ซากเรืออับปาง
ศิลป์กีรติ ว่าโร๊ะ
. ซากเรือข้ามฟากจมลึกใต้พื้นน้ำ
หลายจำนวนลำ จมก้นบึ้งใต้สมรภูมิสงคราม
ลำแล้ว ลำเล่า โดนจมอย่างเหี้ยมโหด
ประทุษร้ายเผาเรือและสังหาร อาจารย์ดุจเรือข้ามฟาก
เด็กๆ ผ้าขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของเด็กบนฝั่ง
เรือของเราจมแล้ว อีกลำ อีกลำ ไม่มีทีท่าจะยุติ
เด็กๆปรารถนาเดินทาง ล่วงพ้นทะเลอวิชชาแห่งนี้
เรือข้ามฟากจมไปอีกแล้วลำหนึ่ง เรือจูหลิง
หลังส่ออาการร่อแร่ อยู่พักใหญ่
ในเมื่อไม่มีปาฏิหารย์ เหตุการณ์มหัศจรรย์
ชิ้นส่วนสังขารมิอาจต้านทาน กฏเกณฑ์ธรรมชาติ
ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก กลับสู่ความเป็นมาดั้งเดิม
ภาพเด็กๆ และชาวบ้าน ผู้รักสันติ เสียน้ำตาร้องไห้
จากไปแล้วหรือ เรือจูหลิง เคยโดยสารเดินทาง
จรรยาบรรณ์และวิญญาณ เรือลำหนึ่ง
ถึงความกล้าหาญ ความดี ทุกคนยังจดจำและเล่าขาญ
เหตุการณ์วันนั้นเธอโดนศกรรม ทำร้าย
พันนาการ กักขัง เพื่อเป็นเครื่องต่อรองเธอ
ชาวบ้านผู้โดนล้างสมองเหล่านั้น ตาแดงกล่ำ
ด้วยดวงตามืดบอด,ไขว่คว้า อาชญากร,ปีศาจกระหายเลือด
เมื่อดอกไม้เบ่งบานในสมรภูมิสงคราม
แผ่นดิน อาณาเขต ดินแดน แห่งความไม่สงบ
ความรุนแรงและเหตุร้ายคือมหากาพย์ที่เล่าสืบทอดกันมาไม่รู้จักจบ
ดอกไม้กลางสมรภูมิ ลูกกระสุน และ ดินระเบิด
ศิลปะโดนพรากไป กับการจากไปของดอกไม้
แด่ดอกไม้ดอกนั้น และ ทุกๆดอกที่ยังเบ่งบานและจากลา
จะยังคงอยู่ในใจผู้คนเป็นอนุสรณ์ความดี
งอกงามและเบ่งบาน ตราบนานเท่านาน
9 มกราคม 2550
.