ดั่ง..ดาวพุทธรัตน์ส่องสว่าง ณ..กลางฟ้า ณ..กลางใจ..!

พุด

aishwarya_rai_016.jpg
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก* 

เว้นช่องว่างระหว่างใจให้เริ่มต้น
ให้กมลค้นหาซึ่งความหมาย
อยู่กับใจร้างไร้แลเปล่าดาย
ก่อนวันสายเสน่หามายาลวง
ลำพัง..คือเส้นทางสัจจะโลกย์
สิ้นสุขโศกสิ้นไร้ใครคอยห่วงหวง
วางทุกข์สิ่งทิ้งทุกอย่างเจ้าขวัญดวง
วันลาล่วงเดือนลาลับนับแต่นี้
ราวสายแสงเพชรพร่างกระจ่างจิต
ทุกนิรมิตแจ่มจรัสรัศมี
แม้นทุกข์ทนบนทางฝันอันมากมี
ดวงฤดีเพียงพลีพร้อมสร้างหอมใจ
สะสมบุญวันละน้อยเฝ้าคอยนึก
ในรู้สึกดั่งแผ้วถางทางไสว
บุญนำทางสู่แดนฝันสวรรค์ไกล
ก้าวตามไปในรอยบาทพระศาสดา
และ..
นั่นคือรักแท้นิรันดร์ที่ฝันใฝ่
ที่ดวงใจมุ่งมาดปรารถนา
ดั่งดาวพุทธรัตน์ส่องสว่างณ.กลางฟ้า
งามแจ่มจ้าพราวพราย...หมายพบทาง....!(พระนิพพาน)
................

rai_wideweb__430x324,2.jpgมงกุฎแก้วประกายพฤกษ์!

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก* 
.......................
คนดีในดวงใจ..
ฤดี..
น้ำตาซึมซึ้งตลอดเลยค่ะเมื่อคืนนี้
ยามที่ได้ถวายศิระกรานก้มกราบแล้วฟัง*พระราชดำรัส*
ที่ทรงตรัส
เป็นดั่งของขวัญล้ำค่าแด่ปวงชนชาวไทย
ด้วยดวงพระราชหฤทัยที่งามดั่ง*แก้วประกายพฤกษ์*


ฤดี..
ไม่ทราบจะพรรณณาถึงความสำนึก
ในพระมหากรุณาธิคุณ
ได้หมดจดอย่างที่ใจรู้สึกได้อย่างไรดี
นอกจากอยากกระซิบบอกคนดี
ด้วยน้ำตาที่ละหลั่งถั่งท้น
ล้นดวงใจแห่งรักกตเวทิคุณต่อผืนดินนี้
ต่อพระผู้เป็นยิ่งกว่ามิ่งขวัญจอมเกล้า
จอมใจแห่งชนชาวไทยทุกดวง
และต่อศาสนาพุทธ
ที่ใสพิสุทธิ์ใสงามดั่งดวงแก้วนิรมิต


ที่ไทยทุกดวงจิตเทิดสถิต
วางไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
มาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่บรรพกาลนานหลายร้อยปีแล้ว
และจะสถิตสถาวร
ในงามงดใจงามเงาใจนี้ไปตราบนานเนาชั่วนิจนิรันดร


และให้ดวงใจไทยทุกดวงได้หลอมรวมพลัง
ให้ทรงปกป้องไทยทุกชนชั้นดั่งฉัตรแก้วกั้นเกศ
ให้ยึดแนวทางดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
ตามรอยธรรมรอยทองรอยแห่งความล้ำเลิศ
ในการเพียรไม่ละลดที่จะทำความดี


และ
สิ่งเดียวเท่านั้นที่
ใจไทยทุกดวงในธุลีหล้านี้จักพลีได้คือ
ถวายจิตวิญญาณทำความดี ปกป้องผืนดิน
ให้มีจิตใสเสียสละ
เพื่อผู้อื่นที่ยากไร้ทุกข์ทนกว่า...คนบนดินเดียวกัน
เพื่อนพี่น้องไทย
ที่เราได้มาร่วมสมานฉันท์สมานฝันได้มาสามัคคีหยัดยืน
ในผืนดินขวานทองอันแสนงามสงบเย็นนี้


ที่มีแสงธรรมแสงทองแสงแห่งดวงพระประทีป
พระบารมีอันผ่องผุดกระจ่างนำทางจิต
นำทางชีวิตหนึ่งนี้ที่มีบุญนัก
ที่ได้มาเกิดใต้เบื้องพระบรมธิสมภาร
ใต้เบื้องพระบาท
ได้รับหยาดน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงแผ่ไพศาล
อย่างมิเลือกที่รักมักที่ชัง


อย่างที่ทรงยอมทนตรากตรำพระวรกาย
ให้เสโทหลั่งราวหยาดพระโลหิตมิสิ้นสาย
เพื่อพิชิตความยากไร้ในผืนดินทองแผ่นดินไทยนี้
ที่ทรงยินดีพลีพระวรกาย
ด้วยความรักมากมายฝากไว้ให้ลูกหลานไทย
ได้ภาคภูมิใจในคำว่า*ไท*
คืออิสระเสรีมิใช่ทาสใครเขา


คนดี..ดวงใจ
ฤดีอ่านจดหมาย
จากยอดดวงหฤทัยจากจิตใสแสนงามของคนดี
ที่ยอมเหน็บหนาวทุกก้าวย่างเฉกเช่นกัน
ยอมฝ่าฟันหนาวร้อนบุกป่าขึ้นเขาลงห้วย
ด้วยหวังทำตาม..เดินตาม*รอยเท้าพ่อ*


พระผู้ก่อเกื้อ....
ให้หัวใจไทยทุกดวงห่วงหากันแบ่งปันน้ำใจ
และดั่งทรงเป็นพลังใจกำลังใจ
ให้มิหยุดยั้งรั้งรอ
ที่จะฝากความดีพลีถวาย
แม้นจะน้อยนิด ก็อย่าได้หยุดคิดหยุดเพียร


