นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณลืมแหงนเงยขึ้นดูท้องนภา ฟากฟ้าที่ระยิบด้วยแสงดาวพราวพร่าง นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณปล่อยให้เดือนอ้างว้างเดียวดาย รอแย้มยิ้มปลอบประโลม นานเท่าไรแล้ว...ที่ดวงดอกไม้รอทายทัก ให้คุณดอมหอมกลิ่นกรุ่นแล้วเก้อ นานเท่าไรแล้ว...ที่สายลมละเมอรอคุณส่งรอยจูบฝากไปให้ใครบางคน ที่เขาแสนคิดถึงคุณ นานเท่าไรแล้ว...ที่แสงแดดสีทองผ่องพรายฉายฉานเฝ้ารานรอให้ คุณออกมานั่งรับอุ่นอวลในยามอรุณรุ่ง นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณไม่เคยทอดตาดูสายรุ้งแสนงามยามฟ้าหลังฝน นานเท่าไรแล้ว...ที่ดวงกมลคุณไม่เคยเปิดใจรับสายแสงแห่งธรรม นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณไม่เคยฟังเสียงระรินร่ำยามสายฝนพรำโปรย นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณปล่อยให้ดวงดอกไม้ปลิดกลีบโรยร่วงโดยไม่เคย มองเห็นสัจจธรรม นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณปล่อยให้โลกเป็นสีดำแทนสีชมพู นานเท่าไรแล้ว..ที่ชีวีคุณมีคู่เคียงแค่เทคโนโลยี่ศิวิไลซ์ นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณละเลยหัวใจปล่อยให้เหนื่อยล้า ด้วยการหลงยึดมั่น ถือมั่นไม่สิ้นสุด นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณติดตมอยู่ในโลกสมมุติ มายาฝัน นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณไม่เคยได้รับหยาดน้ำผึ้งพระจันทร์ จากผู้เป็นที่รัก นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณลืมสิ้นภักดิ์ อ้อมตักอ้อมขวัญ ลืมสายธารน้ำนมอันมากล้นค่าเมตตาการุญย์ จากอ้อมอกอุ่นของผู้มีพระคุณล้นฟ้า ลืมสิ้นแม้นความ กตเวทิตาคุณ ผู้รอท่าอยู่ทุกทิวาวัน ให้คุณคืนหลังกลับมาให้ชื่นชม... นานเท่าไรแล้ว...ที่คุณลืมหลงโลกแห่งธรรมชาติ ธรรมดาๆแห่ง ชีวาชีวิต นานเท่าไรแล้ว......... และ.. นานเท่าไรแล้ว.........ทุก..คนดี...ที่รัก....! ..................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song287.html นัดพบ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ถ้าเราจะนัดพบ กัน เมื่อตะวันลับไม้ ฉันไม่หลอกจะบอกให้ อย่าเอ็ดไป สิจงฟัง ฟัง สิฟัง สัก นิด แล้วอย่าคิดว่าฉันสอน ว่าฉันสั่ง ฟังสิฟัง ฟังกันเล่นเพลินเพลิน แต่มันสุขเหลือเกิน ไม่เชื่อเชิญ ลองจำ ถ้าเราจะนัดพบ กัน เมื่อตะวัน พลบค่ำ ธรรมชาติชุ่มฉ่ำ ฉ่ำชื้น ชื่น ใจ ใต้ ร่มไม้ใบบางบาง แสงสว่างรำไรรำไร ไม่ต้องระวังไม่ต้องระไว จะอายทำไมกับพระจันทร์ ถ้าเราจะนัด พบ กัน ควรให้จันทร์ เห็น ใจ ลมอ่อนอ่อนพัด ผ่าน ชูกิ่งก้านช่อใบ บ้างก็แกว่งบ้างก็ไกว บ้างเขยื้อนสะเทือนไหว สะบัดใบไปตามลม ผสมน้ำค้าง พร่าง พรม เรไรจิ้งหรีดหวีดผสม ต่างคลอต่างคล้อต่างล่ออารมณ์ เรา ให้ชมให้ชื่น ใจ นี่แหละถิ่นนัดพบ แต่เราไม่พบกับใคร เพียงแต่พบกับธรรมชาติ แล้วเราก็อาจจะสุขใจ ไม่ต้องไปพบ กับใคร ที่ไหน เพลินใจ เพลิน ตา...
