สุดอ้างว้างวังเวงเพลงป่าช้า เมื่อเวลาสายัณห์ตะวันหาย คืนเดือนดับลับลาฟ้าเลื่อมลาย วิเวกคล้ายสายฝนบ่นอำลา ที่หลุมปักสลักชื่อคือกายเจ้า มีเพียงเงามืดมิดปิดด้วยฝา เหลือแต่ร่างหากไร้ซึ่งวิญญาณ์ ไม่นำพาร้อนเย็นที่เป็นไป อาณาเขตเหลือเพียงแต่แค่เท่าหลุม ที่ปกคลุมคุ้มร่างไม่กว้างใหญ่ หมดสิ้นแล้วปรารถนาทอดอาลัย มีให้เพียงผลกรรมชี้นำทาง เสียงโหยหวนชวนวะแว่วแผ่วแผ่วพลิ้ว ใบไม้ปลิวหวิววาบปนสาบสาง หมาหอนรับสดับขรมลมครวญคราง สุดปลายทางคือแมกไม้ในเงาดำ จุดสุดท้ายในชีวิตคิดหรือไม่ มิห่างไกลมองเห็นอยู่ดูน่าขำ หลีกไม่พ้นหรือเลี้ยวลดกฎแห่งกรรม อย่าถลำซ้ำลึกตรึกตรองดู ที่มารูป: h**p://www.austinexplorer.com/Cemeteries/ TravisCounty/NamelessCemetery/6-Maynard.jpg
4 กุมภาพันธ์ 2550 18:33 น. - comment id 652678
สุดท้าย ในชีวิต คิดเอาไว้ ไปให้ไกล สุดกู่ สู่ความฝัน จุดสงบ พบพร่าง ทางนิรันดร์ วางชีพนั้น แทบบาท องค์ศาสดา...
4 กุมภาพันธ์ 2550 19:06 น. - comment id 652681
เวียนว่ายตายเกิดเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุดค่ะ..
4 กุมภาพันธ์ 2550 19:17 น. - comment id 652683
กุ๊กกู๋
4 กุมภาพันธ์ 2550 19:23 น. - comment id 652688
สวัสดีค่ะ Whiterose.............. ************************************** จ๊ะเอ๋ เปเป้.....ไม่ไปเชียร์บอลกะเค้ามั่งเหรอค่ะ....
4 กุมภาพันธ์ 2550 19:35 น. - comment id 652693
เป็นบทกลอนที่สื่อความหมายได้ดีมากๆด้วยดิคะ.... เรนแวะมาทักทายพี่ปราณรวีนะคะ..
4 กุมภาพันธ์ 2550 20:47 น. - comment id 652713
จุดสงบพบวังเวงเพลงป่าช้า ดั่งบอกว่าทุกอย่างหยุดวางนิ่ง หยุดไขว่คว้าหานิยามคือความจริง หยุดทุกสิ่งสับสนบนความตาย หยุดกิเลสความอยากมากทับถม หยุดอารมณ์ถมเถเร่กระหาย หยุดอาฆาตปรารถนาในหญิงชาย หยุดสุดท้ายจบลงตรงป่าช้า.
4 กุมภาพันธ์ 2550 21:23 น. - comment id 652722
ทักทายนะครับ...ปราณรวี เพลงป่าช้าครวญแว่วมาพารำลึก ชีวีตรึกไตร่ตรองดูรู้กาลขัย ปุถุชนบ่นว่าเกิดมาทำไม มนุษย์ไซร้ต้องตายวายชีวา
4 กุมภาพันธ์ 2550 21:28 น. - comment id 652723
สวัสดีค่ะ เรนเอง....ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม
4 กุมภาพันธ์ 2550 21:31 น. - comment id 652724
คือปลายทาง ของชีวิต ที่แสนสั้น คือนิรันดร์ ที่เราพบ ประสบหนอ คือความจริง ไม่แรมร้าง แต่สร้างรอ ที่เคลียคลอ รอเรา ทุกเช้าเย็น หวัดดีจ้านางฟ้า...วันนี้กลอนวังเวงหน่อยนะคะ
4 กุมภาพันธ์ 2550 21:37 น. - comment id 652726
เพลงป่าช้า พาเศร้า เหงาดวงจิต เรื่องชีวิต ผิดหวัง ชิงชังเหลือ เกิดมาแล้ว ช่างวายวุ่น ไม่จุนเจือ บนความเชื่อ บ่วงกรรม ที่ทำมา..... สวัสดีค่ะกุหลาบน้ำตา.........
4 กุมภาพันธ์ 2550 22:49 น. - comment id 652765
เชียร์ค่ะเชียร์แต่เชียร์ที่บ้าน เสียดายบอลแพ้ อุตส่าห์ลุ้นไปกินข้าวไป สรุปข้าวติดคอหลายรอบ...แล้วบอลยังแพ้ เซ็งมากกกกกกกกก
5 กุมภาพันธ์ 2550 08:50 น. - comment id 652835
ที่ที่เราจะต้องไปกันทุกคน ขอให้เราจงเตรียมพร้อม สร้างและทำดี.. ก่อนที่ร่างจะลับดับสูญ.. ให้คนข้างหลังที่ได้กล่าวขวัญถึง.. จงสมค่าที่เกิดมา.. ..เพราะมากนะคะ..
5 กุมภาพันธ์ 2550 10:46 น. - comment id 652873
ค่ะเปเป้ ป. ก็ลุ้นอยู่หน้าเนตค่ะ คอยถามเพื่อนในห้องแชทว่าแข่งกันไปถึงไหน...แย่เลย สงสารนักบอลน่ะ..คงผิดหวังน่าดู....
5 กุมภาพันธ์ 2550 10:49 น. - comment id 652877
ค่ะครูพิม...คือปลายทางของทุกคน ไม่มีใครหนีพ้น แต่ทั้งที่รู้ว่าปลายทางแล้วไม่มีใครเอาอะไรไปได้เลย คนเราก็ไม่ลดกิเลส และความอยากลงเลยนะค่ะ.......
5 กุมภาพันธ์ 2550 10:50 น. - comment id 652879
เพลงเศร้าจัง ที่พึ่งสุดท้ายทุกคนเอย
5 กุมภาพันธ์ 2550 11:04 น. - comment id 652891
มาฟังเพลงป่าช้า ถ้าจะสงบดีนะแต่เพลงดังหรือเปล่า เดี๋ยวไปรบกวนผู้ที่อยากนอนหลับนะ
5 กุมภาพันธ์ 2550 12:31 น. - comment id 652925
เปิดเพลงกล่อมคนเข้ามาอ่านน่ะจ้ะ.... คนใต้ดินคงมะด้ายยินหรอกค่ะ..อิอิ สวัสดีค่ะแม่มด....
5 กุมภาพันธ์ 2550 12:32 น. - comment id 652928
สวัสดีค่ะ คอนพูทน.....
5 กุมภาพันธ์ 2550 13:53 น. - comment id 652959
สวัสดีครับ ปราณรวี กลอนไพเราะมากนะครับ เนื้อหาแนวคิดดีด้วย ความไพเราะของกลอนคุณปราณรวี ผมว่าเด่นที่สัมผัสสระคู่หลังที่เชื่อส่วนกลางและส่วนท้ายของวรรค มีลีลาคล้าย ๆ ครูกลอนพระศรีสุนโวหาร ซึ่งอาจสลับแบบการเชื่อมแตกต่างไป แต่ก็ส่วนหน้าและส่วนกลางก็ยังมีการเชื่อมอยู่บ้าง โดยรวมแล้วกลอนก็จะเด่นสัมผัสสระมากกว่าสัมผัสอักษร ไม่ถึงขั้นแพรวพราวจนรก แต่ก็ยังไม่ถึงกับแพรวพราวเสียทีเดียว ซึ่งน้ำนมราชสีห์มองว่าเป็นลีลาของคุณปราณรวี ที่สร้างขึ้นด้วยสั่งสม ดูเป็นลีลาที่ดูไม่เชย และสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกมาก จึงถือว่าเป็นอีกคนที่น่าจับตามอง ส่วนแนวคิดในเรื่องนี้เป็นเเนวพุทธปรัชญา กล่าวถึงเรื่อง ชีวิตหลังความตาย อันเป็นอนัตตา มีลักษณะคล้าย ๆ กับดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ซึ่งคุณปราณรวีเรียบเรียงได้เกือบดีทีเดียว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการใช้คำขยายนั้น สามารถใช้ได้ถูกต้อง และใช้ได้ดีที่เดียว รวมถึงการใช้ภาพพจน์ที่เร้าความรู้สึก สร้างจินตภาพ และโน้มน้าวให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมด้วย เช่น ฝนบ่นอำลา ลมครวญคราง เป็นต้น งานของปราณรวีนั้นถือว่าเป็นงานระดับที่ถือว่า มีลีลา และแนวคิดที่น่าอ่านทีเดียว แต่น้ำนมราชสีห์คิดว่ายังมีบางจุดที่ยังไม่ชัดเจนนัก คือ การใช้คำของปราณรวี ยังไม่ชัดเจนนัก แต่ไม่ได้หมายความว่า สื่อความไม่ได้ เพราะกลอนของปราณรวีสื่อความได้ครบ และสื่อความรู้สึกได้อีกด้วย แต่การที่กล่าวว่าไม่ชัดเจนนั้น เป็นเรื่องหน่วยเล็ก คือ "คำ" กล่าวคือ การใช้คำยังไม่ตรงนัก เข่น วรรคที่ว่า " อาณาเขตเหลือเพียงแต่แค่เท่าหลุม " สิ่งที่น่าสังเกต คือ กลอนสูญเสียความงามด้านความหมาย เพราะปราณรวีหวงความงามด้านเสียง นั่นคือ เพียงแต่ - แค่ ซึ่ง สรุปไม่ได้ว่า เพียงแต่ หรือ แค่ หรือ เพียงแค่ ทำให้ความหมายแกว่ง ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ แต่จะเกิดความกังขาในภาษา และบางครั้งการคำนึงถึงแต่ความงามด้านเสียงก็ทำให้กลอนแข็ง ๆ ไปบ้าง ดังนั้นการเขียนน่าจะคำนึงถึง รส พจน์ ภาพ และความหมายด้วย นอกจากนี้คำว่า ขรม ที่หยิบใช้ยังไม่น่าจะตรงกับบริบทและบรรยากาศของเรื่องเท่าไรนัก ส่วนชื่อเรื่อง เพลง นั้น ไม่น่าจะมีความหมายถึงเพลง คุณปราณรวีคงจะใช้เพลงเป็นตัวแทนของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในป่าช้า ภูมิทัศน์ บรรยากาศและความจริง ประสานความกันเป็นเพลงที่สะท้อนบรรยากาศและแนวคิดขึ้นมา ซึ่งอาจจะไม่มีเนื้อร้องในเพลงป่าช้า แต่ผู้สัมผัสนัยของเพลงได้ด้วยปัญญาและจิตใจของตน ถึงอย่างไรก็ตาม เพลง....