๛๚ ในห้วงความรำพึงถึงชีวิต ข้าบรรจงจะผลิตลิขิตเจ้า ร้อยเรียงกลอนสอนใจไว้กล่อมเกลา เมื่อข้าเหงาเจ้าเสมือนเป็นเพื่อนตาย ไม่ได้เป็นกวีที่เลอเลิศ แต่เจ้าทำให้ข้าเกิดสำนึกได้ ในห้วงแห่งความฝันอันตราย ข้าคงไม่เดียวดายใต้ชะตา เจ้าคงไม่แหลมคมสมอาวุธ พอยื้อยุดต่อสู้ศัตรูข้า แต่เจ้าอาจบันดาลกาลเวลา พอให้ข้าใช้สมองสนองมัน ข้าเคยนั่งเดียวดายใต้เงามืด มีบางครั้งที่จืดชืดกับความฝัน หวังจะเห็นเรืองรองของแสงจันทร์ แต่ข้าก็พบมันอันตรธาน มีเพียงแสงหิ่งห้อยคอยกระพริบ แล้วเจ้าก็กระซิบให้ขับขาน ถึงแสงน้อยด้อยค่ากาลนาน อุทิศทานให้ข้าได้ฝ่าฟัน ข้าจะทนฝ่าไปใต้เงามืด ความจืดชืดก็พริ้งเพริศบรรเจิดฝัน จะรับความขมขื่นของคืนวัน มาเรียงร้อยสารพันปั้นแรงใจ ๚๛
1 กรกฎาคม 2548 09:43 น. - comment id 484126
ทุกทุกคราวหนาวร้อนตอนมีสุข อีกทั้งทุกข์พร้อมบินสู่ความฝัน ห้วงอารมร์อาทรวอนใจปัน เลยขีดเขียนสิ่งนั้นแบ่งปันชม
1 กรกฎาคม 2548 02:59 น. - comment id 486330
มานั่งชื่นชมในแง่คิคของท่าน ..
1 กรกฎาคม 2548 06:34 น. - comment id 486759
.. เรนแวะมา..ทักทายอรุณสวัสดิ์..นะคะ..
..
1 กรกฎาคม 2548 07:51 น. - comment id 486783
ใช่แล้ว เคยคิดเช่นกัน ค่ะ :)
1 กรกฎาคม 2548 10:29 น. - comment id 486791
ไพเราะและสวยงามในความหมายมากเลยค่ะ แวะมาชื่นชมในผลงานนะค่ะ
1 กรกฎาคม 2548 10:52 น. - comment id 486809
ยอดเยี่ยมมากค่ะ จนเกินกล่าวชม พุดไพรสาวนารักบทนี้มากกกก
มหัศจรรย์แห่งรัก! พุดพัดชา ขุมปัญญาในอณูของดอกไม้ เป็นมนต์ร่ายระบำรอผีเสื้อ ขุมปัญญาที่ธรรมชาติโอบเอื้อเฟื้อ คือเหลือเชื่อมหัศจรรย์รักผลักดันมา.. โลกหมุนไปมีธรรมชาติมีทุกสิ่ง จักรวาลมีสิ่งลี้ลับให้ค้นหา ไยดวงจันทร์ถึงโคจรรอบโลกทุกวันมา ไยมนุษย์ต้องเหว่ว้าอาวรณ์ออดอ้อนใจ เพราะคือมหัศจรรย์รักในโลกนี้ ให้มีดีมีร้ายหรือไฉน ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สืบทอดไป เป็นบ่วงใจบ่วงกรรมย้ำโลกเรา ตัดบ่วงใจตัดเยื่อใยสิ้นสวาท หมดสิ้นชาติหมดสิ้นกรรมใจเลิกเขลา ไม่หมุนวนหมุนเวียนใช้กรรมเก่า ให้ใจเราว่างว่างวางเฉย..เลิกรักใคร!