เสมือนหยาดน้ำค้าง
ที่จะพร่างใส...ได้ดับโลกร้อนเร่า
ให้งามพราวให้สงบเย็น
ผ่อนทุกข์เข็ญทุกหย่อมหญ้า
ด้วยหยาดเย็นแห่งพระเมตตาพระบารมี
และ
สิ่งเดียวเท่านั้นเท่านี้
ที่ใจไทยทุกดวงในธุลีหล้านี้จักพลีได้คือ
ถวายจิตวิญญาณทำความดีมิรู้สิ้นรู้จบ
เลิกทำตัวบ้าโลกอารยะในทางมิสร้างสรร
อย่างที่คงได้ยินเต็มสองหูใน
พระราชดำรัสที่ตรัส
ด้วยความห่วงใยวัยอลวน..อนาคตของชาติ
ว่าเด็กสมัยนี้*หูตึง*
ด้วยไปฟังสิ่งอันไม่พึงเป็นมงคลในดิสโก้เทค
ไปใช้ชีวิตผิดทาง


ลืมสร้างเกราะแก้วกำบังใจ
ไม่ดลดวงจิตดวงใจ
และ
ร่างให้รับพร่างงามเกษมใส
ใฝ่รู้เรียนรู้โลก
ในทางแแห่งความดีความงามเย็น
ที่จะได้นำมาเป็นอนาคตไทย
ให้ได้เน้นไปในทางที่งดงาม
เพื่อให้จิตภายในไสวพร่าง
มีวิสัยทัศน์รู้ทันเท่าโลก..


มิใช่อนาคตของชาติ
มาหวนหายาเสพติดใช้ชีวิตในโลกกลางคืน
ให้คนในชาติโศกครวญ
ด้วยเรื่องหลงผิดใช้ชีวิตไปกับแสงสีเสียง
เป็นบ่วงกรรม
และนำวนมีผลมานำเนื่องมาเกี่ยวถึง
ประเทศชาติให้สิ้นเปลืองงบประมาณ


คนดี.....ดวงใจ
คำที่เคยฝากกระซิบเล่ามาในจดหมายซึ้งเศร้านั้น
ช่างแสนงดงามมีค่านัก
ที่ฤดีอยากเปิดเผยให้โลกได้ประจักษ์ได้รับรู้
ว่าในชีวิตหนึ่งนี้มีคนไทยมากมายนัก
ที่ได้ทำความดีพลีเพื่อปากท้องและผืนดิน
อย่างมิสิ้นหวังท้อแท้ยอมแพ้พ่าย
แม้นจะเหน็ดเหนื่อยเหน็บหนาวสายตัวสายใจแทบขาด


และ
มาตรแม้น
ถึงกับต้องยอมเสี่ยงภัยเสี่ยงร่างใจจิตวิญญาณ
ก็พร้อมยอมพลีแลก
เพื่อให้ไทยนี้ร่มเย็นเป็นสุขสงบสามัคคี
มีแต่ความดีงามงดสงบงาม
ไปทุกถ้วนหน้าทุกหย่อมหญ้าทุกธุลีไทย


คนดี..ดวงใจ.....
จดหมายรักชาติรักผืนดินเกิดแผ่นดินรัก
ที่มากล้นค่านี้ที่แสนยิ่งใหญ่นะนาทีนี้
...........


ฤดี..
คิดและหวังว่า
น่าจะเป็นความงามความรู้สึกเลอล้ำค่า
เพื่อ
ให้ทุกดวงใจได้รับรู้ได้รับซึ้งถึงค่าคนค่าคำ
ว่าคนเรานั้น
*เกิดมาชาติหนึ่งตายหนเดียว*
และ
แม้นยังมีชีวิต
เราทุกดวงชีวิตนิดน้อย
คนที่ยังมีดวงตาใสดวงใจสวย
มีสมองสองมือน้อยๆเหมือนๆกัน


ก็ควรจะไขว่เพียรทำความดี
ก่อนที่จะฝากร่างนี้ที่หาจีรังไม่ลงบนพื้นพสุธาทองนี้
และ
ยามที่ปราณแตก..จิตจักหาดับไม่
จะได้ลอยล่องท่องไปเหนือโลกย์โศกสุขแสนปลื้ม
ด้วยภาคภูมิว่ามิเสียชาติเกิด..


คนดี..ดวงใจ
นี่คือค่าคำล้ำใจ
ที่ฤดีถนอมงามไว้สร้างพลังใจค่ะ..
.....................


*ผมไม่ค่อยได้กลับไปบ้านเดิมที่กรุงเทพเท่าไหร่
ยกเว้นถ้าหัวหน้าท่าน 
ได้เข้ากรุงเทพ  จึงจะได้แวะไปครับ  
งานของผมที่ทำอยู่เรียกว่า 
เป็นงานเกาเหลาครับ  
คือ มีหลายๆด้านมาก 
ไม่เฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง 
และ
บ่อยครั้งที่ต้องเดินทางร่วมกับหัวหน้าไปยังถิ่นธุระกันดาร 
พบปะชาวบ้าน  รับฟังปัญหา 
และต้องช่วยกันออกความคิด 
ร่วมกันแก้ไข ทั้งกายทั้งใจ 
งานแบบนี้ไม่มีเวลาที่เป็นของตัวเองมากนัก 


บางทีเป็นงานด่วน  
เราก็ต้องรีบ ถึงจะเหนื่อยมากในบางเวลา 
แต่
พอได้เห็นรอยยิ้มและแววตาที่เป็นสุขของชาวบ้าน 
เราก็หายเหนื่อยทีเดียวครับ  
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา
งานที่ทำคราวนี้
ผมไปใต้ครับ 
เพราะที่นู้นมีปัญหา และ ชาวบ้านบาง 
กลุ่มเสียขวัญมากกับเหตุการณ์ไม่สงบที่ผ่านมา 
เกษตรกรเอง ขายผลไม้ไม่ได้
เพราะไม่มีนายทุน เข้ามารับซื้อ 
เนื่องจากกลัวว่าจะถูกทำร้าย 
แต่เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีแล้วครับในระดับหนึ่ง 


จากนั้นผม
ก็แยกจากเจ้านายของผมขึ้นทางเหนือ 
ดูงานเกี่ยวกับการเกษตร ดูความคืบหน้าเกี่ยวกับ 
การเพราะปลูกการเกษตรยั่งยืนแนวราชการครับ 
คือเป็นการปลูกพืช 
ที่ควบคุมสารเคมีในระดับที่ไม่เป็น 
อันตรายต่อผู้บริโภค 
ซึ่งสมาชิกในโครงการฯ เวลา 
นำพืชมาส่ง จะต้องมีการเข้าแล็ป ตรวจดูปริมาณสารพิษ 
ที่ตกค้างต้องไม่เกินเวลาที่กำหนด เวลากักสินค้าไว้
สารพิษจะสลายเองไปตามธรรมชาติแล้วจึงนำไปขาย 


ผมเพียงแต่ดูผลคืบหน้าของโครงการฯ
แล้วนำขึ้นรายงานให้กับหัวหน้า 
ครับ ทางเหนืออากาศเย็นและเริ่มหนาวแล้ว 
เมื่อสองสามวันก่อน มีฝนตก 
................
................


