พุทธองค์ทรงตรัสจัดจำแนก หมวดหมู่คนควรแยกออกสี่เหล่า ตามสติปัญญาค่าหนักเบา จงไตร่เอาควรคู่เช่นหมู่ใด อุคฆติตัญญู ผู้ฉลาด ผู้ซึ่งปราศความเขลาสิ้นสงสัย ตั้งสติอ่าน,ฟังอย่างตั้งใจ ก็ผลิบานดอกได้ไสวงาม วิปจิตัญญู ผู้ใฝ่เรียน แม้พากเพียรมิเข้าใจจึงไต่ถาม เพื่อคอยข่มเขลาไว้ไม่ลุกลาม จึงเบิกบานตื่นตามยามแจ้งจินต์ เยยะ ประเภทผู้รู้บ้าง หวังเสริมสร้างปัญญาปัญหาสิ้น ให้แบ่งบานผ่านพ้นสายชลริน ไร้กิเลสกัดกินหมดสิ้นไป ปทปรมะ ผู้โง่เขลา ปัญญาเบายากแจงแสดงได้ มิอาจโผล่พ้นน้ำด้วยทางใด จำจมในปลักตมทับถมลง "ยากจักแจ้งแสดงธรรม"
30 มิถุนายน 2550 19:40 น. - comment id 718064
บัวมีสี่เหล่า แต่เหล้ามีหลายสี อิอิอิ
30 มิถุนายน 2550 20:36 น. - comment id 718074
กำลังว่าใครอยู่น้อพี่กร
30 มิถุนายน 2550 22:01 น. - comment id 718095
ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมครับ คุณกวีปกรณ์.....แฝงข้อคิดได้ดีจริงๆ อ่านแล้วได้คิดครับ....ผมขอเป็นบัว เหล่าวิปจิตัญญู ผู้ใฝ่เรียนละกันครับ ค่อยๆเรียนรู้ไป...
30 มิถุนายน 2550 22:11 น. - comment id 718098
อืมมมค่ะ คำคม........ ลึกจัง ฝนอ่านตั้ง3-4เที่ยวแนะ อ่านเสร็จ ฝนย้อนถามตัวว่า.... ฝนเป็นบัวประเภทใหนกันหนอ....คิกๆๆๆ คำตอบคือ กำลังเป็นบัวใต้น้ำค่ะ หากมานั่งที่นี่บ่อยๆๆ ฝนคงเป็นบัวพ้นน้ำสักวัน คิกๆๆๆ ขอบคุณมากค่ะสำหรับกลอนดีมีคำถามซ่อนไว้ให้คิด ไม่รังเกียจนะค่ะ ถ้าฝนจะขอมานั่งอ่านบ่อยๆๆ
1 กรกฎาคม 2550 01:04 น. - comment id 718124
คำสอนของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นช่างเป็นอมตะนิรันดร์กาลจริงๆ นะคะ ไม่ว่าเมื่อไรก็ยังคงความเป็นจริงเสมอๆ กลอนไพเราะ และกลอนให้ข้อคิด ทุกครั้งค่ะกวีปกรณ์..นับถือๆๆๆ
1 กรกฎาคม 2550 08:30 น. - comment id 718134
ทุกข์อยู่ที่ใจ..... สลัดทุกข์ได้..... เท่ากับมีแต่ความสุข.... หลักศาสนาครับ
1 กรกฎาคม 2550 10:42 น. - comment id 718174
..ไพเราะทั้งความหมาย..และบทกวี.. พี่เรนแวะมาชื่นชมนะคะ.. ..
