วิมาน..ดาวราย..!

พุด

Galaxy3D_1.jpgaishwarya-rai.jpgaishwarya140706_228x490.jpg231102.jpg
สุดปลายทางสายรุ้งอันพริ้งพราว
คือสะพานดาวระยับฟ้า
อนันตกาลเวิ้งฝันไร้เวลา
วิมานนภาเหนือหล้าจักรวาล
หยุดฝันใฝ่ในอนาคต
รักงามงดปัจจุบันแสนหวาน
ใต้ดวงดาวพราวระย้าโปรยหว่าน
คือสายธารเพชรพร่างณ..กลางใจ
ยามมีเธอและฉันเกี่ยวก้อย
รัดร้อยในอ้อมฝันสวรรค์ไสว
โลกทั้งโลกดูราวหยุดหมุนไป
ยามหลอมใจรวมรักภักดิ์นิรันดร์
เงียบงามในท่ามความสุข
สิ้นระทมทุกข์ใดในโลกฝัน
ลอยล่องท่องไปในมิติมหัศจรรย์
ตราบกาลกัลป์มั่นคงในรักเรา..!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3337.html
คู่ทาษ 
 
ขอครวญคำ
ข้ามฟ้าลอยมาแด่เธอ
น้ำคำวอน คลั่งเพ้อละเมอจากใจ
รักเราสอง สัมพันธ์
แต่รักนั้นอยู่ไกล
เฝ้าหลงอาลัย ร้องครวญไป
ฝากหัวใจลอยล่อง
ขอปรานี พี่หวัง จงฟังพี่ครวญ
เสียงในใจ ไห้หวล รัญจวนหม่นหมอง
รักเราเอ๋ย แม้ไกล แต่หัวใจประคอง
พี่หวัง ใจปอง
เนื้อนวลทอง ใฝ่รักปองบูชา
เป็นกะลาให้ถือ
แม้เธอคือขอทาน
เป็นบัลลังก์ตระการ
แม้เธอเป็นนาง พญา
เป็นโลงทอง รองรับแม้ดับชีวา
เป็นวิมานผ่านฟ้า
แด่เทพธิดา นงคราญ
รัก เราเป็น
เช่นเหมือนดาวเดือน เด่นตา
แสงเรืองรอง ส่องฟ้าอาภาเบิกบาน
แม้ชีพสูญลับไป แต่รักไม่แหลกราญ
ให้สองวิญญาณ
สิงสราญ อยู่วิมานดาวเดือน
เป็นกะลาให้ถือ
แม้เธอคือขอทาน
เป็นบัลลังก์ตระการ
แม้เธอเป็นนาง พญา
เป็นโลงทอง รองรับแม้ดับชีวา
เป็นวิมานผ่านฟ้า
แด่เทพธิดา นงคราญ
รัก เราเป็น
เช่นเหมือนดาวเดือน เด่นตา
แสงเรืองรอง ส่องฟ้าอาภาเบิกบาน
แม้ชีพสูญลับไป แต่รักไม่แหลกราญ
ให้สองวิญญาณ
สิงสราญ อยู่วิมานดาวเดือน... 
 

imageXDEL10207201006.jpgash100.jpgrio1.jpg				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    6 กันยายน 2550 12:41 น. - comment id 750252

    นางเอกพี่พุดมีแต่สวยๆนะคะ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • พุด

    6 กันยายน 2550 13:05 น. - comment id 750277

    487_The_Former_Angel.jpgangel-1.jpgณ ปลายฟ้ามีเกลียวฝันอันงดงาม !
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
    
    ผม..กำลังนอนหลับตานิ่งๆทิ้งใจว่างๆ
    ในเปลญวน
    ใต้ต้นลั่นทมดวงดอกสีขาว
    ที่กำลังบานพราวสะพรั่ง
    
    กับบรรยากาศแสนวิเวก
    
    
    กับ
    
    ฟ้าสีครามเข้ม
    น้ำทะเลใสแจ๋ว
    จนเห็นกรวดทรายระยับยิบวิบวาว
    อยู่เบื้องล่าง..
    
    
    ดวงตะวันสีส้มสุกดวงโต
    กำลังใกล้จะทายทักผืนน้ำตรงรอยตัดเส้นขอบฟ้า
    ลมพัดทิวสนเหนือหาดทรายเสียงซู่ซู่..
    
    ผมรู้สึกสุขสงบใจอย่างเหลือเกิน
    
    ผมเพลินนอนเงียบ
    ไร้ความคิดใดใด
    
    นอกจากผสานจิต
    ให้เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม
    แล้วพัดผสมพร่างพราย...ไปจน...*สุดปลายสายรุ้ง*
    
    
    และณ..ที่นั่น
    ในฝัน..ในนิมิต  ผมเห็น..
    
    ผู้หญิงดวงหน้าเศร้าสร้อยราวลอยคว้างในท่ามกลาง
    ม่านหมอกที่ราวสายไหม*ในเกลียวฝันสีทองงามผ่องผุด*
    
    เธอคนดีค่อยๆคลี่ยิ้มหวานๆละมุน.. 
    
