๏ เราก็ต่างหดหู่เมื่อรู้สึก หวนรำลึกคิดคะนึงถึงความหลัง จนหัวใจเพ้อพกตกภวังค์ เหมือนอดีตยังคงอยู่เคียงคู่เรา ฉัน...เธอ...คือความเหมือน บนความแตกต่าง ในความรู้สึก ต่างพยายามหาทุกสรรพสิ่งมาต่อเติมหัวใจที่...เว้าแหว่ง...ขาดวิ่น ใช่ความรักหรือเปล่า...ไม่หรอก ...ไม่ใช่เลย.. ....รักทั้งโลกคงเติมหัวใจเราไม่เต็ม.... เพราะ ฉัน ... เธอไม่ได้ต้องการมันจริงๆ...ใช่ไหม ? เราก็ต่างไขว่คว้าหาทางออก ยิ่งจนตรอกยิ่งเปล่าเปลี่ยวยิ่งเหี่ยวเฉา ยิ่งดิ้นรนยิ่งตกอับอยู่กับเงา จึงยังเฝ้ากระเสือกกระสนทุรนทุราย ฉัน .... มิได้พบทางออกจากห้วงแห่งอดีต เพียงฉันพบทางเบี่ยง ที่จะเลี่ยง ละทิ้ง .. หนีมันไป แค่ชั่วคราว เพียงชั่วค่ำคืน...แค่นั้น ฉันเริงร่า เริงระบำ บนความร้อนเร่า พอได้บรรเทา ? .... เพียงเพื่อหลอกตัวเองว่าได้พบสิ่งที่เติมเต็ม ... แล้ว ..... ฉันมิกล้าพอ ฉันยังไม่พร้อม ฉันขี้ขลาดเกินไป .... เราก็ต่างอดสูเมื่อรู้ว่า ที่โหยหาสิ่งงดงามในความหมาย จึงเดินสู่ความเหงาและเปล่าดาย แต่สุดท้ายต่างคนต่างวนเวียน เธอ .... เธอบอกว่า มืดมนเหมือนคนตาบอด เธอรู้สึกเหมือนผงเข้าตา..เมื่อพยายามลืมตา ... มันเจ็บปวด ... เธอจึงหลับตา .... อยู่กับความฝันในวันวาน อยู่กับความร้าวรานในอดีต อยู่กับเรื่องราวที่ผ่านมา ... อับจน สิ้นหนทาง ไร้ทางออก ... เราไม่ต่างตรงมืดมนและหม่นหมอง ในมุมมองที่ลิขิตและขีดเขียน กับเส้นทางเรรวนที่จวนเจียน จะแปรเปลี่ยนผันไปได้สักวัน เธอ ... ฉัน ... เราต่างมีเหตุผล ที่ต่างกัน หรือ มีข้ออ้างไม่เหมือนกัน เรามีความฝัน เพราะเรามีสิทธิ์จะฝัน จะหวัง เฉกเช่นมนุษย์ทุกคน มีความฝันกลางชีวิตที่สับสน ในชีวิตที่มืดมน .... เหมือนกัน ..... แต่ความเป็นจริงคอยสะกิดเตือน ว่าเราเองโง่งม ... หลงทางอยู่กลางอดีต ...อยู่ท่ามกลางความมืดมิด.. หลงลืมความเป็นจริง สิ่งที่เป็นไปในปัจจุบัน เราจึงต่างทุกข์ตรมและขมขื่น เราเก็บกลืนความเหงาเศร้าโศกศัลย์ ปาดน้ำตาเปียกชื้นข้ามคืนวัน ที่เหมือนกัน...คืออ้างว้าง ไม่ต่างเลย
4 มกราคม 2551 16:23 น. - comment id 807536
ป ก็ตีความไปตามสิ่งที่อ่านน่ะค่ะ เข้าใจมั่ง ไม่เข้าใจมั่ง เป็นเรื่อง ปกติของ ป น่ะค่ะ อะคริๆๆ
