๑......นมนานกาลก่อนเก่า..........มีเรื่องเล่าสืบกันมา ยังมคธนัครา.............................ที่ชายป่าบนยอดเขา ๒......ป่างิ้วที่กล่าวนี้...................ยังคงมีนกแขกเต้า พักพิงใต้ร่มเงา.........................ไม่เคยเหงาห้าร้อยตัว ๓......รุ่งเช้าออกหากิน...............พากันบินไม่หวั่นกลัว ตั้งแต่ฟ้าสลัว.............................มุ่งหน้านาข้าวสาลี ๔......พากันลงจิกกิน.................แล้วร่อนบินหลังอิ่มพี ย้อนกลับรังถิ่นที่........................เป็นเช่นนี้ทุกวันไป ๕......แต่เหตุดูแปลกแยก...........เจ้านกแขก(เต้า)ตัวโตใหญ่ พญานกนี้ไซร้.............................ทำแปลกใจไม่เคยเจอ ๖......ชาวนาคิดแผนจับ...............วางกับดักยามนกเผลอ จับได้แล้วถามเธอ.......................ว่า "นี่เออเจ้านกไพร" ๗......นกอื่นหลังอิ่มแล้ว..............รีบบินแจวกลับป่าใหญ่ ปากว่างไม่มีอะไร........................แต่เจ้าไม่เคยเพียงพอ ๘......คาบอีกสามรวงข้าว.............เป็นเพราะเจ้ามียุ้งรอ หรือต้องไปกินต่อ........................เราอยากขอให้ตอบที ๙......หรือเรามีเวรกรรม..............เคยกระทำกับเจ้านี้ หรือเจ้าไปใช้หนี้..........................หรือเจ้ามีที่ฝังไว้ ๑๐.....พญานกแขกเต้า................ว่ารวงข้าวที่เอาไป รวงหนึ่งเอาไปใช้.........................หนี้เก่าไงต้องชี้แจง ๑๑.....หนี้เก่าคือพ่อแม่.................ยามท่านแก่ไร้เรี่ยวแรง ตัวเราต้องแสดง...........................กตัญญูด้วยรู้คุณ ๑๒.....รวงสองเอาให้เขา...............ที่นอนเนาในรังอุ่น คือลูกต้องเจือจุน..........................หวังผลบุญในบั้นปลาย ๑๓.....ลูกจะคอยดูแล....................ยามเราแก่จนชีพวาย ให้เขาเราสบาย.............................จนสุดท้ายของชีวี ๑๔.....รวงสามเอาไปฝัง.................อยากให้ฟังเป็นเช่นนี้ เป็นการทำความดี.........................กับนกที่ป่วยชรา ๑๕.....บัณฑิตท่านกล่าวไว้..............ทำบุญไปเหมือนกับว่า เราฝังทรัพย์เงินตรา.......................ใช้ภายหน้าคราจำเป็น ๑๖.....ชาวนาจิตเลื่อมใส.................เริ่มเข้าใจในประเด็น พญานกชี้ให้เห็น............................คุณธรรมย้ำจิตใจ ๑๗.....จึงปล่อยพญานก..................พร้อมกับยกนาข้าวให้ พญานกให้อภัย..............................แล้วจึงให้โอวาทมา ๑๘.....ขอท่านสั่งสมบุญ...................ไปเป็นทุนในภายหน้า พ่อแม่แก่ชรา.................................ขอชาวนาจงดูแล ๑๙.....ชาวนาได้คติ........................คิดตรองตริตั้งใจแน่ สร้างกุศลไม่ผันแปร......................จวบจนแก่ตลอดไป ๒๐.....แขกเต้าผู้ปัญญา.................นั้นรู้ว่าทำอย่างไร กับทรัพย์ที่หาได้............................สุขกายใจตลอดกาล ๒๑.....คนเราทุกวันนี้....................นกแขกชี้ให้ชื่นบาน เก็บทรัพย์มาเนิ่นนาน...................ควรรู้การใช้ทรัพย์สิน ๒๒.....ใช้ทรัพย์ทำกุศล..................สร้างบุญผลชนยลยิน เกิดคุณค่าชีวิน..............................จวบจนสิ้นอายุขัย........
24 มกราคม 2549 09:39 น. - comment id 555097
เขียนได้ดีเลยครับ มาเยี่ยมและมาทักทายหมายสวัสดี และมอบไมตรีแด่มิตรบ้านกลอนไทยครับ
24 มกราคม 2549 17:42 น. - comment id 555262
ใช้สามส่วน ออมหนึ่งส่วนนะนกแขกเต้า เอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินน่ะ
25 มกราคม 2549 12:51 น. - comment id 555469
กาลครั้งหนึ่งนานแล้ว..........เคยเจื่อยแจ๋วแว่วเรียกขาน อุรารมย์สมเบิกบาน.............วิเวกซึ้งตรึงใจมี ผีเสื้อน้อยย้อยสู่................เหมือนประดู่ที่เบ่งบาน ยามจรดดุจวันวาน...........อรรถรสเฝ้าจดจำ. แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2549 19:18 น. - comment id 555567
อ่านตอนแรกนึกว่าจะเป็นนกแขกเต้าโลภมากโลภาเสียอีก ว่าจะไม่ยอมเป็นหนี้ใครแล้ว ยังมีเจ้าหนี้โผล่มาให้เห็นจนได้ ให้สาระข้อคิดที่ดีมากครับ
28 มกราคม 2549 09:35 น. - comment id 556186
9 มกราคม 2550 03:40 น. - comment id 644528
สวัสดีปีใหม่ครับ ..
3 กรกฎาคม 2550 09:43 น. - comment id 719024