    และ
    หากผมมองไม่ผิด
    ผมเห็นหยาดน้ำค้างพิสุทธิ์พราว
    ราวประกายมุกกลางเรียวตาเธอ
    ที่กำลังพร่างพรายราวสายฝน...
    
    นาทีนั้น..
    ผมคิดว่านั่นละหรือคือนางฟ้า..นางในฝัน..
    นี่หรือเปล่าเล่าสวรรค์!..สวรรค์..!
    
    แล้วทำไม..!
    นางฟ้าคนนั้นถึงต้องร้องไห้..ร้องไห้ด้วยเล่า
    
    ให้หัวใจ..ผม...
    กำลังถูกบีบคั้นอย่างหนักหน่วง
    
    กับภาพฝันตรงหน้า
    กับใบหน้างามโศก
    ที่ราวกำลังอ้อนโลกทั้งโลกให้หยุดหมุน
    และ
    ให้ใจผมราวอยากหยุดหายใจ..
    
    
    ในฝัน...!
    
    ผม..ค่อยๆเอื้อมมือแข็งแรงออกไป
    หวังไขว่คว้า...
    โอบกอดร่างเธอไว้อย่างอ่อนโยนทะนุถนอม
    และ..
    จะค่อยๆใช้มือสากๆค่อยๆประคองเช็ดหยาดน้ำตา
    ให้อย่างละมุนละม่อมเบามือ
    เท่าที่หัวใจดวงใสดวงซื่อดวงนี้
    ที่แสนรัก..แสนสงสารเธอเสียเป็นยิ่งนักแล้ว..จะทำได้..
    
    
    แต่..
    ทันที..!
    ที่มือผมกำลังไล้ลูบบนใบหน้าเรียวละมุนนั้น..!
    
    
    
    ราวเกิดมหัศจรรย์รัก ปาฎิหารย์รัก..!!!!!!!
    
    เกลียวฝันสีทอง
    ที่ล้อมวงหน้างาม
    
    ก็พลัน...!
    ค่อยๆหมุนคว้างแรงขึ้น เร็วขึ้นๆๆ...!!!
    จนเกิดประกายพร่าง....
    จรัสเรืองแสง..
    
    
    ราวสีรุ้งหลากสีมณีหลากดวง
    พุ่งพรายฉายฉานออกไปรายรอบทิศทาง
    ไสวสว่างราวแก้วใสกระจ่าง
    ราวกาแลคซี่ในเวิ้งจักรวาล
    กำลังพร่างงามแตกดอกดวงช่วงโชติชัชวาล!!!
    
    ให้ผมตะลึงตะไล
    ไปกับภาพงามแสนงามตรงหน้า
    ที่แสนตระการตาตระการใจ
    ที่แสนยิ่งใหญ่ในความรู้สึกพรึงเพริศอย่างยากยิ่งที่จะอธิบาย!
    .............
    
    
    แล้ว..........
    
    ทุกอย่างในเวิ้งฝัน
    ก็ค่อยๆพลันจางหายไป....หายไป..หายไป...
    
    พร้อมกันกับ
    ที่ผมลืมตาตื่น
    
    เมื่อถูกปลุกด้วยเสียงฝีเท้า
    ของใครบางคน
    ที่กำลังก้าวย่ำทราย
    ผ่านเปลที่ผมนอนไปอย่างช้าๆ...ช้าๆ
    พร้อมกับกลิ่นหอมดอกไม้ไทยที่ผมแสนรัก..ลั่นทม!
    
    
    ผมค่อยๆเผยอตัว
    พยายามลืมตาขึ้นมา
    
    พร้อมกับแสงตะวันสีทองส่องแยงตา
    ที่ทำให้ผมต้องค่อยๆตะแคงร่างเบือนหน้าหนี
    
    
    และ...
    
    นะบัดนี้
    
    เมื่อแหงนเงยหน้าขึ้น
    จะเห็นดวงดอกลั่นทม
    กำลังค่อยค่อยปลิดปลิว
    ลิ่วฟ้อนอ้อนสายแสงสีทองสุกจัด
    ระบัดไหวไปกับสายลมอ่อนอ่อนในยามค่ำ
    และ
    
    
    กับพรายตะวันรอนรอนยามสนธยา
    ที่ตะวันดวงเหว่ว้าดายเดียว
    กำลังค่อยๆ..จ่อมจมลงบนผืนน้ำ
    
    และ
    กับหอมงามหอมหวาน
    ของดวงดอกไม้แสนเศร้า
    ราวอาลัยอาวรณ์ออดอ้อน
    พร่างพรมลงบนลานฝัน..ลานลั่นทม..
    
    
    ผม..ลุกขึ้นจากเปล
    และ..
    พาร่างเดินทอดน่องไปทางโขดหินเนินผา
    ที่เคียงทะเลตรงหน้าอยู่ไม่ไกล
    
    ไปทอดทัศนา
    ความงามของสายแสงสุริยา
    ที่แสนงดงาม
    ยามตะวันลา ตะวันลับฟ้า
    ด้วยความซึ้งเศร้าใจ
    ในแสงสุริยาแสนสวย
    ที่กำลังทอทาบ
    อาบผืนน้ำทะเล..ราวทองทา!
    