1 กรกฎาคม 2548 11:12 น. - comment id 486815
ฝากรักเข้าใจปรารถนาดี ในทุกบรรทัด งานรจนาบทนี้แด่คุณ.. ด้วยดวงใจใสละมุนแล้วค่ะ คุณเกียรติ กรัชกาย พุดหวัง คุณจักพบอะไรแฝงไว้ หากเพียรอ่านจบทบทวนค่ะ นะคะ ด้วยดวงใจรัก จากแม่ดวงดอกพุดไพร
ผม..ตื่นนอนมาตอนตีห้า เดือนยังลอยเด่นดวงระยับฟ้า ทางทิศตะวันตก.. ดุเหว่า..นกไพร ผกโผผินออกหากินบินคู่กันไป อรุณเบิกฟ้าเริ่มคลี่แสงหวานใสสีอำพัน.. ผมรู้สึกเงียบงันกับฉากฝันงดงามตรงหน้า
ยามอุษาสาง หัวใจดวงเข้มแข็ง แฝงพลังความอ่อนโยนอบอุ่นละมุนละไม ราวกลีบดอกไม้ไพรค่อยค่อยคลี่กลีบเบ่งบาน รับหอมงามจากสายแสงแรก แห่งดวงตะวันอันอ่อนอุ่น
ประตูบ้านภายในของชีวิตผมถูกเปิดออก ในความนิ่งงันนั้น.. ผม..พาตัวผมกลับเข้าไปสู่*แสงจรัสจ้า* *พลังวิเศษที่ลึกล้ำ* เกินกว่า สายตาภายนอก จะมองเห็นเช่นปกติธรรมดา..
ผม... กำลังใช้ความเงียบงาม แห่งธรรมชาติทั้งมวลอันยิ่งใหญ่นั้น *หยุดใจ หยุดความคิด..* ผันพา*ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมทุกอณู*.. เข้าไป*สู่มิติแห่งความจริงแท้* ที่ผม เพียรใช้เวลานานหลายปีเพื่อค้นหา ด้วยการปฎิบัติจริง เพื่อพิสูจน์.. ความจริงยิ่งกว่าจริง.. ที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นดั่งแก่นแท้ในชีวิต กว่าการเล่าขานใดใดจากปากต่อปาก.. หากต้องใช้ความเพียรลงมือกระทำ..เอง
คนดี..และ ไม่ว่าราตรีนี้ คุณจะนอนนิทราหลับฝัน อยู่นะหนใดในหล้าโลก
ผม..ผู้มีโชค..ได้เกิดมาพบและรักคุณ แบบเหนือโลกย์โศกสุขพ้นทุกข์รัก.. อยากเพียงกระซิบบอกความลับในใจนี้ ที่ผมค้นพบ*พลังจิตมหัศจรรย์* ให้คุณเพียงนั้นได้รับรู้ก่อนเป็นคนแรก
เพราะ... ผม..มิอยากให้เราสองต้องแบก *โลกแห่งรักหนักราวศิลา* ที่แสนหนักนักหนาไว้บนแอกใจ ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์ ผม..หวัง...จะเป็นดั่งดวงแก้ววิเศษ ส่องนำทางสายสว่าง
ที่ผมเพียรพบนี้ ให้คุณได้ก้าวสู่บานประตูลับนี้ ที่เปรียบเสมือนดัง สะพานผ่านสู่*ห้วงแห่งมิติที่ไร้กาลเวลา มิติ..ที่เรียกว่า*แสงสว่างทางปัญญา* ที่ที่ซึ่งจะไม่มีคำว่าอดีตและอนาคต
คนดี. .แค่เราสองนี้ เพียรกำหนดจิตพิสุทธิ์ใสผ่องแผ้ว ให้อยู่ใน..การกระทำปัจจุบัน.. จะพานพาเราสองนั้น.. พลันพบ*อาณาจักรแห่งความสงบล้ำลึก* อย่างนึกไม่ถึง พบ.. ความเกษมซึ้งซึ่งโปร่งแสง พบความแกร่งกล้า..