27 มิถุนายน 2550 00:20 น. - comment id 715955
และแล้วก็ละความนานเท่านานคืนสู่ปัจจุบัน.. ปัจจุบัน..ที่สำนึกในความรักของผู้ให้กำเนิด.. ปัจจุบัน..ที่ซึ้งสำนึกในบุญคุณของท่าน ปัจจุบัน..ที่สำนึกในบุญคุณของธรรมชาติที่มีแสงสว่างให้เราได้ชื่นชมสีสรรค์บนโลกที่งดงาม ปัจจุบัน..ที่สำนึกถึงคุณค่าของอากาศที่เราหายใจเพื่อดำรงค์ชีวิต โดยไม่คิดมูลค่า ปัจจุบัน..ที่ยังมีสายน้ำ สายลมพัดผ่านให้ขื่นขมชื่นใจ ปัจจุบัน..ที่สำนึกในป่าไม้สมบูรณ์ เขียวขจีให้ชีวิตมากมายได้อยู่อาศัย ได้ต้นน้ำที่กลายเป็นแม่น้ำ ให้เราได้ดื่มกิน ปัจจุบัน..ที่มีภูเขาที่เป็นแหล่งทรัพยากรมากมายมหาศาล ให้มนุษย์ได้ผลิตสิ่งต่างๆมากมาย ปัจจุบัน..สำนึกในความงามแห่งธรรมชาติทะเลสาบสีเงิน ทะเลหมอกที่งามดั่งภาพวาด ปัจจุบัน..สำนึกในบุญคุณของทะเลที่เป็นต้นกำเนิดชีวิตทั้งหมดในโลกนี้ ปัจจุบัน..สำนึกในยามค่ำคืนที่เยือกเย็น ได้นอนหลับพักผ่อน ปัจจุบัน..สำนึกในความรักของคนที่รักเราดังดวงใจ คือ บิดามารดา ภรรยา สามี และ ลูกๆ ปัจจุบัน..สำนึกในพระธรรม ที่คอยล้างใจให้ได้ระลึกถึงสติ ละคลายตัวตน ละคลายความทุกข์ ปัจจุบัน..สำนึกถึงบุญคุณของสรรพสิ่งใดๆในโลก ขอขอบคุณในการมีชีวิตในโลกนี้.....
27 มิถุนายน 2550 07:49 น. - comment id 715988
คิดว่านานโข อยู่น่ะค่ะ พี่พุดเจ้าขา ที่ไม่ได้แวะเข้ามาทักทายพี่สาวเลย...วันนี้เลยมาแบมือให้ตี หนึ่งแปะ.. :)
27 มิถุนายน 2550 09:57 น. - comment id 716089
นานมากๆเลยค่ะ..ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร..
27 มิถุนายน 2550 10:54 น. - comment id 716145
พลีภาพแทนคำขอบคุณ และ... แสนซาบซึ้งใจในหยาดน้ำใจรัก อันแสนมากล้นค่าจากดวงใจแสนใสงาม ที่หยาดรินให้*นักอยากจะเขียน*เพียรฝัน คนนี้ที่ชื่อแม่ดวงดอกพุดไพร สาวบ้านนาค่ะ คุณ..ทวารวดี..ผู้มีหัวใจดวงทองที่พุดมองเห็น ด้วยใช้ใจสัมผัสใจค่ะ... ระหว่างเรา น้อง...กุ้งหนามแดง ที่พี่พุดรำลึกถึงความงามแห่งน้ำใจ สวยใสมากล้นคุณค่าสาระคำค่ะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song837.html นานเกินรอ จากกันไปนานหลายปี ไม่มี ข่าวและวี่แวว คิดว่า ลืมฉันเสียแล้ว ยังนึกเสียดายดวงแก้ว ที่หลุดลอยไป แต่วันนี้โลกหมุนกลับ จันทร์ที่ลับ หวนคืนฟ้าใหม่ ไฟรัก จวนเจียนมอดหมดใจ ก็คุขึ้นมาใหม่ จุดที่ปลาย ใจบางบาง อยากโผเข้าหาอ้อมกอด อยากอ้อน ออดถามความเก่า คิดถึง ฉันบ้างหรือเปล่า เธอยังเหมือนชายคนเก่า อยู่หรือเปล่าหนอ แต่พอนึกขึ้นมาได้ ใจเหี่ยวหาย เหมือนใบไม้ห่อ สงสาร คนที่บ้านจะรอ ได้แต่แอบพ้อ เธอให้รอ นานเกินไป อยากโผเข้าหาอ้อมกอด อยากอ้อน ออดถามความเก่า คิดถึง ฉันบ้างหรือเปล่า เธอยังเหมือนชายคนเก่า อยู่หรือเปล่าหนอ แต่พอนึกขึ้นมาได้ ใจเหี่ยวหาย เหมือนใบไม้ห่อ สงสาร คนที่บ้านจะรอ ได้แต่แอบพ้อ เธอให้รอ นานเกินไป...
27 มิถุนายน 2550 11:12 น. - comment id 716170
แด่.. น้องกุหลาบขาว.. พราวไสวในบึงใจพี่พุดแล้วนานแล้วค่ะ พี่พุดไพร สาวบ้านนา
27 มิถุนายน 2550 11:20 น. - comment id 716173
ทุกครั้งที่อ่านบทกลอนของคุณพุด..มีความรู้สึกว่าเหงา..อ้างว้าง..และเหว่ว้าอยู่ภายในและมีความมั่นคงในรักนะคะ..เหมือนบางทีจะรอบางสิ่งบางอย่างอยู่ด้วยสิ.....ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่า... ..ทุกบทกลอนมีความหมายและไพเราะมากค่ะ..ชื่นชมในผลงานเสมอค่ะ
27 มิถุนายน 2550 14:28 น. - comment id 716360
แด่... น้องน้ำผึ้งเดือนห้า..นามปากกาที่พี่พุดแสนรัก ชีวิตจริงของพี่พุดนั้นมหัศจรรย์ ยิ่งกว่านวนิยายอีกค่ะคนดี และ.. หวังสักวัน.. จะถอดจิตพลีใจรจนา.. เพื่อเป็นตำนานรักตำนานขวัญ แด่ทุกผู้เป็นที่รัก สักวันค่ะ...สัญญา..นะคะ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1111.html อาญารัก ละครทีวี อาญารัก เพราะบุญ เคยทำ ฤา จากกรรม ปางไหน ที่ทำให้ ทุกชีวา ต้องมา พบกัน ร่วม ร้อย ร่วม เรียง เรื่องราว ที่ผูกพัน แต่ละคน ต่างที่ มา ชดใช้ เวรกรรม ที่ เคยทำ กันไว้ ได้ เจอวัน ที่ หวานชื่น คืนแห่ง น้ำตา ไม่อาจฝืน เส้น ทาง ถูกวาง ให้เกิดมา ตาม ชะตา เกิดเป็นใคร ล่องเรือ ชีวิต ที่ลิ ขิตมาด้วย กัน แต่ ละวัน แล้ว แต่กรรม พาไป ไม่มี ใครรู้ จะสิ้น สุดลงที่ ใด จุดจบ ที่ปลาย ใครเศร้า ใคร สุขสันต์ ขอจง มั่นใจ ให้ ความดี คอยคุ้ม สุข ห่างหาย ทุกข์รายรุม ล้อมอยู่ ทุกวัน หมด เวร เมื่อไร หมดกรรม ที่ผูก กัน อีกไม่นาน คงได้ ดี ล่องเรือ ชีวิต ที่ลิ ขิตมาด้วย กัน แต่ ละวัน แล้ว แต่กรรม พาไป ไม่มี ใครรู้ จะสิ้น สุดลงที่ ใด จุดจบ ที่ปลาย ใครเศร้า ใคร สุขสันต์ ขอจง มั่นใจ ให้ ความดี คอยคุ้ม สุข ห่างหาย ทุกข์รายรุม ล้อมอยู่ ทุกวัน หมด เวร เมื่อไร หมดกรรม ที่ผูก กัน อีกไม่นาน คงได้ ดี หมด เวร เมื่อไร หมดกรรม ที่ผูก กัน อีกไม่นาน คงได้ ดี ทำดีไว้ ต้องได้ ดี...