จากป่าช้านี้ ก็สามารถบรรเลงความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจ และเกิดความสะเทือนอารมณ์ได้ระดับหนึ่ง ถึงแม้จะมีจุดบกพร่องบ้างก็ตาม น้านมราชสีห์จึงขอชมไว้ ณ ที่นี้ว่าประทับใจ และแจ้งไว้ด้วยความจริงใจว่า สนใจกลอนบทนี้จริง ๆ จึงวิจารณ์ มิได้มุ่งโจมตีเพื่อประโยชน์อยากใด ๆ ทั้งสิ้น หากสร้างความขุ่นเคืองใด ๆ น้ำนมราชสีห์ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย จาก คนอ่านปากดี แต่ไม่มีฝีมือ
5 กุมภาพันธ์ 2550 14:51 น. - comment id 652995
สวัสดีค่ะ คุณน้ำนมราชสีห์ ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณด้วยใจจริงสำหรับคำวิพากษ์ในบทกลอนค่ะ ... ป. มองเห็นจุดบกพร่องในกลอนที่แต่งแต่ละครั้งพอสมควร แต่งเสร็จแล้วก็นั่งอ่าน ทบทวน หลายรอบ แต่ถึงมองว่าคำ สระ หรือสัมผัส หลายที่มีปัญหา ก็ไม่ทราบจะแก้ไขอย่างไรค่ะ เพราะ ป. มีปัญหาเรื่องภาษาไทยพอสมควร...ทุกวันนี้ได้ใช้ภาษาไทยก็เฉพาะในการแต่งกลอน กับคุยกับเพื่อนคนไทยในเวบบอร์ดเท่านั้นค่ะ (อยู่ต่างประเทศมานาน ได้กลับบ้านช่วงสั้น ๆ เท่านั้นค่ะ) ....คำที่ใช้ทั่วไปจึงเป็นคำทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ไพเราะเพราะพริ้งเท่าที่ควรจะมีในบทกลอน...บางทีใช้คำผิดความหมาย บางทีสะกดผิดก็มีค่ะ ก็ได้อาศัยเพื่อนทางไกลจากเนตช่วยในบางครั้ง...กลับบ้านคราวหน้าคงนำพจนานุกรมไทยกลับมาด้วยค่ะ เพื่อไว้ดูความหมาย และคำที่ถูกต้องค่ะ.....ถึง ป. มีประสบการณ์การแต่งกลอนมาตั้งแต่เรียนมัธยม แต่ก็ทิ้งช่วงไปนานพอควรค่ะ...การเขียนกลอนแต่ละเรื่อง ต้องพล้อตเรื่องทุกครั้ง เหมือนเขียนเรียงความ...ดังนั้นจึงเขียนได้เฉพาะเรื่องที่มีความรู้บ้างเท่านั้น...และบางเรื่องในบางบทกลอนก็ไม่สมบูรณ์ดังเช่นที่คุณได้วิพากษ์ไว้ข้างต้นค่ะ....แต่สำหรับเพลงนั้น ป. ไม่มีตัวเลือกค่ะ เพลงที่ใส่มาด้วยมาจากเวปไทยโพม นี่แหละค่ะ....อิอิ....เค้ามีให้เลือกแค่ 10 เพลงเองค่ะ และ ป. ก็ไม่ทราบวิธีเอาเพลงที่เราสนใจมาลงได้อย่างไร.........อย่างไรก็ตาม ขอกราบขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำที่ให้ไว้ค่ะ ป. จะรับไว้เพื่อปรับปรุงการแต่งในครั้งต่อ ๆ ไปค่ะ
5 กุมภาพันธ์ 2550 15:17 น. - comment id 653005
คราวต่อไป ถ้าไม่เป็นการรบกวน และคุณน้ำนมราชสีห์มีเวลาว่าง กรุณามาวิพากษ์กลอนที่ ป. แต่งอีกได้ไหมคะ?? จะได้เห็นจุดบกพร่องในกลอนที่แต่งแต่ละครั้งค่ะ กราบขอบพระคุณด้วยความเคารพค่ะ
5 กุมภาพันธ์ 2550 16:53 น. - comment id 653046
มีเกิด ก็ดับไป... สุดท้ายร่างกายก็เป็นดินดั่งเดิม..
5 กุมภาพันธ์ 2550 18:55 น. - comment id 653095
:) อ่านแล้วได้มองย้อนคิดว่าชีวิตนี้สั้นนัก ต้องเร่งรัดศึกษาธรรมค่ะ ขอบคุณค่ะ กุ้งหนามแดง
5 กุมภาพันธ์ 2550 19:07 น. - comment id 653102
สุดเส้นทางชีวีที่ป่าช้า จนหรือรวยล้นฟ้ามหาศาล จบสิ้นลงตรงนี้มิเนิ่นนาน ดับวิญญาณสลายกายตายทุกคน
5 กุมภาพันธ์ 2550 21:56 น. - comment id 653232
หดหู่ค่ะ คือความจริงที่เราไม่ค่อยอยากนึกถึง นึกถึงก้อหดหู่อีก เฮ้อ หดหู่ กลัวตายค่ะ
6 กุมภาพันธ์ 2550 01:38 น. - comment id 653328
สวัสดีค่ะ แมงกุ๊ดจี่ ......กุ้งหนามแดง .... ชูรส .... ชมพู ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยมเยียน...กลอนเรื่องนี้ ป. แต่งมานานแล้วค่ะ...เจตนาแต่งให้นายก คนเก่าน่ะค่ะ...อิอิ...
6 กุมภาพันธ์ 2550 20:51 น. - comment id 653810
มาอ่านแล้วชอบตรงเม้นท์ตะกี๊อ่ะค่ะ เจตนาแต่งให้นายก คนเก่าน่ะค่ะ...อิอิ สุดท้ายต้องไปสุสานกันทั้งสิ้น ทำดีฝากไว้ให้โลกจำดีกว่า
7 กุมภาพันธ์ 2550 00:26 น. - comment id 653861
คม..ครับ ทั้งคำและความหมาย อ่านแล้วชักสยอง
7 กุมภาพันธ์ 2550 03:42 น. - comment id 653885
สวสัดีค่ะเฌอมาลย์ ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม...แต่นายกคนนั้นน่ะ ไม่รู้ว่าสุสานเค้าจะอยู่ที่ไหน นิ...อิอิ
7 กุมภาพันธ์ 2550 03:44 น. - comment id 653886
สวัสดีค่ะครูใหญ่ฯ ครูใหญ่สยองอะไรคะ?? ...อิอิ.......ใครก็หนีไม่พ้นตรงนี้หรอกค่ะ ที่นัดหมายของเราทุกคนค่ะ....
12 กุมภาพันธ์ 2550 14:43 น. - comment id 656099
ณ ป่าช้า แห่งนี้ ที่ไม่แคล้ว ชี้ชัดแนว ให้คนคิด ชีวิตเอ๋ย เป็นลิขิต สอนใจ ดีจังเลย ขอชมเชย กลอนป่าช้า ที่น่าชม มีฮวงซุ้ย เรียงราย อยู่หลายหลาก คลุมเศษซาก ของชีวิต สนิทสนม หญ้าญี่ปุ่น สวยสดชื่น ดูรื่นรมย์ คลี่คลุมห่ม หลุมฝังศพ สงบสบาย อนิจจา อนิจจัง หลุมฝังศพ ที่กลืนกลบ ร่างมนุษย์ เป็นจุดหมาย ต้องล้มนอน แน่นิ่ง ทั้งหญิงชาย ต้องถึงซึ่ งความตาย ทุกนายนาง แม้ยิ่งใหญ่ ยืนยง ดำรงค์ยศ เกียรติปรากฎ กึกก้อง ไม่หมองหมาง แม้รูปกาย แสนสุภา อ่าสำอางค์ ก็ทิ้งร่าง กายลง ที่ตรงนี้ กายเหนื่อยล้า ซมซาน ทำงานหนัก ทุกชีวิต สนิทนัก พักที่นี่ เกิดสำนึก ตรึกธรรม ฉ่ำฤดี จึงแจมถ้อย ...ร้อยกวี...บทนี้เอย ---------------------------เงา
10 มีนาคม 2550 08:11 น. - comment id 668399
15 มีนาคม 2550 12:50 น. - comment id 671057
ขนลุกเลยครับ...
28 มีนาคม 2550 11:18 น. - comment id 677467
กลอนเพราะมากค่ะ ให้ข้อคิดดีนะคะ ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็จบอย่างเท่าเทียมกัน
16 กรกฎาคม 2551 12:40 น. - comment id 874295