..............
................
กับคำที่แสนงาม
ผมขึ้นไปดอยแถวเปียงหลวงมาครับ 
ไปแวะที่วัดฟ้าเวียงอินทร์ ติดชายแดนพม่า 
ไม่กี่เมตรอีกฝั่งก็เห็นชาวพม่า 
ไปแวะโรงเรียนดูเด็กนักเรียนชาวเขา 
มีอยู่ ราวๆ 10 เผ่า 
อากาศข้างบนนู้นดีมาก 
ตอนเช้าหมอกจะลงจัด 
ยิ่งสายยิ่งอากาศหนาวครับที่นี่ 
ไปที่นั่น ได้มีโอกาส ทานข้าวหลามด้วยครับ..
ชาวบ้านเขาทำให้ทาน 

ตอนนี้ข้างทางมีดอกบัวตอง 
แต่ เริ่มจะเหี่ยวแล้วครับ 
เดือนหน้า 
จะมีนางพญาเสือโคร่งขึ้น 
และเดินต่อไปจะเป็นเสี้ยวป่าสีขาว ชาวบ้านบอกครับ 


พอกลางคืนดาวเป็นร้อยๆ เรียงตัวกัน 
เหมือนจะหยิบได้ 
เพราะ อยู่ที่สูงจึงเห็นชัดครับ 
ยิ่งดึกยิ่งเห็น 
ผมจะออกมายืนดูดาวครับ 
ผมเป็นคนชอบหน้าหนาวที่สุด 
เพราะอากาศดี ไม่ร้อน
 และเดินทางไปไหนได้สะดวก 


ตอนกลับมารู้สึกเศร้าใจนิดหนึ่ง 
ที่เห็นชาวกระเหรี่ยงเผาป่า 
เพราะ 
สมเด็จพระนางเจ้า 
ท่านเสด็จฯมาทุกปี ที่โครงการหลวงฯ 
เป็นโครงการหลวงเล็กๆครับ 
เพราะที่นี่ห่างไกลความเจริญ กว่าที่อื่น 


อย่างโครงการหลวงหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ดีกว่า 
เพราะ 
มีคนพื้นเมืองเยอะกว่า ชาวเขา
ที่ร่วมโครงการ(เมื่อเทียบจำนวนชาวเขาแต่ละที่ครับ) 
คนกระเหรี่ยงที่นี่จะเผาป่า ในช่วงนี้
 เพราะเตรียมทำไร่ มีภูเขาหลายลูกที่ 
หัวโล้น แต่ก็ยังสมบูรณ์ด้วยต้นสน 
เขาจะเผาแล้วถาง ปลูกกระหล่ำครับ 


พอมาถึงเมืองงาย 
ก็เกือบทุ่ม ไม่ได้แวะ สวนกล้วยไม้ 
ส่วนพระองค์ของสมเด็จฯ ท่านซื้อที่และ ปลูกกล้วยไม้ 
มีจำหน่าย ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยว แวะ ได้นะครับ 
................
................


และ
คนดี..ดวงใจ
กับเช้านี้
ที่ฟ้าใกล้สว่างรำไรไร
ฤดีเปิดบทเพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่งฟัง
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song653.html
ใกล้รุ่ง ........เพลงพระราชนิพนธ์  
ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ ไกล ไกล
ชุ่มชื่นฤทัย หวานใดจะปาน
ฟังเสียงบรรเลง ขับเพลงประสาน
จากทิพย์วิมาน ประทานกล่อมใจ
ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ
ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รัง นอน
เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ...
...............
 

ให้ใจดวงหนาว
ได้สัมผัสพลังแห่งละมุนละไม
จากความยิ่งใหญ่งดงาม
ของงามนวลเนื้อใจจาก
พระปรีชาสามารถในเชิงนิพนธ์
บทเพลงอันแสนไพเราะ


ที่ถึงมาตรแม้นเวลา
จะผันผ่านกาลเวลามายาวนานสักเพียงไหน
หากทว่า
ยังคงตราไว้ในดวงใจ
ตรึงไว้ในซอกเสี้ยวแห่งความทรงจำ
อันคือมณีมากมีค่า
อันจะเป็นอมตะนิรันดร์กาล


ให้พบความงามงด
และ
กับทุกบทเพลงโบราณ
ที่ทำให้หูไม่ตึงแล้วยังได้ซึ้งชื่นฉ่ำ
ยามได้ยินได้ฟังเนื้อหาบทเพลง
ที่แสนพริ้งพราว
ราวกับสายน้ำบรรเลงไหลเซาะซึ้ง
ให้ถึงก้นบึ้งแห่งดวงใจรัก
ที่แสนหวานแสนงามนัก...ในยามเหงาลำพัง
ยามสิ้นหวังไร้หวานใด
ไม่มีใคร ไม่มีอนาคต.ให้พ้อรอหา


มีเพียงปัจจุบันเวลาขณะ
ที่รอเพียงเวลาจะกลายเป็นอดีต
ที่คงจะทิ้งเพียงเงาฝัน
ไว้ในความทรงจำอันแสนงดงาม
ในทุกยามในทุกอณูนึก...


ฤดีขี่จักรยานสีฟ้าสด
ไปตามเส้นทางสายชนบทสายงาม
ที่ยังมีนาข้าวเขียวไพลพร่าง
ในท่ามกลางดงเมือง
ฟ้าพรายพรมห่มด้วยม่านเมฆหมอกในยามเช้า
ที่อรุณยังไม่มาแย้มเยือน
โลกยังหลับไหล
และดวงใจใครบางคนยังคงไม่ตื่นจากฝันดี..


