ฝนกำลังพรายสายลงบนทะเลสาบสีเงินงามนิ่ง แล... โลกกำลังหมุนทุกสรรพสิ่ง ให้ใจดวงนวลนวลดวงหนึ่ง ได้พบกับงามเงียบเรียบนิ่งเฉกเช่นกัน กับ.. วันฝันวันแสนดี วันที่ได้กลับมาเยือนทะเลสาบแห่งรักภักดิ์นิรันดร์ อีกคราครั้ง.. สายวสันต์โปรยปรายไปทั่วผืนน้ำ ในท่ามม่านหมอกหม่นมัวเทาทึม ที่ค่อยๆคลี่เคลียไคล้โอบยอดภูดูทอยทอด ซ้อนสลับสล้างอย่างแดนสวรรค์สรวงนิรมิต หากเพียงแค่ใส่ทิพยสีสันให้..อย่างวิจิตรบรรจง น้ำในดวงตาเอ่อซึม กับภาพแห่งความซาบซึ้ง ตรึงตา ตรึงตรา ตรงหน้า และ... แลดูเสมือนว่า.. หยาดละออน้ำค้างใสในดวงใจ ก็กำลังพร่างไหลระริน อย่างมิสิ้นรัก มิสิ้นฝัน ในใจดวงขวัญ ฝันฝันฝัน แม้นทุกภาพที่ตานอกรับผัสสะนั้น ตาในเพียงเพียรกระซิบบอกว่า แท้คือสัจจธรรมชาติ ที่วงวาด วนเวียน เพียรมาสอนใจ ให้.. มวลมนุษยชาติได้ชื่นชมเพื่อค้นพบสัจจธรรม ได้น้อมนำมาระร่ำรินรด ให้สดชื่นใจใสฉ่ำเย็น แค่รู้..แค่เห็นงาม... แล้ว..วางไว้ เพื่อปลอบประโลมใจ ว่า...แท้ที่จริงแล้วไซร้.. ดวงชีวี ดวงฤดีเรานี้หนาก็ประดุจดั่งฤดูกาล ที่จักพ้นผ่าน ม่านมนต์มายา จะ..สักกี่ฝนหนาวเศร้าฝัน..ฤาร้อน..วัน ก็จักผ่อนคลายมลายหายวับไปไม่นานช้า ใช่จักว่า..จะคงที่คงทน.. เพียงฝึกจิตให้รับรู้ ตาดู หูฟัง แล้วเหลือเพียง พลังเพียรพาพบไปสู่ความสว่างสงบ พบสุขว่างกระจ่างใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร... และ.. ในท่าม ม่านมนตรา แห่งลีลาวสันต์ ฝันโปรยไพร สวรรค์ไพร หัวใจดวงอิสราก็พากันลอยล่องท่องไปในทุ่งกว้าง ที่ ณ..อีกไม่นาน จักผันแปรจากดงสัปปะรด ให้งามงดเต็มไปด้วยดงดวงดอกทานตะวัน.. *ทุ่งทานตะวัน* และดอกไม้พื้นบ้านนานาพรรณ อันแสนงามไทย งามในวิถีไท มาเนิ่นนาน คงตระการตา ด้วยดงดอกบานชื่นสลับสี ชมพู แดง ขาว พราวนวล พร้อมล้วนด้วยดงพุทธรักษา เหลืองทอง ริมท้องร่องก็คงเต็มไปด้วย พืชผักสวนครัว ค้างถั่วฝักยาว มะกรูด มะนาว พริก โหระพา ข่า ตะไคร้ กล้วย ฟักแฟง แตงไทย แตงร้าน... และคงอีกสาระพืชสาระผักสาระพันธุ์ และ..นั่นคือวิมานชาวไร่ชาวดิน ที่รู้รักทำกิน รักความพอเพียงเพียงพอ.. และ..มิท้อที่จักสร้างสรรสิ่งที่ควร ที่ล้วนแล้ว.. จักคืนกลับมาหล่อเลี้ยงปากท้องพี่น้องคนไทย ให้มีกิน ให้อิ่มอุ่นท้อง มิต้องอดตาย... ไพล..ทรุดตัวนั่งในกระท่อมไม้ไผ่ ของครอบครัวชาวไร่ ที่แสนอบอุ่น ด้วยกรุ่นกลิ่นอาหารยามเย็น ด้วยสายใจสายใยรักความเรียบง่ายสมถะ เด็กชายผิวคล้ำ ตัวดำด้วยแดดลม มากระซิบบอกแม่ให้บอกไพล เดินออกไปชื่นชมผลงานของเขา *อนาคตเกษตรกรไทย* ดูกล้วยไม้ไพร..