสว่างวาวราวดาวดวงประกายพรึก .......... และ ก่อนคืนวันเพ็ญบุญนี้ กับยามสนธยาฟ้าใกล้ค่ำ *สาวนา*ผู้มีมีหัวใจดวงละมุนละม่อม จึงยอมไปเลือกเด็ดดวงดอกไม้หอมๆ ที่มากมายรายล้อม รอบกระท่อมลั่นทมที่กำลังให้หอมอวล มาร้อยเรียงเป็น... *มาลาทิพย์*ให้สวยใสประชันงาม เพื่อน้อมศิระกรานกราบพลีบูชา ยามสวดมนต์ทำวัตรภาวนาสมาธิ มีทั้งมะลิลามะลิซ้อน กุหลาบกลีบบางอรชรพร่างกลิ่นกอมแรง ดาวเรืองแทนสีแห่งความเรืองรุ่งมุ่งมั่น ในศีลธรรมคุณงามความดี คล้ายสีจีวรรุ่งโรจน์ฉายโชติชัชวาลย์ประภัสสร กับ พุดซ้อนนวลดอกพราวขาวระยับงามจับใจ แม่ดวงดอกไม้ไพรแสนพิสุทธิ์ ที่อยากหยุดอ้อนวอนรักใครเสียที มีแต่เพียง *ยอดมงกุฎยอดพระรัตนตรัย* ไสวนำทาง มาคอยกำกับ..คุ้มใจคุ้มเกล้า เป็นมิ่งขวัญสิริมงคล..มิให้วกวนหลงทาง อ้างว้างลอยคอหลงกลางทะเลโลกย์โศกสุขอีกต่อไป และ ก่อน.ราตรี.. ที่เวทีฟ้า จะเล่นแสงสีแสงสวยแสนสวย..อวดสาวนา ที่ยืนทอดทัศนาทุกทิศทาง รายรอบในราวไพรในราวป่าแต่เพียงลำพัง ที่นะบัดนี้ถูกประดับประดา ด้วยสีสันอันพร่างใสแจ่มจรัสไสวราวเรียวรุ้ง ด้วยทุ่งทองปองขวัญ ถูกรายล้อมด้วยดวงดอกไม้งามราวสวรรค์สรวง ในยามค่ำแห่งเหมันตฤดู พากันชันชูช่อแข่งกันอย่างมิพรั่นใคร นั่น.. กัลปพฤกษ์..ราว*ซากุระเมืองไทย* ที่มีดอกตูมเต่งแย้มบานหวานขาวพราวพวง ไล่โทนสีชมพูเข้ม..อ่อน.. อ้อนอวดองค์เป็นดงสะพรั่งพรึบริมนา กับ ฟ้าหวานปานสายไหม ธรรมชาติไพร ที่แสนมีเมตตามากน้ำใจ ใจดีหยิบยื่นไมตรีให้มวลหมู่มนุษย์ได้หยุดเฝ้ามองดู และ ปองเก็บดอกพราวพรูไปเป็นพุทธบูชาพระ อย่างในสมัยสุโขทัยที่นิยมกัน โน่น.. ต้นแคขาว ที่บางคราวให้นามตามถิ่นว่าลั่นทมขาว ที่พราวกิ่งออกช่อประดับป่าหน้าแล้ง ให้แต้มเขียวไพลพรมห่มหอมไปทั้งราวป่าแห้งแดงน้ำตาล มองเห็นขาวงามแต่ไกล ไหนจะ*กุหลาบพันปี* ที่*สาวนา*ได้พันธุ์มาจากยอดดอย รอคอยดอกออกฤดูนี้ ที่จะออกแดงช่อกลมพรายพรม อวดโฉมประโลมหล้าละไมละมุน แล้ว นั่น..แคร์ฝรั่งอ่อนช้อย ห้อยพวงดอกรูปถั่วทั้งขาวหรูชมพูพรายพริ้ง กำลังสะบัดสะบิ้ง ทิ้งตัวร่ายรำฟ้อนอ้อนสายลมในยามค่ำ พร้อมกับชมพูพันทิพย์ที่งามล้ำ ด้วยดอกดกสดใสแสนหวาน ปานประหนึ่งโลกนี้มีแต่สีชมพู้ชมพู และ นี่ ประดู่แดงดอกสีเพลิงเริงโรจน์ ร่วงพรูอยู่งามได้ภายในวันเดียว ราวไฟรัก..ไหม้ลามเลียแสนรวดเร็วไร้อาลัยไยดี ตัดสีกับนนทรีสีเหลืองทองผ่องผุดคล้ายช่อฉัตร ที่พัดโปรยโรยกลีบร่วงพวงพรมพร่างห่มพื้นพสุธา เตือนให้นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รู้ว่า *เวลาแห่งการสอบปลายภาคใกล้มาเยือนแล้ว* ยามแย้มบานอวดหวานหอมละมุนไปทั่วทิศสนิทนวล อีกมากมายแมกไม้ในป่าดงพงไพรพฤกษ์ ที่.... สาวนากำลังรู้สึกราวกับกำลังฝันไป ว่าได้ท่องไปใน *พิมานสรวงแสนขวัญสวรรค์สรวง* กับดวงดอกไม้ป่าตระการพรั่งถะถั่งริน มิสิ้นสายหวานหอม ให้มวลหมู่ภมรว่อนภิรมย์ มาดอมดมพรมจูบด้วยรักกลางกลีบเกสรงาม สาวนา..