ระฆังเหง่งหง่างขานแล้วแก้วกาลบุญ หอมละมุนดอกลำดวนมาด่วนหอม ริมเรือนไทยอวลบ่สิ้นกลิ่นพะยอม โอบล้อมชานพาไลทรายจันทรา สบวันพรุ่งเดือนแปดแรมหนึ่งค่ำ งามลึกล้ำคำขานนาคจันทร์เจ้าขา ข้าวออกรวงไหวว่ายตะเพียนปลา ข้าแผ่นดินร่มเย็นอยู่นิรันดร์ เรือนริมน้ำแลระเบียงโบสถ์คร่ำคร่า แว่วเสียงมาซอสามสายคล้ายเสียงฝัน ท้องร่องสวนเรียงรายลดหลั่นกัน ลำน้ำนั้นทอดทุ่งสายสู่ปลายนา ปลูกเรือนใหม่ตามรอยอารยธรรม หวานน้ำคำไปสู่ขอเสน่หา สึกบวชเรียนสนองคุณพระศาสดา ออกพรรษากล้วยอ้อยจักยังงาม มีเรือนนอนหมอนมุ้งยุ้งฉางข้าว เรือนบุตรสาวบุตรชายทาสสยาม มีหอนั่งรับแขกเหรื่อขจรนาม สะท้อนข้ามเสียงมนต์สวดจากหอไตร แว่วไก่ขันมาปลอบปลุกพุทธมณฑล ดอกอุบลบึงบางเบ่งบานไสว หลังเรือนครัวสลัวบันลอยควันไฟ เรียวรำไรระแนงขัดแตะอรุณราง ฤาครุวนาดั่งทิพย์ทองของแสงไต้ ค่าคบไม้งามอบอุ่นตราบรุ่งสาง เกล็ดน้ำค้างหยาดวนบนใบบาง สลัวลางเรือนตะเกียงสายมุ้งเลือน งามแสงทองวันพระลอดฟากฝา หอมข้าวปลาหวดหุงใหม่มะลิเหมือน ดุเหว่าหวานแว่วลับกับดาวเดือน เตือนสัญญาว่าขลุ่ยไม้ยังครวญคราง หอมพลับพลึงเทียนขาวสาวห่มตาด เก็บสไบใส่บาตรริมน้ำท่าขวาง จบขันข้าวเบญจรงค์บรรจงวาง พรางจวักตักถวายสำรวมใจ เกินเปรียบเปรยคุณงามความดี กุลสตรีนุ่งยกห่มผ้าไหม นั่งเก็บพกชายผ้าบนเรือนไทย สบกว่างามเยี่ยงนี้ไซร้ไป่มี หลังเรือนไทยปลูกเรือนทาสคลอเคียง สรมเสียงขูดมะพร้าวห้าวอึงมี่ ดั่งตะแบงมานพาดพันกายชายชาตรี บ่าวไพร่มีหล่อพระเครื่องถมทอง ผันศกโศกเกษมสมัยอยุธยา สิ้นทาสข้าคหบดีสืบศรีสนอง นาฏนางในสไบมาลย์ม่านมาครอง ลอยข้าวของวังสวรรค์พังทะลาย อนิจจาเรือนริมน้ำแต่โบราณ ผกผ่านเพรงเวลาน่าใจหาย เก่าคร่ำคร่าสิ้นวิญญูชนวางวาย ร้างเรือนตายเสียกรุงศรีหลายปีแล้ว --------------------------- วันนี้วันว่าง ข้าพเจ้าหยิบหนังสือเล่มงามนาม เรือนมยุราอ่านอีกคราว ภาพอดีตเรือนไทยริมน้ำและวัดไชยวัฒนารามในเพรงกาล กลับมามีชีวิตขึ้นในห้วงสำนึกอีกคราว แก้วเก้าได้บรรยายฉากหนึ่ง ได้อย่างงดงามจับจิตใจว่า แสงจันทร์ข้างขึ้นเกือบเต็มดวงสาดส่องต้องพระปรางค์วัดไชยวัฒนาราม ดูเปล่งปลั่งละม้ายเคลือบด้วยทองเนื้ออ่อน ทั้งยังแตะแต้มประกายเงิน ลงบนผิวน้ำอันนิ่งเรียบของแม่น้ำเจ้าพระยายามวิกาล ที่บัดนี้รายรอบไปด้วยเรือนไทยโบราณริมน้ำ เงียบงามสมค่าแผ่นดิน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ช่วยประคองสาวน้อยร่างระหงให้ก้าวขึ้นบรรไดอิฐ ซึ่งค่อนข้างชันและแคบไปสู่ลานชั้นบนซึ่งเมื่อเคยเป็นที่ตั้งของโบสถ์ บัดนี้ปลาสนาการไปแล้ว แสงสีเงินเป็นนวลใยสาดจับร่างในสไบและผ้านุ่งสีกลมกลืนกัน ดูผ่องใสราวกับมีแสงสว่างอยู่ในตัว หลังคากระเบื้องดินเผาหมู่เรือนไทย สะท้อนแสงจันทร์ดูงามเนียนในแววตา นานแสนนานในความรู้สึกของชายหนุ่มและหญิงสาว ตราบกลิ่นธูปเทียนถูกลมเย็นพัดหวนตลบ หมุนวนอยู่ตรงหน้าเหมือนสัญญาณการรับรู้จากผู้ที่อยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกของอดีตกว่าสามร้อยกว่าปีมาแล้ว ภาพอดีตเรือนไทยริมน้ำ และวิหารปรางค์ที่กลับมาฉายวนอยู่ตรงหน้า ก็ค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อมีลมอ่อนพัดมาวูบหนึ่ง** ข้าพเจ้าเสียดายนักที่ย้อนเวลากลับไปหาอดีตได้ไม่ ยังเพียงจินตนาการและจิตที่งามสล้างเท่านั้นที่จะไปถึง แต่กระนั้นเรือนไทยริมน้ำและวังโบราณจะยังงดงามในหัวใจ ตราบจนแผ่นดินกลบหน้า ไร้บ่วงหลง โซ่ตรวนอวิชชานิรันดร์กาล จะหาไหนได้เหมือนกรุงแล้ว ดังดวงแก้วอันสิ้นแสงใส นับวันแต่จะยับอับไป ที่ไหนจะคืนคงมา ------------------------------------------------------------ ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์ แรม ๖ ค่ำเดือนสาม พุทธศักราช ๒๕๔๙ ปีจอ
20 กุมภาพันธ์ 2549 05:36 น. - comment id 562043
มีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่ จ.อยุธยา มีบ้านไทยริมน้ำเจ้าพระยา สมัยเรียน เคยแวะไปเที่ยวหลายครั้ง ไปแล้วก็ไม่ค่อยอยากกลับ คุณยายของเพื่อนยังเคี้ยวหมากอยู่ เคยขอลองเคี้ยวดูบ้าง รสชาดเฝื่อนๆ กัดลิ้นจนชา ความสุขใจครั้งนั้น ยังเป็นภาพประทับติดมาจนทุกวันนี้ค่ะ
20 กุมภาพันธ์ 2549 07:56 น. - comment id 562057
อ่านแล้วเห็นภาพสวยงามทั้งที่ไม่เคยเห็นด้วยสายตาจริงๆ สวยงามมากค่ะ
20 กุมภาพันธ์ 2549 08:22 น. - comment id 562071
เคยฝันค่ะว่าอยากมีบ้านเรือนไทยริมน้ำ เหมือนในเรื่องแม่เบี้ย แต่คงเป็นไปได้ยาก เลิกคิดไปนานแล้ว พออ่านกลอนนี้ เหมือนอยากได้เหมือนฝันนั้นอีกแล้วค่ะ
20 กุมภาพันธ์ 2549 08:52 น. - comment id 562092
...งดงามเช่นเคยนะครับท่าน
20 กุมภาพันธ์ 2549 12:33 น. - comment id 562160
งดงามเสมอสหายเรา แก้วประเสริฐ.