และ คนดี.. นั่นคือแก่นแท้ในตัวคุณ*ผู้มีเนื้อนาบุญ ที่กุศลส่งมาให้เราสองต้องพ้องพาน ได้มาพบกัน..รักกัน..ปรารถนาดีต่อกัน
ผม.... จึงอยากแบ่งปันความงอกงามนี้ พลีแด่จิตวิญญาณคุณ เหนือ..มากกว่า*การให้..หรือได้รับ*สิ่งใด เพราะมันจะไม่มีวันแตกสลาย มันจะตามติดจิตวิญญาณคุณไป
และ แม้ในนาทีสุดท้าย หากคุณพลาดพลั้งการ..รู้แจ้งมาตลอดชีวิต ข อเพียงคุณมีจิตสว่างว่าง เพียรเพาะบ่มบุญ สร้างกุศลเสียสละมามากพอ ประตูบานสุดท้ายจะเปิดรอทันที เมื่อร่างกายคุณใกล้จะดับสูญ คุณจะมีความรู้สึก *สุขเกษมสงบนิ่ง*เหมือน ในหนังสือ*Tibetan Book of The Dead * อธิบายไว้ว่า...จะมี .*รัศมีจรัสจ้าแห่งแสง ที่ไร้สีของความว่างเปล่า* มานำทางเราไป
และ มาตรแม้นเราไม่เพียร.. *ให้เข้าถึงอาณาจักรแห่งความสงบล้ำลึก* ซึ่งเป็นการฝึกการตายก่อนตายแล้วไซร้ เราทุกคนอาจจะพลาดได้เมื่อ บานประตูสุดท้ายนั้นเปิดออก ให้พบแสงสว่างจ้าพาไปพบ ที่สงบเย็นว่างไร้ร่าง มิต้องวนมาเกิดรับกรรมใหม่
ที่มนุษย์มักหันหนีไปโดยอัตโนมัติ ด้วยความไม่รู้ ด้วยสติยังมิถึงพร้อม ด้วยความกลัว ด้วยแรงต้าน ด้วยขาดสติ
และ นั่นคือ การต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก. หาก*จิตปัจจุบัน*ไม่ฝึกสร้างพลังให้แกร่งกล้า ฝึกความไม่มีวันตาย ของความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
ให้เลิกยึดมั่นถือมั่นตัวตนจอมปลอม จนกระทั่งตระหนักได้ว่า *ความตายเป็นเพียงมายา* เหมือนภาพมายาอื่นๆนะคนดี..
และ ผม..จำได้..คุณเคยฝากทัศนะไว้..กับผม *รักก็แค่ละครชีวิต *เป็นวัฎฏจักรที่ไม่เที่ยงแท้.. ที่มนุษย์มักยอมพ่ายแพ้.. คิดว่าความรักความใคร่นั้น เป็นเสมือนการปลดปล่อย จากความกลัว ความเหงา เศร้าดายเดียวที่ฝังลึก เป็นความต้องการ เป็นความขาด..เป็นสัญชาติญาณ หวังวาดจะมีใครสักคนมาเติมเต็ม ผู้หญิงจึงต้องการผู้ชาย ผู้ชายจึงต้องการผู้หญิง
และ เมื่อความรัก ความหฤหรรษ์ ราวน้ำผึ้งฝันสวรรค์หวานสวรรค์สรวง..พ้นผ่านไป.. ร่าง..จำต้องแยกห่างกัน..