ฤดี.
มองดูฟ้าเบื้องบน
ด้วยดวงใจแสนสงบสุข
คิดถึงคำแสนงามแสนยิ่งใหญ่ในใจดวงร้าว
ที่เขาเฝ้ากระซิบ
ผ่านฟากฟ้ากว้างมาด้วยใจแสนรักและห่วงใย
 

ฤดี
เพียงอยาก
รจนาระบายความในใจ
ความงดงาม
สงบสุข
ยามที่ฤดี
นั่งเดียวดายริมชายนา
กับใจดวงเหว่ว้า
กับ
จดหมายมากหลายหน้า
ที่แสนใช้ภาษารักสวยงาม
ที่ฝากนิยามความจริงใจ
ความยิ่งใหญ่ในมหัศจรรย์รัก


และยิ่งรำลึกคิดถึงใครบางคน
ที่แสนรักอย่างจับใจ
เมื่อได้รับข้อความแสนยิ่งใหญ่
ให้ใจดวงร้าวเลิกหนาวเหน็บ
และมีพลังกำลังใจ
ดั่งบทเพลงนี้ที่ราวลอยลมมากับฟ้ากว้าง


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2072.html
กำลังใจ   โฮป 
ในยามที่ท้อแท้
ขอเพียงแค่คนหนึ่ง
จะคิดถึง
และคอยห่วงใย
ในยามที่ชีวิต
หม่นหมองร้องไห้
ขอเพียงมีใคร
ปลอบใจ สักคน
ในวันที่โลกร้าง
ความหวังให้วาด
มันขาดมันหาย
ใคร จะช่วยเติม
เพิ่มพลังใจ
ให้ฉันได้เริ่ม
ต่อสู้อีกครั้ง
บนหนทางไกล
กำลังใจ
จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิต ได้มีแรงใจ
ให้ดวงใจ
ลุกโชนความหวัง
กำลังใจ จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝน
บนฝากฟ้าไกล
ที่หยาดริน
สู่พื้น ดินแห้งผาก
กำลังใจ
จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิต ได้มีแรงใจ
ให้ดวงใจ
ลุกโชนความหวัง
กำลังใจ
จากใครหนอ
ขอเป็นทาน
ให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝน
บนฝากฟ้าไกล
ที่หยาดริน
สู่พื้นดินแห้งผาก...
............
 

ที่นะบัดนี้ดวงใจฤดี
ดูไม่เดียวดายอ้างว้างเฉกเช่นเคย
อย่างโลกของฤดีที่เคยเป็น
*ดั่งเช่นสีน้ำเงิน*เหงาเงียบเสมอมา
หากทว่าวันนี้
โลกของฤดีกลับเป็นโลกสีฟ้าแจ่มจรัสใจ
เป็นโลกสีรุ้งสวยใสกระจ่างงาม..
เมื่อได้พบนิยามรักแบบมหัศจรรย์
รักที่เหนือกว่ารัก 
คือรักผืนดิน
รักธรรม..ธรรมชาติ รักชาติ ศาสนา 
และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
ที่จะเป็นรักยิ่งใหญ่อมตะไม่มีวันตายแตกดับ..
ตราบชั่วนิจนิรันดร์นะคนดีนะดวงใจ


และ
หลังจากนั้น
ฤดี..ได้ไปวัด
ไปตั้งจิตอธิษฐานสวดมนต์แผ่เมตตาสมาธิภาวนา
ไปบริจาคทานให้โรงพยาบาล
ไปถวายเงินสมทบทุนสร้างวัด
ไปสร้างกุศลจิต
ให้คิดดีคิดได้คิดให้ตามรอยธรรมรอยทอง
เพียรแผ้วถางหนทางสีขาวพราวพิสุทธิ์
ให้สะอาดว่างประดุจราวบัวพุทธบัวทองผ่องพรรณราย
ที่กำลังบานเหนือน้ำนะหน้าวิหารที่พักพระ


ฤดีเข้าไปกราบกรานพระประธานในโบสถ์
ที่คืนนี้มีงานพิธีสมโภชสวดถวายพระพรชัยมงคล
ฤดี..ก้มลงกราบพระพุทธ..
ด้วยดวงใจพิสุทธิ์มั่นภักดิ์พลีในพระพุทธศาสนา
แล้วน้ำตาพลันซึมซึ้ง


เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นพระพักตร์ทอง
อันงามละมุนผ่องผุดแผ่พระเมตตาบารมี
ให้หัวใจดวงดีดวงงาม
ได้รับรู้ถึงกระแสธารใจอันแสนใสฉ่ำเย็น


ฤดี..ได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานตามคำ..*พ่อ*
ให้ใจดวงละออทั้งสองดวงได้หลอมรวมรับรู้
ความเป็นหนึ่งเดียวในรักนิรันดร์อันแสนงามงดนี้นะนาทีนี้


แล้วฤดี
ก็ได้
กลิ่นลั่นทมหวานเศร้า
ดอกไม้แห่งดวงใจรักตั้งแต่ยามวัยเยาว์
ดอกไม้ที่แม้นจะแสนเหงางามเศร้า 
หากคือคลุกเคล้าคลุกความหวานหอมสอนใจ
ให้นวลใจใสซื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นในค่าคำทุกทุกข์รัก


และ
หากจักยึดถือมั่นก็
แค่นำมาเป็นพลังแห่งการสร้างสรรงาม
ให้ดวงใจไม่ไหวระย่อ
ขอแค่ความงามเงียบเรียบง่าย
รู้รักสมถะมีความพอดี พอใจพอเพียง
ในทุกสิ่งนี้ที่โลกและฟ้าดินรวมทั้งคนหยิบยื่นให้มา


ที่ไม่ว่าร้ายดีย่อมรำลึกรู้รำงับได้
ไม่ให้มาทำลายพร่าผลาญนวลใจแสนงามนาน
แค่นำมาเพียรสร้างพลังใจ
ไปในทางดี...แสนดี
คืนกลับให้โลกหล้าและพสุธาไทยพสุธาทองนี้
อย่างสมค่าคำมนุษย์


และ
ในท่ามกลางดวงดอกไม้ใบไม้
ที่ปรายปรนปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้าง
หล่นร่วงลงกลางร่างฤดี
ที่
แหงนเงยใบหน้ารับพร่างไสวงามบรรเจิดจิต
ในยามเช้าวันมหามงคลนี้


ฤดีได้แต่หวังตั้งใจว่า
ทุกลมหายใจนับต่อแต่นี้
ขอแค่ได้เพียรสร้างจิตให้คิดดีคิดได้
ให้สว่างเย็นดำรงไสวใสประภัสสรพิสุทธิ์
เพื่อตามรอยธรรมรอยทองตามรอยเท้าพ่อ..!
จะมิท้อขอแค่นี้ตราบชั่วนิจนิรันดร..!