20 กุมภาพันธ์ 2549 12:55 น. - comment id 562177
เคยไปเที่ยวเรือนไทยโบราณที่เป็นพิพิธภัณฑ์อ่ะนะ ชอบมากเลย ถ้ามีตังค์มากพอแล้วก้อมีไม้ให้พอตัดล่ะก้อ วันนึงเราจะสร้างบ้าง แต่แหมตอนนี้เกาะแม่อยู่ไปก่อน...
20 กุมภาพันธ์ 2549 21:53 น. - comment id 562261
มีหอนั่งรับ..แขกเหลื่อ..ขจรนาม มีหอนั่งรับ..แขกเหรื่อ..ขจรนาม
27 กุมภาพันธ์ 2549 09:24 น. - comment id 563352
ค่าคบไม้งามอบอุ่นตราบรุ่งสาง ฤา คาคบไม้..
27 กุมภาพันธ์ 2549 09:41 น. - comment id 563353
อนิจจาเรือนริมน้ำแต่โบราณ ผกผ่านเพรงเวลาน่าใจหาย เก่าคร่ำคร่าสิ้นวิญญูชนวางวาย ร้างเรือนตายเสียกรุงศรีแต่นี้ไป ......... อนิจจากรุงแก้วรัตนโกสินทร์ ดั่งหยาดฟ้ามาดินเลอล้ำสรวง มาวันนี้ฟ้าร่ำไห้..แด่บรรพชนทั้งปวง กับร้าวดวงวิญญาณผลาญพร่ากัน มีร่มรัตน์ฉัตรเพชรคอยกั้นเกศ แล้วยังอาเพทไร้สมานฉันท์คอยห้ำหั่น มึงก็ไทยกูก็ไทยไม่ยอมกัน น้ำตาสวรรค์หลั่งรินแผ่นดินทอง เลือดจะนองอีกครั้งกระนั้นฤา อยุธยาเคยสิ้นชื่อฝากร้าวหมอง ยังโชคดีมีรัตนโกสินทร์อันเรืองรอง กี่ครรลองบทเรียนถึงจดจำ สิ้นชาติเพราะไร้รักสามัคคี กี่คนดีกี่หยดเลือดพลีรินร่ำ กี่น้ำตามาสังเวยความระส่ำ จะกี่ครั้ง..ให้แม่ธรณีไท..ระทม...
27 กุมภาพันธ์ 2549 09:47 น. - comment id 563355
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html คนมี ชีวิตและกายา ถือ กำเนิดเกิดมา เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน เป็นแดน ที่ให้ชีวา พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน ความทุกข์เยือน เรือนกาย หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้ สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา ยามดี เราดีตาม ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์ หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
27 กุมภาพันธ์ 2549 09:52 น. - comment id 563361
อนิจจาเรือนริมน้ำแต่โบราณ ผกผ่านเพรงเวลาน่าใจหาย เก่าคร่ำคร่าสิ้นวิญญูชนวางวาย ร้างเรือนตายเสียกรุงศรีแต่นี้ไป ......... อนิจจากรุงแก้วรัตนโกสินทร์ ดั่งหยาดฟ้ามาดินเลอล้ำสรวง มาวันนี้ฟ้าร่ำไห้..แด่บรรพชนทั้งปวง กับร้าวดวงวิญญาณผลาญพร่ากัน มีร่มรัตน์ฉัตรเพชรคอยกั้นเกศ แล้วยังอาเพทไร้สมานฉันท์คอยห้ำหั่น มึงก็ไทยกูก็ไทยไม่ยอมกัน น้ำตาสวรรค์หลั่งรินแผ่นดินทอง เลือดจะนองอีกครั้งกระนั้นฤา อยุธยาเคยสิ้นชื่อฝากร้าวหมอง ยังโชคดีมีรัตนโกสินทร์อันเรืองรอง กี่ครรลองบทเรียนถึงจดจำ สิ้นชาติเพราะไร้รักสามัคคี กี่คนดีกี่หยดเลือดพลีรินร่ำ กี่น้ำตามาสังเวยความระส่ำ จะกี่ช้ำ..ให้แม่ธรณีไท..ระทม...