มันก็ยังมิใช่สุขนิรันดร์ สุขเกษม หลุดพ้น เพราะ.. สิ่งที่จะตามมา คือความทุกข์จากบ่วง..จากหวง ห่วงใย..จากใจที่คิดเพิ่มเติมทุกข์ทบทวี
จากขาดสติความรู้สึกตัว จนก่อเกิดเป็นความกลัว..การพลัดพราก หากอีกฝ่ายตีจาก..สิ้นรัก มักจะเกิดการเรียกร้อง คาดหวัง จากฝ่ายตรงกันข้าม จนเกิดการ..ขัดแย้ง..จนไร้อิสระทางจิต.. ด้วยมิอาจ*หยุดคิด หยุดทุกข์ได้*
เพราะกลัว ความเปลี่ยนแปลงมิคงที่คงทน มัวกังวลกับอนาคต เป็นราวเกมส์กมลหลงยึดมั่นถือมั่น วนเวียนเรียกร้องต้องการ...มิสิ้นสุด
และ คนดี..ทุกดวงใจ.. *เพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น* หากคุณยังตัดรักไม่ได้ ตัดใจไม่ได้จำต้องชดใช้วิบากรรม
ผม.. หวังเพียงให้คุณทุกคน รู้แจ้ง..ยอมจำนน จ่อมจมในตัวทุกข์เสียให้พอ และต่อมาก็เพียงแค่ลองหัดหยุดคิด จิตจับเฉพาะปัจจุบันขณะ
จงค่อยๆปล่อยวางต่อ*ทุกทุกข์รัก* ต่อความเศร้า ความสิ้นหวัง ความกลัว และอะไรก็ตาม ที่จะตามมาจากผลแห่งรักนั้น หากหนีไม่พ้นเพรงกรรม ที่ตามมาย้ำรอย ขอเพียง ให้โอบกอดมันไว้ แล้วรอคอยจังหวะสงบนิ่ง
เริ่มทีละน้อยๆให้จิตว่าง และนั่น ก็ราวกับจะมี ปาฏิหารย์ผ่านพ้นพาสู่อาณาจักรสวรรค์... ได้เช่นกัน..หากจิตนั้นสงบงันนิ่งพอ..
และ คนดี.. จงใช้สายธารสติความรู้สึกตัว ที่เปรียบเสมือนสนามพลังงานอันยิ่งใหญ่ ดั่งสะพานเชื่อม..สู่. .*ต้นกำเนิดภายใน* ที่หยั่งรากลึกแสนใสสงบนิ่ง.. ที่อยู่ลึกภายในกายเราใช่ไกล..เกิน
และ บานประตูบานเดียวที่จะเกี่ยวร้อย ดั่งกุญแจให้ไขความลับ..ของทุกสรรพสิ่ง ให้ค้นพบความสงบงามอิสระแบบล้ำลึกนั้น
จงเพียรฝึก.. มีความมุ่งมั่น เลิกกังวลอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เลยซึ้งเศร้าจำ กับอดีตที่ทำร้ายคุณมานานเนาเสียที จงให้อภัย และใส่เพียงความเมตตาปรานีลงไปแทนที่
และ อยู่กับสิ่งนี้ที่เรียกว่า การ*ทำจิตให้ผ่องใส กำหนดลมหายใจเข้าออก พาพลังลงสู่เซลส์ทุกอณูในร่างคุณ ด้วยความรู้สึก.. มิใช่ความนึกคิดอีกต่อไป
คนดี.. หากลวิธีเข้านะทุกวิธี ที่จะอยู่กับลมหายใจ เพียรเพ่งเฝ้ามอง... *มหัศจรรย์รัก*จากธรรมชาติทุกสรรพสิ่ง ที่วิ่งวนอยู่รายล้อม..ไม่มีความยึดมั่นถื่อมั่น ปล่อยให้... อนาคตและอดีตนั้น.. สลายลาไปกับความเป็นปัจจุบัน.. อันคือสิ่งที่จริงแท้..
มองดูดวงดอกไม้ค่อยๆคลี่กลีบแย้มบาน ดูหวานพระจันทร์ ดูพรายตะวันแรกแห่งแสงอรุณ ดูละมุนความรักของสรรพสัตว์ ที่..ไม่มีอัตตา
หยุดคิด..แล้วดู.. หยุดใจฟุ้งมุ่งแค่เพียงความสงบงาม กับสิ่งตรงหน้านาทีต่อนาที ไม่มีการปรุงต่อเติมเพิ่มแต่ง ไปตามความคิด..
