ปิเยหิ วิปะโยโค ทุกโข อัปปิเยหิวิปะโยโค ทุกโข ทุกขะ โทมะนัสสุปายาสาปิ สังสารละหานแล้ง ตละแห่งก็กันดาร ชีพชนม์ ฤ ทนทาน ดำรงได้ดังดวงใจ พฤกษ์พร่างสล่างงาม จะนิยาม กวีใด สวยสมอุดมไพร ละสมัยก็โรยรา ตละใบตละดอก ดุจจะบอกวิสัชนา กงกรรมมัณฑนา เกิดแก่แล้วก็โรยไป เหลือเพียงธุลีคลี บ่จะมีค่าอันใด ความดีสิเกรียงไกร สิจะเลื่องคนจะลือ ความสูญเสีย ก็เป็นหนึ่งในทุกข์ วิถีแห่งพระอรหันต์ ไม่มีทุกข์ และไม่มีแม้กระทั่งสุข.....................
8 กรกฎาคม 2548 21:12 น. - comment id 489680
สาธุ.........แต่งได้เพราะมากเลยค่ะ เห็นพระลอยมาแต่ไกล
8 กรกฎาคม 2548 23:46 น. - comment id 489716
..สมแล้วท่านภิกขุ...
9 กรกฎาคม 2548 00:24 น. - comment id 489722
สาธุ... แม่นแล้ว...
9 กรกฎาคม 2548 01:07 น. - comment id 489729
ตามมาอ่านอีก...บทนี้ก็เขียนได้งามเช่นกันนะคะ ลี่จับดินสอเล็งๆ จะเขียนกาพย์ยานีมา 2 อาทิตย์แล้ว ได้มาแค่บทเดียว...อิอิ .............................................................................................. ลี่...ผู้มาเยือน .
9 กรกฎาคม 2548 17:22 น. - comment id 489884
สาธุด้วยคนครับ คุณจีด้า ขอบคุณครับสำหรับคำชม แต่เห็นพระลอยมาเนี่ยพระอะไรครับ พะโล้อ๊ะป่าว หวานร่อน กรอบ
9 กรกฎาคม 2548 17:23 น. - comment id 489887
ยังม่ายได้บวชเลยค้าบ คุณ korokoso
9 กรกฎาคม 2548 17:26 น. - comment id 489888
คุณ ลี่ กับ คุณ dark side of mind น่าจะอยู่ด้วยกันเพราะ คุณ ลี่ กำลังเล็ง ส่วนคุณ dark side of mind แม่นแล้ว อิอิ
10 กรกฎาคม 2548 14:56 น. - comment id 490035
สูญสิ้นกิเลสทราม ก็สู่ความพิสุทธิ์ใส ตัดรากและต้นไป ไม่เหลือใบให้ร่วงพรู ไม่ต้องดูแลต้น ไม่ต้องบ่นให้หนวกหู ไม่ต้องคอยแลดู ว่าไฉนไม่ผลิใบ สวัสดีค่ะน้องโอ๋ฯ ตอบตรงโน้นแล้วก็เลยมาตอบอีกแบบหนึ่งไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ....
10 กรกฎาคม 2548 17:10 น. - comment id 490124
เมื่อ ดับหมดไม่มีเหลือแล้ว ก็พ้นโลก อย่างพี่ดอกแก้วว่าแหละครับ