1 กรกฎาคม 2550 11:02 น. - comment id 718185
น้องกร ครับ พี่อินสวนเชื่อมั่นว่า บัวกว่าจะพ้นน้ำต้องผ่านทุกขั้นมาก่อนครับ ความเข้าใจ ความเอื้ออาทรเปรียบเสมือนปุ๋ยที่จะคอยหล่อเลี้ยงให้บัวใต้น้ำผ่านพ้นผิวน้ำโดยเร็วครับ
1 กรกฎาคม 2550 11:57 น. - comment id 718204
คุณกวีปกรณ์คะ..พิมญดาคงเป็นดอกบัวในตมอะคะ..มันไม่โผล่ขึ้นน้ำจมในตม ขอบคุณที่ชี้แนะเสียดายเรียนมาน้อย วันนี้อ่านของคุณ100เที่ยว..ยังม่ายเข้าใจเลย ก่าเลยคิดว่าเราคงได้แค่ดอกบัวในโคลนตม แต่ว่าพิมมีดอกกุหลาบมาให้นะคะพิมให้คุณสี่ดอก ดอกที่1ให้เพราะคุณคือคนเก่ง ดอกที่2ให้เพราะพิมทำให้คุณเดือดร้อน ดอกที่3ให้รู้ไว้ไม่ได้เจตนา ดอกที่4..มิตรภาพ สงสารพี่น้องบ้านกลอน....ขอโทษนะคะ ..อ้าวๆๆลืมอีกดอก...ให้คุณด้วยส่วนตัว
1 กรกฎาคม 2550 14:20 น. - comment id 718241
อุคฆติ คือบัวที่พ้นน้ำ เข้าใจชีวิคในทิศทางธรรมเป็นอย่างดี วิปจิตัญญู คือบัวเสมอน้ำ พร้อมจะเข้าใจเมื่อมีคนอธิบาย เยยะ คือบัวอยู่ใต้น้ำ อาจขึ้นเหนือน้ำได้เมื่อมีคนมาอบรม ปทปรมะ คือบัวในโคลนตม ไม่ว่าจะทำไงก็ไม่สามารถโผล่พ้นน้ำได้ ......................................................... นั่งสงบสติ นั่งคิดทบทวน....ในชีวิตที่ผ่านมา ในความเป็นคน มีดีมีชั่วไม่ต่างกัน มีผิด...มีถูกด้วยกันทุกคน...อย่าว่าใครผิด เมื่อเราก็เคยทำผิด อย่าว่าใครไม่ดี ...ในเมื่อชีวิตที่ผ่านมา เราก็เคยไม่ดี....... หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ อย่านับถือศาสนาพุทธ..แค่กรอกในประวัติส่วนตัว....นับถือศาสนาพุทธด้วยใจค่ะ แล้วจะเห็นทางสว่าง เดินสายกลาง...และอภัยใจจะเป็นสุข ชื่นชมกลอนค่ะคุณ คุณกวีปกรณ์....
1 กรกฎาคม 2550 14:59 น. - comment id 718252
บัวมันปลูกต่างที่ ต่างสิ่งแวดล้อมกันค่ะ มันย่อมเจริญเติบโตสวยงามได้ไม่เท่ากัน เช่นเดียวกับคนบ้างคนนั้นแล
1 กรกฎาคม 2550 21:04 น. - comment id 718329
มวลบุปผาดารดาษพิลาสลักษณ์ สื่อประจักษ์ตามจิตพิสมัย ต่างพงศ์พันธุ์ต่างพ้องล้วนต้องใจ แทนความนัยหลายหลากจากมาลี ธรรมชาติสร้างสรรค์พันธุ์พฤกษา หลากผกางดงามตามวิถี ต่างความหมายหลายค่าประดามี สร้างรมณีย์คู่หล้าพาสราญ เกิดแต่ตมบ่มผลจนบรรเจิด สิ่งประเสริฐคู่ธรรมนำสถาน ก่อเกิดบัวสี่เหล่าเล่าตำนาน ชนกล่าวขานเปรียบบัวเหมือนตัวตน หนึ่งคือบัวพ้นน้ำล้ำคุณค่า สุริยาจรัสแจ้งแสดงผล ผลิดอกบานทันทีที่แย้มยล เปรียบดั่งคนรู้ธรรมล้ำปัญญา คือคนที่สติปราชญ์ฉลาดเฉลียว เพียงครู่เดียวที่น้อมธรรมนำศึกษา ก็สามารถเข้าใจในวิชชา เพียงเวลาผันผ่านมินานเนา สองคือบัวปริ่มน้ำตามวิถี ลุราตรีผ่านพ้นบนความเขลา