ที่เขาเพียรสู้หาพันธุ์มาเพาะปลูก สร้างเรือนรัง เพื่อแตกช่อกอฝันได้เอื้อโอบปันพลี ให้แด่ผู้รู้รักษ์ รู้ค่าธรรมชาติ..สืบไป หัวใจดวงอ่อนหวาน จึงขานรับ.. หยาดน้ำใจที่แสนใสงามของเด็กชายน้อย และ.. ก่อนกลับได้กล่าวคำให้เขาได้ปิติภาคภูมิใจ ว่าสักวัน... ในอนาคตไม่นานช้า เขาจะเติบใหญ่เป็นเกษตรกรไทยหัวใจทอง ในครรลองแห่งน้ำพระทัยพระราชดำริ ในสิ่งที่โลกศิวิไลซ์ คนในเมืองวัตถุ กำลังหลงทางห่างไกลออกไปทุกที..ทุกที... กับกระแสธารโศกนี้ ที่แสนเชี่ยวกรากวน......! ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song217.html กระท่อมชาวไร่ ทูล ทองใจ พี่ นี้ ไม่มีสมบัติพัสถาน ที่จะบันดาล วิมาน ห้อง หอ มีเพียงกระท่อม ไม้ ไผ่ ของชาวไร่ มอซอ สงสาร โปรดรอ พี่เถิด ทูนหัว กระท่อม น้อย อยู่ริมลำห้วยธารา ทั่วถิ่น วนา ไร้ความ น่า กลัว เรไรจำเรียง เสียง ก้อง แสงจันทร์ส่อง สลัว น้องรัก อย่ากลัว ว่าจะขื่นขม ไม่มี บันไดจะไต่ขึ้นไปสู่สรวง สวรรค์ เปรียบกระต่าย หมายจันทรา สุดทางรักมัน ได้แต่ระทม ถ้ามีปีกบิน เหมือนนก พี่จะโผผิน ลอยลม คว้าน้องมาชม ให้สมอุรา เป็นดอกฟ้า อยู่กลางทรวงพี่ได้ไหม จะมอบดวงใจ ไว้เพียง แก้วตา เอ็นดูพี่เถิด สาย ใจ ขอจงได้ เมตตา แม้นน้องศรัทธา จงอย่าเดียดฉันท์...
7 กรกฎาคม 2550 13:22 น. - comment id 717930
ภูมิใจปิติใจนำเสนอ จากหนึ่งในหลากร้อยผลงาน รักของสาวบ้านนาหรือพุดพัดชาค่ะ..! http://www.thaipoem.com/forever/my_poem.php?mid=6042 เจ้าดวงดอกบานชื่นระรื่นรักระรินรส..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song556.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4580.html ....................... ได้เกิดมาชาตินี้มีบุญหนัก พ่อแม่รักพี่น้องคอยพร้อมหน้า อยู่กับดินกินกับทรายไม่นำพา โอฬารตาวัตถุเง่าเปลืองเปล่าดาย เช้าช่อเอยเจ้าช่อดอกบานชื่น บ้านระรื่นแต่งช่อพ้อความหมาย รอไออุ่นแดดเช้ามาเคล้ากาย กลีบกระจายจึ่งพรายพร้อยในดอยดง เช้าช่อเอยเจ้าช่อดอกบานชื่น โบยลมครืนห่มหอมดอมให้หลง อย่าด่วนร้างดอกโปรยร่วงโรยลง โปรดเถิดรอธำมรงค์หนุ่มบ้านนา.. .............. ดาวบนฟ้ายังสุกปลั่ง ลมหลังฝนพัดพากลิ่นไอดิน และเรณูละอองดอกไม้ป่าให้หอมรินๆมาเป็นระยะๆ สาวนาถูกปลุกมาด้วยเสียงไก่ขันเอ๊กอีเอ๊กๆ ลืมตาแลลอดยอดใบมะม่วงน้ำดอกไม้สูงใหญ่ริมชายคากระท่อมทับ พร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดเพลง.. จากวิทยุทรานซิสเตอร์สถานีเจ้าประจำ ที่ต้องฟังในทุกยามย่ำรุ่ง..ยามอุษาฟ้าสาง....ใกล้สว่างรำไรๆแล้ว เสียงเพลง..