และ มาตรแม้น ใครภายนอกจะทำร้ายคุณ ด้วยความไม่เข้าใจด้วยคำพิพากษา ด้วยอัตตายังหลงมั่นยึดมั่น ให้รานร้าวเศร้าหมองสักเพียงใด ก็... จะไม่มีอิทธิพลมาพัดพาสติแห่งงามนี้ ให้สั่นไหวสะเทือนใจเสียใจ ที่เรียกว่า*ความรู้สึกตัว*
เพราะคุณจะรู้แจ้ง มี*สะพานสายธารพลังแห่งความเป็นปัจจุบันความเงียบงามสงบสุข* ที่ที่สอนให้รู้หยุดคิด ให้นิ่งสนิทและวางทุกสิ่ง ไว้นะนี่นั่น*บ้านภายใน*
รู้วิธีคิด..แล้ววาง.. เมื่อร่างจำต้องดำรงร่างรับภาระหน้าที่ ถอดหัวโขนนี้ ที่จักต้องธำรงเพื่อโลกโลกาภิวัฒน์ เมื่อสำเร็จงานงาม...อย่างไม่ยึดติด
โลกภายใน..จะมิมีวันสั่นไหว เหมือนปลอดภัยจากทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่ารักชังเนื้อหนังมังสา อาหารโอชารส ลาภยศสรรเสริญ และบทละครโลกโศกสุข..
และ นี่คือ ความในใจผม... ที่ผมกระจ่างแจ้ง พบแสงงามแห่งปัญญาและ เพียรแสวงหาทางหลุดพ้นมาแสนนาน จากทุกข์รัก
ผม..พบแล้วจากจิตยอมจำนน ในทุกข์เบื้องต้น ตั้งอยู่ และรู้ดับไปในทุกเงียบงาม ปล่อยให้หัวใจราวว่างเปล่า แสนสุขล้ำ
*ด้วยพลังแสงแห่งปัญญาจรัสจ้า* พร่างพรายทั่วกายอย่างไร้ขอบเขต ไร้ข้าศึกศัตรู จากโลกวัตถุโลกมายาจากใจจากใคร
ที่จะเข้ามารานรุกบุกทำลาย ให้พลังจิตสั่นไหวได้ และ นี่คือสิ่งที่ผม... กำลังวนเวียนเพียรอธิบายซ้ำๆ
ผม...พยายามเปิดบานประตูสายธารเกษม ให้เป็นดั่งสะพาน พาคุณและเพื่อนมนุษย์..พบฝั่งฝัน ที่มองไม่เห็น....
หากมีชื่อว่า *สิ่งจริงแท้อันเป็นนิรันดร์* ที่เป็น*ดั่งขุมทรัพย์มหัศจรรย์* ซ่อนอยู่ในทุกร่างมนุษย์ ขอเพียงให้*หยุดคิด*เป็น
และ ใช้ความรู้สึกล้ำลึกฝึกจิตจับจิตปัจจุบัน ก้าวเข้าไปค้นหาและเมื่อพบแล้ว ทุกสิ่งภายนอกนั้น
จะมิมีวันมากรายกล้ำมาทำร้าย ให้เศร้าหมองครองจิตวิญญาณ ได้นานเนาอีกต่อไป ดั่งตามรอยเท้าก้าวไปในเส้นทาง
ที่องค์พระบรมศาสดาของเรา *องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า* ที่ได้ทรงเพียรพบแล้วและ*ละ*วางไว้ ให้เราหาทางเพียรค้นหาด้วยตัวเอง หากเกรงการเวียนว่ายวงกรรม ย้ำการต้องเกิดมาชดใช้มิรู้สิ้นมิรู้จบ สำหรับผม..มิเคยท้อ ผมเพียร..ผมฝึก...และรอ..มาเกือบตลอดชั่วชีวิต เพื่อกระซิบบอกคุณ และเพื่อนมนุษย์
ผม...ตั้งศรัทธา และเชื่อว่า ทุกคนมีสิทธิ์ค้นหา*บานประตูนั้น*
แค่ใช้กุญแจธรรมกุญแจทอง ก็จะไขเข้า*บ้านภายใน* ที่แสนใสงามว่างเปล่าไร้เงาใจไร้เงาใคร.. เป็นแก่นแท้..ภายใน ชื่อว่าความจริงนิรันดร์.. อันเกินกว่าหาคำใดมาอธิบาย..