และ
พลันราวในมโนนึก
ฤดีได้ยินเสียงแสนซึ้งเศร้า
กระซิบเว้าวอนสารภาพ
ออกมาจากก้นบึ้งแห่งดวงใจแสนพิสุทธิ์
ดุจสวรรค์รับรู้..ฟ้าเมตตา
............


*ชีวิตที่เกิดมาในชาตินี้ของผม
จนกระทั่งมาวันนี้
ผมคิดว่า ได้พบในสิ่งที่ปรารถนาจะพบ 
และพอใจกับวิถีชีวิตที่สงบเรียบง่าย สันโดษ 
ทางโลกผมมีหน้าที่ตอบแทนบุพการี
ตอบแทนคุณแผ่นดิน และ
มีหัวใจที่ให้กับยอดหญิงแห่งดวงใจ


ทางธรรม ผมเพียรประคับประคองจิตใจ
ไปตามภูมิธรรม 
ปรารถนานำน้อมยอดดวงใจไปในทางที่ดี 
และ 
ความปรารถนาสุดท้ายของผมนี้
ในชีวิตบั้นปลาย คือ จะบวชจนกระทั่งสิ้นลม 
คนดีครับ ทั้งหมดคือ ชีวิตของผม
ปณิธาณและความตั้งใจ 
ผมขอฝากสายธรรมไว้ให้ดวงใจนะ
 
แทนสายใจแห่งความร่มเย็น 
ให้กับยอดดวงใจในใจผมในยามที่ผมไม่อยู่นะครับ 


ผมรักแผ่นดิน รักชาติ ศาสนา
และ สถาบันพระมหากษัตริย์
ผมรักสรรพชีวิตบนโลกใบนี้
ผมรักผู้หญิงหนึ่งในดวงใจนี้
เสมอ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง 
เกิดมาแล้วตั้งสัจจะ
ที่จะรักภักดีต่อ สตรีเพียงผู้เดียวตลอดนิรันดร
วันหนึ่งถ้าสมมุติดวงใจจากโลกนี้ไปก่อน
ความรักนั้นจะดำรงคงอยู่เช่นนั้น 
และ


ผมคงทุ่มเทแรงกายแรงใจ
ให้กับงานแผ่นดิน งานธรรมเท่านั้นครับ 
เมื่อผมตาย...
ผมจะไปพบยอดดวงใจแน่นอนครับ 
หรือ..
ถ้าผมตายก่อน ผมก็จะไปรอยอดดวงใจ
อีกภพหนึ่งนะครับ คนดี
อย่าได้..
เหงาเศร้าโศกรานเลยนะเจ้ายอดดวงฤดียอดหฤทัย..!
....................
...............................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ 
รัก   
รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ
รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ...

				
comments powered by Disqus
  • ฤทธิ์ ศรีดวง

    21 เมษายน 2550 12:38 น. - comment id 685495

    ขอให้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้นะครับ
  • ทวารวดี

    21 เมษายน 2550 23:15 น. - comment id 685664

    12.gif16.gif36.gif
    ก้าวอย่างโดดเดี่ยวในปัจเจกบุคคล นั้นเป็นเรื่องธรรมดา ที่พร่ำบ่นเสมอว่า ทำไมไม่มีใครเข้าใจเราเลย จึงเฝ้าใฝ่หามาตลอดชีวิตเพื่อหาคนรู้ใจ แต่คำว่าคนคือกิเลสที่แตกต่าง วันนี้ดี พรุ่งนี้อาจไม่ดี เพราะเป็นอนิจจัง กิเลสคืออยากได้ อยากมี อยากเป็น ตอบสนองที่ไม่มีวันสิ้นสุดไปจนกว่าจะถอดถอนให้เบาบางลงเท่านั้น เหลือพรหมวิหาร๔ คือ เมตตา กรุณา มุฑิตา และ อุเบกขา เป็นขั้นสุดท้ายแห่งความรัก ก่อนบรรลุนิพพาน รักอย่างไม่หวังผลอย่างแท้จริง หรือ กรรมไม่มีผลใดๆอีกต่อไป ดังนั้น งานเขียนนี้ของคุณ พุดใกล้เคียงในความรู้สึกจากใจ จากพรหมสู่ การหลุดพ้น ขออนุโมทนา หาได้ยากยิ่ง เป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมในยุคกึ่งพุทธกาลนี้
  • ปราณรวี

    22 เมษายน 2550 07:18 น. - comment id 685731

    SummerFlower.jpg
    หวัดดีค่ะพี่พุด
    
    36.gif11.gif16.gif
  • พุด

    22 เมษายน 2550 10:09 น. - comment id 685759

    16.gif5.jpg
    ฝากไว้ในงาน ...
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem101401.html
    ร่างศิลา ..... เพรง.พเยีย 
    
    ............
    
    เมื่อวานพี่พุดมีโอกาสไปอยุธยาค่ะ
    เป็นสถานที่พี่พุดรักที่จะไป
    และ..
    ไปกรานกราบพระพุทธไสยาสน์
    ที่วัดพุทไธศวรรค์ท่ามแสงตะวันลา10.gif36.gif
    
    ค่ะ..แล้ว
    
    ได้น้อมนมัสการพระพุทธรูปองค์ดำ
    พระนเรศวร พระเอกาทศรถ พระเจ้าอู่ทอง
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงณ..ที่แห่งนั้น
    
    พี่พุด..น้ำตาซึมซึ้งตื้นตันค่ะ
    ทุกคราคราว
    ที่ได้ย่างก้าวอย่างดายเดียว
    เดินไปในท่ามลานลั่นทม
    และ..
    ทรากปรักหักพัง
    ศิลาทุกก้อนทุกแผ่นที่ได้ถ่ายทอดทุกเรื่อง
    ราวของบรรพชนผู้หาญกล้า
    ผู้ได้พลีชีพปกบ้านป้องเมือง
    ยอมพลีจิตวิญาณเพื่อลุกหลานเหลนไทย
    ทุกวันนี้ ได้หยัดยืนอย่างทรนง
    