คนดังลืมหลังควายแว่วมา แบบตัดพ้อต่อหวาน แบบบริสุทธิ์ใส...จากดวงใจหญิงชาวไพรชาวนาป่าดง ให้อ้ายคนดีอย่าลืมหลังวัวหลังควาย อย่าลืมกลิ่นทุ่งลอมฟางและดงตาลเดี่ยว ที่เคยพิงแอบอิงอ้อนในอ้อมตักอ้อมใจสาวนา..... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4580.html คนดังลืมหลังควาย..ขับร้องโดยคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ นึกไว้ทุกนาที ถ้าเขาไปได้ดีแล้วคงไม่มาขี่ควาย เขานั้นคงแหนงหน่าย เบื่อนั่งหลังควาย เบื่อเคียวเกี่ยวหญ้า นึกไว้ทุกคืนวัน เพียงเดี๋ยวเดียวลืมกันทิ้งกันให้คอยตั้งตา ไปได้ดีมีค่าก็ลืมสาวชาวนา คนซื่อชื่อรวง ได้เจอะคนเล็บแดงแดง ปากแดงแก้มแดงแดงที่ในเมืองหลวง ทิ้งให้สาวนานอนน้ำตาเอ่อทรวง คนซื่อชื่อรวงเขาคงไม่ห่วงไม่สน นึกไว้แล้วแล้วเชียว คำว่าดังตัวเดียวจึงทำให้คนเบี้ยวคน ลวงให้เราหมองหม่น นี่หรือใจคน พอดังก็ลืมหลังควาย นึกไว้ทุกนาที ถ้าเขาไปได้ดีแล้วคงไม่มาขี่ควาย เขานั้นคงแหนงหน่าย เบื่อนั่งหลังควาย เบื่อเคียวเกี่ยวหญ้า นึกไว้ทุกคืนวัน เพียงเดี๋ยวเดียวลืมกันทิ้งกันให้คอยตั้งตา ไปได้ดีมีค่าก็ลืมสาวชาวนา คนซื่อชื่อรวง ได้เจอะคนเล็บแดงแดง ปากแดงแก้มแดงแดงที่ในเมืองหลวง ทิ้งให้สาวนานอนน้ำตาเอ่อทรวง คนซื่อชื่อรวงเขาคงไม่ห่วงไม่สน นึกไว้แล้วแล้วเชียว คำว่าดังตัวเดียวจึงทำให้คนเบี้ยวคน ลวงให้เราหมองหม่น นี่หรือใจคน พอดังก็ลืมหลังควาย..... ..................................... แล้ว.. สาวนา..ก็รำลึกนึกถึงบทกวี จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์..*ฉบับ..เช้าวันอาทิตย์นี้* ในหน้าศิลปวัฒนธรรม ..จากคอลัมน์*ข้างคลองคันนายาว* ที่ใครก็ไม่รู้ทิ้งไว้ตรงลานหินที่วัด ทำให้สาวนาได้อ่านผ่านตาและพาให้แสนซึ้งใจ ราวกับได้ยินเสียงขานขับของเจ้าของบทกวี กำลังมาร่ายรสสุนทรีย์ อย่างเชือดเฉือนใจ อย่างได้อารมณ์ที่ตรงหน้า อย่างที่สาวนาคิดว่าช่างเป็นบทกวีที่ใช้คำ แทนใจแทงใจโดนใจประทับทั้งคนทั้งควายที่สุดแล้ว..!!!!! *ควาย*......โดย คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ตีนแปลงนอนจมปลัก ยึดเป็นหลักอยู่เป็นแหล่ง น้ำแอ่งก็นอนแอ่ง ทั้งน้ำดินก็นอนดี กินหญ้าเคี้ยวเอื้องหญ้า ในทุ่งท่าอยู่ช้าที ตัวเปล่าทั้งตาปี มีหญ้าน้ำและดินนอน ให้แรงไม่ราลด แลให้หมดเมื่อม้วยมรณ์ ถกแล่กระดูกล่อน จนเลือดเนื้อแลเขาหนัง เมื่ออยู่ประโยชน์ใหญ่ เมื่อย่อยยับประโยชน์ยัง เกราะดังกระดึงดัง กระทั่งขี้ก็ให้คุณ ถูกหยามถูกเหยียดเย้ย ไม่เคยเลยจะการุณ ความดีไม่เคยดุลย์ กลับด่าซ้ำว่าต่ำทราม จงยลไว้เป็นเยี่ยง จงเอาอย่างประโยชน์ยาม จงอย่าให้เขาหยาม จงดูควายอย่าเป็นควาย... ........................... ฝนเริ่มพร่างพรม..พรำๆสายลงมาอีก....ในอุษาหวานนี้ จันทร์เสี้ยวดวงเศร้า ดาวประกายพฤกษ์หลบหน้าหายเข้ากลีบเมฆหม่นมัวสลัวเลือนลาง ในท่ามกลางสายฝนและสายหมอก.... สาวนาคว้าผ้าฝ้ายทอมือมาห่มร่างคลุมไหล่... ในหัวใจสาวนา ยังคงได้กลิ่นกายอ้าย ราวฝากแฝงไว้ในผ้าหอมผืนงามยามคลี่คลุม กลิ่นมะลิ กุหลาบ ลั่นทม หอมฉมมาให้ชื่น ใกล้วันแม่แล้วสินะ ที่ใครๆคงปรารถนาแสดงกตเวทิตา ต่างพากันไปกราบตักแม่ และคงไม่ยกเว้นแม้แต่สาวนา ที่ตั้งใจว่า... วันแม่ในปีนี้ สาวนาคนดีจะมีดอกไม้มาลัย ที่ร้อยจากใจสาวนาดวงพิสุทธิ์ใส น้อมนำไปกราบแทบตักแม่เพื่อขอพร ทั้งๆที่แม่สาวนาเคยบอกว่า ในทุกราตรี แม่คนดีของสาวนา ก็สวดมนต์ขอพรหน้าพระพักตร์พระพุทธ...ให้สาวนาทุกค่ำคืน และ ทั้งๆที่แม่เคยยึดคำสอน...จำคำสอนของ *หลวงพ่อท่านพุทธทาส* ที่แม่แสนเคารพบูชา ผู้ล่วงลับดับสังขารไปแล้ว ที่ท่านได้เคยกล่าวรจนาไว้ว่า.. *ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้องอ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ธรรม อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ- เพ็ญบุญ กุศลนำ เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง ถือกรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่วกลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพร ....* ........................... สาวนาจึงได้แต่น้ำตารื้นชื่นนัยน์ตา เพียงเพราะคิดถึงคำ..อันแสนล้ำเลอค่า ที่สาวนาก็แสนศรัทธาเชื่อมั่น เพียรประพฤติตามคำสอนท่านและคำสอนแม่เสมอมา.... สาวนา.... ค่อยๆเดินฝ่าสายหมอก... ที่กำลังหยอกเอินข้าวใหม่ข้าวกล้าในนา เพื่อไปริมชายนาชายบึง ที่สาวนาปลูกพันธุ์ดอกไม้ยั่วยวนแมลงภู่ผึ้งเอาไว้นานา ทั้งกุหลาบจำปีจำปาราตรีมะลิวัลย์ ทั้งชบา ดาวเรือง ทั้งบานไม่รู้โรยหลากสี ที่สาวนาแค่นำมาหว่านโปรยเมล็ดฝัน ก็พลัน....!บานสะพรั่งพรึบรับขวัญกำนัลใจประดับใจแด่สาวนา *ราวอุทยานดอกไม้ในสวนสรวงสวรรค์ก็มิปาน* ไหนจะ ยังมีพุด หลากหลายพันธุ์ มะลิฉัตรมะลิลามะลิซ้อน ทั้งโมกกอ ทั้งหอมพ้อหอมพรายด้วยต้นเตยหอม ที่นำใบเขียวมาใช้ต้มดื่ม และ ทั้งที่ใช้ถนอมผิว และ.. ยังประโยชน์ได้อย่างมากมายมากมี อย่างกุหลาบหลากสีดอกใหญ่ ที่สาวนาจะค่อยๆเลือกแบ่งเด็ดดอกใกล้ราโรยมาทั้งดอกดวง แล้ว นำมาล้างให้สะอาด ก่อนจะนำมาตาก แล้วเก็บไว้ในภาชนะที่แห้ง ให้ยังสดใหม่ เพื่อนำมาชงแทนชาสำหรับดื่มเพื่อรักษาหัวใจ ไหนบางที จะค่อยๆเด็ดกุหลาบหนูดอกตูมตั้งดอกยังเยาว์น่าเอ็นดูสักสี่ห้าดอก มาปลิดกลีบสด แล้ว...