4 มกราคม 2551 15:36 น. - comment id 807571
เป็นบทกลอนที่ไม่เคยเห็นในงานเขียน ของ เรไร นะคะ เหมือนเป็นการพูดคุยกับทั้งตัวเองและใครสักคนหนึ่ง...โดยใช้ใจเรียบเรียง...อย่างไร้ขอบเขตปิดกั้น
4 มกราคม 2551 15:42 น. - comment id 807580
ฟังขึ้นดีค่ะ ถ้าคนนั้นมาอ่าน คงใจอ่อนแน่ๆ
4 มกราคม 2551 15:50 น. - comment id 807589
อย่าๆๆๆ เข้าใจอะไรผิดกันเลย ที่เขียนงานชิ้นนี้ขึ้นมา แค่อยากจะบอกกับใครหลายๆคนว่า ความทุกข์ที่ต้องทนอยู่ทุกวัน มิได้มีใคร ที่แบกรับมันมากน้อยกว่ากัน แค่อยากเพียงบอกว่า เราก็ต่างแบกรับกันไว้เท่านั้น อยู่ที่ว่าใครจะพบทางออก หรือมีหนทางแสวงหาความสุข บนความทุกข์ ที่ต้องทนอยู่กับมัน คุณ โคลอน เคยเขียนแบบนี้มาครั้งหนึ่ง นานๆๆๆๆๆๆมากแล้ว คุณ ป. นั่นคือสิ่งที่คุณคิดแน่ใจหรือ ว่าใช่สิ่งที่ผมเป็น
4 มกราคม 2551 15:55 น. - comment id 807593
อ๋อ........เข้าใจแล้วค่ะ... เป็นการให้กำลังใจคนอื่นที่กำลังรู้สึกแบบนี้เนาะ...ขอบคุณนะคะ...แบบว่าอ่านแล้ว อินตามอ่ะค่ะ คิดว่า เรไร เคยเจอความรู้สึกแบบนี้จริงๆ
4 มกราคม 2551 15:57 น. - comment id 807595
ขอบคุณ คุณ โคลอน ที่อ่านในบทประพันธ์ มิ ได้อ่านผู้ที่เขียนมัน
4 มกราคม 2551 16:10 น. - comment id 807605
ถึงจะอ่าน ผู้เขียน .....ก็คงอ่านไม่ออกหรอกค่ะ
4 มกราคม 2551 16:25 น. - comment id 807608
เอ่อ.........เมื่อกี้มีใครเดี้ยงมั่ง.....ยกมือขึ้น
4 มกราคม 2551 16:37 น. - comment id 807614
เพราะเธอฉันต่างกันที่เหตุผล คนสองคนมองต่าอย่างที่เห็น เธอและฉันมองเห็นคนประเด็น จึงหลีกเร้นจากไป....ให้ตรอมตรม ฉันมั่นคง...เธอหน่าย...ใจย่อมรู้ ฉันยิ้มสู้....เธอหนี..มีขื่นขม ฉันเฝ้ารอ...เธอไป....คล้ายคล้ายลม ที่แค่พรมใจฉัน....ให้หวั่น...ใจ.. เหตุและผลของแต่ละคนย่อมแตกต่าง ไม่มีใครไม่มีปัญหางง ต่างกันตรงที่ใครจะมีวิธีแก้ปัญหาและดูแลตัวเองอย่างไร
4 มกราคม 2551 18:06 น. - comment id 807640
สวัสดีปีใหม่ค่ะ อย่าเจ็บ อย่าไข้ อย่าจน มีความสุขตลอดไปนะจ๊ะ
4 มกราคม 2551 18:52 น. - comment id 807666
ปี 2551 ขอให้หายทุกข์หายตรมนะคะ...