    ให้เราอนุชนรุ่นหลัง
    ได้ซาบซึ้งปิติภาคภูมิใจค่ะ10.gif36.gif
    
    พี่พุดได้อ่านบทกวีที่ประดิษฐฐาน
    ในกรอบทองวางไว้ใต้พระพุทธรูปในราชวงค์อู่ทองที่ปรางค์พระประธานค่ะ
    ที่จารไว้อย่างงดงามมาก
    ด้วยความโศกสะเทือนใจ
    เป็นที่ยิ่งค่ะ คนดี..
    ..........10.gif36.gif
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html
    (สี่แผ่นดิน ลุ่มเจ้าพระยา)
    
    
    ไปนั่งทอดตาทอดใจ
    ดูสายน้ำรักนิรันดร์ค่อยๆระรินไหล
    อย่างช้าช้าอย่างอาลัยอาวรณ์
    หน้าพระตำหนักสิริยาลัย
    ที่แสนสงบงามในท่ามแมกไม้ไทย
    จนตะวันพลบตะวันตกดินตรงหน้า
    กับฟากฟ้าที่แสนงามราวเรียวรุ้ง
    ราวในเรื่อง
    สไบนวลสไบนางและ*ดั่งดวงเนตรในทุกยาม*
    ทั้ง*ลีลาวดีมณีรุ้ง*
    ที่เคยถอดจิตถอดใจรจนาฝากไว้
    ให้ทุกดวงใจในร่มรักได้อ่านผ่านตา
    หวังฝากประทับใจ
    
    
    ดูนกกาโผผิน
    ด้วยดวงใจเหว่ว้าดายเดียวราวย้อนยุค
    พบสุขสงบหากไยแสนเศร้า
    ราวได้ยินเสียงทุกข์..สุขสรรพสิ่ง
    แห่งเงื้อมเงางามอดีตกาล
    เสมือนตัวเองนั้นร่วมเป็นหนึ่งใน
    
    และ
    ได้น้อมนำมาลัยสดงดงามไปกราบพระอัฐิ
    ที่ฝังพระศพเจ้าฟ้ากุ้ง
    
    ในแสงเรื่อเรืองรัศมีของทิวาวัน
    ที่กำลังผันดวงลงเรี่ยต่ำทายทักทุกศิลาคร่ำ
    ยอดเจดีย์วัดไชยวัฒนาราม
    
    ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดดำเพนท์พิมพ์ลายดอกไม้
    สดสะพรั่งด้านหน้า ยาวกรอมเท้า 
    ใส่หมวกถักลายลูกไม้สีขาว
    กำลัง.
    ค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าช้า ผ่านลานลีลาวดี 
    ที่กำลังส่งกลิ่นหอมระรินสะพรั่งพร่างไปทั่ว
    และดวงดอกปลิดโปรยโรยกรายแลละลานตา ตรงลานหญ้า
    ราว..
    ถูกประดับด้วยมนตราแห่งหวานเศร้าร้างลาแรม
    ให้แสนอาวรณ์อาลัย
    
    
    ทุกย่างก้าวรอยย่ำบนศิลามณี
    ที่นะบัดนี้สึกกร่อนไปกับกาลเวลา
    ทุกศิลาที่ประดับเป็นพระปรางค์ปรา เจดีย์  
    ยิ่งพาให้ใจดวงเหว่ว้า 
    นัยน์เรียวตาซึมซึ้งราวมีหยาดน้ำผึ้ง
    กำลังจะหยดรินรดบนเรียวแก้มพลีทุกนาที
    กับ.....
    มหัศจรรย์ความงามนี้ที่ยากบอกด้วยคำ
    หากจักสัมผัสได้ด้วยพลังแห่งความรัก
    อันล้ำลึกดำดื่มอย่างปลาบปลื้มปิติเพียงนั้น
    ราวกับสวรรค์ แลฟ้าดินประทานพร
    ให้หัวใจอ่อนหวานในร่างอรชรได้รับรู้รับทราบเพียงลำพัง
    
    
    
    เธอ..เดินช้าช้าเข้าไปภายในเบื้องพระวิหารรายและ
    หยุดร่ำไห้.....
    เมื่อแหงยเงยไปเห็นองค์พระพุทธมากมาย ที่นะบัดนี้สิ้นไร้เศียร..!
    ...............
    
    
    
    พบพุทธบุญเพรงสยาม.....ลำน้ำน่าน
    
    
    ๑) อยุธยายศล่มแล้ว...........ลอยสวรรค์ ลงฤา*
    โคลงสะอื้นรำพัน.................ศึกแพ้
    แรมนิราศจาบัลย์................บุณย์รักษ์ เวียงแล
    อินนรินทร์ธิเบศร์แล้...........ร่ำร้าวโคลงหวนฯ
    (*นิราศนรินทร์)
    
    (๒) เศวตฉัตรช่อฟ้า............    วงศ์สวรรค์
    เก้ารัชกาลบรร-...................    จบแล้ว
    รัตนวงศ์วรรณ....................    วัฏแผ่น ดินแฮ
    สันตติวงศ์แพร้ว.................    ร่วงรุ้งเรืองสยามฯ
    
    (๓) แดง...ฤกษ์ไทฤกษ์ด้าว..    ดำเกิง สุรีย์แล
    แดง...เลือดหลั่งเลือดเชิง.....    ศึกเชื้อ
    แดง...มารมอดมารเพลิง......    พ่ายพุทธ
    แดง...ชาดหรคุณชาดเกื้อ.....   เลือดแก้วละเลงสยามฯ
    
    (๔) น้ำเงินงามรามร่มเกล้า....   เครือกษัตริย์
    กษัตริย์เกษมวิวรรธน์.............วรทล้ำ
    ล้ำแผ่นสุพรรณบัฏ...................บรมราช- วงศ์แล
    ราชธรรมเพียบพร้ำ.................พุทธพร้อมพรสยามฯ
    
    (๕) เขียว..กระทงตองท่องท้อง...ธารทอง
    เขียว...ทุ่งข้าวรวงรอง...............ระบัดกล้า
    เขียว...ผักคละครองคลอง.........เครียวยอด 
    เขียว...พระมรกตหลักหล้า........เหล่านี้มณีสยามฯ
    