หย่อนลงไปในน้ำร้อน มาดื่มซดให้แสนสดชื่นใจ ไหนจะยังแสนสวย ด้วยดวงดอกยามลอยวนในถ้วยชา ให้พายิ่งน่าดื่มนัก... สาวนา...ผู้หญิงบ้านป่า..หัวใจรักสมุนไพร จึงจำต้องปลูกทั้งพันธุ์ไม้ใหญ่ไม้ดอกนานาพรรณ ทั้งล้มลุกสุกงอมหอมหวานเก็บมากินได้ อย่าง...กล้วย..มะละกอ..ลองกอง ..ชมพู่ ทุเรียน มะม่วง และ พวงพรรณรายของไม้หอมไม้สมุนไพรสำหรับขอนำมาใช้ปรุงยา และ... บางครา... ก็นำมาทำเป็น*สปา* แบบที่เคยได้ยินจากวิทยุว่า.. *ผู้หญิงสมัยนี้นิยมไปอบร่ำผิวกัน* เพื่อผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน อันแสนเร่งรีบเร่าร้อนลุกลนจนหมดสุขหมดสวย ..สงบงาม.. สำหรับสาวนานั้น ใช้ตำราพื้นบ้านมานานแล้ว ที่เคยได้รับคำสอนสั่งจดจำมา *ดั่งภูมิปัญญาพื้นบ้าน*มานานแสนนานจากผู้เฒ่าผู้แก่ ที่เคยบอกว่า *หากอยากอาบน้ำเพื่อล้างพิษ ต้องใช้ขิงสดมาต้ม และ อยากอาบน้ำเพื่อสมองปลอดโปร่ง ต้องนี่เลย มะนาว ส้ม สาระแหน่ ใบสน. และ.. หากสำหรับกมลสาวๆช่างฝัน หรือยามมีอ้ายเคียงกายกอดนอน สาวนาจะใช้ *ตำราอาบน้ำแบบให้หอมเย้ายวนใจ* ที่เรียกว่าเสน่ห์ไพรพนา จาก ขมิ้น ลั่นทม พุด จำปา จำปี เพียงแค่นี้อ้ายก็เคยบอกว่าสาวนาหอมกว่าใคร...เกินกว่าใครแล้ว..! และ... เพราะนี่คือวิถีไทยวิถีใจจิตวิญญาณ ที่สาวนาผู้หญิงหัวใจโบราณๆ...ยังอยากรักษาไว้ให้นานแสน... ฉะนั้นในทุกคราทุกเช้า ยามอุษาฟ้าสางทั่วนภางค์สว่างแล้ว ที่สาวนามีโอกาสไปอาบน้ำในบึง สาวนาจะใช้กลีบเกสรบัวอันแสนหอมหวานซึ้งมาขยี้ที่ร่างตัว ราวมิกลัวภู่ผึ้งจะมารอเชย เป็นความหอมเอยหอมงามแสนสุขใจ แบบไม่ต้องสิ้นเปลืองซื้อสารเคมีใดใดมาประเทืองประทิ่นให้ตกค้าง และ.. ยังให้ผิวมิร้างมิสิ้นกลิ่นหอมถนอมเยาว์.. ฉะนี้แล้ว ในท่ามอุษาวดี ที่ฟ้าสลัวแสนซึ้งเศร้าหม่นมัวด้วยเมฆฝนนี้ สาวนา..คนดี จึงค่อยๆเดินไปเลือกเด็ดกุหลาบดอกโต ชบาสีแดงโดดดอกเด่น มะลิพวงมะลิลาจำปาจำปี และ... ดวงดอก*บานชื่นหลากสีที่งามแสนงามนัก* ดอกไม้ที่รักแสนรัก แถมยิ่งแสนประทับใจ ด้วยราวกับจะสอนสัจจะงามใจงามง่ายที่ชื่อก็แสนให้มงคล แม่บานชื่น บานฉ่ำ บานรับตะวัน หยาดน้ำค้าง บานทุกบ้านทุกเรือนอย่างเตือนใจนานมา อย่างตราจำไว้ในดวงจิต บานรับความคิดความหวังแห่งทุกชีวาชีวิตชั่วนาตาปี บานชั่วชีวีชีวาเห็นมาตั้งแต่ยามเยาว์ บานเฉลิดเฉลางามแจ่ม บานแต้มให้ใจหอมกว่าหอม..ราวดวงดอกไม้ใกล้มือ ที่คงคืองามเคียงดิน งามมิรู้สิ้นในจิตวิญญาณ งามเคียงบานไม่รู้โรยราแรมร้างข้างดงดอกรักภักดี พลีพร้อมพรักบานทายทักทุกดวงใจชาวดิน และ นาทีนี้... สาวนาแสนถวิลหวังหว่านพันธุ์ฝัน *อันคือ *เมล็ดฝันพันธุ์จิตวิญญาณละเมียดละมุน ให้ยังคงกรุ่นค่าหอมงามแบบสงวนศักดิ์ ให้รู้รักถนอมร่างเป็นเยี่ยงอย่างยอดแบบหญิงกุลสตรีไทย* ให้ทุกดวงใจใสงาม อย่าง..*บานชื่นบานฉ่ำระร่ำริน*.. .ไปตราบชั่วฟ้าดินตราบชั่วนิจนิรันดร ให้มิแปรผันไปตามกระแสกิเลสโลกย์ยอกย้อน ที่จะพบโศกสิ้นสาว...สิ้นสุข.. และ จักทุกข์เพราะฉาบฉวยสวยแต่รูปจูบไม่หอมตรึงตรา รวยหลอกตาเพียงภายนอก หลอนหลอกโลกไปวันวัน ให้สิ้นหวังหวานแสนไร้สาระ... สาวนา... จึงยินดีมาหว่านหวัง พลีกำนัลพลังชีวิต *จากเมล็ดพันธุ์บานชื่น..บานเช้า* ให้ทุกชีวาชีวิตได้พบรักระรื่นร่ำ ได้รับความสดฉ่ำระร่ำริน...มากับสายฝนพรำ...ในยามนี้ และ อย่างมิรู้สิ้นรู้จบทบทวีคูน...จากใจ.... ไปตราบชั่วกาลนะคนดีนะทุกดวงใจ..! ในร่มรักเรือนใจเรือนไพรวนา... ที่สาวนาแสนรักแสนปรารถนาดี..อย่างที่สุดแล้ว...!!!! ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song556.html อุทยานดอกไม้ ชมผกาจำปาจำปี กุหลาบราตรี พะยอมอังกาบทั้งกรรณิการ์ ลำดวนนมแมว ซ่อนกลิ่นยี่โถชงโคมณฑา สายหยุดเฟื่องฟ้า ช-บาและสร้อยทอง บานบุรียี่สุ่นขจร ประดู่พุดซ้อน พลับพลึงหงอนไก่พิกุลควรปอง งามทานตะวัน รักเร่กาหลงประยงค์พวงทอง บานชื่นสุขสอง พุท-ธชาติสะอาดแซม พิศ พวง ชมพู กระดังงาเลื้อยเคียงคู่ ดูสดสวยแฉล้ม รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม สารภีที่ถูกใจ งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ ผีเสื้อแตกกอ พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้ ดาวเรืองอัญชัญ ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล ชูช่อไสว เร้าใจในอุทยาน พิศ พวง ชมพู กระดังงาเลื้อยเคียงคู่ ดูสดสวยแฉล้ม รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม สารภีที่ถูกใจ งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ ผีเสื้อแตกกอ พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้ ดาวเรืองอัญชัญ ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล ชูช่อไสว เร้าใจในอุทยาน...
7 กรกฎาคม 2550 12:50 น. - comment id 721066
สวัสดีค่ะ.... วิมานชาวไร่ ถึงแม้ลำบากกายแต่ใจนั้นแสนสุขค่ะ.... พูดแล้วคิดถึงบ้านจังเลยค่ะ.....
8 กรกฎาคม 2550 00:33 น. - comment id 721269
หวัดดีค่ะพี่พุด..ป.เอาดอกไม้ผีเสื้อมาร่วมแจมภาพนึงค่ะ