จึ่งผลิดอกเบ่งบานสานวัยเยาว์ ปัญญาเจ้าปานกลางหว่างบุคคล เพียงฟังธรรมนำจิตวินิจฉัย จะเข้าใจนัยเจตด้วยเหตุผล รู้พิจารณาด้วยธรรมนำกมล จะสร้างตนพ้นภัยใจตระการ สามคือบัวใต้น้ำตามความหมาย วันเคลื่อนคลายผ่านพ้นจนสมาน บัวเจริญงดงามท่ามชลธาร ชูช่อบานดั่งใจในสักวัน เปรียบดั่งคนสัมมาปัญญาน้อย ลบปมด้อยด้วยธรรมาพาสุขสันต์ จิตศรัทธาด้วยพากเพียรเรียนรู้ทัน พร้อมขยันหมั่นฝึกฝนจนเข้าใจ สี่คือบัวจมโคลนจนหม่นหมอง หมดครรลองพบทางกระจ่างใส ต้องจมปลักโคลนตมทับถมไป สุดท้ายไซร้เป็นภักษาเต่าปลาปู เปรียบดั่งคนไร้ปัญญาล้าสติ มากมิจฉาทิฐิให้อดสู มิรู้แจ้งศีลธรรมนำวิญญู ขาดความรู้ร้างศรัทธานำพาใจ บัวสี่เหล่าสี่กอที่ก่อเกิด ต่างกำเนิดจากโคลนตมบ่มนิสัย ต่างผลลัพธ์ต่างพงศ์จำนงนัย มโนมัยด้วยธรรมล้ำปัญญา
1 กรกฎาคม 2550 21:41 น. - comment id 718345
พี่ชายแต่กลอนดีมากเลยอะ ทำให้ได้คิด แถมสัมผัสดี อ่านและได้กลับมาลองนั่งคิดถึงตัวเอง เผื่อจะได้ช่วยสอนคัยบางคน ให้พินิจ คิดให้ดีสะบ้าง พวกใจแคบน้องไม่ชอบเลย
2 กรกฎาคม 2550 08:54 น. - comment id 718476
แท้ที่จริงแล้วถ้าศึกษาพุทธศาสนาให้ดี จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงเห็นมนุษย์เปรียบกับดอกบัวแค่สามเหล่าเท่านั้น แต่จำแนกมนุษย์เป็นสี่ประเภท นั่นเพราะพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า มนุษย์ทุกคนล้วนสามารถฝึกฝนพัฒนาตนเองได้..ในวันหนึ่ง..ในชาติใดชาติหนึ่งแน่นอน แต่อาจต้องใช้เวลานานหน่อยแค่นั้นเอง เขียนเป็นกลอนไว้ก็ดีแล้วล่ะ อ่านง่ายจำง่ายดี แต่ว่า ต้องเกลาสำนวนเพิ่มเติมหน่อยหนึ่ง
2 กรกฎาคม 2550 09:27 น. - comment id 718492
ป.ว่าน่าจะมีเหล่าที่ 5 ด้วยนะคะ...ตะนุ ถุยะ...บัวเต่าถุย....อิอิ....อันนี้ ป.คิดเองค่ะ...อิอิ
2 กรกฎาคม 2550 09:50 น. - comment id 718512
สวัสดีจ้ะ กวีปกรณ์..บัวสี่เหล่า..เคยได้ยินมานานแล้วล่ะนะ และเห็นด้วยมากๆเคยมองคนอื่นแล้วแยกแยะดูว่าเป็นประเภทไหน...แต่นั่นเป็นสิ่งที่เรามองคนอื่น..โดยที่เราไม่รู้เลยว่าคนอื่นนั้น..แท้จริงแล้วเขาเป็นอย่างไร ซึ่งน้ำผึ้งว่า..ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้นี้คือให้เรามองตัวเราเอง แล้วพิจารณาตัวเองว่าเรานี้อยู่ในประเภทใด ...ส่วนตัวของน้ำผึ้งลองพิจารณาตัวเองแล้ว ไม่เข้าขั้นบัวเลยอ่ะ...สงกาสัยเป็นเพราะไม่ชอบน้ำน่ะ..น้ำผึ้งเลยคิดว่า...ตัวเองเป็นต้นมะลิน่ะจ้ะ....
2 กรกฎาคม 2550 10:26 น. - comment id 718536
เรามองคนอื่นมาทั้งชีวิต ลองให้เวลามองตัวเองสักวันละห้านาที.. แล้วจะพบอะไรดีๆ เยอะเลย....ไม่เชื่อลอง..