    
    ผมทรุดตัวลงนั่งเหนือเนินผา
    ที่กำลังถูกคลื่นถาโถม
    ซัดกระหน่ำจนแตกฟองฝอย
    
    ก่อนจะกระแทกตัวทะยอยกระสานซ่านเซ็น
    กระเด็นละอองไอเค็มเคลียร่างผม
    ที่นั่งแสนชิดใกล้หาดทรายกับเกลียวคลื่นสีทอง
    ที่ราวพลีร่ำร้องไห้ไปพร้อมกับตะวันลา
    
    
    และทำไม..
    
    ผมยังได้กลิ่นดวงดอกลั่นทม
    อวลหอมเศร้าตามลมมาถึงนี่ได้เล่า
    
    ช่างแสนจะน่าแปลกใจ
    และ
    ทำให้ผมต้องหันไปหาที่มาแห่งกลิ่นนั้น
    
    แล้วพลัน..!
    ผมก็เห็นร่างงามของใครคนหนึ่ง...!
    
    
    ที่นะบัดนี้
    ยามเมื่อ..
    เธอค่อยๆหันเรียวหน้ามา
    และกับ
    เสี้ยวแสงแห่งตะวันลาอันอบอุ่นอ่อนหวาน
    ที่
    กำลังแตะแต้มเรือนผมและใบหน้า
    ให้พร่างกระจ่างเรืองรอง
    ราวหิ่งห้อยนับร้อยพันเกาะพรายพร้อย...
    
    
    และ
    
    ราวกับทำให้
    โลกฝันและโลกจริง
    กำลังเลื่อนลอยลงมาตรงหน้าผม
    ซ้อนทับกันสนิทเป็นหนึ่งเดียว
    
    เมื่อ
    ผมเหลียวหันไปมองจ้องภาพนั้น
    อีกทีและอีกที...!
    
    อย่างที่..แทบทำให้ผมลืมหายใจ
    
    และ
    ราวต้องมนต์ให้จังงัง..นิ่งงัน  งุนงงอีกคราครั้ง
    ราวกับ..
    เมื่อยามย่ำสนธยา
    ที่
    ผมเพิ่งงีบฝันผ่านมา..ในนาทีเมื่อครู่นี้
    
    
    และ..
    กับนาทีนี้
    
    ที่ผมคิดว่าโลกตรงหน้า
    ราวกับว่า
    กำลังหยุดหมุนแล้วจริงๆ
    
    เมื่อ
    ใบหน้าสวยสงบงามเศร้านั้น
    หันมาสบตาผม..!
    
    
    และ
    เมื่อผมเห็นหยาดน้ำนัยน์ตาเธอ
    กระทบลำแสงสุริยาสุดท้าย
    ที่ก่อให้เกิดประกายเลื่อมพรายประภัสสร
    สะท้อนวะวาววับ
    ราวกับหยาดเพชรน้ำงาม
    
    ราวกับหยาดน้ำค้างแก้วที่
    กลิ้งบนในบัวในยามต้องแสงยามอุษาสาง
    
    
    ผม..เห็นดวงดอกลั่นทม
    สีขาวดอกใหญ่งามพราวพร่าง
    ที่ทัดผมเคลียแก้ม..
    
    ยิ่งทำให้หัวใจผม..
    ราวต้องมนต์ราวละเมอ
    และ
    เมื่อเห็นภาพเธอคนดีคนงาม
    นางฟ้านางใจนางในฝัน..
    
    
    และ
    
    กับดวงดอกไม้แห่งความเศร้านั้น
    
    ลั่นทม..ลั่นทม..ลั่นทม..
    
    ที่นะบัดนี้!
    
    พลัน...
    
    ค่อยๆหมุนคว้างอย่างช้าช้า... ช้าช้า..
    และ
    ค่อยๆ..หมุนเร็วขึ้น..เร็วขึ้น.. และเร็วขึ้น..
    ให้
    หัวใจผมราวฝันไปอีกรอบอีกหน
    
    แบบไม่อยากตื่นมาทนรับรู้รับทราบ
    ความจริงบนโลกโศกสุขนี้อีกต่อไปเลยแล้ว
    
    ขอเพียง
    ให้ดวงจิตดั่งดวงดวงแก้วใสกระจ่างของผม..
    ได้เพริศแพร้วกับมหัศจรรย์แห่งรักนี้..ที่รอคอย
    ไปตราบชั่วกาล
    นานแสนนานตราบชั่วนิจนิรันดร!!
    
    *************
    
    
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
    หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา   
    
    หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
    หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
    หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
    สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
    นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
    สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
    ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
    หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
    โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
    สวยงามสดใส จริงเอย
    ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
    พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
    เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
    ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
    หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
    ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
    แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
    ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
    ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ
    
    ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
    พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
    เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
    ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
    หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
    ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
    แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
    ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
    ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
    
     
    sunset_angel_lg.jpg

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน