๑ ๏ มัวหมอกมืดแม้นม่าน................สุรีย์ฉานฉายผ่านแสง หมอกไข้ใจคลางแคลง......................แจ้งจริงไขใช้ปัญญา ฯ ๏ มัวหมอกมืดหม่นแม้น...................ม่านพราง สุรีย์ส่องแสงสาดจาง.........................แจ่มได้ หมอกใจหม่นใจหมาง.......................ใจมืด แสงสว่างปัญญาไซร้..........................ส่องให้เห็นแสง ฯ ๒ ๏ อย่าปล่อยปลงดวงจิต.................เดินทางผิดพ้นธรรมฉาย ทุกข์จิตสุดคิดคลาย...........................วายชีพวางอย่างมืดมน ฯ ๏ อย่าปล่อยปลงจิตข้อง......................ข่ายอบาย เหินห่างจางธรรมฉาย........................ชืดร้าง ทุกข์จิตสุดคิดคลาย............................ขมขื่น ตนตื่นคืนสุขอ้าง.................................เอ่ยได้ฤๅไฉน ฯ ๓ ๏ หลักธรรมนำชีพใส.......................ล้างทุกข์ไปให้ผ่องแผ้ว ธรรมส่องผ่องเพริศแล้ว.......................แววธรรมครองล้างหมองใจ ฯ ๏ หลักธรรมนำชีพแจ้ง.........................แจ่มใส ล้างทุกข์เข็ญขุกใจ..............................จิตแผ้ว ธรรมส่องสว่างไกล..............................เกริกก่อง ธรรมส่องครองจิตแล้ว.........................จักมล้างมลายหมอง ๚
28 มกราคม 2545 11:21 น. - comment id 32501
เป็นกาพย์ห่อโคลงที่เพราะมากเลยค่ะอาจารย์ชื่นใจจังเลยได้มาอ่านกลอนเพราะ ๆ อย่างนี้เอ๋อยากใช้ภาษาได้ดีอย่างนี้บ้าง คงต้องฝึกฝนอีกนานกระมังว่าง ๆ อาจารย์ช่วยไปอ่านกลบทหน่อยซิค่ะ "จริงดั่งแปลง" ใช้ความรู้ของอาจารย์และค่ะ ขอบคุณค่ะ
28 มกราคม 2545 12:33 น. - comment id 32518
ขอบคุณครับคุณแก้วรัดเกล้า สำหรับกำลังใจ ง่า ผมหากลอน "จริงดั่งแปลง" ไม่เจอครับ ..เลยยังไม่ได้อ่าน ... ..จะพยายามหาต่อไปครับ
28 มกราคม 2545 13:25 น. - comment id 32540
กระจกส่องมองเด่นจะเห็นหน้า นำปัญญาส่องปัญญาจะแจ่มใส ตัวมองตัวชั่วดีมีเพียงใด ไม่ต้องไปให้หมอดูก็รู้เอง ....อาจารย์หมอให้ข้อคิดดีครับผม..แต่งได้ไพเราะด้วย
29 มกราคม 2545 06:51 น. - comment id 32653
พอเข้าใจแย้วครับ... วันหลังจะลองเขียนดูมั่งครับ
2 กุมภาพันธ์ 2545 17:07 น. - comment id 33480
ลึกซึ้ง ถึงธรรมดีค่ะ