สัมผัสงามด้วยดวงใจใสฉ่ำเย็น กับดวงทิวากร.. ที่กำลังรอนรอนแสงสุริยา ลาฟากฟ้าอย่างพิร่ำพิไร สาวนา..คิดๆไป...คิดๆไกล ยามทิ้งใจทิ้งตาทอดทัศนาธรรมชาติไพรลำพัง ว่า... ช่างแสนน่าอัศจรรย์นัก ราวชีวิตรักของสาวนากับอ้าย หากเปรียบได้ดั่งยามทิวาราตรี ดั่ง..*เทพสุริยมณี..กับ..เทวี รติกัลยา* ที่มิเคยจะมีสักวัน จะได้มาพบพ้องพาน ได้มาหวานหวังสร้างพลังพร้อมกัน ได้มาเคล้าเคลียคลอเคียง เป็นคู่อยู่ในอ้อมฝันอ้อมใจ..ไปนิรันดร์ในชีวิตจริง หากทุกสิ่งคือสัจจธรรม ราวตอกย้ำคำว่า *หน้าที่ต้องมาก่อนหัวใจเสมอไปเสมือนเรา..* ที่ต่างคือเงาจิตนิรมิตขวัญ และหวังหากสวรรค์เมตตาปรานี คงมีสักเสี้ยววินาทีนึง.. ไม่ว่ากี่กาลกัปป์กัลป์กี่สวรรค์สวาท กี่ภพกี่ชาติที่สาวนาหลงรักหลงรออ้าย หวังคงได้สัมผัสอ้อมขวัญสวรรค์หวาน ปานวิมานสรวงอันแสนอบอุ่นอ่อนหวาน ปานประหนึ่งสถิตในแดนทิพย์ ที่มีรวงดาวราวแก้วแวววะวับระยับยิบ เลื่อมประภัสสรประดับพราว มิให้หนาวใจอีกต่อไป... ราตรีมาเยือนแล้ว ขวัญแก้วขวัญใจใครกันละหนอ ที่งามใส*ดั่งดวงมณีไพร* ยืนนิ่งละออร่างรับลมสะท้าน ให้.. ลมไล้ร่างงามในชุด...เสื้อผ้าฝ้ายสีขาว กับงามพราวด้วยผ้าซิ่นไหมสีฟ้าอมโศก รับนัยน์ตาวิโยคหวานเศร้าซึ้งราวน้ำผึ้งรวง ผมยาวสยายดั่งแพรไหม ถูกพันทบตลบมุ่นมวยด้วยดวงดอกเอื้องแซะ และทิ้งชายปลิวไสวไปทางเบื้องหลัง ทิ้งให้วงหน้าเรียวนวลผ่องผุดพิลาส สะอาดงามสงบ ราวรูปสลัก ตระลบล้อมด้วยหอมหวานแห่งมวลดอกไม้ละมุน กรุ่นกลิ่นเศร้าเคล้าเกศเคลียแก้มในยามนี้..ลำพัง ที่มีเพียงฟ้าดินอินทร์พรหม..เพียงนั้น กำลังปันพลี...หยาดน้ำค้างแทนหยาดน้ำตามาโปรยพร..! มาพร่างพรมมาห่มหอมให้ ด้วยมากเมตตาแสนปรานีนัก กับรักนี้ที่แสนดีที่แสนงาม.. *เป็นดั่งตำนานขวัญมหัศจรรย์รัก* ********************** http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song646.html (สิ้นกลิ่นดิน) โฉม ยง เจ้าคงไม่รักเราจริง เรา ซิเชื่อทุกสิ่ง รักจริงแต่เจ้าแจ่มจันทร์ รู้ ไหม ใครเขาคอยเฝ้าฝัน คิดถึงเจ้าทุกวัน แจ่มจันทร์เจ้าไม่กลับมา โบย บิน ลืมสิ้น คนท้องนา เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นดารา เรียกหาเจ้าไม่ได้ยิน โฉม ยง เจ้าคงจะลืมเราสิ้น ค่าของเราเพียงดิน ได้ยินแต่คำนินทา โฉม ยง เจ้าคงไม่รักเราจริง เราซิเชื่อทุกสิ่ง รักจริงแต่เจ้าแจ่มจันทร์ รู้ ไหม ใครเขาคอยเฝ้าฝัน คิดถึงเจ้าทุกวัน แจ่มจันทร์เจ้าไม่กลับมา โบย บิน ลืมสิ้น คนท้องนา เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นดารา เรียกหาเจ้าไม่ได้ยิน โฉม ยง เจ้าคงจะลืมเราสิ้น ค่าของเราเพียงดิน ได้ยินแต่คำนินทา...