ระรื่นรส ระรวยริน กลิ่นเกสร ฝูงภมร ว้าว่อน เที่ยวร่อนหา โบยบินตาม กลิ่นพริ้ว ละลิ่วมา แสนชุ่มชื่น รื่นวิญญา หาใดปาน มวลผกา บานแย้ม แต้มแต่งโลก ละทิ้งโศก ในราตรี ที่ผันผ่าน ส่งกลิ่นหอม ยวนเย้า เร้าดวงมาลย์ ให้ผู้ผ่าน อยากลิ้มลอง คะนองใจ หนึ่งเฝ้ารอ หนึ่งต้องตา พาใจหวาม เปรียบมาลี เช่นสาวงาม ยามหวั่นไหว เหล่าภู่ผึ้ง ภุมรา หาอดใจ ลงคลุกเคล้า หวังครองใจ ในนวลนาง หวานเอย....หวานมธุรส อันสดสวย ยอมแม้ม้วย หากภูผา มากั้นขวาง ขอเพียงชิด สนิทใน แนบใจนาง แม้สิ่งใด กั้นกาง หาร้างรา ตราบได้ลิ้ม ชิมหวาน ปานหยาดหยด ปลาบปลื้มรส หลงกลิ่นรื่น ชื่นนาสา เจ้าปีกบาง หลงใหล ในมายา ลืมทิวา ลืมราตรี ที่ผ่านไป กลิ่นยังหอม กายยังกรุ่น ละมุนฝัน กลีบเจ้ายัง งามหมดจด ดูสดใส ธรรมชาติ รังสรรค์ อย่างตั้งใจ สร้างเจ้าไว้ ประดับหล้า น่าชื่นชม หากไร้ซึ่ง ความหอมหวาน ยามบานแย้ม เหลือเพียงสี แต่งแต้ม ให้สวยสม ก็ไร้ค่า หมดงาม ความนิยม ไร้คนคว้า มาดอมดม ชมกลอยใจ เพียงนารี สวยรูป จูบไม่หวาน เช่นไม้ดอก เบ่งบาน ตระการไหว แต่ไร้กลิ่น ก็หมดค่า หาชื่นใจ ควรถนอม วาจาใจ ให้ยืนนาน เหล่าภุมริน บินไป ในโลกกว้าง หลากหนทาง ให้ลิ้ม ชิมน้ำหวาน เฉกบุรุษ ย่อมพอใจ ในเยาวมาลย์ ที่เบ่งบาน คอยรอ ราวล่อใจ หากบุปผา นั้นงามงด หมดจดยิ่ง เหล่าภมร ฤาประวิง ความหวั่นไหว ย่อมปรารถนา ครอบครอง ตระกองใจ ถนอมไว้ ชมชิด สนิทนาน
5 กันยายน 2548 11:37 น. - comment id 511645
บุปผาคู่ภมร ลิ้มเกสรรสหอมหวาน ความสวยงามตระการ อวดเบ่งบานเย้ายวนใจ หมดสิ้นความหวานหอม แมลงดอมดมแล้วไซร้ บินว่อนร่อนจากไป ทิ้งหัวใจเจ้าตรอมตรม ภมรคู่บุปผา เจ้ามาลายามใจขม ส่งกลิ่นเย้ายวนชม ล่อแมลงไม่แคลงใจ บินลงกลางเกสร หวังดมดอมเจ้าดอกไม้ กลีบใบหุบทันใด มาลาได้ลิ้มภมร
5 กันยายน 2548 12:43 น. - comment id 511690
ระรวยรินรื่นรสหมดจดกลอน ส่งสะท้อนอารมณ์จมห้วงไว้ แนบผนึกลึกซึ้งตรึงกินใจ สะท้อนไปในวงสังคมเรา. แก้วประเสริฐ.
5 กันยายน 2548 12:51 น. - comment id 511700
หวานเชียวค่ะ แวะมาอ่านกลอนงดงามค่ะ
5 กันยายน 2548 13:03 น. - comment id 511703
หลากสีสันหลากกลิ่นบินวนเวียน หมู่ภมรวอนเพียรเคล้าเกษร รวยริ่นรสหอมเพียงใดไม่อาวรณ์ มุ่งเคล้าเคลียเฟ้นฟอนอุตพิต... นานาจิตตังบ้างก็ชอบกลิ่นฉมของอาจม อิอิ มาลีก็รู้ซึ้งถึงความแตกต่าง ภาษิตจีนเขาถึงมีไว้ว่า ขี้แห้งต้องตาหมา คนที่ไม่สวยไม่งามไม่มีกลิ่นหอมไม่มีเสน่ห์ใช่ว่าจะหาผู้ชิดเชยไม่ได้ อิอิ
5 กันยายน 2548 13:31 น. - comment id 511717
เปรียบดอกไม้ใบหญ้าค่ามากน้อย อยู่ที่รอยความช้ำช่ำชื่นหวาน เหมือนผู้หญิงจะมีค่ามากตระการ อยู่ที่การกระทำซึ่งนำพา เปรียบเทียบได้ดีจังค่ะ ชอบ และชื่นชมในผลงานคุณค่ะ
5 กันยายน 2548 13:58 น. - comment id 511740
หอมกลุ่นกลิ่นดอกไม้ในบทกลอน อรชรภาษาน่าละมุนละไม จับจิตจับใจน้องเหลือเกินค่า
5 กันยายน 2548 19:33 น. - comment id 511853
มาลีไร้ภมร ดอกชูว่อนว้าเหว่เฉา ภมรคงซบเซา ให้เงีบบเหงาเปล่ามาลี
5 กันยายน 2548 21:08 น. - comment id 511885
บินมาแล้ว มา ชื่นชมดอกไม้
5 กันยายน 2548 23:39 น. - comment id 511966
เป็นภมร ร่อนเร่ หาเกสร เที่ยวเว้าวอน บุปผาหา น้ำหวาน บ้างส่งกลิ่น บ้างสีสวย ด้วยตระการ เพียงบินผ่าน ก็หลงใหล ใจปลิดปลง เพียงได้ลิ้ม ชิมรส ปานหยดหยาด งามพิลาส ยากอดใจ มิใหลหลง แม้ชีพม้วย ด้วยรัก หักชีพลง ยังลุ่มหลง ในผกา ทุกทิวา..ราตรี...
6 กันยายน 2548 15:25 น. - comment id 512176
ณ ตรงนี้ที่งดงามยามแลเหลียว สายสัมพันธ์กอดเกี่ยวความสดใส กอไมตรีผลิช่อล้อลมไกว ใจต่อใจส่งกระแสแต่ความดี มีร่มรักพิทักษ์ไว้ให้คลายร้อน มีบทกลอนสื่อใจในสุขศรี มีห่วงใยมอบให้ทุกราตรี มีน้องพี่ผองมิตรสนิทใจ อาจจะเป็นคนละเรื่องกับภมรและดอกไม้ แต่มาด้วยใจ..มาด้วยใยแห่งสัมพันธ์ค่ะ
9 กันยายน 2548 05:33 น. - comment id 513243
ภมร...มาอ่านแล้วนะ