....ยามเช้าวันใหม่วันนี้....เงียบเหงา.....โลกนี้ช่างหนาวราวไร้หญิง ....เงียบเงียบหงอยเหงา...กับบรรยากาศ..แห่งการชะโลมดินของพระพิรุณ ...ตะวันอับแสง..มิสามารถสาดส่องผ่านลอด...ลงมาถึง...พสุธา ...บรรยากาศสดชื่น...ร่างกายกระชุ่มกระชวย...จำเพาะร่างกายภายนอก ....ฝนรินรินหยดหยาด...ปรอยปรอยมิขาดสาย..กับเช้าวันนี้ ...สายฝนคงกำลังรอแสงตะวันเช่นเดียวกัน...ถ้าแสงสาดส่องกระทบสายฝน ...มันก็เกิดประหนึ่ง...สายสีทองส่องสาดราดลงมาจากฟากฟ้าเสมอ กรองยองใย...ฝันสีทอง....ละอองรสสุคนธ์ปนรุ้งแก้ว ...ทอผ้าทิพย์ลายพราวแพรว...หนาวแล้วไว้ห่มเจ้าโอมร่างวิญญาณฯ... ....นึกถึงความหลังเก่าก่อน...ไอดินกลิ่นท้องทุ่งมันช่างหอมละมุนละเมียด ....ป่าเขาเย็นยะเยือก...กองฟางวางเรียงราย..ในพื้นดินผู้ก่อกำเนิดเลี้ยงดู ....วัวควาย...เดินและเล็มยอดหญ้าที่ชูคอ...ด้วยรสชาดที่ละเมียดลิ้นเอร็ดเจืออร่อย....ของยอดหญ้าที่เจือน้ำฝนชะโลม....เพื่อการกลืนลื่นคอ ปูปลาหอยเจอน้ำฝน...ต่างออกมาร่ายรำร้องเพลง....ทำเอาวังเวงกันไปทั่วท้องทุ่ง แต่สายตาของดาวดาวมักมอง...พื้นพิภพโลกอย่างริษยา....ในวันที่ฝนหลั่งตะวันป่านนี้คงยังมิตื่นเป็นแน่............แสงเจ้ายังมิเห็นมาเยือน เจ้าคงเร่ร่อนไปนอนกับก้อนเมฆไหนหนอ..... อิจฉาเทวดา....ริษยานางฟ้า...พวกท่านคงมิรู้ร้อนรู้หนาว...ดั่งทิพย์แก้ว.. ...ผู้ข้า...ผู้ด้อยมีเพียงธุลีธาตุในอากาศ...ไว้หายใจ...ในเมืองหลวงที่อันสับสนวุ่นวาย คราคร่ำผู้คนที่ล้วนกระวีกระวาด...ทำมาหายาไส้...เพียงเพื่ออิ่มหมีพีกูของกู...มิเคยเห็นจะอิ่ม...หมีพีมันตรงไหน ....เห็นฝนหลั่งริน...ทำให้นึกไปสะท้อน...ถึงท้องทุ่งบ้านเกิด...ชนบทแดนไกล...ที่จากมานาน คิดถึง....แม่ผู้ที่ให้ชีวิต-ให้ปัญญา-ให้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เคยหมดเลยที่...แม่จะให้..สำหรับคนที่ได้ชื่อว่า...ลูก... ไอดิน...ชนบทที่ห่างไกล...วิถีมั่งคั่งความเจริญเข้าถึง...มันช่างสงบ...วิถีนิ่งอริยาบทพอเพียง...มีแต่ความไมตรีมิมีชิงดีชิงเด่น อยู่กันอย่างพี่อย่างน้อง....เดินเด็ดยอดกระถินริมรั้ว...จิ้มน้ำพริกยามเช้า...หาใช่ยอดเมฆที่เทวดาปลูกสร้างไว้เลย ยอดผักที่ไร้สารเกาะกัดกอด...มิเหมือนเมืองที่ว่าศิวิไลซ์...น้ำใจหดหาย ฝูงชนเดินหน้านิ่วคิ้วขมวด...ในหัวสมองที่คิดมองกันเพียงตัวเลข..... .............กำหนดสังคม........กันด้วย.........ตัวเลขความเจริญทางเศรษฐกิจ.... .................................กันปีต่อปี...... ......................................................คิดถึงบ้านเหลือเกินครับ
14 กันยายน 2549 10:29 น. - comment id 606053
เอมก็คิดถึงบ้านค่ะ แต่ว่าบ้านเอมไม่เป็นทุ่งอ่ะ แต่เป็นสวน
14 กันยายน 2549 12:24 น. - comment id 606092
หรือ เป๊ปซี่ดี อิอิ
14 กันยายน 2549 20:22 น. - comment id 606233
ชนบทเป็นถิ่นฐานที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความงดงามยิ่งนัก สัมผัสครั้งใด ดวงใจก็อบอุ่นและบังเกิดความสดใสขึ้นทุกที เวลาที่เราไปสวน เรามักจะไปแอบนอนในกระท่อมที่ติดกับทะเล ฟังเสียงคลื่นบ้าง มองรอดจากหน้าต่างเห็นสายฝนบ้างในบางครั้ง บอกตรง ๆ สุขใจหาใดปราน แต่ช่วงนี้ เรากลับมิได้กระทำในสิ่งที่เราเอ่ยมาเลย อาจเป็นเพราะ เราไม่มีเวลาพอที่จะขับรถไปถึงขนาดนั้น แต่นั่นหละนะ เรารู้สึก อยากขับรถไป อยากไปในสิ่งที่ผ่านมา ๆ คุณเหมือนคุณมั้ง ที่อยากกลับไปสัมผัสชีวิตที่น่าสัมผัสอีกครั้ง
14 กันยายน 2549 23:26 น. - comment id 606264
...สะบัดผ้าขาวม้า.....(ทำไมต้องขาวม้านะ) มานั่ง...หน้าบ้านสักพัก....วันนี้ตลาดเงียบเหงา ผู้คนเดินกันบางตา....ต่างกับท้องถนนเทพารักษ์...วันนี้มิทราบว่าด้วยเหตุหรือผลพวงประการใด...รถราเครื่องกลยานยนต์จอดสนิทสักระยะกันแต่เช้าจวบจนยามค่ำ...สร้างกับสร้าง...มีแต่ต่อเติมกันด้วยเส้นทางเพื่อเป็นขออ้างของนักลงทุนรับเหมาที่ผูกขาด...ว่าจะช่วยในการคล่องตัว..... ....................มายืนที่เดิม...........บ้านน้อยๆหลังเก่า ........เพ้ออย่าเล่นเกมดึกน๊า
15 กันยายน 2549 01:18 น. - comment id 606271
แวะมาอ่านฝีมือพี่ชาย หายไปนาน คิดถึงนะพี่ อ่านแล้วคิดถึงมาก ชีวิตในเมืองใหญ่แสนเหนื่อยล้า ทุกครั้งที่กลับไปเติมกำลังใจจาก กลับไปกอดแม่ บ้านต่างจังหวัด มองดูชีวิตคนที่นั่น การดิ้นรน ทุกอย่างแตกต่างกันมาก ชีวิตเร่งรีบกับชีวิตเรียบง่าย บอกตัวเอง สักวันจะกลับบ้าน ปล.พี่ชายรักษาสุขภาพด้วยนะพี่ ไม่เจอกันก็คิดถึงเสมอ