และ คนดี.. ผม..ขออภัย.. หากกรรมใดที่ผ่านมาที่ผมละล้าละลัง ลากคุณลงมาเติมพลังแห่งความกลัวทุกข์ เติมตัวทุกข์ไร้สุขของผม
เพราะนะบัดนี้ ผม..ค้นพบสุขจากตัวตนผมเองแล้ว และ ผม..หวังเพียงจะบรรเลงบทเพลงโลกย์ ก็เพียงแค่สอนโศกตรม ฝากไว้ให้เป็นเพียงบทเรียน
ให้ทุกดวงใจ... รู้ทางหนีทีไล่เข้าใจเส้นทางกรรม อันเวียนว่ายเศร้าหมองครองดายเดียวเปลี่ยวเหงาวกวน
อย่า... ได้ใช้ชีวิตอย่างเมามัวมืดมน หลงทางห่างฝั่งฝันฝั่งนิพพาน จง เพียรพยายามใช้เมตตาธรรมดำรงร่าง ให้อภัยตัวเอง
และ เพื่อนมนุษย์ผู้ยังต้องดำผุดดำว่าย เที่ยวท่องลอยละล่องในโลกกิเลส ในสายธารกรรมย้ำรอยวน คล้ายดั่งกมล *หลงโลกเวลา*ปล่อยให้เวลามีค่า หายไปกับกาลอดีตและอนาคต..
ซึ่ง มิใช่เป็นกฏแห่งความจริงแท้ และ ทุกร่างนี้..เปรียบประดุจดั่งภาพมายา ก็จักเป็นดั่ง..*อนิจจังอนัตตาดั่งเถ้าธุลี* มิช้านานมิมีใครหนีกฎ แห่งชรามรณะได้พ้น
หาก จะเหลือเวลา กับการใช้ลมหายใจแห่งปัจจุบัน จงเพียรใช้...*พลังสายธารธรรม* น้อมนำจิตแห่งความรู้สึกตัว
ผลักบานประตูสู่ *ดินแดนอันเป็นงามเงียบว่างนิรันดร์ *ที่ช่างแสนใกล้
ที่..ผม..แค่ขอก้าวเข้ามาแนะนำเคียงไหล่ ให้เราทั้งสองและผองชน ได้ดับทุกข์ลบลืมสิ้นความหม่นหมอง พบ*ความเป็นจริงแท้ในกายเราเอง*
ให้สมค่าคำ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้มีใจดวงพิสุทธิ์ใส ได้เกิดมาภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา ได้พบทางงามเจิดจ้าแห่งดวงชีวา เกิดมาทันคำสอน ของพระบรมศาสดาเอกของโลก
พระผู้ผ่านปรินิพพานไปแล้วตั้ง2500ปี แต่ยังคงทิ้ง*แก่นความดี..ที่เป็นความจริงแท้* ที่แสนยิ่งใหญ่.. ให้มนุษย์เรานั้นได้สร้างกุศล.. เพียรรักษาศีล ฝึกสมาธิ มีปัญญา
ให้พาหลุดพ้นผลพวงบ่วงกรรม..ดับทุกข์สิ้น ดั่งมีบุญญา คู่กันมาชั่วกัลป์กัปป์กาล ให้พ้นร้าวรานทุกภพทุกชาติไปนะคนดีนะดวงใจ
7 กันยายน 2548 00:58 น. - comment id 512292
อยากเขียนเก่งแบบนี้ครับ ความรู้สึกด้านนี้ไม่ค่อยมีคับ ให้กำลังใจดีจริง ๆครับ
30 พฤษภาคม 2553 16:18 น. - comment id 1130649
ถึง คุณเกียรติ คุณคงไม่มีเวลามาแต่งกลอนแล้วมั่งค่ะ เพราะคุณแต่งไว้เมื่อปี 48 แต่นี้ก็ 53 แล้วไม่เห็นมีเพิ่มอีกเลย คงลืมเวฟนี้ไปแล้วมั่ง ฮา ๆ มัวแต่แต่งกลอน ไม่จบ ดร. แหง๋ม ๆ อิ อิ (แซวเล่นอย่างอนนะคะ)