4 มกราคม 2551 19:41 น. - comment id 807695
เป็นบทรำพันที่เจ็บปวดจังเลยครับ
4 มกราคม 2551 20:12 น. - comment id 807719
บางทีก็ไม่อยากมีเหตุผลเหมือนกันค่ะ สวสัสดีปีใหม่นะคะ
5 มกราคม 2551 07:51 น. - comment id 807819
เยี่ยมค่ะเขียนได้ดีมากๆค่ะ
6 มกราคม 2551 11:23 น. - comment id 808254
ตอนนี้เรนไม่อยากมีทั้งเหตุ..ทั้งผลด้วยดิคะ.. อิอิอิ..
7 มกราคม 2551 01:09 น. - comment id 808375
คุณ ป. เอาน่าอย่คิดมากเลยครับ ผมเขียนเท่าทีใจอยากให้เขียน คุณ โคลอน จุ๊ๆๆๆๆๆๆอย่าเอ็ดไป คุณ ครูพิม ผมเขียนมาจากส่วนลึกที่เก็บไว้ครับ เผื่อว่าใครสักคนที่เข้ามาอ่าน ที่มีความทุกข์อยู่พอๆกัน เพยงเพื่อกำลังใจครับ ...ไม่ได้หวังให้ใครปลาบปลื้ม จริงๆ คุณ กชมวรรณ หวังว่าใครสักคน คงอ่านบทกวี ไม่ใช่อ่านแบบอ่านหนังสือพิมพ์ สวัสดีปีใหม่ครับ คุณ ลิลลี่ขาว ขอบคุณครับ คุณก็เช่นกัน คุณ อินสวน ก็แค่เสี้ยวหยึ่งในความรู้สึก คุณ ยาแก้ปวด บางครั้ง เราก็ไม่ต้องการเหตุผลรอกครับ คุณ นกยูง ขอบคุณครับ สวัสดีปีใหม่ครับ คุณ เรน นั่นแหละเหมือนกัน สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน
7 มกราคม 2551 01:25 น. - comment id 808376
สวัสดีค่ะพี่เร คนทุกคนย่อมมีเหตุและผลในการกระทำเสมอ ส่วนเหตุจะนำมาซึ่งผลได้ถูกต้องหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความถูกใจของคนที่ได้รับผลนั้นๆ หากเหตุผลของคนสองคนขัดแย้งกัน อีกคนย่อมคิดว่าอีกคนไม่มีเหตุผลเสมอค่ะ งงไหมคะ อิอิ น้องเอก็งงเหมือนกันค่ะ สำคัญว่าในทุกวันนี้ หากเราอยากให้คนอื่นเข้าใจในเหตุผลของเรา เราก็ควรจะทำความเข้าใจในเหตุผลของเขาด้วยเช่นกันค่ะ ขอให้พี่เรมีความสุขมากๆ นะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ
20 มกราคม 2551 18:23 น. - comment id 813229
ผมเข้าใจว่า เหตุ คือสิ่งที่เกิดขึ้น ผล คือสิ่งที่ตามมาจงเข้าใจและยอมรับมัน
18 ตุลาคม 2552 21:53 น. - comment id 1053018
ฟ้าสงัด อาทิตย์ลับขอบฟ้ากว้าง ความมืดครวญคราง อาลัยหา หลบเร็ดคราบน้ำตา ก็หาหวน ใจร้าวยวนญรัก หักใจเสีย.. ยังรอวันรุ่ง พรุ่งนี้ก็ใกล้สาง แสงสว่างอาทิตย์ส่อง นำทางเสีย หากพระจันทร์กับดวงตะวัน พลันส่งเสียง บอกสำเนียงว่าห่วงใย ใครคนหนึ่ง... ไม่เป็นไรหรอกหนา คราอดีต สิ่งถูก-ผิด ขว้างหายคราเก็บฝัน หากแต่ความรู้สึกนั้นผูกพันธ์ ยิ้มสู้ตะวันส่อง-พระจันทร์สาด สว่างเนือง...