    (๖) ขาว...กลีบแก้วพุดซ้อน.......แซมทรวง
    ขาว...หยดน้ำค้างยวง...............หยาดน้ำ
    ขาว...ข้าวดอกมะลิรวง..............หุงใหม่ 
    ขาว...ดอกบัวไป่ช้ำ...................ผ่องแผ้วพุทธถวายฯ
    
    (๗) เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว......โพสพสรม
    เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม.........รุ่งคุ้ง
    เหลือง...อรุณแรกขานขรม........ขมิ้นเพรียก 
    เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง................เรื่อแล้วลานสยามฯ
    
    (๘) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...........เพลบุญ
    โพ้นวรรษาราพิกุล...................เกี่ยวข้าว
    ปรางค์สางรุ่งอรุณ.....................ระดะยอด อวดแฮ
    บุญสยามค่ำเช้า........................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ 
    
    (๙) ขึ้นสิบห้าค่ำไหว้..................วิสาขา
    เทียนรุ่งร่ำเรียมตา...................ตาดเคื้อ
    นวลเดือนอาบปฏิมา.................มณฑป 
    อาบโบสถ์เทียนอาบเนื้อ...........นุชหน้าพัสตร์สงฆ์ฯ
    
    (๑๐) ไขประทีปประดับต้น.........รัตติธรรม
    สงฆ์แว่วแจ้วลำนำ...................นพน้อม 
    เพลาพร่าจันทรารำ-.................ไรยอด โพธิ์แล
    โบสถ์ค่ำพัสตร์ภายพร้อม..........พร่างพื้นแขไขฯ
    
    (๑๑) ข้าวออกรวงดกแล้ว..........ละลานตา
    ไหวว่ายตะเพียนปลา...............ผุดปลื้ม
    พลบค่ำเพรียกวิหคนา............ นางเพรียก ละเมอฤา
    แรมล่าอริราชครึ้ม...................ศกคล้อยเรือนหายฯ
    
    (๑๒) ทองหยิบเคยหยิบป้อน......เพลา เสมอนอ
    เรียมหยาดหวานหยาดตา.........ขยิบซึ้ง
    เรียมหยอดรักหยอดยา.............หยดพิษ
    แรมรักร้าวรักทึ้ง......................หยิบแย้มแซมขมฯ
    
    (๑๓) รอนตะวันลับเศร้า...........บึงอุบล
    จันทร์แจ่มแย้มนวลยล............เยี่ยมฟ้า
    ขิมครวญดั่งครางคน.................ครวญพี่ นะแม่
    นิราศเรียมห่างหน้า.................ห่อนได้แลเห็นฯ
    
    (๑๔) ปรารถนาภาพลึกล้ำ.........ละเลงบุญ
    เกล็ดทิพย์ลิบละมุน..................ม่านน้ำ
    อารยธรรมค้ำจุน......................จวบค่ำ
    เจ้าพระยาพาข้าม......................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ
    
    (๑๕) ทอดสะพานล่องข้าม..........แขนงชล
    ระยับหมอกดอกอุบล.................เบ่งใต้
    บัวเรียมระเมียรยล..................หยั่งย่าน ชเลแล
    บัวสี่เหล่าเนาไซร้.....................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ
    
    (๑๖) พรพรหมธรรมแต่เบื้อง....บุราณกาล
    สืบแผ่นดินระรินมาลย์.............อะคร้าว
    ข้าวจวักตักถวายทาน...............ทรวงบาตร อรุณแล
    พบพุทธบุญเพรงข้าว................กนกเนื้อนาถสยามฯ
    
    (๑๗) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ.........รวีอรุณ
    พุทธุปบาทกาลบุญ....................เบิกฟ้า
    พุทธศาสนิกละมุน...................พุทธชาด สยามนอ
    พุทธบุตรโชติชวาลหล้า.............สว่างเพี้ยงพันแสงฯ
    
    (๑๘) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง..พะไลทราย
    พันพร่างธรรมทองพราย...........พิจิตรฟ้า
    มะลิหล่นร่วงโรยวาย.................วัฏจักร
    เบิกรุ่งบุญระบายหล้า............... โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ 
    
    (๑๙) บัวบังใบตะไคร่ครึ้ม..........บัญจรงค์
    บังอุบลจตุวงศ์..........................เวี่ยน้ำ
    เบญจภูตโพชฌงค์....................ฌาปนกิจ บังฤา
    เบญจขันธ์กิเลสล้ำ....................ยากยั้งบังไฉนฯ 
    
    (๒๐) เบญจขันธ์กิเลสรั้ง............ยามโยค ญาณเอย
    ทุกข์สร่างหมางเศร้าโศก...........สร่างสิ้น
    วิปัสสนาวิโมกข์........................วิมุตติ
    เบี่ยงบ่วงอบายหวิ้น..................วิวัฏโพ้นพรหมสวรรค์ฯ
    
    (๒๑) ปราชญ์ใดในโลกร้าง.......ธรรมา
    แสวงสว่างศาสนา....................เสน่ห์น้อม
    ฤาประลาตพันธนา...................เนืองยศ 
    กิเลสรัดมายาย้อม....................ขุ่นข้นใจถลำฯ
    
    (๒๒) ปวงปราชญ์ปรัชญ์ก่อเคื้อ..กวีนิพนธ์
    เพาะบ่มอักษรมนตร์.................มิ่งแก้ว
    ค่าคำรดเหล่าอุบล.....................บริพัตร ทวีปนา
    สงฆ์สะแบงกลดแล้ว.................เกียรติคล้อยครืนหลังฯ
    
    (๒๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง.............ไพหาร
    พุทธะหลั่งวิญญาณ....................หยาดไว้
    ชะรอยพุทธเพรงกาล................มาล่ม ลงแล
    ธารพระธรรมผากไร้................ร่อยร้างมลายขวัญฯ
    
    (๒๔) พรายน้ำวาววับน้ำ...........นองพระยา
    เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา................ลิ่วลื้น
    ไหลลอยล่องชีวิตมา..................มาดมุ่ง เมืองแล
    จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...............ฝากน้ำซากสลายฯ
    
    (๒๕) ปณิธานไพร่ฟ้า...............กวีไพร
    พลีหลั่งเลือดละไม....................มุ่งฟื้น
    ปลุกสำนึกดื่มดวงใจ.................ชนชาติ กวีนอ
    กราบแผ่นดินน้ำตารื้น.............รักษ์ร้อยชาติสยามฯ
    
    ..............
    
