ในท่ามกลางความเหน็บหนาวที่กัดกร่อนผนังอารมณ์... มีใยบุเยื่อแก้วของหัวใจ...ที่ยังสั่นไหวไปกับความหนาวเหน็บที่สัมผัสถึง....ความยะเยือกของความหนาวเย็นที่ไปจอดหยุดนิ่ง...ที่สุดปลายของหัวใจ มันเป็นประหนึ่ง...การรำพึงรำพันของหยาดน้ำค้าง...หยดหนึ่ง ที่ปรารถนาหยิบเอื้อมดวงดาวที่สกาวสุกใสบนฟากฟ้าสูงส่ง มันเป็น...ความฝัน มันเป็น...ความหวัง มันเป็น....ความปรารถนา ถึง..แม้นว่า...สุดเอื้อมของมือที่เหยียดมิเคยถึง...สักที ความฝัน...มันการที่ฝัน..อย่างหรูเลิศอลังการแบบอหังการ์.....ฝันคงค้าง ความหวัง....มันเป็นการที่หวัง...อยู่อย่างลำพังที่ยังพึงพอใจ....หวังลมๆแล้งๆ ความปรารถนา...มันเป็นตัวการ..ของทุกๆสิ่งในมวลอนูธาตุ...ที่มิเคยลืมลับ ยังคงปรารถนา-อาวรณ์ถวิลมิวาย..ประหนึ่งธาตุที่ก่อตัวจับสถิตย์สิง...ภายใต้อารมณ์...ที่แม้นมิอยากรับรู้...........ก็มิต่างแลประหนึ่ง.....ภวังค์ ปลายสุดแห่งห้วงอารมณ์....ทำได้เพียง...ความว่างเปล่าที่มิเคยสัมผัสจับต้องได้เลย..รู้สึกสัมผัสได้เพียงลมและความว่างเปล่าเสมอ...... ไกลโพ้นสุดขอบฟ้า...ดวงตาดวงดาวคู่หนึ่งจ้องมอง...ในความเวทาหยาดน้ำค้าง เจ้านี่ช่างมิรู้ตัวเสียยิ่งประไร.....ข้าสาดส่องไออุ่นในยามค่ำคืนเพื่อเจ้าจะได้หลับไหล ....เจ้ากลับคิดเอื้อมลากตัวข้าผู้ทรงศักดิ์...สูงชั้นลงไปเกลือกกลั้วอะตมอาจมเบื้องล่างฉะนั้นหรือ ................ดวงดาวสบถในใจ...อย่างเหยียดหยามผู้ด้อยต่ำต้อย..อย่างหยาดน้ำค้างหยดน้อยเบื้องล่าง .......เสียงดวงตาที่รำพึงรำพัน...กลับดังก้องไปทั่วห้วงสวรรค์ชั้นดุสิตราลัยก้องกังวาลประหนึ่งเสียงฟ้าฟาด...หล่อราดรดลงมากระทบ...เจ้าหยาดน้ำค้าง ......มันเหมือนเส้นสายอสุนีบาต...ที่มิมีการนับค่าประจุของไฟ...ฟาดลงมากลางอก ....จ่อตรงหัวใจอย่างมิเคยสัมผัส...เสียใจหรือเปล่า...ก็ไม่ หยาดน้ำค้าง...กลับยิ้มอย่างสุขใจ....พึงใจ....นอนหลับตาพริ้มประดุจว่าสุขเหลือเกิน..มิเคยคิดจะต่อว่าดวงดาว..มิเคยที่จะโต้ตอบจันทรา...มันกลับยิ้มเงียบๆนัยต์ตามีประกายวับวาว............เพราะสิ่งที่ดวงดาวตอบโต้หยาดน้ำค้างมานั้น ดวงดวงมิได้รับรู้เลยว่า...............สิ่งที่น้ำค้างประสงค์.... ได้ให้คำตอบ...........มาแล้ว มันเป็นแค่.............ความปรารถนา ใช่ว่า...........ความปรารถนาแห่งห้วงอารมณ์..ไฉน
15 กันยายน 2549 10:44 น. - comment id 606300
อยากอ่าน ยามค่ำคืน..... คงจะได้อีกรส ของอารมณ์... แต่เสพเรื่องน้ำค้างปรารถนาดวงดาวในยามแดดจ้า ก็เหมือนเย้นๆ ขึ้นมา ได้มากทีเดียว
15 กันยายน 2549 11:29 น. - comment id 606306
เปรียบเทียบจนเห็นภาพเลยค่ะ สุดยอดจริงๆ กวีขี้เมา ( เอิ้กกก ๆ ๆ ๆ กวีเลิกเมาแล้วตะหาก ) แล้วจะมาเยี่ยมอีกน่ะค่ะ บะบาย จุ้ฟ ๆ ๆ ๆ
15 กันยายน 2549 11:43 น. - comment id 606310
เมื่อ กวี รำพัน วรรณวรรคกวี..
15 กันยายน 2549 12:00 น. - comment id 606312
ความคิดถึง...คือสิ่งเดียวที่หยาดน้ำค้างมักจะเอ่ยพร่ำถึงดวงดาวเสมอ...อาจดูเพ้อ แต่มันมักจะมีความใน...บ่งบอกถึงความปรารถนาสุดเท่าที่จะกระทำได้ในยามที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวในคืนที่ไร้เงาจันทรา...ท้องฟ้าเงียบมืดสนิท...ไร้เงาของดวงดาว ความว่างเปล่า....นี่มันช่างวังเวงกระไรเช่นนี้หนอ........... หยาดน้ำค้าง....ยังคงคอยเพ้อ.....กระซิบจันทรา....เสมอ...ถึงแม้นจะไกลแสนไกลเพียงใดก็ตาม อาจเป็นเสียงที่แผ่วเบามิได้ยินหรือไม่เคยรับรู้จาก...สรวงสวรรค์เลย........ก็ตาม ฉันจะพรรณา..........หยาดน้ำค้างเอ่ยในใจ
15 กันยายน 2549 23:42 น. - comment id 606491
...ในความมืดของค่ำคืนนี้มีเพียงเสียงหรีดริ่งเรไรขับขานร้องขับอาขยานกล่อมลำเนาท้องทุ่ง.... ฝนตกห่าใหญ่ตกราวโกรธเคืองกันมานานแสนนาน...สายฝนตกชะโลมผืนป่าคอนกรีตใหญ่อย่างมิลืมหูลืมตา..... แต่ก็นะ.....เจ้ายังช่วยให้กายได้ดับไอร้อน...ดับความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียประหนึ่งกระตุ้นเตื่อนหนังกำพร้าให้หายรู้สึก...ร้อนดับลงในชั่วขณะ...ขณะเดินทางมาจากทำมาหารับประทาน...จิตคิดถึงแต่เจ้าน้ำค้างในยามเช้า...ของพรุ่งนี้...เจ้าคงได้สัมผัสไออุ่นจากแสงตะวันแล้วสินะ ตัวข้ายังอิจฉาเจ้าเสมอ...ที่เจ้ายังมีฝันผ่านไปวันวัน...หมดไปกับวันคืน....ที่แสนจะเปล่าเปลี่ยวยามนี้...
16 กันยายน 2549 16:47 น. - comment id 606676
ความปรารถนายังมีอยุ่ในทุกผู้คน ไม่ว่าจะส่งผลประการใด สิ่งหนึ่งที่ชักโยงชักใย มักจะใช้...รอยอารมณ์