    
    
    ใต้ร่มไม้ใบระยิบระยับไหว
    ฟังธรรมใจรับแดดทองส่องพรายพร่าง
    ใจดวงทองรับยอดธรรมส่องนำทาง
    ใสกระจ่างอัญมณีทิพย์นิรมิตใจ..
    
    หลับตานิ่งทิ้งทุกสิ่งไว้ภายนอก
    ตาในบอกเปิดจิตงามรับพร่างใส
    ดอกบัวบุญแย้มคลี่บานกลางบึงใจ
    ยอดพระรัตนตรัยดั่งน้ำค้างลงพร่างริน..
    
    ในนิมิตเราเคียงกันลานดอกจิต
    น้อมชีวิตกราบกรานถวายสิ้น
    มีเพียงว่างวางทุกข์น้ำตาริน
    หวังสุดสิ้นทุกข์ระทมเคยห่มใจ..
    
    แกะเปลือกใจพบจิตใสอย่างช้าช้า
    แก่นชีวาคือทำดีมิหวั่นไหว
    รู้สละออกเพียรรู้ให้น้ำค้างใจ
    หอมดวงใจใสเย็นพร่างสร้างรอยบุญ..
    
    เสียงสวดก้องสะท้อนทาบอาบอุ่นนัก
    ฝากใจภักดิ์สองดวงจิตอันหอมกรุ่น
    ใบไม้ร่วงพรูพร่างกระจ่างใจรับอรุณ
    ดอกพุดไพรใจละมุนรับวันพร..
    
    แล้วดวงจิตกระจ่างก็พร่างวับ
    งามธรรมจับนวลเนื้อจิตซึ้งคำสอน
    สนิทแนบแอบแสนรักฟ้าอวยพร
    ให้เราสองล่วงสู่ฝั่งฝันวันนิพพาน..!
    
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
    สี่แผ่นดิน 
    
    คนมี ชีวิตและกายา
    ถือ กำเนิดเกิดมา
    เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
    ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
    กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
    เป็นแดน ที่ให้ชีวา
    พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
    คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
    เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
    ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
    ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
    ความทุกข์เยือน เรือนกาย
    หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
    สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
    ยามดี เราดีตาม
    ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
    บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
    
    ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
    ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
    ความทุกข์เยือน เรือนกาย
    หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
    สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
    ยามดี เราดีตาม
    ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
    บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน... 
    ...............
     
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html
    ลุ่มเจ้าพระยา 
    
    ลุ่มเจ้าพระยาเห็นสายธารา ไหลล่อง
    เพียง แต่มองหัวใจให้ป่วน
    น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
    ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
    เรา เกิดมา ผูกใจรัก กันดีกว่า
    เพราะว่าชีวา แสน สั้น
    เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
    ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
    อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิดมั่น
    จง ผูกพันรักกันด้วยใจ
    ขอจงเป็น เหมือนเช่น นกไพร
    ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่กัน
    
    เรา เกิดมาผูกใจรัก กันดีกว่า
    เพราะว่าชีวา แสน สั้น
    เรา อย่าได้ สะเทือนหัวใจต่อกัน
    ทิ้งชีวิตอัน สุขใจ
    อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชย ชิด มั่น
    จง ผูกพัน รักกันด้วยใจ
    ขอจงเป็น เหมือนเช่นนกไพร
    ที่เหิรบินคู่กันไป หัว ใจ คู่ กัน... 
     
    
    
    
    10.gif36.gif
  • พุด

    22 เมษายน 2550 11:02 น. - comment id 685781

    16.gif36.gifpriyanka_chopra_4.jpg
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
    
    ขอขอบคุณ..ทุกหยาดน้ำใจใสงาม36.gif
    
    ถึง
    
    คุณฤทธิ์  นะคะ....36.gif
    ที่ให้พรแสนงามจิตงามใจเลยค่ะ
    เส้นทางธรรม ทางทองนั้น
    ทอดรอผู้มิยอมพ่ายเพียรค่ะ
    
    คุณทวารวดี...36.gif
    ขอบคุณค่ะ
    
    หากวิบากกรรมเก่าหมด
    ก็คงงดงามที่จักก้าวเดินลำพังค่ะ
    ..............
    
    น้องปราณรวี..36.gif
    น้องคนดี ที่ให้น้ำใจใสเย็นมาพร่างริน
    ในจิตวิญญาณพี่พุดสม่ำเสมอค่ะ
    จนเกินจักกล่าวคำใด
    
    นอกเสียจากจะบอกว่า
    แสนซึ้งใจนะน้องรักที่ไม่ลืมพี่พุด36.gif
    
    
    ซึ้งใจนะคะทุกท่าน
    
    และขอมอบบทเพลงนี้พลีกำนัลรับขวัญ
    อุษาวดีแสนหวานค่ะ36.gif
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3738.html
    
    ตลอดกาล 
    
    รัก แรก
    แทรกความหวานฉ่ำล้ำ ทั้งมวล
    เหมือน ชวน ให้ใจต้องเสน่หา
    เหมือน ดั่ง สายน้ำชื่นฉ่ำเย็น
    ไหลผ่านมา
    สองอุรา พาให้ฝันใฝ่
    รัก นั่น
    ไม่มีวันเปลี่ยนผัน หัวใจ
    ให้ ใคร มีใจเพียงเพื่อเธอ
    แม้ โลก
    หยุดหมุนรักก็ยัง มั่นเสมอ
    ฟ้า มีดาว ฉัน มีเธอ
    ตลอดกาล
    ขอให้ รักเรา เคียงอยู่คู่ฟ้า
    ไม่มีวัน ร้างรา
    พลัดพรากจากไกล
    ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
    ตลอดไป นานเท่านาน
    ตลอดกาล
    
    ขอให้ รักเรา
    เคียงอยู่คู่ฟ้า
    ไม่มีวัน ร้างรา
    พลัดพรากจากไกล
    ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
    ตลอดไป นานเท่านาน
    ตลอดกาล... 
    
    
    
    36.gif16.gif
  • ทิกิ_tiki_4895 Unlogged in

    19 มิถุนายน 2550 22:46 น. - comment id 712089

    งดงามดีค่ะพุด
  • อาร์

    2 กรกฎาคม 2550 19:02 น. - comment id 718827

    14.gif13.gif4.gifภาพสวยจังคะ70.gif66.gif59.gif51.gif35.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน